CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

อัศวินดำ - ตอนที่ 20

  1. Home
  2. อัศวินดำ
  3. ตอนที่ 20
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

◆ อัศวินแห่งอาณาจักรร็อก เร็มเบอร์

[ งั้นที่เหลือฝากด้วยนะลอร์ดเร็มเบอร์ ]

ข้าก้มหมอบลงหลังจากได้ยินคำพูดขององค์ราชาเมื่อครู่

ข้าคืออัศวินแห่งอาณาจักรร็อก หน้าที่ของข้าคือการปฏิบัติตามคำสั่งของราชา

ไม่ว่าจะเลวร้ายหรือเป็นคำสั่งที่โหดร้ายเพียงใดก็ตาม

ข้าเดินไปตามถนนหลังปราสาท ถนนนั้นเต็มไปด้วยผู้คนแม้ท้องฟ้าจะมืดมิด

ทุกคนคงจะยุ่งกับการเตรียมตัวเพื่องานเทศกาลที่จะเริ่มในวันพรุ่งนี้

แต่ข้าก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเทศกาลที่ดีอะไรนัก

หลังจากเดินมาสักพัก ข้าก็มาถึงยังร้านที่จุดหมายของข้า

ร้านบาร์อาหารซึ่งมีชื่อว่า [ คันชั่งสีขาว ] คนที่ข้ากำลังตามหาอยู่ที่นั่น

ข้าเดินเข้าไปในร้าน ในร้านมีลูกค้ามากมายเพราะเป็นช่วงมื้อเย็นพอดี

ร้านคันชั่งสีขาวเป็นร้านที่พิเศษในอาณาจักรร็อก ถ้าจะถามว่าเพราะอะไรก็คงเพราะจำนวนลูกค้าที่มากจนผิดปกตินี่ล่ะ

ลูกค้าเกือบทั้งหมดในร้านต่างพกอาวุธ

เนื่องจากที่นอกกำแพงเมืองมีปีศาจอยู่มากมายและมีหลายคนที่เดินทางมาจากข้างนอก อย่างน้อยนี่ก็เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเอาชีวิตรอด เพื่อความภัยในเวลาที่ปีศาจโผล่มา ลูกค้าในร้านนี้จึงไม่ใช่ลูกค้าทั่วไป พวกเขาจะเก็บอาวุธประจำตัวไว้ข้างกายเสมอ เช่นโล่ เกราะหรืออะไรต่างๆ มากมาย

ทั้งยังมีคนที่กล้ามเป็นมัดๆ ที่หาตัวจับได้ยาก พวกเขาช่างเหมาะกับสนามรบจริงๆ

ทหารรับจ้าง

นั่นคือชื่อที่ผู้คนเรียกพวกเขา

ถ้าอัศวินคือเจ้าหน้าที่ของแต่ละอาณาจักร ทหารรับจ้างก็คือกองกำลังของเอกชน การป้องกันทางหลวงที่เชื่อมระหว่างประเทศถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกประเทศ อัศวินเองก็มีหน้าที่รับผิดชอบจัดการปีศาจที่ปรากฏตัวที่ทางหลวงด้วย

แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น หน้าที่ของอัศวินถูกจำกัดไว้จากประเทศ ทำให้ไม่สามารถดูแลความปลอดภัยบนทางหลวงได้

ยกตัวอย่างเช่น หากสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศอื่นๆ แย่ลง ก็จะทำให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจ

นอกจากนี้หากความต้องการของคนที่เดินทางข้ามพรมแดนมา ประเทศก็ยากที่ตอบรับไปซะทุกเรื่อง

เหตุนี้จึงต้องมีทหารรับจ้างเกิดขึ้น พวกเขานั้นยืดหยุ่นมากกว่าเมื่อเทียบกับอัศวิน เพราะปกติแล้วอัศวินจะทำนอกเหนือจากคำสั่งราชาไม่ได้ แต่ทหารรับจ้างไม่ได้อยู่ภายใต้กฏนั้นด้วย พวกเขาจะรับคำขอจากชาวเมืองแล้วทำตามหน้าที่อย่างรวดเร็ว เท่าที่เห็นว่าจำเป็น เพราะอัศวินไม่สามารถทำอะไรนอกเหนือคำสั่งได้และจำเป็นต้องได้รับคำสั่งจากประเทศมาเท่านั้น ดังนั้นทหารรับจ้างจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประเทศ

