อัศวินดำ - ตอนที่ 2
◆ ชายผู้ถูกราชาปีศาจอัญเชิญมา คุโรกิ
ทำไมเรย์จิถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
ทำไมเขาถึงได้กลายเป็นผู้กล้า?
ทำไมเพื่อนสมัยเด็กของผม ชิโรเนะถึงอยู่ที่นี่ด้วย?
เป็นสถานการณ์ที่ผมไม่เข้าใจเลย
แต่ก็ดีใจที่รู้ว่าชิโรเนะยังมีชีวิตอยู่
นี่คือความคิดของผมเมื่อเห็นภาพที่ลอยอยู่
นั่นก็เพราะเรย์จิเองก็หายตัวไป
และก่อนจะหายตัวไปชิโรเนะเองก็ไปเล่นที่บ้านพักตากอากาศของเรย์จิช่วงหน้าร้อน
ถึงกับต้องระดมค้นเข้าค้นหา ขนาดผมยังไปที่บ้านพักตากอากาศนั้นเพื่อหาชิโรเนะเลย
แต่หลังจากนั้นผมจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม
[ ขอบคุณพระเจ้า… ที่ชิโรเนะยังปลอดภัย… ]
ผมพึมพำเสียงเบาๆ
ผมรู้สึกกับชิโรเนะตั้งแต่ก่อนจะจำความได้ซะอีก เพราะบ้านของเราอยู่ใกล้กัน
ความสัมพันธ์ของเราเป็นแบบนั้นมาเสมอ
เมื่อสมัยเด็กก็เคยวิ่งไปเล่นบนภูเขาด้วยกัน
เรียนวิชาดาบด้วยในโรงฝึกของพ่อชิโรเนะ
ผมถึงได้เป็นห่วงมากเมื่อรู้ว่าชิโรเนะหายตัวไป
ชิโรเนะกับคนอื่นๆ ยังมีชีวิตอยู่
เรื่องนั้นผมก็ควรจะดีใจอยู่หรอก
แต่ในภาพที่ผมเห็นคือพวกเขากำลังต่อสู้อยู่
ดูเหมือนภาพการต่อสู้นี้จะเป็นภาพที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
พลังของพวกเขาสามารถทำลายกองทัพมอนสเตอร์ได้สบาย เรยจิคุยอย่างสนิทสนมกับสาวงามของโรงเรียนอย่างไม่เกรงใจใคร
จู่ๆ เมื่อผมเห็นภาพนั้น น้ำตาผมก็ไหลออกมา
แม้แต่ตอนที่เรียนอยู่เรย์จิเองก็ถูกรายล้อมไปด้วยคนสวยๆ ทั้งนั้น และตอนนี้สาวๆ พวกนั้นกำลังคุยกับเรย์จิด้วยท่าทางมีความสุข
อิจฉาเว้ยย
[อืมมม….]
ผมได้ยินเสียงจากด้านข้างของผม
ก่อนที่จะรู้ตัวโมเดสก็มาอยู่ด้านข้างของผมซะแล้ว
[อืมมม งั้นรึครับ…]
มีอะไรแปลกๆ ติดอยู่ที่หน้าผมรึไง
โมเดสพยักหน้าราวกับรู้เรื่องบางอย่างแล้ว
[ ท่านคุโรกิ ข้าขอเล่าต่อเลยแล้วกัน พวกผู้กล้าปรากฏตัวขึ้นที่นี่เมื่อประมาณครึ่งปีก่อน ]
โมเดสเริ่มอธิบาย
ครึ่งปีก่อน?
