อัศวินดำ - ตอนที่ 17
◆ อัศวินดำคุโรกิ
[ ง่ายจนน่าประหลาดเลยนะ ]
ไม่มีใครเลยที่ต่อต้านเวทนอนหลับของผมได้ ทำให้ผมมาถึงที่นี่ได้แบบสบายๆ
แต่ผมรู้ว่ามันไม่ง่ายแน่ ถึงได้ใส่ชุดเกราะดำเพื่อเตรียมตัวสำหรับความพร้อมในการต่อสู้ที่รุนแรงไว้ด้วย
ผมส่ายหัวเพื่อไล่ความประมาทในหัวออกไป ระวังไว้ดีกว่ามานั่งเสียใจทีหลัง
ทันทีที่ผมเปิดประตูห้องบูชานี้ ผมก็น่าจะได้เจอเรน่าแล้ว
ผมส่งคำสั่งจากทางจิตไปให้เหล่าทหารเขี้ยวมังกรเพื่อไม่ให้ใครเข้ามาในห้องนี้
หลังจากที่เปิดประตู ผมก็พบกับห้องบูชาที่กว้างขวาง มีแสงสว่างจากอุปกรณ์เวทอยู่หลายแห่ง
และมีวงเวทขนาดใหญ่อยู่กลางห้อง
มีโคมไฟหินที่สูงกว่าผมนิดหน่อยอยู่ตรงมุมของทั้งสองด้าน ที่ถูกจุดด้วยเวทมนตร์
โคมไฟหินคล้ายกับที่ผมเห็นตอนที่ถูกโมเดสอัญเชิญมา ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือหนึ่งในอุปกรณ์ที่ใช้ในการอัญเชิญของเทพแห่งการฝีมือเฮย์บอส
และมีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงกลางของวงเวทโดยหันหลังให้ผมอยู่
[ จับตัวผู้บุกรุกได้แล้วงั้นเหรอหัวหน้านักบวช? ]
เรน่าถามออกมาโดยไม่หันกลับมามอง
[ ต้องขอโทษด้วยนะ ที่ฉันไม่ใช่หัวหน้านักบวช ]
เรน่าหันกลับมาหลังจากได้ยินคำพูดของผม
[ อัศวินดำ… ไม่จริง ไดร์ฮาร์ด!!! ]
เรน่าลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าตื่นตระหนก
[ เคลื่อนย้าย! ]
แต่เวทมนตร์ไม่แสดงผล
[ ต้องขอโทษด้วย แต่ฉันได้ปิดผนึกเวทมนตร์เคลื่อนย้ายตอนที่โจมตีวิหารนี้ไปแล้ว ไม่มีใครจะใช้เวทมนตร์เคลื่อนย้ายที่นี่ได้อีกแล้ว ]
เรน่าแสดงสีหน้าตกใจ
ผมจำได้ว่าการปิดผนึกเวทมนตร์ของฝ่ายตรงข้ามจะไม่ได้ผลหากระดับของพลังเวทแตกต่างกันเกินไป ดังนั้นพลังเวทของเรน่าไม่น่าจะต่างจากผมนัก
ผมคิดว่าถึงมันไม่ได้ผลก็ช่วยไม่ได้ แต่ค่อยโล่งใจหน่อยที่ทุกอย่างราบรื่นดี
ผมเดินเข้าไปหาเรน่า เธอพยายามจะหยิบอะไรสักจากแถวนั้น
บางทีเธอคงจะหาอาวุธล่ะนะ
แต่ดูเหมือนในห้องนี้จะไม่มีสิ่งที่ใช้เป็นอาวุธได้เลย
[ เป้าหมายของนายคือ… ฆ่าฉัน? ]
ผมส่ายหัวปฏิเสธจากนั้นก็ถอดหมวกเกราะออก
จนสามารถได้ยินเสียงลมหายใจของเรน่า
[ ยินดีที่ได้พบเทพธิดาเรน่า ต้องขอโทษอย่างสุดซึ้งสำหรับการบุกรุกวิหารเช่นนี้ ]
ผมแสดงท่าทีเคารพขณะที่กำลังถือหมวกเกราะอยู่
การเคารพตามมารยาทของผมจะใช้ได้มั้ยนะ
ผมคิดว่าคงต้องไปเรียนเรื่องมารยาทกับเทพของโลกนี้กับโมเดสสักหน่อย เพราะจากนี้ไปผม้องไปท่องเที่ยวโลกนี้นี่นะ