ร้านอาหารคันชั่งสีขาวแห่งนี้คือสถานที่ชุมนุมของทหารรับจ้าง คนมีเรื่องอยากจะขอร้องมักจะเดินทางมาที่ร้านแห่งนี้เพื่อขอให้ทหารรับจ้างช่วย

ซึ่งทหารรับจ้างเกือบทั้งหมดที่มารวมตัวกันในร้านนี้ ณ ขณะนี้คือเหล่าผู้ได้รับการจ้างวานจากอาณาจักรร็อก

อาณาจักรร็อกได้มีแผนการที่จะจัดการเหล่าปีศาจในบริเวณใกล้เมืองนี้ต้งแต่เมื่อสามวันก่อนเพื่องานเทศกาลที่จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ซึ่งงานจัดการปีศาจจะสิ้นสุดในวันนี้ ต้องขอบคุณพวกเขาที่ทำให้ผู้เดินทางมายังอาณาจักรร็อกไม่ต้องเกรงกลัวปีศาจไปสักพัก ทหารรับจ้างจึงได้มารวมตัวกันในร้านนี้หลังเสร็จภารกิจ

ข้ามองหาใครบางคนขณะเข้าไปในร้าน คนที่ข้ามองหาสามารถเจอได้อย่างง่ายดาย

ชายที่รูปร่างหน้าตาคล้ายหมี แม้จะนั่งอยู่ในร้านที่ผู้คนมากมายก็ยังเด่น

ข้าตรงดิ่งไปทันทีหลังจากเห็นแผ่นหลังของเขา

อายุของเขาน่าจะน้อยกว่า 30 ผิวไหม้เกรียมพร้อมบาดแผลมากมายที่มีบนกล้าม แสดงให้เห็นว่าเขาแตกต่างจากคนปกติ

บางทีชายคนนั้นคงสังเกตเห็นแล้วว่าข้ากำลังเข้าไปใกล้จึงหันหลังกลับมา

[ ว่าไง นั่นมันเร็มเบอร์ไม่ใช่เหรอ? ยังดูมืดมนเหมือนเดิมเลยนะ ]

[ คุณเองก็ยังสุดยอดเหมือนเคยเลยนะครับรุ่นพี่การิอุส บาดแผลเมื่อวานไม่เป็นไรแล้วเหรอครับ? ]

[ ก็งั้นๆ แหละน่า ต้องขอบคุณรุ่นพี่นิมริที่ใช้เวทมนตร์รักษาให้ล่ะนะ ]

การิอุสยิ้มจนถึงใบหู

ดูเหมือนถึงจะเป็นรุ่นพี่ก็ตายได้ถ้าบาดแผลร้ายแรง เป็นไปได้มั้ยว่าทหารรับจ้างจริงๆ แล้วจะไม่กลัวตายนะ?

การิสเป็นทหารรับจ้างที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรร็อกแห่งนี้ เขาเป็นอดีตอัศวินและรุ่นพี่ของข้า แต่ในการต่อสู้กับปีศาจเมื่อวานทำให้เขาเกือบจะตายไปแล้ว

ข้าเลือกเก้าอี้ที่ว่างอยู่แล้วนั่งข้างๆ การิอุส

ที่ตรงนั้น ข้าเพิ่งสังเกตว่ามีคนนั่งอยู่ด้านหน้าการิอุสมาพักนึงแล้ว

รูปร่างของเขาดูอ่อนแอเมื่อเทียบกับการิอุสที่มีร่างกายใหญ่โต

ที่ข้าไม่สังเกตเห็นเขาก็เพราะร่างกายใหญ่โตของการิอุสบังตัวเขาเอาไว้หมด

[ คุณเองก็ด้วยเหรอ คุณคุโระ ]

ข้าพยักหน้าให้เขา

แล้วมองไปที่คุโระ เขาเป็นเด็กหนุ่มที่แปลกมาก มีบรรยากาศลึกลับรอบตัวเขาที่ข้าไม่เคยเห็นจากใครแถวนี้เลย

