อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 633 นางเป็นหัวหน้าเผ่าของเผ่าหยกจริงๆ
- Home
- อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม
- บทที่ 633 นางเป็นหัวหน้าเผ่าของเผ่าหยกจริงๆ
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 633 นางเป็นหัวหน้าเผ่าของเผ่าหยกจริงๆ
หลังจากที่กู้ชูหน่วนและแม่ทัพใหญ่เซียวพูดคุยความลับกันเป็นเวลานาน หนึ่งคนหนึ่งพาหนะ ขี่ม้าเร็วออกไปด้วยความรวดเร็วมาก
คนของจวนแม่ทัพตะลึงตาค้าง ขนาดข้าศึกบุกมาประชิดกำแพงพระนคร พวกเขาก็ไม่เคยเห็นแม่ทัพใหญ่รีบร้อนขนาดนี้มาก่อน ที่สำคัญที่สุดคือ ที่ผ่านมาแม่ทัพใหญ่ไม่ชอบพระชายาหาน แต่กลับจากไปพร้อมกับพระชายาหานเพียงลำพัง
ในมุมลับตาที่หนึ่งของจวนแม่ทัพ เซียวหยู่เซวียนชำเลืองมองเงาหลังของพวกเขาที่จากไป ดวงตาครุ่นคิด โบกพัดในมือโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าเขาก็ไม่เข้าใจว่าระหว่างพวกเขามีความลับอะไรกัน
เป็นเวลานาน เขาก็หัวเราะเยาะตัวเองออกมา
แม้ว่ายัยขี้เหร่จะมีความลับอะไรกับท่านพ่อ ยัยขี้เหร่ก็จะไม่ทำร้ายท่านพ่อของเขาเด็ดขาด
ฝีเท้าของเซียวหยู่เซวียนจรดเบาๆ ราวกับแมลงปอจิบน้ำเช่นนั้น หายไปในพริบตา
ฝีเท้าที่รวดเร็วขนาดนี้ หากคนในจวนแม่ทัพเห็นเข้า จะต้องตกใจยกใหญ่เป็นแน่ เพราะว่าในสายตาของพวกเขาคุณชายน้อยเป็นเพียงคุณชายที่เอาแต่เที่ยวเล่นเตร็ดเตร่คนหนึ่ง เรื่องวิชาการไม่มีวิทยายุทธก็ไม่ได้ ไม่สามารถมีวิทยายุทธที่สูงและลึกล้ำเพียงนี้ได้โดยสิ้นเชิง
กู้ชูหน่วนพาแม่ทัพใหญ่เซียวมาถึงหมู่บ้านร้างแห่งหนึ่ง และหยุดลง
ดวงตาเฉียบคมดั่งนกอินทรีของแม่ทัพใหญ่เซียวสังเกตมองรอบๆ ราวกับต้องการดูว่ามีการดักซุ่มอะไรหรือไม่
แม่ทัพใหญ่กล่าว “ที่นี่คือหมู่บ้านไร้บุปผา ห้าสิบปีก่อนในหมู่บ้านเกิดโรคห่าระบาดอย่างรุนแรง คนเสียชีวิตทั้งหมู่บ้าน เนื่องจากเป็นสถานที่ห่างไกลความเจริญ ไร้ผู้คนอยู่อาศัย จึงกลายเป็นหมู่บ้านร้างไปอย่างช้าๆ”
“ดูเหมือนแม่ทัพใหญ่จะคุ้นเคยกับที่นี่มาก”
