อัศวินดำ - ตอนที่ 16
◆ อัศวินดำคุโรกิ
ผมยืนอยู่กลางห้องโถงสี่เหลี่ยมของกระท่อม
สวนมืดๆ ที่มีเพียงแสงจันทร์ส่อง
ผมสวมชุดเกราะเต็มตัวที่ทำขึ้นจากเวทมนตร์แบบพิเศษ
นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว ที่ผมสวมเกราะดำนี้
เพราะบางทีมันอาจจะกลายเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงก็ได้
ในวิหารมีแนวป้องกันหนามากและเรย์จิก็อยู่ที่นั้น
ผมถึงได้สวมชุดเกราะที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้รับจากโมเดส ผมปรากฏตัวออกมาต่อหน้าพวกเขาในชุดเกราะดำเหมือนกับที่พวกเราพบกันครั้งแรก
ตัดสินใจแล้ว ไปลุยกันเลย
เป้าหมายของผมคือการไปคุยกับเรน่าโดยตรง
แต่ผมก็ต้องไม่ให้เธอหนีไปได้ด้วย ขณะที่บุกเข้าจากทางด้านหน้า
ผมถึงได้ใช้เจ้านี้
ผมถืออัญมณีสีขาวก้อนเล็กๆ ในมือไว้ ซึ่งในกระเป๋ามีอีก 30 ก้อน
นี่เป็นไอเทมเวทมนตร์ที่ทำขึ้นจากเขี้ยวมังกร
โมเดสให้ไว้กับผมตอนที่เดินทางออกมาจากนากอล เผื่อใช้ในกรณีที่จำเป็น
ถึงเขาจะบอกว่าไม่เคยมีใครใช้อัญมณีพวกนี้ได้มาก่อน แต่ผมจะใช้ล่ะ
ผมโยนอัญมณีสีขาวลงพื้น จากนั้นสักพักหนึ่ง
จากนั้นผมก็เริ่มร่ายคาถา
[ เหล่าทหารที่ถูกสร้างขึ้นจากเขี้ยวแห่งมังกรเอ่ย จงออกมาซะ!! ]
หลังจากร่ายคาถา กองทัพติดอาวุธสวมเกราะทั้งตัว หมวกแบบปิดหน้าและมีโล่กลมที่มือซ้าย ดาบที่มือขวาประมาณ 30 คนก็ปรากฏตัวออกมา
พวกเขาคือทหารที่เกิดจากเวทมนตร์ซึ่งเรียกว่า ทหารเขี้ยวมังกร
ไม่รู้สึกถึงชีวิตจากสายตาของพวกเขาเลยสักนิด จากนั้นดวงตาของเหล่าทหารก็เปล่งแสงสีแดงออกจากรอยแยกของหมวก
ทหารเขี้ยวมังกรทุกคนยืนขึ้นแล้วตั้งแถวตรงหน้าผม
ผมจ้องมองพวกเขา แล้วคิดว่าเวทมนตร์นี่สุดยอดเลยน้า ที่สร้างพวกทหารจากอัญมณีเล็กๆ พวกนั้นได้
ผมไม่ค่อยมั่นใจว่าทหารพวกนี้เป็นจริงมั้ย ถ้าผมถามโมเดสเรื่องอัญมณีจากโมเดสมาก่อนก็คงดี
ผมรู้สึกถึงพลังเวทที่เชื่อมต่อกับทหารเขี้ยวมังกรที่เกิดจากอัญมณีเวท
ดูท่าว่าผมจะควบคุมพวกเขาได้ง่ายๆ
[ นัค ช่วยรออยู่ข้างนอกวิหารทีนะ ]
ผมขอให้นัคที่นั่งอยู่บนไหลลงไป เพราะเขาอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้ ถ้าเกิดต่อสู้กัน
[ ครับ ]
นัครีบโดดลงมาจากไหล่ผมทันที