แต่ที่ผมจำได้ตอนที่พวกเขาหายตัวไปมันแค่ประมาณอาทิตย์ที่แล้วเองนะ
น่าสงสัยจังแฮะ
[ จู่ๆ พอพวกเขามาถึงก็เริ่มรุกรานดินแดนนากอลของพวกเรา แต่กองทัพของเทพธิดาก็ใช่ว่าจะเอาชนะได้สบายๆ ข้าได้ส่งลูกสมุนและสัตว์อัญเชิญที่แข็งแกร่งไปรับมือ แต่ตอนนี้ก็เหมือนกับยืนอยู่บนคมดาบ จนกระทั่งเมื่อ 5 วันก่อน ที่พวกเขาสามารถเอาชนะลูกน้องที่แข็งแกร่งที่สุดของข้า อัศวินแห่งความมืดลงได้ ขืนเป็นแบบนี้อีกไม่นานพวกเขาจะต้องมาถึงปราสาทแห่งนี้ในวันพรุ่งนี้แน่ครับ ]
โมเดสพูดด้วยเสียงเครียด
[ หลังจากข้าลองสืบดูก็รู้มาว่าพวกเขาถูกอัญเชิญมาจากโลกแห่งวิญญาณเพื่อมาปราบข้า ดังนั้นข้าจึงทำการอัญเชิญวิญญาณจากโลกแห่งวิญญาณมาเพื่อจัดการผู้กล้าครับ ]
เขามองมาที่ผม
[ ซึ่งคนๆ นั้นก็คือท่านคุโรกิครับ ]
[ เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนสิครับ… ]
เรื่องนั้นมัน…
ผมร้องไห้ออกมาจากก้นบึ้งหัวใจเพราะคำพูดของโมเดส
[ ยังไงก็ตามแต่ ได้โปรดเถอะครับท่านคุโรกิ ได้โปรดช่วยพวกเราจากพวกผู้กล้าด้วย]
โมเดสก้มหัวให้ผม
[ เรื่องไร้เหตุผลนี่มัน… ]
ถ้าให้สรุปก็คือเขากำลังบอกให้ผมไปสู้กับเรย์จิและพวกสาวๆ พวกนั้น
นี่มันจะไร้เหตุผลเกินไปแล้ว
มิโด เรย์จิหรือรู้จักกันในชื่อเรย์จิ เขาเป็นคนที่ได้รับความนิยมโรงเรีบนม.ปลายคาโยว ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ผมเรียนอยู่
ใบหน้าเนียนสวย รูปร่างผอมบาง ส่วนสูงประมาณ 180 เซนติเมตร
อาจจะเพราะว่าเขามีแม่เป็นชาวต่างชาติทำให้ผมของเขามีสีน้ำตาลดูสดใส หากมองโดยสะท้อนจากแสงแดดจะเป็นสีทอง
มีผลงานอีกมากมายแม้แต่เรื่องกีฬาก็ไม่น้อยหน้า
แถมครอบครัวเขายังรวยสุดๆ
นี่นายหลุดมาจากในมังงะเหรอไง
ด้วยเหตุผลแค่นี้ก็ทำให้เขาเนื้อหอมในหมู่สาวๆ ได้แล้ว
ถึงขนาดโดนจัดอันดับในหมู่ผู้หญิงให้เป็นคนที่อยากคบด้วยมากที่สุดด้วยนะ
เหตุผลก็ง่ายนิดเดียว เพราะเรย์จิดูต่างจากผู้ชายคนอื่นอย่างเห็นได้ชัดขนาดนี้
และยังใจดีด้วย แต่เฉพาะกับผู้หญิงน่ะนะ
นั่นล่ะสิ่งที่คิดถ้าพูดถึงเรย์จิ
บางครั้งบางคราว เรย์จิยังมีความสามารถแปลกๆ เวลาเด็กผู้หญิงตกอยู่ในอันตรายเขาจะช่วยเอาไว้ได้ทันทุกที
จำนวนเด็กผู้หญิงที่ถูกเรย์จิช่วยเอาไว้สูงมาก
บางทีคงเพราะเหตุผลนี้ล่ะมั้ง ที่ทำให้สาวๆ มาหลงรักเรย์จิไม่หยุดหย่อน
จะว่าไปแล้วผมไม่เคยได้ยินข่าวลือว่าเรย์จิช่วยผู้ชายคนไหนเลย
ถ้าเป็นผู้ชายล่ะก็ไม่ว่าจะลำบากเรื่องอะไรก็หาทางรอดเอาเองเถอะ ประมาณนั้นล่ะ
แม้เรย์จิจะเป็นที่ชื่นชอบกับผู้หญิงและยังเข้มงวดกับเด็กผู้ชายมาก