แต่โลกใบนี้ก็ไม่ต่างจากโลกของผมเท่าไหร่ ถึงจะไม่มีจุดเชื่อมโยงของวัฒนธรรมระหว่างโลกนี้กับโลกของผมแต่มันก็อาจจะคล้ายคลึงกันก็ได้
เพราะผมยังไม่ตัดสินใจไปว่าเรน่าเป็นคนไม่ดีหรอก
บางทีเธออาจจะไม่ได้เลวร้ายเสมอไป ดังนั้นผมคงแสดงท่าทีไม่สุภาพต่อหน้าเธอไม่ได้
ผมเงยหน้าขึ้นและมองไปยังเธอที่สวยยิ่งกว่ารูปวาดใดๆ
เรน่ากำลังจ้องหน้าผม
ขณะที่ผมกำลังรอคำตอบจากเรน่า
เธอจ้องมองไปที่ใบหน้าของผมแต่ไม่พูดอะไรเลย
[เทพธิดาเรน่า…? ]
ผมเรียกชื่อเธออีกครั้ง
[ ค-ค่ะ.. เอ๊ะ… ]
ในที่สุดเธอก็ได้สติกลับมาสักที เรน่าสับสนเล็กน้อย
[ ด-ดูเหมือนเป้าหมายของคุณจะไม่ใช่การฆ่าฉันสินะ งั้นมาที่นี่ด้วยเหตุผลอะไรล่ะอัศวินดำ? ]
เรน่ายิ้มอ่อนๆ ให้ จนผมรู้สึกหลงใหลในรอยยิ้มของเธอ
บางทีเธออาจจะกำลังโล่งใจ ที่ผมไม่ได้มาฆ่าเธอล่ะมั้ง
[ เทพธิดาเรน่า ผมมีเรื่องบางอย่างอยากจะยืนยันได้มั้ย? ]
[ อยากจะ.. ยืนยัน? ]
[ ใช่แล้ว คุณจะ… อัญเชิญคนจากโลกวิญญาณเหมือนกับผมอีกครั้งงั้นเหรอ? ]
ที่จริงแล้วผมโกหก ผมแค่คิดว่าจะได้ข้อมูลมากแค่ไหนจากเรน่าเท่านั้นเอง
[ อา เรื่องนั้นเองเหรอ… ดูเหมือนคุณจะเข้าใจผิดนะอัศวินดำไดร์ฮาร์ด ]
ดูเหมือนเรน่าจะคิดว่าที่ผมมาที่นี่ก็พื่อป้องกันไม่ให้เธออัญเชิญผู้กล้ามาได้
[ แล้ว… อะไร? ]
[ ข้าแค่จะส่งเพื่อนของผู้กล้ากลับไปโลกเดิม มันไม่น่าจะไปขัดแข้งขัดขาอะไรคุณนี่? ]
เรน่าคิดว่าผมกับผู้กล้าเป็นศัตรูกัน ดังนั้นหากสหายของผู้กล้าไม่อยู่ที่นี่ มันก็จะสะดวกกับผมมากกว่า
[ อีกอย่างการอัญเชิญคนจากโลกวิญญาณได้ถูกสั่งห้ามในโลกแห่งเทพแล้ว ดังนั้นคงไม่มีการอัญเชิญมาอีกแล้ว ]
[ เรื่องจริงงั้นเหรอ? งั้นก็แปลกจังนะ เพราะผมได้ยินมาว่าการส่งตัวพวกเขากลับไปที่โลกเดิม… มันเป็นไปไม่ได้นี่นะ? ]
[ อา รู้เรื่องจากโมเดสมาแล้วเหรอ… งั้นการที่จะเชื่อเขาก็ช่วยไม่ได้ จะไม่มีการอัญเชิญมาอีกแล้วอย่างที่คุณรู้นั้นแหละค่ะ ]
[ เข้าใจแล้ว แต่ถ้าสมมติมันเป็นเรื่องจริง งั้นสิ่งที่คุณจะทำจะทำให้เพื่อนของผู้กล้าตกอยู่ในอันตรายมาก ผมเข้าใจถูกใช่มั้ย? ]
[ ใช่แล้ว แต่มันก็ไม่เห็นมีอะไรเกี่ยวกับคุณสักหน่อย จริงมั้ย? ]
เมื่อผมได้ยินคำพูดของเรน่า ผมก็สวมหมวกเกราะอีกครั้ง
ผมได้รับคำยืนยันทุกอย่างแล้ว
[ อัศวิน.. ดำ ]
เพราะท่าทีของผมจู่ๆ ก็เปลี่ยนไป ทำให้เสียงของเรน่าที่เรียกผมดูสับสนไปด้วย
จะถามต่อไปก็ไร้ค่า
ผมตวดดาบระหว่างที่กระโดดจากนั้นก็ผ่าอุปกรณ์อัญเชิญเป็นสองท่อน
[ อ-อะไรกัน… ]