และเขายังมีหน้าตาที่หล่อสุดๆ พร้อมผมสีดำที่ผสานกับความมืดได้อย่างดี ถ้าเขาแต่งตัวดีๆ ละก็รับรองสาวๆ ไม่ปล่อยให้เขาว้าเหว่แน่

แต่ดูเหมือนชายหนุ่มคนนี้ดูจะเป็นคนเงียบๆ 

ข้าล่ะอยากจะขอบคุณคุโระจริงๆ เพราะการปรากฏตัวของเขาทำให้การิอุสรอดมาได้

[ ครับ คุณเร็มเบอร์ ]

คุโระพยักหน้าขณะที่จ้องมองมาที่ข้า

คุโระไม่เหมือนทหารรับจ้างในร้านนี้

ข้าเพิ่งได้พบกับคุโระเมื่อตอนเย็นของเมื่อวาน

ซึ่งภรรยาของการิอุสซึ่งก็คือพี่สาวข้า บอกกับข้าว่าเมื่อวานว่าเขาไปกวาดล้างปีศาจเมื่อวานแต่จนกระทั่งเย็นวันนั้นก็ยังไม่กลับมา

ตอนกลางจะเป็นเวลาของปีศาจ อีกอย่าง มนุษย์ที่หาตัวไม่เจอก่อนที่จะค่ำก็เหมือนคนที่ตายไปแล้ว เพราะข้างนอกนั้นมีแต่ปีศาจคนที่จะรอดไปได้ก็มีแต่ทหารยอดฝีมือเท่านั้น

ข้าลังเลว่าจะออกไปตามหากาลิอุสดีรึไม่ ในตอนนั้นเองคุโระก็ปรากฏตัวพร้อมกับแบกการิอุสไว้ที่หลังของเขา

ดูเหมือนว่าเมื่อตอนเที่ยงของเมื่อวาน การิอุสจะได้รับบาดเจ็บที่ขาและยังตกลงมาจากหน้าผาขนาดเล็กเพราะการต่อสู้กับก๊อบลินและออร์ค

แม้ว่าเขาจะพยายามปีนขึ้นมาแต่ก็ทำไม่ได้ จนสิ้นหวังเพราะตัวเองขยับตัวไม่ได้ ในตอนนั้นเขาที่คุโระบังเอิญผ่านไปที่นั่นพอดี

พี่สาวข้าดีใจมากที่เห้นการิอุสกลับมาอย่างปลอดภัย

หลังจากนั้นการิอุส ก็ถูกพาไปรักษาโดยรุ่นพี่นิมริด้วยเวทมนตร์รักษา ต้องขอบคุณคุโระที่ช่วยแบกเขาไปรักษาให้ด้วยล่ะนะ

ร่างกายของคุโระผอมบางมาก แน่นอน มันไม่ใช่ร่างกายของคนที่ถึงขนาดจะแบกการิอุสที่มีร่างกายใหญ่โตเหมือนยักษ์ไหว แบกคนที่ร่างกายใหญ่โตข้ามป่าข้ามเขา ผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยปีศาจโดยไม่พบกับอุสรรคใดๆ หรือหลงทางขณะที่เดินกลางป่าในตอนเย็น

จากที่รุ่นพี่ริมุริ คุโระน่าจะใช้เวทมนตร์มองเห็นในตอนกลางคืนได้ (นัยต์ตาความมืด) ซึ่งสรุปได้เลยว่าชายหนุ่มที่ชื่อคุโระคนนี้อาจจะเป็นผู้ใช้เวทมนตร์

เมื่อคิดดูจากมุมมองของข้าก็สามารถยอมรับได้ ว่าทำไมถึงเขาแบกการิอุสที่ร่างกายใหญ่กว่าข้ากลับมาได้ บางทีเขาคงจะใช้เวทมนตร์บางอย่างเพื่อแบกการิอุสมาก็ได้