“ไม่นับว่าคุ้นเคย ตอนเด็กๆเคยมาสองสามครั้ง ตรงนี้เป็นที่สูง ป่าไม้เขียวชอุ่มหนาแน่น ปกป้องง่ายโจมตียาก และมีแมลงมีพิษมากมาย เป็นทางเลือกไม่เลวที่จะเป็นฐานที่มั่น”
เขามองไปที่กู้ชูหน่วน เหมือนกำลังรอการเคลื่อนไหวต่อไปของนาง
สำนักอสุราเป็นสำนักที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น แม้ว่าตรงนี้จะเป็นตำแหน่งที่ดีแค่ไหน ก็เป็นไปไม่ได้ที่สำนักอสุราจะอยู่ที่นี่
กู้ชูหน่วนยกริมฝีปากขึ้นยิ้ม ผิวปากทันที ทันใดนั้นก็มีหน่วยรักษาการณ์ลับชุดดำสองสามคนมาถึงเบื้องหน้าของพวกเขาทันที
“ข้าน้อยคารวะเจ้าสำนัก ขอให้เจ้าสำนักประสบสุขสุขภาพแข็งแรง”
“พาข้าไปที่แท่นบูชาหลัก”
“ขอรับ”
หน่วยรักษาการณ์ลับชุดดำแฉลบตัว หายตัวไปแล้ว
กู้ชูหน่วนกล่าวด้วยความเคารพ “แม่ทัพใหญ่ เชิญ”
พูดพลาง นางก็นำทางไปก่อน และเดินเข้าไปพร้อมกับแม่ทัพใหญ่เซียว ตามหน่วยรักษาการณ์ลับไปที่สำนักอสุรา
การเดินของหน่วยรักษาการณ์ลับแปลกประหลาด พาพวกเขาวกไปวนมาอยู่ในหมู่บ้าน สุดท้ายจึงได้เข้าสู่ม่านอาคมแห่งหนึ่ง
ขณะที่วนอยู่ในหมู่บ้าน แม่ทัพใหญ่เซียวก็ตกตะลึง
นั่นเป็นวิธีการเดินของคนเผ่าหยกไม่ผิด เส้นทางที่อ้อมทั้งหมดล้วนเป็นผลมาจากการฝึกซ้อมค่ายกลห้าธาตุแปดทิศ
และม่านอาคม ก็ไม่ใช่คนธรรมดาที่จะสร้างขึ้นมาได้
หลังจากเข้าสู่ม่านอาคมแล้ว ด้านในโล่งปลอดโปร่ง เหมือนดั่งดินแดนสุขาวดี
ในดินแดนสุขาวดี มีปราสาทขนาดใหญ่โตมโหฬารเป็นหลังๆ ป้องกันอย่างเข้มงวด ห้าก้าวป้อมตรวจตรา สิบก้าวหนึ่งหน่วยรักษาการณ์ มีศิษย์ของสำนักอสุราอยู่เฝ้ารักษาทุกที่
เมื่อเห็นกู้ชูหน่วน ทุกคนล้วนคุกเข่าลงแล้วตะโกนเสียงดัง “ต้อนรับเจ้าสำนักกลับสู่สำนักขอรับ”
เสียงร้องตะโกนก้องฟ้า แทบจะแผ่กระจายไปทั่วทั้งดินแดนสุขาวดี แม้ในหุบเขาก็ยังมีเสียงก้องกังวานอยู่
แม่ทัพใหญ่เซียวมองอย่างตกตะลึงไปทางกู้ชูหน่วนที่มีสีหน้าเรียบเฉย ในใจเกิดความตกตะลึงหนักขึ้นเรื่อยๆ
นาง……
เป็นหัวหน้าเผ่าหยก เป็นเจ้าสำนักของสำนักอสุราจริงงั้นหรือ?
ลูกสาวของยู่เฟยไม่ใช่กู้ชูหยุนหรือ?
ทำไมถึงกลายเป็นกู้ชูหน่วนได้?