นี่ล่ะที่ทำให้ฝั่งผู้ชายดูจะไม่ชอบเรย์จิกัน
ทีแรกเรย์จิก็อาจจะไม่ได้กังวลเรื่องนี้เลยสักนิด
แต่จำนวนเด็กผู้ชายที่ถูกกดดันจากความเนื้อหอมของเรย์จิก็มีมากขึ้นๆ
ทำให้ความนิยมในตัวเขากับเด็กผู้ชายยิ่งต่ำลงไปอีก
แต่เพราะเรย์จิไม่เคยบังคับอะไรเด็กผู้หญิงที่มาชอบเขาและไม่เคยได้ยินว่าเขาไปร้องเรียนอะไรกับกลุ่มเด็กผู้ชายด้วย
กลุ่มเด็กผู้ชายเลยไม่มีทางเลือกได้แต่เงียบเอาไว้นั้นล่ะ
เพราะหากเด็กผู้ชายไปทำอะไรเรย์จิเข้า อาจจะทำให้เกิดการบาดหมางกับกลุ่มเด็กผู้หญิงที่อยู่รอบตัวเรย์จิได้
ยังไงผู้ชายธรรมดาก็คงสู้หนุ่มสู้ไม่ได้
และเพื่อนสมัยเด็กของผมชิโรเน อาคามิเนะเองก็อยู่ในกลุ่มนั้นเช่นกัน
เหตุผลคงมาจากว่าเรย์จิเคยทักเธอว่าชิโรเนะน่ารักล่ะมั้ง
หรืออาจจะเป็นเพราะตัวชิโรเนะเองที่ยินดีกับตัวเขา ผมเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลไหน
แต่สำหรับผมแล้ว ผมไม่สบอารมณ์ซะเลย จนถึงขั้นไม่อยากให้พวกเขาอยู่ด้วยกัน และแล้วเรื่องนี้ก็ทำให้กลายเป็นว่าผมต้องทะเลาะกับชิโรเนะ
นั่นล่ะคือเรื่องก่อนวันหยุดฤดูร้อน
รักแรกของผมสลายไป
เพราะผมมันก็แค่คนธรรมดาที่หาได้ทั่วไป
เมื่อเทียบกับเรย์จิแล้ว ผมไม่มีทางเลือกเลยนอกจากต้องปล่อยรักแรกของผมไป
มอนสเตอร์ที่เรียกตัวเองว่าราชาปีศาจกำลังบอกให้ผมต่อสู้กับเรย์จิ
แต่มันไม่มีเหตุผลเลย
เพราะเรย์จิเก่งสุดๆ
ผมไปสู้ก็มีแต่จะโดนจัดการซะเองนะสิ
ครั้งนึงกัปตันชมรมคาราเต้เคยคิดจะแก้แค้นกับเรย์จิเพราะเด็กผู้หญิงที่กัปตันชมรมชอบดันไปหลงรักเรย์จิ
ผลคือกัปตันชมรมคาราเต้ขากรรไกรหัก ซึ่งต้องใช้เวลากว่า 3 เดือนเต็มถึงจะรักษาหาย
จะว่าไป เจ้าเรย์จินี่มันตัวอันตรายเลยนี่หว่า
ว่าแต่ทำไมถึงได้ไม่มีการแก้แค้นจากกัปตันชมรมคาราเต้กันนะ หรือว่าจะเพราะกลัวอำนาจมืดของพ่อแม่เรย์จิหรือกลัวว่าจะโดนแก้แค้นคืนทีหลัง ผมไม่รู้หรอกว่าอย่างไหน
เพราะเรื่องต่อจากนั้นไม่ได้เปิดเผยให้ใครรู้
และยังมีความลับที่รู้กันเฉพาะนักเรียนในโรงเรียน
มีทั้งว่าเรื่องที่ว่า มีชายคนนึงที่ชอบศิลปะการต่อสู้แล้วไปท้าทายเรย์จิบ้าง
ทั้งเรื่องที่ว่า เรย์จิเคยสู้กับชายร่างใหญ่นับสิบคน
แต่ไม่มีใครชนะเขาได้เลย
เรย์จิอาจจะจำผมไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะเมื่อก่อนผมเองก็เคยแพ้เขามาแล้ว
ผมไม่อยากจะจำมันเลย ไอ้ความพ่ายแพ้ที่น่าสมเพซแบบนั้น
เป็นการต่อสู้ที่ทุเรศสิ้นดี
เดิมทีผมเองก็เป็นคนใจเย็น
แต่ในตอนนั้นสถานการณ์มันพาไป
ทำให้กลายเป็นการต่อสู้แบบฝืนบังคับไป
[ รอก่อนครับฝ่าบาท !!!]