เสียงเรน่าตกใจ
ส่วนบนสุดของอุปกรณ์ล้มลงมาและกระแทกกับพื้นเสียงดัง
จากนั้นผมก็ฟันอุปกรณ์ในการอัญเชิญชิ้นที่สองและสาม
หลังจากฟันชิ้นที่สี่จนพังไป ผมก็ชี้ดาบไปที่เรน่า
[ สำหรับเธอแล้วผู้กล้าคืออะไรกัน? ]
ผมพูดแล้วใช้ความโกรธกดดันเธอ
เรน่าสับสนเมื่อได้ยินคำถามของผม เธอจะดูจะกลัวอยู่นิดหน่อย
[…จริงด้วย… เป็นธรรมดาที่คุณจะโกรธ เพราะคุณก็เป็นคนที่ถูกอัญเชิญมาเหมือนกัน ]
เรน่าพำพึมกับการคาดเดาที่ผิดพลาดไปนิดหน่อย
[ ทำไมเธอถึงต้องหลอกพวกผู้กล้า… ]
ผมพูดแล้วชี้ดาบไปที่เรน่า
[ มันเป็นปัญหาใหญ่มากนะรู้มั้ย… การอัญเชิญคนมาแล้วน่ะ ]
เรน่าพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า
เธอที่สูญเสียความสงบไป ถึงขนาดจะฆ่าพวกผู้กล้าด้วยเวทส่งตัวกลับ
[ งั้นก็เป็นความจริงสินะ… ]
[พ-เพราะมันช่วยไม่ได้ไม่ใช่เหรอ เพราะเจ้าโมเดสอัปลักษณ์นั้นมันบังอาจมาสร้างโคลนนิ่งร่างฉัน… ]
เรน่าพูดขณะที่หลบสายตา
[ จนในที่สุดก็ขับไล่เขาออกจากเอลีอัสและทำให้ไปใช้ชีวิตอย่างลำบากได้… แต่เขาก็ยัง!!.. ]
ผมไม่สามารถตอบอะไรกลับไปได้
เดิมทีการโต้เถียงในครั้งนี้ก็ควรจะเป็นโมเดส ดังนั้นเราจึงหยุดการพูดคุยไว้
พูดตามตรง ผมหมดแรงจะตอบหลังจากได้ยินคำพูดของโมน่าแล้วล่ะ
แต่พอผมลองคิดดูอีกครั้ง บางทีสาเหตุของเรื่องทั้งหมดมันคงเพราะอารมณ์พาไปมากกว่า
แต่ว่า ผมกลับเริ่มปวดหัว พอคิดไปว่าถ้าไม่มีคนรักโมเดสจริงๆ
เขาอาจกลายเป็นราชาปีศาจที่ลักพาตัวเจ้าหญิงเหมือนในนิทานและนั่นก็เป็นเหตุผลที่จะให้อัญเชิญผู้กล้ามาปราบเขา อาการปวดหัวของผมเริ่มหนักขึ้นหลังจากได้ฟังความจริงไปงั้นเหรอ?
และสุดท้ายในตอนที่เขาโดนปราบลงได้ เจ้าหญิงคงจะด่าแช่งว่า “ไปตายซะ เจ้าหมูอัปลักษณ์โสโครก” กับราชาปีศาจก็ได้ เพราะผมไม่เคยได้ยินว่ามีเจ้าหญิงใจดีที่ไว้ชีวิตราชาปีศาจไว้หลังจากเขาพ่ายแพ้หรอก
แต่มันก็ยังไม่ใช่เหตุผลที่เธอจะมาหลอกชิโรเนะอยู่ดี
ให้เธอไปบอกความจริงกับพวกผู้กล้าซะ นั่นคงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับเรน่าและพวกผู้กล้าแล้วล่ะ
[ เทพธิดาเรน่าไปบอกความจริงกับพวกผู้กล้าซะ ]
ผมชี้ดาบไปที่เรน่า
บรรยากาศระหว่างผมและเรน่าเริ่มตึงเครียดขึ้น
[…. นี่ อยากมาเป็นอัศวินของฉันมั้ย? ]
เรน่าพูดคำพูดที่ไม่คาดคิดออกมา
[ เอ๊ะ!? ]
ผมปล่อยเสียงตกใจออกไป
[ เดิมทีมันก็แปลกอยู่แล้วที่คุณอย่างคุณจะไปเป็นลูกน้องของโมเดส ดังนั้นมาเป็นอัศวินให้ฉันดีกว่ามั้ย ]
เทพธิดาคนนี้กำลังพูดอะไรเนี่ย?