[ บางทีฉันอาจจะไม่ได้กลับมาแล้วก็ได้ เพราะงั้น… ]
ผมหยิฐอัญมณีจากกระเป๋าเสื้อให้นัค
[ ไม่จริง ท่านไดร์ฮาร์ด!! ]
มันคืออัญมณีที่เมื่อแตกแล้วจะเกิดผล สามารถใช้ได้ครั้งเดียว แม้แต่คนที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ก็ยังใช้ได้
[ ก็แค่พูดในกรณีที่ ‘เลวร้ายสุดๆ’ ถ้าพรุ่งนี้เช้าฉันยังไม่กลับไป ให้นายใช้อัญมณีนั้นกลับนากอลไปซะ ]
[ ท่านไดร์ฮาร์ด… ]
[ นัค ไม่ใช่ว่าฉันจะไปตาย ถ้าคิดว่ามันอันตรายเกินไปฉันก็จะหนี ]
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ความตึงเครียดของนัคก็ลดลง
[ งั้นท่านก็หมายถึง…. เข้าใจแล้วครับ ขอให้โชคชะตาแห่งสงครามสถิตที่ข้างท่าน … ]
นัคตกลงอย่างไม่เต็มใจ
[ ทหารเขี้ยวมังกรบุก!! ]
ทหารเขี้ยวมังกรเริ่มเคลื่อนไหว มันเป็นการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วราวกับพวกเขาไม่ได้สวมเกราะอยู่เลย
ทหารเขี้ยวมังกรโดดขึ้นไปบนหลังคาของบ้านและเคลื่อนไหวโดยไม่ติดขัดอะไรเลย
เป้าหมายของเราคือวิหารเรน่า
ทหารเขี้ยวมังกรบุกเป็นตัวล่อโดยการบุกทางทุกด้าน ส่วนผมจะล่วงหน้าไปก่อนก้าวหนึ่ง
จากที่นัคบอก ดูเหมือนเรน่าจะอยู่ที่แท่นบูชาของวิหารซึ่งตั้งอยู่กลางวิหารเพื่อเตรียมตัวที่จะส่งชิโรเนะกลับไปโลกเดิม
กว่าเธอจะเตรียมการส่งกลับได้ก็คงเป็นวันพรุ่งนี้ ดังนั้นนี่เป็นโอกาสเดียวของผมแล้ว
ผมเริ่มก้าวไปที่วิหารเรน่า
◆ สหายของผู้กล้าจิยูกิ
[ รอเดี๋ยวสิเรย์จิคุง ห้ามดื่มเครื่องแอลกอฮอล์นะ!! ]
ฉัน้วงเรย์จิเรื่องเครื่องดื่มที่เขาเอามาให้พวกเราดื่ม
[ ไม่เป็นไรหรอกน่าจิยูกิ ก็นี่เป็นคืนสุดท้ายของเธอแล้วนี่นา ]
เรย์จิพูดด้วยน้ำเสียงล้อเล่น
[ ใช่แล้วคุณจิยูกิ อย่าจริงจังขนาดนั้นสิ
[ใช่แล้วค่ะรุ่นพี่จิยูกิ ไม่เห็นต้องตะโกนเสียงดังขนาดนั้นเลย ]
ริโนะและนาโอะพูดด้วยเสียงร่าเริง
พรุ่งนี้ฉันจะกลับไปโลกเดิมพร้อมกับชิโรเนะ
นั่นคือเหตุผลที่เรย์จิจัดงานเลี้ยงอำลาเล็กๆ ให้
เรย์จิขอให้คนที่วิหารเตรียมของว่างและเครื่องดื่มให้
แต่เครื่องดื่มพวกนี้มันมีแอลกอฮอล์นี่สิ
ในมือฉันคือเหล้าที่ทำขึ้นจากการผสมน้ำผึ้ง เกลือทะเล และผลไม้ประเภทองุ่น
จึงมีแอลกอฮอล์ต่ำ เพราะฉันไม่อยากเมา… แต่คุณเคียวกะนะสิกระดกไปอึกเดียวก็เมาซะแล้ว