มีใครบางคนกำลังฝ่าฝูงชนของเหล่ามอนสเตอร์ออกมา
ชายคนนั้นสวมชุดเกราะสีดำ
เขามีผิวสีคล้ำและมีผมสีทอง คล้ายกับพวกแยงกี้ที่ชอบแต่งตัวคอสเพลย์ แต่ที่บนหัวของชายคนนั้นมีเขาอยู่
[ โอ้ นั่นมันลอร์ดรันฟิว! บาดแผลที่ได้รับจากพวกผู้กล้าไม่เป็นไรแล้วรึ? ]
ชายที่ชื่อรันฟิวกำลังก้มหัวลง
[ ขอขอบคุณในความเป็นห่วงพะยะคะ ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องยืมพลังจากเจ้าคนไร้หัวนอนปลายเท้านั้นหรอกครับ แล้วจนถึงตอนนี้พวกเราเองก็พ่ายแพ้ไปเพียงแค่ครั้งเดียว แต่ข้าในฐานะอัศวินดำนั้นจะพยายามห้มากขึ้น ได้โปรดสั่งข้าดีกว่าครับ ]
ชายที่ชื่อรันฟิวบอกกับโมเดส
[ อีกอย่าง… ]
จากนั้นเขาก็มองมาทางผม
[ ข้าไม่คิดว่าชายคนนี้จะสามารถเอาชนะผู้กล้าได้ครับ ]
อย่างที่เขาบอกนั้นล่ะ
ผมพนักหน้าให้กับคำพูดของเขา
[ ขอข้าดูพลังหน่อยเถอะ!! ]
หลังจากพูดจบ เขาก็ชักดาบที่เอวจะฟันผม
[ เดี๋ยวดิเห้ย! ]
ผมบิดตัวเพื่อหลบดาบ ทำไมผมรู้สึกเหมือนร่างกายเบากว่าปกติกันนะ
[ ฮาาา!! ]
รันฟิววิ่งแล้วฟันเข้าหาผมอีกครั้ง
แล้วเป็นธรรมดาว่าผมต้องหลบ
เข่าผมอ่อนไปหมดแล้ว ผมสลับเท้าเพื่อหลบดาบของรันฟิว
โดยพยายามเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุดเพื่อหลบและไม่ให้เสียการทรงตัว
จากนั้นก็จับแขนของเขาแล้วทำให้เขากระเด็นออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
[ อุ๊กกก!! ]
รันฟิวเอามือพยุงตัวเพื่อลุกขึ้นจากพื้น
[ อ อา ขโทษครับ!! ]
ผมไม่ได้ตั้งใจจะโยนเขาไปสักหน่อย
แต่มันยังไม่จบแค่นั้น
[ ย๊ากกกก!! ]
รันฟิวกำลังเบ่งออร่าแล้วยื่นมือซ้ายมาทางผม
เปลวไฟสีดำปรากฏขึ้นที่บนมือของเขา
[ เดี๋ยวก่อนลอร์ดรันฟิว! เวทมนตร์นั่นมัน…! ]
ไม่พูดพล่ามทำเพลง จากนั้นเปลวไฟสีดำนั้นก็มุ่งตรงมาทางผม
[เอาไปกินซะ เพลิงทมิฬแห่งความืดมิด (BLACK FLAME) ]
เปลวไฟสีดำขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
จนผมคิดว่าคงหลบไม่พ้นแน่
ถ้าผมหลบเปลวไฟนี้ก็คงไปโดนฝูงมอนสเตอร์ที่อยู่รอบๆ ผม อีกอย่างการจะหลบในระยะใกล้ขนาดนี้มันยากมาก
เปลวไฟใกล้เข้ามาแล้ว
ผมยื่นมือออกไปข้างแล้วแล้วจับเปลวไฟนั้นไว้
จากนั้นตาของผมก็เบิกกว้างกับฉากที่ปรากฏขึ้น
ผมสามารถจับเปลวไฟสีดำนั้นได้ด้วยมือเปล่า
นี่มันเป็นเรื่องปกติเหรอ?
