อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 789 ม่านอาคมชั้นที่สามถูกทำลายหมดสิ้น
- Home
- อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม
- บทที่ 789 ม่านอาคมชั้นที่สามถูกทำลายหมดสิ้น
ทำลายม่านอาคมแตกแล้ว? ทำลายม่านอาคมแตกไปกี่ชั้นแล้ว?” แม้แต่ผู้อาวุโสหกก็ตกใจแล้ว
แม้จะรู้ว่าม่านอาคมชั้นที่สองอาจจะขวางกั้นพวกเขาไม่ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่า ม่านอาคมชั้นที่สองจะถูกทำลายแตกได้อย่างรวดเร็วเพียงนี้
“ชั้นที่สอง”
“แล้วชั้นที่สามล่ะ?”
“ชั้นที่สามยังไม่ถูกทำลายให้เปิดขอรับ ผู้อาวุโสใหญ่บอกว่าทำลายไม่ได้ แต่สุดยอดผู้อาวุโสบอกว่า หากยอดฝีมือที่เข้าฌานของพวกเขาเผ่าเทียนเฟิ่นออกมาพร้อมกัน บางทีอาจจะสามารถทำลายม่านอาคมชั้นที่สามให้แตกได้ขอรับ”
“เอาเถอะ เจ้าออกไปก่อนเถอะ”
“แล้วท่านไม่ไป…..”
“ให้เจ้าไปก็ไป เอาคำพูดเพ้อเจ้อมาจากไหนมากมาย”
“ขอรับ…..”
หลังจากที่คนรับใช้จากไปแล้ว ผู้อาวุโสหกก็มาถึงเบื้องหน้าของกู้ชูหน่วน สีหน้าท่าทางกระวนกระวายใจ “อาหน่วน เจ้าว่าคงจะเป็นไปไม่ได้หรอกใช่ไหมที่ยอดฝีมือของเผ่าเทียนเฟิ่นจะออกมาพร้อมกัน แล้ววิ่งบุกเข้ามาโจมตีเผ่าหยกของพวกเราน่ะ”
กู้ชูหน่วนส่ายศีรษะ สีหน้าเคร่งขรึม “บางทีอาจจะเป็นไปได้”
“หากว่าต้องต่อสู้ขึ้นมาจริงๆ สุดท้ายแล้วเผ่าหยกและเผ่าเทียนเฟิ่นใครจะเป็นผู้ชนะก็ยังไม่รู้ และที่นี่ก็เป็นอาณาเขตของพวกเรา เป็นธรรมดาที่พวกเราจะได้เปรียบ พวกเขากล้ามา ข้าจะทำให้พวกเขากลับไปไม่ได้สักคนเดียว”
“โดยผิวเผินดูแล้วศักยภาพของเผ่าหยกไม่ได้ต่างกับเผ่าเทียนเฟิ่นมาก แต่ความจริงกลับ…..หากว่าต้องสู้กันขึ้นมาจริงๆ เผ่าหยกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเผ่าเทียนเฟิ่นโดยสิ้นเชิง”
กู้ชูหน่วนชะงักครู่หนึ่ง แล้วกล่าวต่อ “เพื่อช่วยข้าผนึกคำสาปโลหิต สุดยอดผู้อาวุโสเผ่าหยกได้สละชีวิตไปมากมาย สูญเสียความแข็งแกร่งไปมาก ดีที่เผ่าหยกมีรากฐานที่มั่นคงมานับพันปี เป็นธรรมดาที่ค่ายกลสังหารและกับดักจะเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้”
“นั่นเป็นเรื่องธรรมดา สิ่งที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้มีมากมายเชียวล่ะ”
“เผ่าหยกไม่ได้ต่อสู้กับเผ่าเทียนเฟิ่นอย่างเป็นทางการมาหลายปีแล้วสินะ? ผ่านไปตั้งหลายปีขนาดนั้น ท่านรู้หรือไม่ว่า เผ่าเทียนเฟิ่นยังมียอดฝีมือระดับเจ็ดอยู่อีกหรือไม่?”