คุณเคียวกะตอนนี้กำลังนอนอยู่บนโซฟาใกล้ๆ โดยที่คายะกำลังคอยดูแล
แต่ไม่ว่าจะมีแอลกอฮอล์ต่ำแค่ไหน เราก็ต้องให้ความสำคัญนะ ห้ามดื่มก็คือห้ามดื่ม
ถึงคุณเคียวกะจะดื่มไปแล้วนอนสลบอยู่ตรงนั้นก็เถอะนะ
[ นี่อาจเป็นครั้งวันสุดท้ายที่จิยูกิจะอยู่ที่นี่แล้ว เราอาจจะไม่ได้พบกันอีกก็ได้ ดังนั้นมาสนุกกันให้เต็มที่กันเถอะ ]
เรย์จิพูดออกมา
[ จะไม่ได้พบกันอีกแล้ว… ]
ชิโรเนะพูดด้วยน้ำเสียงโหยหา
ทุกคนรู้สึกเศร้าเพราะคำพูดของเธอเล็กน้อย
[ น่า จิยูกิอย่ามืดมนนักสิ มาสนุกกับทุกคนดีกว่า ]
ริโนะกับนาโอะเห็นด้วยกับเขา
[ โถ่ ช่วยไม่ได้นะ… ]
ถึงจะไม่เต็มใจนัก แต๋ฉันก็ดื่มไปแล้ว
ก็ฉันเกลียดที่โดนบอกว่าฉันมืดมนนี่นา
ตั้งแต่เมื่อก่อน เรย์จิก็ช่วยฉันเอาไว้เสมอ
ฉันที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างเข้มงวดจากพ่อแม่และไม่ได้ออกไปไหนเลย
เรย์จิเป็นคนที่พาฉันออกไปดูโลกภายนอก
ฉันนึกถึงช่วงเวลาที่พวกเราโดดเรียนครั้งแรกสองคน พวกเราเล่นออกไปเล่นกันในเมืองขณะที่คนอื่นๆ กำลังเรียนกันอยู่ แม้ฉันจะรู้ว่าไม่ควรทำ แต่ก็ยังสนุกกับประสบการณ์ในตอนนั้น ช่วงเวลาที่ทำให้ฉันสดใสไม่เคยลืม
แม้ว่าการผจญภัยในโลกนี้ ฉันจะโกรธเรย์จิอยู่บ้าง แต่ในใจลึกๆ ฉันเองก็สนุกกับมันอยู่เหมือนกัน
ต่อสู้กับมังกร เข้าไปในถ้ำ ไปทะเล ภูเขา พบกับพวกเอลฟ์ นี่มันควรเป็นสิ่งที่มีแต่ในจินตนาการเท่านั้น
เป็นธรรมดาที่จะมีประสบการณ์ที่เจ็บปวดและอันตราย แต่ทุกคนก็สนุกเพราะมีเรย์จิอยู่ด้วย มันคงจะเจ็บปวดมากถ้าฉันไปจากโลกนี้เพียงคนเดียว
ดังนั้นทุกคนถึงได้ไม่อยากกลับไป
แต่การผจญภัยของฉันจะจบลงแล้วในวันพรุ่งนี้
ฉันจะได้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ พูดตามตรง ฉันก็ไม่อยากนักหรอก
แต่ไม่ได้ เพราะต้องมีใครสักคนกลับไปที่โลกเดิมของเรา
ฉันไม่ยอมเปลี่ยนใจแน่
เหล้าที่ฉันดื่มเข้าไป หวานนิดหน่อยและอร่อยมาก
โดยปกติแล้ว เราไม่ดื่มเหล้ากันหรอกเพราะมีสิ่งสกปรกมากมายผสมอยู่ ทั้งฟางหญ้า ต้นพืชและก้านอะไรมากมาย
แต่เหล้าที่ทางวิหารนำมาให้ได้ขจัดสิ่งสกปรกพวกนั้นไปหมดแล้ว จึงสามารถดื่มได้ง่าย
พวกเราคุยกันอย่างสนุกสนานขณะที่ดื่มเหล้ากัน