ผู้ใช้เวทมนตร์คือสิ่งมีค่า หากคุโระเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ละก็ช้าก็อยากจะให้เขาอยู่ที่อาณาจักรนี้มากกว่า เพราะปัจจุบันผู้ใช้เวทมนตร์ในอาณาจักรนี้มีเพียงแค่รุ่นพี่นิมริคนเดียวเท่านั้น แม้ว่าหมอหญิงที่เคยอยู่ที่เมืองนี้สองอาทิตย์ก่อนจะใช้เวทมนตร์ได้เล็กน้อย แต่เวทของเธอยังไม่เพียงพอจะถูกเรียกว่าผู้ใช้เวทมนตร์

การิอุสจึงสัญญาว่าจะคอยดูแลคุโระ ผู้ช่วยชีวิตเขา ขณะที่เขาพักอยู่ในอาณาจักรนี้

เดิมทีคุโระก็ไม่ใช่คนใช้จ่ายฟุ่มเฟือย การจะดูแลเขาจึงง่าย ไม่สิ เขาช่างเรียบง่าย คุโระนั้นกินอาหารไปแค่นิดเดียวเท่านั้น ขณะที่การิอุสดื่มเบียร์ คุโระกลับเลือกที่จะดื่มชาสมุนไพรแทน ถึงข้าจะคะยั้นคะยอให้เขาดื่มเพราะอยากขอบคุณที่เขาช่วยกาลิอุสไว้ แต่เขากลับปฏิเสธเพราะยังไม่บรรลุนิติภาวะ

แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าบรรลุนิติภาวะคืออะไร แต่มันคงเป็นกฏที่เขาตั้งให้ตัวเองล่ะมั้ง?

นี่เขาทำตัวเหมือนพวกฤาษีเลยนะ

พอข้าคิดดู มันก็ไม่ดีล่ะนะที่จะให้เขาทำผิดต่อกฏของตัวเขาเอง

วันนี้ตอนเที่ยง คุโระมาพร้อมกับทหารรับจ้างคนอื่นๆ เพื่อกำจัดปีศาจ ข้าเองก็เข้าร่วมด้วยในฐานะอัศวินของอาณาจักร ข้าเพิ่งรู้ว่าคุโระนั้นเป็นยอดฝีมือ เขาต่อสู้โดยใช้แค่เพียงดาบเล็กๆ เท่านั้น แม้ว่าเขาจะใช้เวทมนตร์ได้ทำไมถึงได้ใช้ดาบ… ข้าสงสัยจริงๆ จากการถือถือดาบเขาคงจะเรียนศิลปะการต่อสู้จากที่ไหนสักแห่งมาแน่

ไม่ฟุ่มเฟือย ใช้เวทมนตร์ได้ และยังฝีมือดาบชั้นยอด ข้าพูดได้เลยว่าเขาเป็นคนที่สมบูรณ์แบบจริงๆ

[ จะว่าไปแล้วอะไรพาเจ้ามาที่นี่ล่ะเร็มเบอร์? นี่ไม่ใช่วันหยุดไม่ใช่เหรอ? ]

กาลิอุสถามข้า

แม้การรักษาความปลอดภัยให้ประชาชนในกำแพงจะเป็นหน้าที่เช่นกัน แต่อัศวินนั้นจำเป็นต้องคอยดูแลราชวัง ซึ่งจริงๆ แล้วตอนนี้ข้าควรอยู่ในวัง

[ ที่จริงข้ามีเรื่องอยากถามท่านนะ รุ่นพี่กาลิอุส… ]

ข้าบอกเหตุผลที่ข้ามาที่นี่กับเขา

[ โฮ่ จากสีหน้าแล้ว ดูท่าจะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยสินะ ดีล่ะ งั้นข้าจะประกาศให้ทั่วเลย ]

หลังจากได้ยินคุโระที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ลุกขึ้น

[ ถ้ามันเป็นเรื่องสำคัญ ให้ผมเดินออกไปก่อนดีมั้ย? ]

คุโระที่มีไหวพริบดี พิจารณาจากเรื่องที่พวกเราจะคุยกัน

[ ไม่ใช่หรอก เรื่องนี้ข้าเองก็อยากจะขอร้องคุณคุโระด้วยเหมือนกัน… ]

[ ผมด้วย? ]

[ ใช่แล้ว คุณคุโระ ]

