อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 905 ข้าไม่ต้องการให้คนอื่นมาปกป้อง
- Home
- อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม
- บทที่ 905 ข้าไม่ต้องการให้คนอื่นมาปกป้อง
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 905 ข้าไม่ต้องการให้คนอื่นมาปกป้อง
บาดแผลบนร่างกายของกู้ชูหน่วน นางจัดการเองจนสะอาดแล้ว
มองดูบาดแผลจากแส้ที่ทับซ้อนกัน บาดแผลน้ำร้อนลวก และบาดแผลจากแส้ ดาบมีดเก่าที่นับไม่ถ้วน แล้วคำหนึ่งก็แวบเข้ามาในความคิดของนาง
นั่นก็คือ เมื่อก่อนนางเคยถูกทารุณกรรมอยู่ตลอด
คิดถึงว่าที่ผ่านมามีคนทารุณกรรมนางอยู่ตลอด สายตากู้ชูหน่วนฉายแววเยือกเย็นเฉียบคม
สวมเสื้อคลุม แล้วกู้ชูหน่วนก็เดินออกไปจากห้อง
ห่างกันตั้งไกลก็ยังสามารถได้ยินท่านปู่หลินกับหลินซือหย่วนคุยกัน
“อาหย่วน ฉวยโอกาสตอนที่คนตระกูลไป๋หลี่ยังไม่มา เจ้ารีบพาแม่นางคนนั้นหนีไปเถอะ”
“เดิมเราก็จนมาอยู่แล้ว หญ้าน้ำค้างม่วงก็ยากที่จะหาเจอ ที่ผ่านมาเรายังสามารถใช้เงินไปซื้อหญ้าน้ำค้างม่วงมาได้บ้าง แต่ตอนนี้…..เกิดภัยธรรมชาติและโรคระบาดตั๊กแตนติดต่อกันหลายปี ในหมู่บ้านไม่มีพืชผลเก็บเกี่ยว เพื่อหารักษาแม่นางคนนั้น เราใช้จ่ายเงินเก็บทั้งหมดที่มี ยังติดหนี้อีกมากมาย”
“ปีนี้ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถนำหญ้าน้ำค้างม่วงออกมาได้ คนตระกูลไป๋หลี่ทารุณโหดร้าย หากไม่หนีไป พวกเขาไม่ยอมรามือง่ายๆแน่”
“ไม่ ท่านปู่ จะไปก็ต้องไปด้วยกัน”
“เราต้องเหลือคนคนหนึ่งอยู่เพื่อรั้งพวกเขาไว้ ไม่งั้นไม่นานพวกเขาก็จะตามพวกเจ้าไปทัน ปู่อายุมากแล้ว ไม่นานก็ต้องฝังแล้ว ตายไปก็ไม่เป็นไร แต่พวกเจ้ายังหนุ่ม จะตายง่ายๆไม่ได้”
“ข้าไม่สน จะไปก็ต้องไปด้วยกัน ปู่ก็รู้ตระกูลไป๋หลี่มีอำนาจบาตรใหญ่ มีอำนาจไปทั่วทุกมุมโลก หากพวกเราหนีไป พวกเขาจะต้องไล่ตามแน่ ทั้งสามคนหนีไปพร้อมกันยังจะดีกว่า”
กู้ชูหน่วนไม่เข้าใจความแค้นระหว่างพวกเขากับตระกูลไป๋หลี่ แต่ฟังจากคำพูดของพวกเขาแล้วก็พอรู้ว่า พวกเขากำลังเดือดร้อน ยังเป็นเรื่องใหญ่อีกด้วย
“เจ้าเด็กคนนี้ ทำไมพูดไม่เชื่อฟัง”
หลินซือหย่วนอายุไม่เยอะ นิสัยกลับเด็ดเดี่ยว เขายืนอยู่กับที่ไม่ยอมขยับ ท่าทีนั้นหากท่านปู่หลินไม่ไป เขาก็ยอมตายไม่ยอมไป
ท่านปู่หลินจนใจ จำต้องกระทืบเท้าตกลงไปกับพวกเขา ยังไงก็เพื่ออาการป่วยของแม่นางคนนั้น จนเสียเวลามาหลายวันแล้ว เสียเวลาต่อไปก็จะไม่ทันแล้ว
ชาวบ้านหมู่บ้านหลินไม่น้อย ต่างหนีออกไปจากหมู่บ้าน ไปยังที่ต่างๆเมื่อหลายวันก่อนแล้ว
ในขณะที่ปู่หลานกำลังเตรียมเก็บของ สายตาเฉียบคมของกู้ชูหน่วนหันไปมองด้านนอกหมู่บ้าน
ไม่ช้าเสียงเกือกม้าก็ดังสนั่นขึ้น พร้อมกับเสียงโห่ร้องอาฆาตและโกรธเคือง
“พวกคนชั้นต่ำหมู่บ้านหลินล้วนไสหัวออกมา ครอบครัวหนึ่งเอาหญ้าน้ำค้างม่วงมาสิบดอก หากใครไม่มี พวกเจ้าก็จะเป็นเหมือนอย่างพวกเขา”
“ปัง…..”