[ ขอโทษด้วยนะเรย์จิคุงที่ต้องหยุดการฝึกไว้กลางคัน ]
[ ช่วยไม่ได้หรอก ก็มันเป็นการตัดสินใจที่กระทันหันนี่นะ ]
ชิโรเนะขอโทษเรย์จิ
เพราะชิโรเนะตัดสินใจจะกลับ ทำให้ไม่สามารถสอนศิลปะการต่อสู้เพื่อต่อสู้กับไดร์ฮาร์ดได้ และชิโรเนะยังบอกอีกว่าการฝึกให้เรย์จิมันเป็นไปไม่ได้ เพราะความสามารถแตกต่างกันเกินไป
[ ทุกคน ฝากดูแลเรย์จิด้วยนะ อย่าปล่อยให้เขาต่อสู้จนเอาตัวเข้าแลกล่ะ โดยเฉพาะกับไดร์ฮาร์ด ]
ทุกคนพยักหน้าอย่างสงบ
ไดร์ฮาร์ดแข็งแกร่งมาก แต่เขาไม่ใช่ศัตรูที่เราควรต่อสู้เพื่อเดิมพันชีวิต
ฉันขอให้คายะค้นหาเจ้าโรคจิคนั้น คงขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว ว่าเราจะค้นหาคนที่ถูกอัญเชิญมาเจอรึไม่
บางทีเราอาจจะไม่มีทางเลือกนอกจากต้องไปขอร้องกับคนๆ นั้นให้เขาช่วย เพราะเราคงไม่อาจเอาชนะราชาปีศาจได้ ถ้าไม่จัดการไดร์ฮาร์ดก่อน
หลังจากนั้นเราก็ยังคงดื่มเหล้ากัน
ทันใดนั้นที่ฉันคิดว่าพองานเลี้ยงจบแล้ว ไปเตรียมตัวสำหรับกลับโลกเดิมดีไหมนะ นั่นเอง…
เคร้ง เคร้ง เคร้ง
เสียงกระระฆังดังขึ้นหลายครั้งไปทั่ววิหาร
[ เสียงอะไรนะ!? ]
ทุกคนมองหน้ากันด้วยสีหน้าสงสัย
[ ผู้บุกรุกー!! ]
[ พวกมันมาจากทางตะวันตก!!! ]
[ พวกมันบุกมาจากทางตะวันออกด้วย! ]
เสียงตื่นตระหนกของอัศวินดังขึ้น
[ ผู้บุกรุก! ]
ระฆังที่ดังก้องอยู่คืออุปกรณ์เตือนภัย
[ พวกเราไปต้อนรับเจ้าพวกผู้บุกรุกหน่อยมั้ย? ]
เรย์จิที่กำลังขบคิดอยู่
สิ่งแรกที่ฉันอยากรู้คือลักษณะของผู้บุกรุก
[ นาโอะฝากให้เธอจัดการได้มั้ย? ]
[ เข้าใจแล้ว ]
นาโอะปิดตาแล้วเข้าสู่สภาวะสมาธิ
นาโอะมีสกิลที่สามารถรับรู้ได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในความสามารถของเธอตั้งแต่ที่มาโลกนี้
ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ความสามารถของเธอก็สามารถรู้ว่าศัตรูเป็นใคร แม้จะมองไม่เห็นก็ตาม
เรย์จิ ชิโรเนะ และคายะเองก็สามารถใช้ความสามารถนี้ได้ นอกเหนือจากเรย์จิ ทั้งสองคนมีระยะจำกัดแค่ 8-9 เมตรเท่านั้น แต่การรับรู้ของนาโอะนั้นเกือบ 2 กิโลเมตร
ทีแรก ประเภทของศัตรูน่ะเธอไม่รู้หรอกแต่ถ้าหากเพิ่มสมาธิเข้าไปในการรับรู้ก็จะเพิ่มไปอีกระดับหนึ่งได้ จนสามารถรู้รูปแบบศัตรูได้