จะบอกให้ผมเป็นพวกเดียวกับผู้กล้า? นี่มันเป็นคำขอที่แปลกประหลาดสุดๆ
จากนั้นประตูก็เปิดออกและมีเงากระโจนออกมา
[ ย๊ากกกก!! ]
เงานั้นตรงเข้ามามาพร้อมกับดาบที่ฟันมายังผม
ผมถอยหลบการฟันนั้น
[ ปลอดภัยดีนะคะคุณเรน่า!! ]
เงานั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากชิโรเนะ
[ ขอโทษที่มาช้าค่ะ เพราะมีคนคุ้มกันอยู่ตลอดทาง… ]
ชิโรเนะชี้ดาบมาทางผม ขณะที่กำลังปกป้องเรน่าที่อยู่ข้างหลัง
[ ไอ้คนขี้ขลาด กล้าชี้ดาบใส่ผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานได้ยังไง!! ]
ชิโรเนะมองผมด้วยสีหน้าโกรธ
ผมไม่อยากให้เธอมองผมด้วยสีหน้าแบบนั้นเลย
[ หนีไปคุณเรน่า!! ที่เหลือปล่อยให้ฉันจัดการเอง!! ]
[ค- ค่ะ… เข้าใจแล้วชิโรเนะ… ฝากที่เหลือด้วย ]
เรน่าที่โดนกดดันจากชิโรเนะวิ่งหนีไปที่ประตู
[ เดี๋ยว…!! ]
ผมพยายามจะไล่ตามเธอไปแต่ชิโรเนะมาขวางเอาไว้
[ ไม่ให้ผ่านไปได้หรอก!! คู่ต่อสู้ของนายก็คือฉัน! ]
◆ เพื่อนสมัยเด็กของคุโรกิ นักดาบชิโรเนะ
ฉันจะปล่อยให้เรย์จิมาต่อสู้ไม่ได้
ฉันที่ดูซาโฮโกะพยายามหยุดเรย์จิไว้อย่างเต็มกำลัง
เธอคงไม่อยากให้เรย์คุงต้องบาดเจ็บอีกแล้ว
เพราะงั้นล่ะ ฉันถึงต้องมา
เรย์จิคุงเป็นผู้กล้าของพวกเรา
ฉันรู้เรื่องของเรย์จิคุงสมัยที่เรียนอยู่ชั้นม.ต้น ตอนนั้นฉันรู้แค่ว่าเขาเป็นพวกเนื้อหอมเท่านั้น
จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ในวันหนึ่ง
ในตอนนั้น ฉันอยากจะช่วยเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจากพวกนักเลง
ตัวฉันที่มั่นใจในฝีมือของตัเอวง มั่นใจว่าต้องช่วยเด็กคนนั้นได้แน่
ดังนั้นฉันถึงได้เอาดาบไม้ไปด้วยเพื่อช่วยเด็กคนนั้น
ที่ตรงนั้นมีชายห้าคนกำลังรุมล้อมรอบเด็กผู้หญิงอยู่สามคน แต่ถึงพวกเขาจะเป็นเด็กม.ต้นเหมือนกัน แต่ฉันกลับได้กลิ่นอายที่รุนแรงจากตัวพวกเขา
แต่จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่เคยแพ้ผู้ชายเลย ทำให้ฉันมั่นใจมากว่าจะชนะ ตราบใดที่มีดาบอยู่ในมือ
แต่ฉันคิดผิด
ผู้ชายคนนั้นโกรธมากที่ฉันชี้ดาบใส่หน้า พรรคพวกของเขาฟาดท่อเหล็กใส่ฉันอย่างเต็มแรง
แต่ฉันก็รับไว้ได้ด้วยดาบไม้ มันเป็นการฟาดที่รุนแรงจนน่ากลัว ในตอนนั้นมือของฉันสั่นไปหมด จนดาบไม้หล่นจากมือ
พวกเขาเยาะเย้ยตัวฉันที่กลัวจนจับอาวุธไว้ไม่ได้
ในช่วงเวลานั้นเรย์จิคุงก็ปรากฏตัวออกมา ไม่ใช่แค่ฉัน แต่เรย์จิคุงยังช่วยพวกเด็กสาวไว้ได้อีกด้วย
ฉันจำได้ดีถึงการต่อสู้ของเรย์จิคุงในตอนนั้น แม้ว่าเรย์จิคุงจะมือเปล่าแต่ก็สามารถต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามที่มีอาวุธครบมือและจัดการทั้งห้าคนได้อย่างง่ายดาย
แม้เขาจะไม่มีอาวุธ แต่เขาก็เอาชนะศัตรูที่อาวุธครบมือได้ทุกคน ตัวเขาช่างเหมือนกับผู้กล้าในตำนาน
เรย์จิคุงยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ตัวฉันที่กำลังสั่นกลัวและฉันก็เริ่มร้องไห้เมื่อได้เห็นรอยยิ้มนั้น
เรย์จิคุงที่ได้รับบาดแผลที่มือขวาการจากทะเลาะครั้งนั้น ทำให้ฉันและพวกเด็กสาวตัดสินใจคอยดูแลเขาจนกว่าแผลจะหายดี ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นฉันจะปกป้องเขาเอง
ในตอนนั้นเองที่ฉันได้พบกับซาโฮโกะและจิยูกิ
พวกเรากลายเป็นผู้ติดตามของเรย์จิคุงไปแล้ว
แต่บางครั้งก็รู้สึกหงุดหงิด ฉันไม่สนใจหรอกว่าใครจะมาเยาะเย้ยฉัน แต่ฉันไม่ยกโทษให้คนที่มาเยาะเย้ยเรย์จิคุงเด็ดขาด
ทั้งๆ ที่เรย์จิคุงไม่ได้ทำอะไรแย่ๆ กับพวกเขาเลยแท้ๆ
ฉันถึงได้ทะเลาะกับเพื่อนสมัยเด็กด้วยเหตุผลนี้เหมือนกัน แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่เขาก็บ่นเรื่องของเรย์จิคุงทำให้ฉันโกรธสุดๆ
ไม่สิ บางทีเหตุผลที่คุโรกิโกรธอาจจะเพราะเรื่องบางอย่าง
ฉันเองก็รู้ว่าครั้งนี้ฉันทำเรื่องไม่ดีกับคุโรกิไว้หลายเรื่อง จนคุโรกิอาจจะเกลียดฉันไปเลยก็ได้
ฉันทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เรย์จิคุงเป็นผู้กล้า ฉันก็แค่อยากให้คุโรกิยอมรับเรื่องนี้เท่านั้นเอง
ซึ่งเรย์คุงก็คือผู้กล้าของโลกนี้ตัวจริง
ทำเอาฉันนึกถึงอนิเมะที่เคยดูเมื่อนานมาแล้ว เรื่องราวของผู้กล้าที่มาจากต่างโลกเพื่อมาปราบราชาปีศาจ สถานการณ์ในตอนนี้มันเหมือนกับในอนิเมะเลยล่ะ
จะว่าไปเมื่อก่อนคุโรกิกับฉันก็เคยเล่นเป็นผู้กล้าจากอนิเมะเรื่องนั้นด้วย ฉันเล่นเป็นผู้กล้า ส่วนคุโรกิเล่นเป็นลูกน้องของตัวร้าย ชื่อของตัวร้ายตัวนั้นมันอะไรกันนะ?