“หากพวกเขามียอดฝีมือระดับเจ็ด คงมาจัดการกับเผ่าหยกของพวกเราไปนานแล้ว ยังต้องรอจนถึงตอนนี้อีกรึ”
“ตอนนั้นข้าเป็นยอดฝีมือระดับเจ็ด ก็ไม่ได้ไปตีเผ่าเทียนเฟิ่นเหมือนกันนี่?”
“เจ้าทำข้าสับสนไปหมดแล้ว เจ้าอยากพูดอะไรกันแน่?”
“เผ่าเทียนเฟิ่นน่าจะวางแผนมานานโขแล้ว คิดอยากจะโจมตีเผ่าหยกมานานแล้ว เพียงแต่หาทางเข้าของเผ่าหยกไม่พบ คราวนี้พวกเขาไม่เพียงพบทางเข้าเท่านั้น แต่พวกเรายังจับตัวหัวหน้าเผ่าน้อยเวินเส้าหยีมาอีกด้วย พวกเขาสามารถส่งทหารมาโจมตีเผ่าหยกได้ด้วยเหตุนี้ และนับว่าเป็นการกระทำการอย่างสมเหตุสมผลอีกด้วย”
“ดังนั้นความหมายของเจ้าคือ……มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะทุ่มเทแรงกำลังของทั้งเผ่าเพื่อโจมตีเผ่าหยกงั้นหรือ?”
“ใช่ ที่สำคัญที่สุดคือ พวกเราหามุกมังกรเม็ดที่เจ็ดพบแล้ว หากว่าพวกเขาไม่ฉวยโอกาสครั้งสุดท้ายนี้เพื่อกวาดล้างเผ่าหยกของพวกเรา รอจนพวกเราหลอมรวมมุกมังกรได้ พวกเขาคิดอยากจะทำลายเผ่าหยกก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เป็นเพียงแค่การพูดแล้ว?”
“เช่นนั้นยังจะนิ่งเฉยอยู่ทำไม รีบไปหาพวกผู้อาวุโสใหญ่กันเถอะ”
“สุดยอดผู้อาวุโสน่าจะเดาตรงจุดนี้ได้แล้ว ดังนั้นจึงได้ตื่นตระหนกกันเพียงนี้”
กู้ชูหน่วนมองดูเวินเส้าหยีที่ยังสลบไม่ได้สติบนหลังของตัวเอง
ตอนแรกที่พวกเขาไม่ได้ทำลายม่านอาคมชั้นที่สองให้แตก นางยังสามารถที่จะส่งเวินเส้าหยีออกไปได้
ตอนนี้ม่านอาคมชั้นที่สองแตกแล้ว เหลือเพียงแค่ชั้นที่สาม ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่สามารถเปิดได้แล้ว
และส่งเวินเส้าหยีออกไปไม่ได้เช่นกัน
นอกซะจากว่าสุดยอดผู้อาวุโสจะยอมปล่อยให้เขาออกไป
แต่หากสุดยอดผู้อาวุโสยินยอม แล้วจะกำจัดเวินเส้าหยีให้สิ้นซากไปทำไมกัน
นางลำบากใจแล้ว
คิดทบทวนไปมาก็ไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับเวินเส้าหยีอย่างไร
ผู้อาวุโสหกก็ไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรเช่นกัน จึงถือโอกาสกล่าวว่า “ไม่งั้นพวกเราโยนเขากลับไปที่เหวลึกอนันต์เถอะนะ”
กู้ชูหน่วนจ้องมองเขาแวบหนึ่ง
โยนกลับไปที่เหวลึกอนันต์? เช่นนั้นจะต่างอะไรกับการฆ่าเขาไปซะ
“กระดูกสะบักของเขาถูกดึง สูญเสียวิทยายุทธไปหมดสิ้น ทั้งยังบาดเจ็บสาหัสอีก พูดแบบไม่น่าฟัง แม้ว่าจะรักษาเขาอย่างสุดความสามารถก็ไม่แน่ว่าจะรักษาได้ ยิ่งกว่านั้นตอนนี้ศัตรูผู้ยิ่งใหญ่ก็อยู่ตรงหน้าของพวกเรา ยังจะมีเวลาดูแลเขาอีกที่ไหนกัน”
“พาเขาไปที่บ้านของข้าก่อน”
“เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ? พาเขาไปในบ้านของเจ้า? เขาเป็นหัวหน้าเผ่าน้อยของเผ่าเทียนเฟิ่นเชียวนะ เจ้าไม่กลัวว่าคนอื่นจะเห็นเข้าเหรอ?”
“ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าที่บ้านของข้ามีห้องลับอยู่หรือ? เอาเขาไปไว้ในห้องลับก่อน ใครจะรู้”
อย่างอื่นก็ทำได้แค่เดินก้าวหนึ่ง วางแผนก้าวหนึ่งแล้ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ กู้ชูหน่วนเพิ่มความเร็วฝีเท้า หลบเลี่ยงทหารเป็นชั้นๆไปพลาง แล้วเอาเวินเส้าหยีไปวางไว้ในห้องลับในห้องนอนของตัวเอง
พลางกล่าว “ท่านถ่ายทอดคำสั่งของข้า เรียกรวมตัวประชาชนเผ่าหยกทั้งหมด อย่าให้ขาดไปแม้แต่คนเดียว”
“ชายหญิงเด็กเล็กคนชราล้วนต้องการหมดเลยหรือ?”
“ถูกต้อง”
หลังจากรวบรวมมุกมังกรได้เจ็ดเม็ด ผู้อาวุโสหกก็ดื่มเหล้าน้อยลงมากแล้ว
เขาสะเพร่า แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีหัวจิตหัวใจ
สถานการณ์ของเผ่าหยกอันตรายเพียงใด เขารู้ดีกว่าใครๆ จึงทำได้เพียงรีบไปทำตามที่นางบอกอย่างรวดเร็ว
ในห้องลับ
กู้ชูหน่วนยืนยันซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าห้ามเลือดของเวินเส้าหยีได้แล้ว ภายในเวลาสามวันก็ไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต จึงได้ออกจากห้องลับไป
สามวัน……
นางมีเวลาแค่สามวัน
หากว่าไม่ได้รักษาบาดแผลของเขาให้ดีภายในสามวัน
แม้แต่ชีวิตของเขาก็จะได้รับภัยคุกคาม
ห้องประชุม
ผู้อาวุโสทั้งหมดของเผ่าหยกรวมตัวกันอยู่ที่นี่
ทันทีที่กู้ชูหน่วนเข้ามา ทุกคนต่างพากันคุกเข่าลงคารวะ
ผู้อาวุโสรองเข้าประเด็นโดยตรง “หัวหน้าเผ่า ท่านเรียกรวมตัวประชาชนหมดทั้งเผ่า ทั้งยังให้พวกเขาเอาสัมภาระมาด้วย นี่จะเป็นการทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่หรือไม่ ข้าไม่เชื่อว่าพวกเขาจะสามารถทำลายม่านอาคมชั้นที่สามได้”
“เช่นนั้นหากพวกเขาทำลายได้ล่ะ? เผ่าหยกมีประชาชนมือเปล่าไร้อาวุธมากมายขนาดนั้น ผู้ใดจะมาปกป้อง? ท่านคนเดียวหรือ?”
“เผ่าหยกเข้ามาง่ายๆที่ไหน และเป็นที่ที่พวกเขาจะบุกเข้ามาได้อำเภอใจได้หรือ”
“คนอื่นเขาไม่ได้บุกเข้ามาแล้วหรือไง? เป็นท่าน ท่านสามารถทำลายม่านอาคมชั้นที่หนึ่งของเผ่าเทียนเฟิ่นได้หรือ?”
ผู้อาวุโสรองถูกทำให้สำลักจนพูดไม่ออก
สุดยอดผู้อาวุโสเหลือบตาขึ้น “เช่นนั้นตอนนี้เจ้าเตรียมการจัดหาที่ทางให้พวกเขาอย่างไร?”