แต่การรับรู้ของเธอก็ยังมีจุดอ่อน เพราะมีหลายๆ อย่างที่ไม่สามารถรู้สึกได้เช่นพลังเวทมนตร์ที่ไร้รูปร่างและหากเธอถูกขังไว้ในบาเรียก็ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงข้างนอกเช่นกัน
ถึงแม้จะมีบาเรียที่สร้างขึ้นจากเวทมนตร์อยู่รอบวิหาร แต่หากอยู่ในบาเรียเดียวกันก็สามารถรับรู้ได้อยู่
[ ดูเหมือนจำนวนผู้บุกรุกรอบๆ วิหารจะมีประมาณ 30 คน ]
ฉันเอียงคอสงสัยหลังจากได้ยินรายงานจากนาโอะ เพราะเทพธิดามาที่วิหารนี้ทำให้การคุ้มกันแน่นหนาขึ้นกว่าปกติ
ในวิหารจึงมีอัศวินมากกว่า 300 คน ดังนั้นน่าจะจับผู้บุกรุกได้แทบจะทันทีนี่นา
[ …. และพวกเรายังเคยเจอคนพวกนั้นเมื่อไม่นานนี้ด้วย พวกเขาคือทหารเขี้ยวมังกร ]
ทุกคนต่างตกใจหลังจากได้ยินรายงานของนาโอะ
ทหารเขี้ยวมังกรคือปีศาจที่เราเคยต่อสู้ด้วยที่นากอล
ถ้าจำไม่ผิด ความแข็งแกร่งของทหารเขี้ยวมังกรจะขึ้นอยู่กับพลังเวทของผู้อัญเชิญ
[ หมายความว่าราชาปีศาจมาโจมตีพวกเรางั้นเหรอ? ]
ริโนะพูดอย่างกังวล
[ คุณนาโอะ ถ้าเป็นทหารเขี้ยวมังกรจริงๆ คนอัญเชิญก็น่าจะอยู่แถวนี้แน่ๆ เลยค่ะ ]
ใช่แล้ว ถ้าเป็นทหารเขี้ยวมังกร ผู้อัญเชิญก็ไม่น่าอยู่ที่ไหนไกล
โดยทหารเขี้ยวมังกรจะหายไปหากจัดการผู้อัญเชิญได้
[ เข้าใจแล้วค่ะ!! ]
นาโอะพยายามเพ่งสมาธิ
[… เจอแล้วค่ะ คนที่แตกต่างจากคนอื่น ]
นาโอะระบุตัวผู้บุกรุกคนอื่นที่ไม่ใช่ทหารเขี้ยวมังกรได้แล้ว
บางทีชายคนนั้นอาจเป็นคนที่อัญเชิญออกมา
ถ้างั้นพวกเราแค่ไปจัดการชายคนนั้นซะก็จบแล้ว
[ รูปร่างแบบนั้น… ไม่จริง อัศวินดำ? ]
ทุกคนคิดแบบเดียวกันเมื่อได้ยินคำพูดของนาโอะ
[ เป็นไปได้ด้วยเหรอ ที่ไดร์ฮาร์ดจะมาตามล่าพวกเราด้วยตัวเองนะ? ]
นาโอะหยุดการทำสมาธิเมื่อได้ยินคำพูดของเรย์จิ
[ บางที… อาจจะเป็นไปได้ ]
[ หรือว่าเป้าหมายของเขาจะเป็น… เรย์คุง? ]
ตอนนี้เรย์จิยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ถ้าต้องต่อสู้ตอนนี้เขาต้องแพ้แน่
[ ไม่ เขามาหาคนอื่น ]
เรย์จิถืออาวุธขึ้นหลังจากพูดจบ
[ เดี๋ยวจะไปไหน!! ]
[ เรน่า… เรน่ากำลังตกอยู่ในอันตราย! ]
แล้วเรย์จิก็พุ่งออกจากห้องไปหลังจากพูดจบ
แน่นอน ไดร์ฮาร์ดคงมาที่นี่เพราะได้ข่าวที่เรน่ามาที่นีน่
เขาคงจะเล็งไปที่เรน่ามากกว่าเรย์จิอยู่แล้ว