ฉันรู้ดีว่าคุโรกิก็อยากเล่นเป็นผู้กล้าเหมือนกัน แต่ฉันไม่ยอมยกบทผู้กล้าให้หรอกน่า
แต่บางทีผู้กล้าตัวจริงคงเป็นเรย์จิคุงมากกว่า ไม่ใช่ฉัน
ตอนที่เรย์จิคุงปางตายครั้งก่อนทำเอาฉันตกใจมาก
ฉันที่เดิมทีคิดว่าเรย์จิคุงเป็นผู้กล้าในตำนาน คงไม่มีทางแพ้ใครแน่
แต่ฉันกลับคิดผิด ตอนนั้นเรย์จิคุงเก็บจะตายไปแล้ว
ฉันพึ่งมาตระหนักถึงความจริงตอนที่เขาแพ้ให้ไดร์ฮาร์ด
ซาโฮโกะแทบจะสิ้นหวังในตอนนั้น เธอพยายามเต็มที่เพื่อรักษาเรย์จิคุง
สำหรับคุณซาโฮโกะแล้ว เรย์จิคุงก็คือคนพิเศษ
สำหรับฉัน คุโรกิก็เป็นคนพิเศษของฉัน
คุโรกิเป็นห่วงฉันจากใจจริง
ดังนั้นฉันจึงต้องกลับไปให้ได้
ฉันจะกลับไปที่โลกเดิมพร้อมกับคุณจิยูกิเพื่อให้คุโรกิสบายใจ
ถ้ามีคนสำคัญกำลังบาดเจ็บสาหัสก็ต้องเป็นห่วงแน่อยู่แล้ว
ฉันหยุดกังวลไม่ได้เลย เวลามองไปที่คุณซาโฮโกะ
ดังนั้นฉันจึงวิ่งออกไป
ต่อสู้แทนเรย์จิคุงที่กำลังบาดเจ็บ
ที่ห้องโถง ฉันจัดการทหารเขี้ยวมังกรไปสองตัว
เมื่อฉันเข้าไปในห้องนั้นก็เห็นไดร์ฮาร์ดกำลังชี้ดาบใส่คุณเรน่า
ทันทีที่เห็นฉันก็สูญเสียความเยือกเย็น
หากเป็นเรย์จิคุงจะไม่มีวันหันดาบใส่ผู้หญิงที่ไม่มีอาวุธแน่
แต่ผู้ชายคนนี้กลับ
[ ย๊ากกกก!! ]
ฉันฟันใส่ไดร์ฮาร์ดแล้วเข้าต่อสู้กับไดร์ฮาร์ด
◆ อัศวินดำคุโรกิ
[ เตรียมตัวเตรียมใจซะ ไดร์ฮาร์ด!! ]
ชิโรเนะเข้ามาโจมตีผมหลังจากพูดจบ
ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้นะ
ถ้าพูดถึงไดร์ฮาร์ดละก็ หรือว่านี่จะเป็นการเล่นเป็นผู้กล้ากับตัวร้ายที่ผมกับชิโรเนะเคยเล่นกันเมื่อสมัยก่อน?