แต่ตอนนี้ผมกำลังจับเปลวไฟสีดำนั้นไว้ด้วยมือสองข้างจริงๆ
พอผมขยับนิดหน่อย เปลวไฟก็สลายไปอย่างง่ายดาย
[ไม่จริง… เพลิงทมิฬแห่งความมืดมิดของข้า ]
รันฟิวคอตกขณะพูดพึมพำ
หรือว่านี่คือสุดยอดวิชาของเขาเหรอ
รู้สึกแปลกๆ
แม้ว่าผมจะมองไปที่มือดู แต่ที่มือก็ไม่มีแผลจากไฟไหม้อยู่เลย
เมื่อผมลองนึกถึงเปลวไฟสีดำนั้นอีกครั้ง เปลวไฟนั้นก็ปรากฏขึ้นบนมือของผม
[ !!? ]
ที่ผมตกใจยิ่งกว่าคือที่ผมบดขยี้เปลวไฟสีดำได้ด้วยมือเปล่านี่ล่ะ
จากนั้นก็มีเสียงปรบมือของใครบางคนดังขึ้น
[สมกับเป็นท่านคุโรกิ แม้แต่ลอร์ดรินฟิว อัศวินที่แข็งแกร่งที่สุดของนากอลยังไม่มิอาจทำอะไรท่านได้แม้แต่ปลายเล็บ และเพียงท่านได้เห็นเพลิงสีดำครั้งเดียวยังใช้ได้แล้ว]
โมเดสหัวเราะ ถ้ามีพลังนี้แม้แต่พวกผู้กล้าผมก็อาจจะเอาชนะได้
ว่าแต่ไอ้เพลิงสีดำนี่มันอะไร?
มาคิดดูแล้ว พวกเขาก็สามารถสร้างไฟหรือแสงออกมาจากมือได้นี่นะ
เป็นไปได้ไหมว่าผมจะได้พลังมหาศาลมาตั้งแต่มายังโลกนี้?
หัวผมชักจะคิดอะไรไม่ออกแล้วสิ
ที่สำคัญคือ เขายังพูดเรื่องว่าให้ต่อสู้กับพวกเขาด้วย
แต่เดิมทีผมก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องต่อสู้เพื่อพวกเขาสักหน่อย
ทำไมผมถึงต้องสู้ด้วยล่ะ
แต่ถ้าเกิดผมต่อต้านมันจะเกิดอะไรขึ้นกันนะ?
หรือว่าผมจะกลับโลกเดิมไม่ได้ถ้าไม่ต่อสู้เพื่อพวกเขางั้นเหรอ?
เอ๊ะ หรือว่าในด้านสถานการณ์ของผมจะเป็นแบบเดียวกับฝ่ายผู้กล้า ที่ต้องปราบราชาปีศาจให้ได้ซะก่อนไม่งั้นก็กลับโลกเดิมไม่ได้?
งั้นนี่ก็เหมาะเหม็งเลยสิ ถ้าผมไปเข้าฝ่ายกับพวกเรย์จิแล้วปราบราชาปีศาจซะ?
จากนั้นก็ถามเทพธิดาถึงวิธีกลับไปยังโลกเดิม
แต่เรย์จิจะยอมร่วมมือกับผมเหรอ?