หลังจากข้าบอกไป คุโระก็กลับมานั่งที่เก้าอี้ตามเดิมอีกครั้ง

คุโระแสดงสีหน้าสงสัย

จากนั้นข้าก็พูดต่อไปโดยไม่ได้สนใจ

[ ข้าอยากให้ไปทำหน้าที่คุ้มกันคนๆ หนึ่งนะ ]

[ คนคุ้มกัน? ]

[ ใช่แล้ว เพราะจู่ๆ คนเหล่านั้นก็ตัดสินใจจะเดินทางมายังอาณาจักรนี้และข้าได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทให้ไปคุ้มกันพวกเขา แต่การที่ไปคุ้มกันคนเดียวมันทำให้ข้าไม่สบายใจเท่าไหร่ เลยอยากจะยืมแรงจากรุ่นพี่หน่อยนะ ]

[ คนเหล่านั้น? อย่าบอกนะว่าเป็นราชวงศ์จากประเทศอื่น? ]

ข้าส่ายหัวปฏิเสธคำถามของกาลิอุส พอนึกดูแล้วคนที่จะมาประเทศนี้ไม่ใช่ลอร์ดดจากประเทศอื่นหรือราชวงศ์หรอก

[ ไม่ครับ ไม่ใช่… แต่ก็มีสถานะเทียบเท่ากัน ]

[ หืม แล้วใครล่ะ? ]

กาลิอุสถามด้วยเสียงสงสัย

[ ที่จริงแล้วผู้ที่จะมาวันพรุ่งนี้ก็คือท่านผู้กล้าเรย์จิและเหล่าภรรยา… เอ่อมีอะไรเหรอครับคุณคุโระ? ]

ทันใดนั้นคุโระก็พ่นชาออกจากปาก

โดยชาไปโดนหน้าของกาลิอุสเข้าเต็มๆ

[ ข… ขอโทษด้วยครับคุณกาลิอุส… ]

คุโระรีบขอโทษกาลิอุส

[ ไม่เป็นไร ว่าแต่… มีเรื่องอะไรรึเปล่าคุณคุโระ? ]

กาลิอุสรู้สึกตกใจที่เห็นท่าทางของคุโระแปลกไป เพราะท่าทีเขาเปลี่ยนไปไม่เหมือนทุกที

[ ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็แค่สำลัก… ต้องขอโทษด้วยครับ… พูดต่อได้เลยครับ ]

คุโระขอโทษขณะที่ไอเบาๆ

[ อา งั้นกลับเข้าเรื่องเลยเถอะ ว่าแต่ทำไมผู้กล้าคนนั้นถึงมาที่นี่ล่ะ? เขามาเที่ยวชมงานเทศกาลที่จะจัดขึ้นวันพรุ่งนี้งั่นเรอะ? ]

กาลิอุสถามขณะที่เอากำลังเช็ดหน้า

[ ดูเหมือนว่าเหตุผลจะเป็น… รุ่นพี่กาลิอุสรู้เรื่องที่ท่านผู้กล้าเรย์จิบาดเจ็บใช่มั้ยครับ? ]

[ อา ได้ยินว่าเขาพ่ายแพ้อัศวินดำที่แข็งแกร่งมาก ข้านึกว่าไม่มีใครจะเอาชนะผู้กล้าได้แล้วซะอีก โลกนี้นี่กว้างใหญ่จังน้า ]

[ ข้าก็คิดเช่นนั้น ท่านเรย์จิจึงมาที่นี่เพื่อแช่บ่อน้ำพุร้อนในอาณาจักรร็อกเพื่อรักษาบาดแผลที่ได้รับจากอัศวินดำครับ ]

อาณาจักรร็อกมีชื่อเสียงด้านบ่อน้ำพุร้อนเป็นอย่างมาก แหล่งรายได้หลักของอาณาจักรนี้มาจากบ่อน้ำพุร้อนก็ว่าได้

[ ดังนั้นจึงอยากขอร้องให้ทั้งสองคนช่วยเป็นคนคุ้มกันให้กับผู้กล้าครับ ]