ผมอยากจะบอกความจริงกับชิโรเนะ แต่ก็ไม่อาจเปิดเผยตัวจริงได้ เรื่องมันถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไป
ผมคิดไปขณะที่รับดาบของชิโรเนะ
ชิโรเนะกวัดแกว่งดาบด้วยความคิดที่จะฆ่าผมเต็มที่
ผมดีใจนะที่ชิโรเนะเป็นคนที่ดูออกได้ง่าย นี่ล่ะเหตุผลที่ปกป้องเธอง่ายไปด้วย
ผมเพิ่งสังเกตตอนที่ต่อสู้กับชิโรเนะ
ว่าทำไมตอนที่ดวลกับเรย์จิครั้งแรก ผมถึงได้แพ้เรย์จิ
ตอนนั้นผมอ่านการโจมตีของเขาไม่ออกเลยสักนิด
และจู่ๆ ผมก็แพ้ทันที ที่แน่ๆ เหตุผลที่ผมแพ้ไม่ใช่เพราะผมสวมเครื่องป้องกันที่หนักกว่าเรย์จิ
จนสุดท้ายผมก็ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงแพ้ ใช่แล้ว เหตุผลก็เพราะผมมองไม่เห็นวิถีดาบของเรย์จิ ทำให้ตัวผมสับสนและสลัดความกลัวไปไม่ได้
แต่ตอนที่ผมต่อสู้กับเรย์จิครั้งที่สอง ผมสามารถมองการเคลื่อนไหวของเขาได้อย่างชัดเจน ทำให้ผมเอาชนะมาได้
และตอนนี้ผมก็เพิ่งรู้สึกตัวหลังจากต่อสู้กับชิโรเนะ
วิชาดาบของชิโรเนะที่มีพื้นฐานมาจากวิชาดาบทำให้ผมสามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวได้
แต่ตรงกันข้าม เรย์จิไม่มีวิชาดาบหรือเรียนวิชาดาบมาเลย มันจึงเป็นการเคลื่อนไหวที่มั่วไปหมด ผมถึงได้กลัวเพราะไม่เข้าใจการเคลื่อนไหวของเรย์จิตอนที่ดวลกับเขาเมื่อตอนนั้น
ถ้าพูดตรงๆ ก็คือวิชาไร้รูปแบบเหมาะสำหรับการทะเลาะวิวาท มันไม่ใช่การเคลื่อนไหวของคนที่เรียนศิลปะการต่อสู้มา
เพราะเรย์จิมีพลังกายที่แข็งแกร่ง วิธีการต่อสู้ของเขาจึงเหมือนสัตว์ที่อาศัยแรงเข้าสู้
เพราะแบบนี้ล่ะมั้ง คนที่เรียนศิลปะการต่อสู้ที่โรงเรียนถึงเอาชนะเขาไม่ได้
เดิมทีศิลปะการต่อสู้ก็เป็นทักษะที่ใช้ต่อสู้กับมนุษย์ ถ้าต้องเจอการเคลื่อนไหวของสัตว์ร้ายอย่างเรย์จิ เป็นธรรมดาที่ต้องสับสนอยู่แล้ว
ในการดวลกันครั้งแรก เพราะผมไม่สามารถตามการเคลื่อนไหวของเขาได้ทัน ทำให้ผมแพ้ในทันที
แต่ในการต่อสู้ครั้งที่สอง การเคลื่อนไหวของเรย์จิก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ผมที่อ่านการเคลื่อนไหวของเขาออกจึงสามารถชนะมาได้
พอผมมาต่อสู้กับชิโรเนะถึงเพิ่งรู้ตัวว่าการเคลื่อนไหวของเรย์จินั้นคล้ายกับพวกสัตว์ร้าย
ดังนั้นตราบใดที่ตอนต่อสู้กับเรย์จิ ผมคิดไปซะว่าไม่ได้ต่อสู้กับมนุษย์อยู่ก็น่าจะเอาชนะได้
แน่นอน ความจริงของเรื่องนี้ผมขอปฏิเสธที่จะบอกโมเดสแล้วกัน
ว่าแท้จริงแล้วเรย์จิเป็นสัตว์ร้ายน่ะ
สัตว์ร้ายที่ซื่อตรงต่อความต้องการของตัวเอง โดยปกติคนเราไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระเสรีเหมือนขาหรอก พวกผู้หญิงถึงได้โหยหาถึงเขาและผู้ชายถึงได้อิจฉาเขา
ผมเองก็ไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระได้เหมือนเขาเช่นกัน เป็นไปได้ว่าวิถีชีวิตนั้นคือเสน่ห์ของตัวเขาล่ะมั้ง?
แม้ด้านเสน่ห์ผมจะสู้เรย์จิไม่ได้ แต่ขอชนะด้านวิชาดาบแล้วกัน ผมคิดเช่นนั้น
ชิโรเนะตวัดดาบของเธอใส่ผม
นานมากแล้วนะ ตั้งต่ที่ผมไม่ได้สู้กับชิโรเนะ นี่ชิโรเนะอ่อนแอลงกว่าเมื่อก่อนงั้นเหรอ?
ผมคิดว่าเมื่อก่อนเธอเก่งกว่านี้อีกนะ ไม่สิ คงเป็นผมมากกว่าที่แข็งแกร่งขึ้น?
การมันเป็นการดวลที่ไม่สูสีกันเลย
ผมต้องบอกความจริงกับชิโรเนะ ต้องให้เธอรู้ให้ได้
บางทีเธออาจจะไม่ฟังผมก็ได้ เพราะตอนนี้ผมคือไดร์ฮาร์ด
แต่ก่อนอื่นต้องปลดอาวุธชิโรเนะก่อน
ความจริง การเอาชนะชิโรเนะมันก็ไม่ได้ง่ายนักหรอก เพราะผมทำร้ายเธอไม่ได้ ดังนั้นสุดท้ายแล้วผมอาจจะแพ้เธอก็ได้
และตอนนี้พวกเรากำลังใช้ดาบจริงไม่ใช่ดาบไม้ ผมยิ่งฟันเธอไม่ได้เด็ดขาด ถ้าหากจะชนะชิโรเนะก็ต้องฟันเธอ
แต่ผมไม่อยากทำให้เธอบาดเจ็บเลย…
นี่ผมควรจะทำยังไงดี?