เพราะเรย์จิเป็นพวกเย็นชากับผู้ชาย
เขาอาจจะเตะโด่งผมหลังจากที่คิดว่าผมไม่จำเป็นอีกแล้วก็ได้
ถ้าผมเป็นเด็กผู้หญิงน่ารักเขาก็คงจะช่วยผมอบู่หรอก แต่น่าเสียดายนะที่ผมน่ะเป็นผู้ชายและยังมีเจ้าตุ้มจิ๋วห้อยอยู่ที่หว่างขาด้วย
แล้วบางทีถ้าพวกเขาปราบราชาปีศาจลงได้โดยไม่มีผม พวกเขาก็คงทิ้งผมไว้แล้วกลับโลกเดิมกันแค่พวกเขาก็ได้
หรือผมควรจะหาเสื้อผ้าผู้หญิงมาใส่? แล้วปกปิดตัวจริงที่ว่าตัวเองคือคุโรกิ
… โอ้ย ผมจะเป็นบ้าอยู่แล้ว
ผมส่ายหัวกับความคิดงี่เง่ามากมายที่แล่นเข้ามาในหัว
นั่นมันจะลงทุนมากไปแล้ว
และยังมีเหตุผลอีกข้อคือผมไม่อยากพบกับชิโรเนะในสถานการณ์แบบนี้
เพราะผมเพิ่งทะเลาะกับเธอไปเมื่อช่วงหน้าร้อน
สรุปแล้วการร่วมมือกันคงต้องตัดไป
เรื่องของตัวเองก็ต้องจัดการด้วยตัวเอง
แล้วผมก็จะปล่อยให้คนที่อัญเชิญผมมาไว้เฉยๆ ไม่ได้ซะด้วย
ผมส่งสายตาลางๆ ไปทางโมเดส
[เอ่อ… ถ้าผมไม่จัดการพวกเขาก็กลับโลกเดิมไม่ได้งั้นเหรอครับ?]
ผมถามเขาไป
[เอ๊ะ…?]
แต่โมเดสกลับพูดออกมา ราวกับนี่ไม่ใช่คำถามที่เขาหวังไว้
[…. วิธีที่ท่านคุโรกิจะกลับงั้นรึครับ?]
โมเดสเริ่มใช้ความคิด
จากนั้นเขาก็เอากระดาษจากในกระเป๋าออกมา
ฉันเริ่มรู้สึกลางไม่ดีซะแล้ว
ดูเหมือนโมเดสกำลังอ่านจดหมายที่เขียนไว้บนกระดาษใบนั้น
[อย่าบอกนะว่า…. พวกคุณไม่รู้วิธีส่งผมกลับไปยังโลกเดิมนะ?]
โมเดสเงียบให้กับคำถามของผม
ความเงียบอันจากความสงสัย ทำให้บรรยากาศรอบข้างดูเครียดขึ้น
[… ดูเหมือนว่าจะไม่มีส่งท่านกลับไปยังโลกเดิมครับ ]
ผลลัพธ์เลวร้ายสุดๆ
[ ว่าไงนะะะะะ!!! ]
ผมตะโกนออกไปอย่างไม่ตั้งใจ
[ แบบนี้ไม่เอานะเฟ้ยยย!! ]
ผมตระโกนออกไปสุดเสียงแบบไม่ได้ตั้งใจ
นี่มันขาดความรับผิดชอบชะมัด
[ต ต้องขออภัยด้วยครับ]
โมเดสก้มหัวขอโทษ
ดูเหมือนที่จริงโมเดสจะเป็นคนขี้อายผิดกับรูปลักษณ์
[ รอเดี๋ยวก่อนท่านคุโรกิ ]
โมน่าที่อยู่ข้างๆ โมเดสพูดขึ้น
เธอมองมาที่ผมด้วยสายตาราวกับกำลังจะร้องไห้
ผมไม่ได้พูดอะไรกลับไปเพียงแต่มองไปด้วยสายตาอันอ่อนโยน
ไอ้สายตาดุดันของผม มันไม่ใช่ของที่จะใช้กับผู้หญิงหรอก
[ ได้โปรดท่านคุโรกิ โปรดฟังเรื่องของท่านโมเดสก่อนเถอะค่ะ ]