และเพราะได้ยินว่าเรน่าจะส่งพวกเรากลับในวันนี้ด้วย
[ ไม่ได้นะ เรย์คุงเอาชนะเขาไม่ได้หรอก! ]
ซาโฮโกะกำลังกอดเรย์จิเพื่อพยายามห้ามเขา
[ ใช่แล้ว ถึงเรย์จิจะไปที่นั้นก็มีแต่จะตายเท่านั้น! ]
ไม่มีความจำเป็นที่ต้องสละชีวิตตัวเองเพื่อเรน่า เขาควรทิ้งเธอไปซะ
แต่เรย์จิกลับส่ายหัวปฏิเสธ
[ ไม่ ฉัันต้องไป ถ้าเรน่าตกอยู่ในอันตราย ฉันก็ต้องช่วยเธอให้ได้และถ้าพวกเธอตกอยู่ในอันตราย ฉันก็จะมาช่วยเหมือนกัน ]
เรย์จิกำลังจะเดินออกไปจากห้อง เพราะเขาใช้ชีวิตของตัวเองเข้าแลกเพื่อสาวงามมาตลอด
นั่นคือเหตุผลที่เราทุกคนที่เราทุกคนอยู่ข้างเรย์จิ
[ ไม่ได้ จะไปที่นั้นไม่ได้นะ! ]
ซาโฮโกะใส่แรงเข้าไปในอ้อมแขนของเธอ
[ ขอโทษด้วยซาโฮโกะ แต่อนุญาตให้ฉันไปเถอะ… ]
เรย์จิไม่สนใจคำอ้อนวอนของเธอ แต่เขาก็สลัดซาโฮโกะที่กอดเอาไว้ไม่ได้
[ นายควรรู้สถานะของนายในตอนนี้ซะบ้างนะ! ]
ซาโฮโกะที่เป็นคนอ่อนแอด้านพลังที่สุดในหมู่พวกเรา แต่ตอนนี้เรย์จิกลับสลัดเธอออกไปไม่ได้
เรย์จิยังไม่พร้อมสู้ ไปที่นั้นก็มีแต่จะไร้ประโยชน์
ดังนั้นซาโฮโกะถึงได้ห้ามเรย์จิไว้
[ ฉันจะไป!! ]
ทุกคนมองไปทางชิโรเนะ
[ ฉันจะปกป้องคุณเรน่าเอง!! ดังนั้นสงบใจแล้วอยู่ที่นี่กับทุกคนเถอะเรย์จิคุง! ]
[ คุณชิโรเนะ!! ]
ชิโรเนะออกจากห้องไปหลังจากพูดจบ ทำให้ฉันห้ามเธอเอาไว้ไม่ทัน
◆ อัศวินแห่งวิหาร
[ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!! เจ้าพวกผู้บุกรุกนี่มันอะไรกันแน่!! ]
ทั้งที่กวัดแกว่งดาบใส่ศัตรู แต่ดาบของข้ากลับถูกหยุดด้วยโล่กลมของพวกมัน
ขณะที่ผู้บุกรุกผลักข้ากลับคืนมาด้วยโล่ของพวกมัน
ข้าถูกผลักจนไปล้มทับไปคนที่อยู่ข้าง
[ อ๊าก!! ]
[ อุ๊ก!! ]
เสียงร้องงี่เง่าของคนสองคนที่ล้มทับกันจากด้านหลัง
[ พลังนี่มัน! ]
ข้ามองผู้บุกรุกสวมเกราะที่ด้านหน้าข้า
ดวงตาของพวกมันส่องประกายสีแดงจากช่องว่างของหมวก
[ พวกมันไม่ใช่มนุษย์… ]
บางทีอาจจะเป็นปีศาจ
ท่านเทพธิดาได้มาเยือนที่วิหาร ข้าที่กำลังสนุกสนานกับวันหยุดถูกเรียกตัวให้มาเฝ้ายามที่วิหาร
ตอนที่ข้ากำลังคุยเรื่องตลกกับเหล่าอัศวินเพื่อนของข้าว่าเราจะสามารถมองเห็นเทพธิดาได้มั้ยอยู่นั่นเอง สัญญาณเตือนภัยผู้บุกรุกก็ดังขึ้น