◆ เพื่อนสมัยเด็กของคุโรกิ นักดาบชิโรเนะ
แข็งแกร่ง ดาบของฉันฟันไม่ถึงเขาเลย
ฉันคิดอย่างนั้น ขณะมองศัตรูตรงหน้าของฉัน ไดร์ฮาร์ด
เขาหลบการโจมตีของฉันได้อย่างง่ายดาย
การเคลื่อนไหวของฉันถูกอ่านอย่างสมบูรณ์แบบ
ไดร์ฮาร์ดหลบดาบของฉันโดยแทบจะเฉียดฉิว
เท่าที่ฉันรู้ คนที่เคลื่อนไหวแบบนั้นได้มีเพียงคนเดียว
และคนๆ นั้นคือลุงที่มาสอนที่สนามฝึกที่บ้านฉัน
ลุงเป็นคนรู้จักของพ่อจึงมักจะแวะมาบ่อยๆ
พ่อคยบอกไว้ว่าลุงเป็นปรมาจารย์ดาบ
บางครั้งฉันก็แอบดูพ่อกับลุงดวลกัน ผลคือพ่อที่ฉันคิดว่าแข็งแกร่งแตะตัวลุงคนนั้นไม่ได้เลย
การเคลื่อนไหวของไดร์ฮาร์ดเหมือนกับลุงเลย ไม่สิ ฉันมั่นใจว่าเขาอาจจะแข็งแกร่งเท่าลุงเลยก็ได้
แต่ฉันว่าลุงที่แข็งแกร่งคนนั้นมองคนไม่เป็นเลยนะ
ก็เขาบอกว่าคุโรกิมีพรสวรรค์นี่นา แต่คุโรกิยังไม่เคยชนะฉันสักครั้งเลยนะขอบอก
จากนั้นลุงก็สอนหลายๆ เรื่องให้กับคุโรกิ
ฉันเองก็ดีใจด้วยล่ะ เพราะฉันเองก็จะได้เรียนวิชาดาบจากลุงด้วย
แต่สุดท้ายฉันก็ทนความเข้มงวดของการสอนของลุงไม่ได้ จนยอมแพ้ในทันที
ฉันนึกเสียใจกับการตัดสินใจในตอนนั้น
ถ้าฉันทนเรียนวิชาดาบจากลุงอีกสักนิด อาจจะสู้กับไดร์ฮาร์ดได้สูสีก็ได้
ฉันแทบจะร้องไห้ จะว่าไปการต่อสู้มันก็ผ่านไปนานมากแล้ว
มีเหตุผลอะไรที่ไดร์ฮาร์ดต้องยืดเยื้อการต่อสู้นี้ด้วย? ทำไมเขาถึงไม่พยายามจะฟันดาบใส่ฉันเลย?
เขากำลังล้อเล่นกับฉันรึไงนะ
ฉันโกรธมาก ทั้งที่ศัตรูเป็นแค่ไอ้คนขี้ขลาดที่หันดาบใส่ผู้หญิงที่ไม่มีอาวุธ แต่ฉันกลับเอาชนะเจ้าคนพรรค์นั้นไม่ได้
ฉันทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากแกว่งดาบไปมา
ไม่รู้ว่าฟันไปกี่ครั้งแล้ว
จนกระทั่งมือของฉันรู้สึกเบาและเสียง ‘เคร้ง’ ดังขึ้น
ฉันมองไปที่มือ… ดาบที่ควรอยู่ในมือไม่อยู่
ดาบของฉันหล่นไปที่ด้านข้าง
ฉันรู้สึกสับสนที่เห็นว่าไดร์ฮาร์ดปัดดาบฉันทิ้ง
เขาคงพยายามโจมตีฉันในช่วงที่อ่อนแอแน่
ปกติฉันจะใส่แรงไว้เวลาแกว่งดาบเสมอ
แต่มันก็ยังมีช่องว่างที่ฉันคลายแรงที่ด้ามจับ
ไดร์ฮาร์ดโจมตีตอนที่ฉันคลายแรงที่ด้ามดาบ
ดาบของฉันถูกไดร์ฮาร์ดปัดทิ้งไป
ฉันไม่อยากเชื่อสายตา ราวกับทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคิด
ไดร์ฮาร์ดเป็นสัตว์ประหลาดตัวจริง ฉันมองไปที่ไดร์ฮาร์ด
แต่น่าตกใจที่ไดร์ฮาร์ดไม่ทำอะไรเลย
บางทีเขาอาจไม่ได้คิดว่าฉันเป็นภัยคุกคามต่อเขาเลยด้วยซ้ำ
[ ฉันเป็นผู้กล้าไม่ได้… ]
ก่อนที่จะรู้ตัว น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาของฉัน
[ อย่าคิดว่าจะชนะแล้วนะ! ]
ฉันจ้องมองไดร์ฮาร์ดขณะที่ร้องไห้
◆ อัศวินดำคุโรกิ
มันเป็นไปตามแผนของผม
ผมสามารถปัดดาบของเธอทิ้งได้ ตอนที่เธอกำลังเผลอ