ข้ามองท่าทีที่พวกเขาแสดงออกมา

กาลิอุสและคุโระมีท่าทางซับซ้อน

[ เอ่อ คุณเร็มเบอร์ครับ ทำไมเราถึงต้องคอยคุ้มกันด้วยล่ะ? ก็เรย์จิ… ไม่สิ ท่านผู้กล้าเองก็แข็งแกร่งอยู่แล้วนี่ครับ ]

ดูเหมือนคุโระจะรู้เรื่องของท่านผู้กล้าเป็นอย่างดี น่า เป็นเรื่องธรรมดา คนที่ไม่รู้จักพลังของผู้กล้าต่างหากที่หาได้ยาก

[ แน่นอน คำถามนั้นเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว… เพราะท่านผู้กล้ามีพลังเทียบเท่ากับเทพที่เป็นรองแค่อัศวินดำใช่มั้ยล่ะ? ]

[ แล้วทำไมกันล่ะครับ? ]

[ ที่จริง แค่อยากให้เป็นคนคุ้มกันแค่ในนามเท่านั้นครับ งานที่แท้จริงของพวกคุณก็คือป้องกันไม่ให้พวกคนแปลกๆ เข้าใกล้ภรรยาของผู้กล้าเท่านั้นเองครับ… ]

ผู้หญิงรอบตัวท่านเรย์จิเป็นคนสวย ดังนั้นอาจจะมีคนแปลกๆ ปรากฏตัวออกมาก็ได้

เพราะครั้งก่อนระหว่างที่พวกเธอกำลังไปเที่ยวดูเหมือนจะมีผู้ชายแปลกๆ คนหนึ่งไปทำเรื่องอะไรสักอย่างกับพวกเธอเข้า

[ ข้าไม่อยากให้ท่านผู้กล้าไม่พอใจ ดังนั้นเลยจะปล่อยให้เรื่องคราวนี้มาทำลายกำแพงของประเทศเราอีกไม่ได้… ]

ข้าถ่ายทอดความตั้งใจจริงของข้าออกไป

[ งั้นเหรอ… ]

[ ไม่ครับ ผมเองก็พอจะเข้าใจเหตุผลของคุณอยู่หรอก… ]

 กาลิอุสพยักหน้าตอบรับ แต่ดูคุโระยังคงลังเลอะไรอยู่

ฝั่งตะวันตกของเมืองร็อกถูกทำลายไปครึ่งนึง

สาเหตุก็เพราะเวทมนตร์อันทรงพลัง

นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ผู้กล้ามาเยือนยังอาณาจักรของเรา

เพราะมีเจ้าพวกงี่เง่าพยายามไปยุ่งกับผู้หญิงของผู้กล้า จนเธอโกรธเข้าและทำลายกำแพงเมืองด้วยเวทมนตร์

ข้าได้ยินว่าเกิดเหตุการณ์คล้ายๆ กันที่เมืองหลวงของสาธารณรัฐศักดิ์สิทธิ์ลีนาเรียด้วย ดังนั้นทางวิหารเรน่าจึงได้มอบหมายให้อัศวินประจำวิหารจัดการทุกครั้งที่พวกผู้กล้าจะไปเดินเล่นในเมือง

นั่นคือเหตุผลที่ต้องป้องกันก่อนที่จะเกิดเรื่องคล้ายๆ กัน ทางอาณาจักรของเราได้ตัดสินใจส่งคนมาคุ้มกันผู้กล้าและคนรับผิดชอบก็คือข้านั่นเอง

หากเป็นประเทศใหญ่ๆ อย่างลีนาเรียคงจะสามารถให้คนคุ้มกันได้อย่างไม่จำกัด แต่อาณาจักร็อกของเรามีไม่ถึง 20 คน เพราะต้องคอยดูแลความปลอดภัยของประชาชนในงานเทศกาลในวันพรุ่งนี้ควบคู่ไปด้วยอีกทั้งยังต้องป้องกันทางหลวงตามปกติ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องหาชาวเมืองไปทำงานแทนแต่ก็ยังมีฝีมือไม่เพียงพอ เราจึงต้องหาจากคนที่มีฝีมือมากที่สุดเท่าที่ทำได้