ระฆังดังขึ้นไปรอบวิหารทำให้รู้ว่าผู้บุกรุกโจมตีจากรอบทิศทาง
จากนั้นพวกมันก็ปรากฏตัวออกมา
ข้ามองไปยังเพื่อนๆ ทั้งหกคนที่นอนราบอยู่บนพื้น
บางคนถูกตัดแขนไม่ก็ขาไป บางคนถูกโล่ของศัตรูอัดเข้าที่ใบหน้า แต่น่าแปลกที่ไม่มีใครเสียชีวิตเลย
ข้ารู้สึกว่าศัตรูไม่ได้คิดจะเอาชีวิตพวกเรา
แม้ว่าข้าจะคิดว่าพวกมันคงจะฆ่าข้าแน่ หากข้าล้มลง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
[ น-นี่มัน… กำลังล้อเล่นกับชีวิตพวกเราอยู่งั้นรึไง? ]
ข้าพยายามยันตัวเองเพื่อยืนขึ้น
นอกจากข้าแล้ว ยังเหลือเพื่อนของข้าอีกสามคนตรงนี้ และเรากำลังต่อสู้กับศัตรูแค่ตัวเดียว
ถึงพวกเราจะมีจำนวนมากกว่า แต่ไม่มีใครโจมตีมันได้เลย
เดิมทีพวกเราต่อสู้แบบเก้าต่อหนึ่ง แต่ทั้งหกคนกลับแพ้ในพริบตา
ช่วยไม่ได้แล้ว มีแต่ต้องระวังตัวเองเท่านั้น
[ หืม? ]
หนึ่งในพรรคพวกของข้าจู่ๆ ก็ร้องขึ้นมา
เมื่อข้ามองไปยังทางที่เพื่อนข้ามองอยู่ ที่ด้านหลังมีผู้บุกรุกอีกคนหนึ่ง
ชายที่อยู่ในเงามืด ผู้สวมเกราะดำทั้งตัวกำลังเดินตรงมาทางพวกเรา
ตัวข้าสั่นไปหมดเมื่อมองไปเห็นเงานั้น
แรงกดดันที่ปล่อยออกมาจากชายคนนั้นมันยิ่งกว่าผู้บุกคนอื่นๆ ซะอีก
[ อ อัศวินดำ… ]
เพื่อนของข้าเริ่มกรีดร้อง
[ อัศวินดำ… อย่าบอกนะว่าคืออัศวินดำไดร์ฮาร์ด!! งั้นข่าวลือก็เป็นเรื่องจริง! ]
อัศวินดำไดร์ฮาร์ด ซึ่งตอนนี้ชื่อของเขาดังก้องไปทั่วโลก ผู้ที่สามารถสยบผู้กล้าได้
และยังมีข่าวลือว่าอัศวินดำไดร์ฮาร์ดกำลังนำทัพกองทัพปีศาจมาโจมตีมนุษย์
หรือว่าเขาจะเล็งเป้าไปที่เทพธิดาเรน่ามาตั้งแต่ต้นแล้ว?
[ ท-ท่านเทพธิดากำลังอยู่ในอันตราย… ]
ข้าไม่สามารถหยุดมือที่สั่นอยู่ได้ แต่ก็ยังตั้งท่าพร้อมต่อสู้ เพียงแค่ยืนอยู่เฉยๆ ข้าก็แทบจะหายใจไม่ออกแล้ว
อัศวินดำเดินมาที่ด้านหน้าและเหยียดมือออกมา
[ จงหลับซะ… ]
เมื่อข้าได้ยินคำพูดนั้น ความง่วงอันรุนแรงก็เข้าโจมตีข้า ข้าพยายามจะมองไปข้างหน้า แต่ดูเหมือนพรรคพวกของข้าก็ประสบชะตากรรมเดียวกัน
[ เวทมนตร์… ทำให้หลับ? ]
ตอนที่ข้ารู้ตัวอาการง่วงนอนก็กลืนกินตัวข้าไปแล้ว
[ คงจะเป็นหลังประตูบานนี้สินะ… ]
นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ข้าได้ยินก่อนสติจะจมลงสู่ความมืด