ด้วยความตกใจ แม่ทัพใหญ่เซียวตามกู้ชูหน่วนมาถึงแท่นบูชาหลัก ผู้คนในสำนักอสุราระดับบนไปถึงเจ้าสำนักและถันจู่ และระดับล่างไปจนถึงลูกศิษย์ทั้งหมดแบ่งเป็นสองด้าน บนใบหน้าของแต่ละคนล้วนเป็นรอยยิ้มปีติยินดี คุกเข่าลงด้วยความเคารพและศรัทธา
“ข้าน้อยคารวะเจ้าสำนัก ต้อนรับเจ้าสำนักกลับสำนักขอรับ”
“ลุกขึ้นเถอะ”
“ขอบคุณเจ้าสำนัก”
หลังจากที่ทุกคนลุกขึ้น ก็ยังคงมองดูกู้ชูหน่วนด้วยความปลื้มปีติ ราวกับว่าแต่ละคนล้วนมีคำพูดอยากจะพูดกับกู้ชูหน่วนอยู่เต็มอก
กู้ชูหน่วนอยู่ตำแหน่งที่นั่งหลัก มองจากที่สูงลงมาดูผู้ใต้บังคับบัญชาของนางทุกคน
ผู้นำยืนอยู่ทางด้านซ้ายคือผู้อาวุโสสวีเจ้าสำนักสวี
ผู้นำด้านขวาคือเสี่ยวลู่ที่จัดงานประมูลเฟิงเซียง
นอกจากนี้ยังมีจางหยุนเจียว เริ่นหู่ เฉียวหลง รวมถึงคนกลุ่มหนึ่งที่นางไม่รู้จัก
นางไม่มีความทรงจำในอดีตแล้ว นี่ก็เป็นครั้งแรกที่นางมาที่สำนักอสุรา
เริ่นหู่ถือค้อนอันใหญ่อันหนึ่ง ยิ้มจนปากจะฉีก “เจ้าสำนัก ท่านจะกลับมาทำไมถึงไม่บอกกล่าวล่วงหน้า เมื่อครู่เฉียวหลงบอกว่าท่านกลับมา ข้ายังไม่เชื่อเลยน่ะขอรับ คิดไม่ถึงว่าท่านจะกลับมาแล้วจริงๆ”
“เจ้าสำนัก กลับมาครั้งนี้ ท่านคงจะไม่จากไปอีกแล้วใช่ไหมขอรับ” แววตาของเฉียวหลงใสแจ๋ว เหมือนกลัวเป็นอย่างมากว่ากู้ชูหน่วนจะบอกว่าไป
เสี่ยวลู่ชม้ายตามองทุกคน หัวเราะเยาะเย้า “พูดเพ้อเจ้ออะไร เจ้าสำนักเป็นใคร จะอยู่ที่สำนักอสุราตลอดได้อย่างไรกันล่ะ”
เจ้าสำนักสวีกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เจ้าสำนัก ท่านกลับมาคราวนี้ มีเรื่องสำคัญอะไรใช่หรือไม่?”
กู้ชูหน่วนมองไปทางแม่ทัพใหญ่เซียว กล่าวอย่างนุ่มนวล “แม่ทัพใหญ่ พวกเขาทั้งหมดดำรงตำแหน่งสำคัญในสำนักอสุรา ท่านรู้จักพวกเขาหรือไม่?”
อันที่จริงหลังจากที่ก้าวเข้าสู่สำนักอสุรา โดยพื้นฐานแม่ทัพใหญ่เซียวก็เชื่อแล้ว
โดยเฉพาะตอนที่เห็นพวกเขาเหล่านี้ เพียงแต่……
“ผู้อาวุโสหกและผู้อาวุโสเจ็ดของเผ่าหยกล่ะ” เขาจำเป็นต้องพบพวกเขา แล้วค่อยยืนยันอีกครั้ง
“เจ้าสำนักสวี” กู้ชูหน่วนมองไป เจ้าสำนักสวีก็รู้แล้วว่านางต้องการถามอะไร
“รายงานเจ้าสำนัก ผู้อาวุโสหกอยู่ที่สำนักอสุรา เขาดื่มจนเมามายไม่ได้สติ ผู้อาวุโสเจ็ดออกไปทำธุระด้านนอก หากว่าท่านมีเรื่องด่วนต้องการพบเขา ข้าน้อยจะให้คนไปตามเขากลับมาเดี๋ยวนี้ขอรับ”
“ไม่ต้องแล้ว ข้าพบผู้อาวุโสหกก็เหมือนกัน” แม่ทัพใหญ่เซียวกล่าว
สำนักอสุราไม่เคยนำบุคคลภายนอกเข้ามา เจ้าสำนักพาแม่ทัพใหญ่เซียวเข้ามาได้อย่างไรกัน?
ทั้งยังไว้ใจเพียงนี้อีก หรือเป็นไปได้ว่าแม่ทัพใหญ่เซียวรู้เบาะแสของมุกมังกร?