“เผ่าหยกเป็นเผ่าโบราณนับพันปี ข้าไม่เชื่อว่าบรรพบุรุษจะไม่ไตร่ตรองถึงจุดนี้ เส้นทางสำรองของเผ่าหยก หรือสถานที่สำรองที่จัดเพื่อคนในเผ่าล่ะ?”
“ทันทีที่เปิดเส้นทางสำรองเส้นทางนี้ ทั้งเผ่าหยกก็จะกลายเป็นเถ้าถ่าน นอกซะจากว่าจะถึงนาทีสุดท้าย ไม่เช่นนั้น….ก็เป็นไปไม่ได้ที่เผ่าหยกจะเปิดเส้นทางสำรองนี้”
คำพูดของสุดยอดผู้อาวุโสเทียบเท่ากับการยอมรับว่ามีทางหนีทีไล่แล้ว
แต่เขาไม่ได้สนับสนุนให้เปิดโดยตรง เพื่อให้ประชาชนเข้าไป เขาตัดใจทิ้งเผ่าหยกไปไม่ได้
ผู้อาวุโสรองและคนอื่นๆก็ไม่เห็นด้วย
ยังไม่ได้สู้ จะรู้ได้อย่างไรว่าแพ้หรือชนะ บางทีพวกเขาอาจจะจัดการเผ่าเทียนเฟิ่นได้ในคราวเดียว
กู้ชูหน่วนมองไปทางผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสคนอื่นๆ
แม้ว่าพวกผู้อาวุโสเหล่านี้จะกลัวเผ่าเทียนเฟิ่น แต่กลับไม่มีสักคนที่จะเต็มใจยอมแพ้
กู้ชูหน่วนสูดหายใจเข้าลึกๆ กล่าวด้วยเสียงอันหนักแน่น “แม้ว่าพวกท่านจะปฏิเสธ ก็ให้เหล่าประชาชนเก็บข้าวของสัมภาระทุกอย่างให้ดี รอข่าวคราวอยู่บนเส้นทางสำรองก่อน ทันทีที่เผ่าหยกเกิดอะไรขึ้น…..ก็ให้พวกเขาเข้าไปทันที เช่นนี้คงจะทำได้สินะ”
ผู้อาวุโสรองกล่าวพึมพำ “สุดยอดผู้อาวุโสกลัวก็แล้วไป ทำไมหัวหน้าเผ่าถึงยังกลัวมากว่าเขาซะอีก”
เขาเพิ่งบ่นพึมพำจบ ศิษย์ผู้หนึ่งรีบเข้ามารายงานด้วยความรีบร้อน “หัวหน้าเผ่า ผู้อาวุโสทุกท่าน เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ม่านอาคมชั้นที่สามถูกทำลายแล้วขอรับ”
ฟืด…….
ทุกคนสูดหายใจด้วยความตกใจ คนไม่น้อยทรุดนั่งลงอย่างรุนแรงทันที
“ม่านอาคมชั้นที่สามถูกทำลายแล้ว? เป็นไปได้ยังไง แม้แต่ขั้นสูงสุดระดับเจ็ดก็ไม่แน่ว่าจะสามารถทำลายม่านอาคมชั้นที่สามได้นี่”
“ใช่ ม่านอาคมชั้นที่สามถูกทำลายแล้ว ตอนนี้เพียงแค่พวกเขาทำลายค่ายกลสังหาร ก็สามารถมาถึงศูนย์กลางของเผ่าหยกได้แล้ว”
คำพูดนี้พลังทำลายล้างรุนแรงมากเกินไป
เป็นไปได้หรือไม่ว่าเผ่าเทียนเฟิ่นจะมีบุคคลที่เป็นขั้นสูงสุดระดับเจ็ด?
หากว่าเป็นแบบนี้จริง เช่นนั้นครั้งนี้เผ่าหยกก็ตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์แล้วจริงๆ
แค่ถามถึงระดับเจ็ดก็ยากที่จะไต่ขึ้นไปถึง แล้วยังจะเอ่ยถึงขั้นสูงสุดระดับเจ็ดอีกทำไม