คนขี่ม้าโยนหัวคนหลายสิบหัวลงกลางหมู่บ้าน ท่าทีหยิ่งทะนงและครอบงำ
ได้ยินเสียงไป๋หลี่สง คนหมู่บ้านหลินแต่ละคนสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ร่างกายสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
ทั้งที่พวกเขาไม่อยากออกไป แต่ก็ต้องออกไป ไม่อย่างนั้นหากเข้ามาค้นถึงในบ้าน จะเหลือแต่ความตาย หลายปีมานี้ ชาวบ้านหมู่บ้านหลิน ตายอยู่ในน้ำมือโหดเหี้ยมของตระกูลไป๋หลี่แล้วไม่น้อย
ท่านปู่หลินถอนหายใจราวกับลูกบอลกิ่ว ไม่รู้จะทำยังไง
“ทำไงดี คนตระกูลไป๋หลี่มาแล้ว หมู่บ้านถูกล้อมไว้หมดแล้ว พวกเราหนีไปไม่ได้แล้ว”
“คนเดรัจฉานพวกนั้น หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ งั้นก็สู้กับพวกเขาให้ตายกันไปข้างหนึ่ง”
กู้ชูหน่วนก้าวออกมาอย่างเชื่องช้า พร้อมถามขึ้นว่า “พวกเขาเป็นใคร? มาทำอะไร?”
หลินซือหย่วนอยากให้นางไม่ต้องกลัว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะรับไว้
ถึงแม้สีหน้ากู้ชูหน่วนจะสงบเรียบเฉย ไม่สะทกสะท้าน เผชิญหน้ากับคนชั่วร้ายที่พร้อมจะคุกคามนับสิบ ใบหน้าของนางไม่มีความกลัวเลยสักนิด
ส่วนปู่หลานทั้งสองคนนั้นหวาดกลัวจนตัวสั่น
หลินซือหย่วนกัดฟัน พร้อมพูดขึ้นว่า “แคว้นปิงมีทั้งหมดสี่ตระกูลใหญ่ แบ่งออกเป็นตระกูลเวิน ตระกูลซ่างกวน ตระกูลไป๋หลี่กับตระกูลหนิง หมู่บ้านหลินของเราอยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลไป๋หลี่ เขาต้องการให้พวกเราแต่ละครอบครัวเรานำส่งหญ้าน้ำค้างม่วงเดือนละสามดอก หลายปีมานี้ไม่รู้เป็นบ้าอะไร สั่งให้นำส่งเดือนละสิบดอก”
“สามดอกพวกเราก็ไม่มีปัญญา อย่าว่าแต่สิบดอก เมื่อพวกเราไม่มี ก็ทุบตีทำร้าย ก่นด่าพวกเรา ชาวบ้านมากมายตายอยู่ในมือพวกเขา ยังมีอีกหลายครอบครัวที่ถูกบีบบังคับจนต้องขายลูกชายลูกสาว แลกกับหญ้าน้ำค้างม่วงในตำบลให้กับพวกเขา”
“เดือนนี้ก็ใกล้ถึงเวลาแล้ว ชาวบ้านมากมายไม่มีให้ หลบหนีไปกันตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน ตอนนี้….ตอนนี้ล้วนถูกพวกเขาจับได้ พร้อมโดนตัวหัวหมดแล้ว เดรัจฉานพวกนี้…..โหดร้ายป่าเถื่อนจริงๆ”
ด้านนอกประตูมีคนรวมตัวกันอยู่ไม่น้อย ชาวบ้านมากมายร้องห่มร้องไห้อย่างเศร้าเสียใจ
ไป๋หลี่สงพูดตะโกนขึ้นมาอีกครั้งว่า “ยังมีใครไม่ออกมา รีบไสหัวออกมา ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือน”
หลินซือหย่วนพูดขึ้นว่า “แม่นาง เจ้ายืนอยู่ข้างหลังข้า เจ้าไม่ใช่คนหมู่บ้านหลิน พวกเขาคงไม่กล้าทำอะไรเจ้าจนเกินไป เจ้าวางใจ ข้าจะคอยปกป้องเจ้าอย่างสุดชีวิต”
กู้ชูหน่วนหัวเราะ
นางยังไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมาคอยปกป้อง
แต่ว่าความปรารถนาดีนี้ นางจะจดจำไว้
พวกหลินซือหย่วนออกมากันแล้ว
สิ่งที่เห็นตรงหน้าก็คือ พวกชาวบ้านต่างสั่นเทา
ผู้ใหญ่บ้านยื่นหญ้าน้ำค้างม่วงไปให้อย่างสั่นเทา
หลังจากได้หญ้าน้ำค้างม่วงไปแล้ว ผู้ใหญ่บ้านก็ถูกเตะกระเด็น ในขณะเดียวกันก็ยังถูกฟาดด้วยแส้
“พวกคนชั้นต่ำ หมู่บ้านพวกเจ้าใหญ่ขนาดนี้ มีปัญญาหาหญ้าน้ำค้างม่วงมาได้แค่นี้หรือ? หนึ่งในสิบก็ยังไม่ถึง”
ผู้ใหญ่บ้านอดกลั้นความโกรธโมโหไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ใช่ว่าพวกเราไม่ให้ แต่….แต่หญ้าน้ำค้างม่วงนั้นหาเก็บได้ยากมาก ชาวบ้านในหมู่บ้านหลายคน ตกเหวตายไปเพราะไปเก็บหญ้าน้ำค้างม่วง…..”