นี่เป็นวิชาที่ใช้ได้ผลหากอีกฝ่ายไม่ใส่แรงเอาไว้ที่มือเสมอ
ที่ผมใช้วิชานี้กับชิโรเนะเพราะรู้จักวิชาดาบของเคยต่อสู้ด้วยกันมาแล้วเมื่อนานมาแล้ว
ชิโรเนะที่เสียดาบไป ต่อสู้ไม่ได้อีกแล้ว ต่อไปก็คงต้องหาทางคุยกับเธอ
ผมเดินเข้าไปใกล้ชิโรเนะ
[ ฉันเป็นผู้กล้าไม่ได้… ]
ชิโรเนะพึมพำคำพูดนั้นแล้วหัวก้มลง
เท้าของผมหยุดหลังจากได้ยินคำพูดของเธอ
[ อย่าคิดว่าจะชนะแล้วนะ! ]
ชิโรเนะตะโกนคำพูดนั้นแล้วจ้องหน้าผม
เธอกำลังร้องไห้
ผมพูดอะไรไม่มากเมื่อเห็นสีหน้าของเธอที่เปอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา
[ อีกไม่นานเรย์จิคุงจะต้องมาจัดการนายแน่! ]
ลมหายใจของเธอเต้นระรัวขณะที่ตะโกนออกมาเสียงดัง
[ เรย์จิคุงน่ะเท่กว่านายเป็นพันเท่า!!! ]
คำพูดนั้นมันเสียดแทงในใจผม
มันเจ็บปวดมาก
เพราะคำพูดนั้นทำให้ผมนึกถึงคำพูดแบบเดียวกันของเธอในอดีต
เหมือนตอนที่ผมทะเลาะกับชิโรเนะเรื่องเรย์จิ
ช่วงเวลาในตอนนั้นก็เจ็บปวดเหมือนกัน
ความเจ็บปวดใจในตอนนั้นยังคงเจ็บอยู่กระทั่งตอนนี้
ใช่ ผมชนะเขาไม่ได้ แม้ว่าผมจะเก่งเรื่องวิชาดาบ แต่ผมก็ชนะเรย์จิไม่ได้
หลังจากชิโรเนะตะโกนเธอก็นั่งร้องไห้อยู่ที่พื้นเสียงดัง
ผมรู้สึกเหมือนกับตัวเองทำเรื่องที่ผิดพลาดไป เมื่อเห็นชิโรเนะร้องไห้
ผมทำให้เธอร้องไห้ งั้นคนที่แย่มันก็คือผมนะสิ?
อารมณ์ของผมจมลงสู้ก้นบึ้ง
แม้ผมจะต้องบอกความจริงกับเธอ แต่ก็ไม่รู้จะบอกเธอไปว่ายังไงดี
อย่างน้อยตอนนี้เครื่องมืออัญเชิญก็พังไปหมดแล้ว ชิโรเนะก็คงจะปลอดภัยแล้ว
เรน่าเองก็บอกว่าจะไม่ทำอะไรแล้ว แต่ก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่
[ ไม่เป็นไรนะชิโรเนะ!!! ]
[ คุณชิโรเนะ!! ]
ขณะที่ผมกำลังขบคิดเรื่องราวต่างๆ เรย์จิก็มา
[ ร-เรย์จิคุง… ]
ชิโรเนะที่ร้องไห้ ยิ้มได้อีกครั้งเพราะเห็นเรย์จิ
พอเห็นฉากนั้นเข้า ทำเอาผมอยากจะร้องไห้
[ แก- !! ออกไปห่างๆ ชิโรเนะนะ!! ]
เรย์จิพยายามจะดึงดาบออกมา
เขาช่างเหมือนกับเจ้าชายที่มาช่วยเจ้าหญิงเมื่อตอนลำบาก
ถ้างั้น ตัวร้ายอย่างผมคงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหายไป
ผมเดินถือดาบแล้วตรงไปที่ทิศตรงข้ามกับเรย์จิและชิโรเนะ
โดยไม่สนใจเรย์จิที่กำลังงุงงงอยู่ข้างหลัง
ขณะที่ผมเดิน ที่มือของผมก็มีเปลวไฟสีดำปรากฏขึ้น
ราวกับเปลวไฟสีดำนั้นมันออกมาจากก้นบึ้งของจิตใจของผมเอง
ผมขว้างเปลวไฟสีดำไปยังเพดานของวิหารจนมันละลาย ทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่แต่ไม่มีฝุ่นตกลงมาเลย
ผมโดดขึ้นไปและใช้เวทมนตร์บินเพื่อกลับไปที่นากอล
ดินแดนที่มืดมิดคงเหมาะกับผมมากกว่า
ผมไม่สนใจแล้วว่าพวกเทพจากเอลีอัสจะมาพบเข้า ตอนที่ผมใช้เวทมนตร์บิน
ร่างกายอันอ้างว้างของผมล่องลอยภายใต้แสงจันทร์อย่างเดี่ยวดาย