“เสี่ยวลู่ เจ้าพาพวกเราไปพบผู้อาวุโสคนที่หกหน่อย คนอื่นๆถอยไปก่อนเถอะ”
เริ่นหู่ตะลึง “เจ้าสำนัก ท่านกลับมาเพื่อพบผู้อาวุโสหก ไม่ใช่ต้องการพาพวกเราไปทำเรื่องอันยิ่งใหญ่หรือขอรับ?”
ผู้อาวุโสสวีส่งสายตาให้เขา บอกใบ้ให้เขาหุบปาก
เจ้าสำนักจัดการเรื่องราว โดยปกติแล้วเชื่อใจได้ นางทำเช่นนี้ จะต้องมีเหตุผลของนางแน่
พูดมากทำไม?
ในห้องอันงดงามเป็นสง่า ผู้อาวุโสหกกำลังดื่มจนเมามายไม่ได้สติ กอดไหเหล้านอนฟุบกรนครอกครอกอยู่บนพื้น รอบตัวเขาทั้งหมดเป็นไหเหล้าน้อยใหญ่แบบต่างๆ กลิ่นหอมของเหล้ายังอบอวล ได้กลิ่นมาแต่ไกล
ยังไม่ทันได้เข้าบ้าน ก็สามารถได้ยินเสียงพูดพึมพำไม่ชัดเจนด้านในได้
“เหล้าชั้นดี เหล้าชั้นดี……ดื่ม……”
“ดื่มๆอะไรล่ะ ท่านเคยรับปากข้า จะพาข้าไปหาพี่สาว ท่านโกหกข้าอีกแล้ว”
“รอ…..รอข้าดื่มไหนี้หมด ข้า…..ข้าก็จะพาเจ้าไปหา…..หาอาหน่วน”
“ไม่ได้ ท่านต้องไปหากับข้าตอนนี้ ข้ากับพี่อาหน่วนเดินหลงกันแล้ว ทั้งยังเดินพลัดหลงกับพี่ไป๋จิ่นอีก ตอนนี้พวกนางต้องเป็นห่วงข้ามากแน่ๆ ท่านลุกขึ้นมาสิ”
“ข้าขาอ่อนเวียนหัว ลุก……ลุกไม่ขึ้น”
“ทำไมข้าถึงได้มารู้จักท่านที่เป็นผีสุราเช่นนี้นะ”
“เจ้า…..หากว่าเจ้าไม่รู้จักข้า ตอนเจ้าอยู่ที่แดนต้องห้ามหุบเขาตันหุย ชีวิตน้อยๆของเจ้าก็ไม่เหลือแล้ว ยัง…..ยังมีตอนอยู่ที่เผ่าเทียนเฟินอีก เจ้าก็คงถูกฆ่าไปนานแล้ว”
“พี่ไป๋จิ่นกับพี่อาหน่วนปกป้องข้าได้ ข้าไม่ตายซะหรอก แต่ติดตามท่าน ข้าเหมือนตายทั้งเป็นจริงๆ ท่านไม่พาข้าไปหาพวกนางก็ได้ งั้นท่านก็พาข้าออกไปจากสำนักอสุรา ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่”
กู้ชูหน่วนได้ยินมาแต่ไกลแล้ว เด็กผู้หญิงที่พูดคุยอยู่กับผู้อาวุโสหกคือฮัวฉีหลัว หนึ่งในทูตศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าน้ำแข็ง
แม่ทัพใหญ่เซียวก็ได้ยินเสียงของผู้อาวุโสหกเช่นกัน และได้เห็นโฉมหน้าของเขาแล้ว
แม้ว่าจะไม่พบกันหลายสิบปี แต่ลักษณะของเขายังคงประทับอยู่ในความทรงจำของเขามาโดยตลอด
แม่ทัพใหญ่เซียวน้ำตาคลอเบ้า ตื่นเต้นจนทั้งร่างกายสั่นเทาไม่หยุด ทุกย่างก้าวหนักหน่วงเหมือนดั่งโดนตะกั่วถ่วงไว้เช่นนั้น