“ข้าไม่สนว่าเจ้ามีเหตุผลอะไร ไม่ว่ายังไงหนึ่งครอบครัวต้องนำส่งหญ้าน้ำค้างม่วงสิบดอก หมู่บ้านพวกเจ้ามีหกสิบครัวเรือน ต้องนำส่งหกร้อยดอก ไม่อย่างนั้น….เฮ้อ…ผลที่จะตามมาพวกเจ้ารับไม่ได้แน่นอน”
ภัยคุกคามของไป๋หลี่สงนั้นชัดเจนอยู่ในตัวมันเอง
และวิธีการก่อนหน้านี้ก็ทำให้พวกเขาหวาดกลัวเช่นกัน
ชาวบ้านหมู่บ้านหลินบางคนตกใจจนร้องไห้ออกมา
ผู้ใหญ่บ้านพูดขึ้นมาอย่างหวาดกลัวว่า “ท่างสง….ขอร้องเถอะ ให้เวลาอีกสักหน่อยเถอะ พวกเรา….พวกเราจะพยายามหาหญ้าน้ำค้างม่วงมาให้ครบ”
“ข้าให้เวลาพวกเจ้า แล้วใครให้เวลาข้า ธูปครึ่งดอก เวลาภายในธูปครึ่งดอก พวกเจ้าเอาหญ้าน้ำค้างม่วงจำนวนที่เหลือมาให้ได้”
ธูปครึ่งดอก?
ภายในเวลาธูปครึ่งดอกหญ้า พวกเขาจะไปเอาน้ำค้างม่วงมาจากไหน?
ต่อให้ขายพวกเขาทั้งหมู่บ้าน ก็หาหญ้าน้ำค้างม่วงมาไม่ได้
“ท่านสง ขอร้องท่านด้วย สงสารพวกเราด้วยเถอะ….”
“ถุ๊ย พวกนอกรีต ให้โอกาสแล้วไม่รู้จักสำนึก เห็นข้าว่างมากหรือ? พวกเจ้า จับตัวพวกชาวบ้านไว้ให้หมด”
กู้ชูหน่วนกำลังคิดจะลงมือ
หลินซือหย่วนขวางพวกเขาไว้ พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “แม่นาง พวกเขามีวิทยายุทธสูง เราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา รอดูไปก่อนว่าพวกเขาอยากทำอะไร หมู่บ้านเรามีคนมากมายขนาดนี้ พวกเขาคงไม่ฆ่าพวกเราทั้งหมดหรอก ไม่อย่างนั้นต่อไปใครจะหาหญ้าน้ำค้างม่วงให้พวกเขาได้หลอมยา”
“ใช่ อย่าเพิ่งใจร้อน คนพวกนี้โหดเหี้ยมอย่างมาก” ท่านปู่หลินก็พูดโน้มน้าว
ใช่ว่าพวกเขาไม่กลัว แต่พวกเขาเชื่อว่า คนทั้งหมู่บ้านมีเยอะขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะฆ่าทั้งหมด
หากจับตัวไปเพียงไม่กี่คน นั่นสิถึงจะน่ากลัว
สายตาเยือกเย็นของกู้ชูหน่วนหรี่ลง เอามือกอดอกอยู่อย่างเกียจคร้าน
ช่างเถอะ
นางก็อยากดูว่า ตระกูลไป๋หลี่จะจับตัวพวกเขาเยอะแยะขนาดนี้ไปทำอะไร