จึงตัดสินใจมาหาคนมีฝีมือจากเหล่าทหารรับจ้างเป็นคนคุ้มกันให้พวกเขา

เกณฑ์การเลือกคือคนที่ไม่ทำให้พวกผู้กล้ารู้สึกไม่พอใจ ไม่มองสายตาไม่เป็นมิตรใส่ผู้หญิงของผู้กล้าและผู้กล้า

กาลิอุสเป็นคนที่ข้าไว้วางใจเพราะเคยทำงานด้วยกันมาหลายปี ถึงแม้ว่าจะเพิ่งรู้จักกับคุโระได้ไม่นานแต่เขาก็เป็นคนมีฝีมือ ยิ่งกว่านั้นเขายังเป็นคนสงบเยือกเย็น ข้าไม่เห็นว่าคนอย่างเขาจะไปทำเรื่องเสียมารยาทกับผู้กล้าได้ ที่สำคัญที่สุดเลยคือข้าไม่เห็นว่าเขาจะเป็นคนที่ไปกวนใจใคร

เพราะเหตุนี้ข้าจึงได้ขอความช่วยเหลือจากพวกเขา

[ ได้โรปดช่วยรับงานนี้ได้มั้ย? ]

ข้าก้มหัวให้พวกเขา

[ ข้าเองก็ไม่ได้คิดมากอะไรหรอก… ]

กาลิอุสยังคงพูดต่อ

[ ทีแรก ข้าคิดว่าถ้าอีกฝ่ายเป็นขุนนาง อย่างข้าคงไม่เหมาะ ]

กาลิอุสเป็นคนอัธยาศัยดีกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นข้าหรือลอร์ดจากดินแดนอื่นก็พูดด้วยน้ำเสียงเดียวกัน แม้แต่ราชาร็อกเขาก็ยังไม่ได้ใส่ใจ ดังนั้นมันอาจจะเป็นการหยาบคายก็ได้

แต่โชคร้ายที่คราวนี้คือผู้กล้า

[ ไม่ครับ ไม่ต้องกังวล เพราะคนที่มาด้วยกันคืออัลมี… คือเจ้าหญิงครับ เราจะพาพวกเขามาอย่างลับๆ เพื่อไม่ให้คนน่าสงสัยเข้าใกล้ครับ ]

ข้าบอกแผนการไป

[ เจ้าหญิง? หมายถึงอัลมีนางั้นเรอะ? ]

ข้าพยักหน้าตอบรับคำถามของกาลิอุส อัลมีนาที่อายุเพิ่งจะ 17 เป็นเจ้าหญิงองค์สุดท้องของอาณาจักรร็อก

ข้าได้ยินว่าผู้กล้าเป็นคนที่ดูแลเอาใจใส่เด็กผู้หญิง ดังนั้นหากมีผู้หญิงคอยนำทางให้ ผู้กล้าคงไม่อารมณ์เสียแน่ และเจ้าหญิงเองก็ตัดสินเองว่าจะเดินทางไปพร้อมกับผู้กล้า

[ งั้นเองเหรอ คุณสามีในอนาคตถึงกับให้ภรรยาตัวเองไปเป็นคนนำทางให้กับผู้กล้าเลยเหรอ ]

กาลิอุสพูดขณะที่ยิ้มกว้าง

[ อย่าล้อผมเล่นสิรุ่นพี่ ]

ที่จริงแล้วเจ้าหญิงอัลมีนาคือเพื่อนสมัยเด็กของข้าและยังเป็นคู่หมั้นของข้าอีกด้วย

[ มันดีต่อทั้งเจ้าและเจ้าหญิงอัลมีนาด้วยล่ะนะ เอาเป็นว่าข้าจะให้ยืมมือแล้วกัน ]

กาลิอุสหัวเราะ “ฮะฮะฮะ” จากนั้นเขาก็เหลือบมองไปทางคุโระ

[ แล้วนายล่ะคุโระ? ]

ผมเห็นว่าคุโระดูจะไม่ค่อยอยากรับงานนี้เท่าไหร่

แต่คุโระที่ใช้เวทมนตร์ได้คงจะช่วยเหลือได้มาก หากเขายอมรับงานนี้

[ กรุณาช่วยข้าด้วยเถอะคุณคุโระ! ] 

ข้าก้มหัวให้คุโระ

[ เอาเถอะ ผมคิดว่าคงไม่เป็นไรตราบเท่าที่ไม่เจอกับพวกผู้กล้าตรงๆ … ]

ถึงคุโระจะไม่ค่อยเต็มใจ แต่เขาก็ยอมรับงานแล้ว

ดังนั้นข้าจึงได้พวกเขามาช่วยงาน

สุดท้ายเรื่องคนคุ้มกันของผู้กล้าก็ตัดสินใจกันได้แล้ว

ข้าภาวนาขออย่าให้เกิดอะไรขึ้นตอนที่ผู้กล้ามาชมเมืองครั้งนี้เลย

◆ อัศวินดำคุโรกิ

แปลกจังแฮะ

ตัวผมที่ถูกอัญเชิญมาเพื่อจัดการผู้กล้าตอนนี้กลับกลายเป็นพวกเดียวกันซะอย่างนั้น

ผมตอบรับคำขอร้องของเร็มเบอร์ เพราะสำคัญเขามันคงเป็นเรื่องสำคัญมาก ผมสำหรับผมเขาก็คือเพื่อนคนนึงที่อยู่นอกนากอล

จากที่เร็มเบอร์บอก ใช่ว่าผมต้องไปพบพวกเขาตรงๆ ดังนั้นคงไม่เป็นไร

ส่วนเหตุผลที่ผมมาที่ใกล้ๆ อาณาจักรร็อกเพราะกำลังหาส่วนผสมเพื่อสร้างเทพธิดาอยู่

ผมนึกถึงสิ่งที่ผมคุยกับโมเดสก่อนที่จะมาที่นี่

[ ข้าต้องการเขามังกร พวกเรายังสร้างเทพธิดาให้ไม่ได้ครับนอกจากจะได้เขามาจากราชามังกร ]

โมเดสบอกมาทันทีที่ผมขอรับค่าตอบแทน

แน่นอน ไม่ใช่ว่าผมจะอยากได้รับของตอบแทนทันทีซะที่ไหน

แต่ดูเหมือนส่วนผสมในการสร้างเทพธิดานั้นจะเป็นส่วนผสมพิเศษ หากปราศจากของพวกนั้นก็สร้างเทพธิดาขึ้นมาไม่ได้

ผมได้รับการบอกมาว่า มังกรที่ถูกยกย่องว่าเป็นราชาแห่งมังกรศักดิ์สิทธิ์นั้นอาศัยอยู่บริเวณอาณาจักรร็อก โดยการจะสร้างเทพธิดานั้นจำเป็นต้องใช้เขาราชามังกรตัวนี้ จะว่าไปดูเหมือนว่าโมน่านั้นจะถูกสร้างจากราชามังกรดำ คงเพราะสาเหตุนี้ ผมของโมน่าถึงได้มีสีดำสลวยต่างจากเรน่า

แต่ว่าการจะนำเขาราชามังกรมาได้มันเป็นเรื่องยากใช่มั้ยล่ะ?

พอผมลองค้นคว้าดู มังกรที่ถูกเรียกว่าราชามังกรนั้นดูเหมือนจะแข็งแกร่งมาก ผมไม่คิดว่าจะได้เขามันมาง่ายๆ หรอก

สุดท้ายผมก็เหมือนเด็กที่ถูกโมเดสใช้มาทำธุระเลยแฮะ

น่า เขาเองก็คงตัดสินว่ามันง่ายสำหรับคนที่แข็งแกร่งอย่างผมล่ะนะ

ยิ่งกว่านั้น ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากทำร้ายมังกรเพื่อตัวเองหรอก

เพราะมันทำให้ผมนึกถึงโกเรียส

ผมขี่โกเรียสตลอดมาจนถึงอาณาจักรร็อกแห่งนี้ แม้ว่าจะมีคนค้านว่าอาจถูกอัศวินศักดิ์สิทธิ์ไล่ตามก็เถอะ แต่อัศวินศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นก็ถูกผมจัดการไปแล้ว

เอาเถอะน่า ที่จริงผมก็ทำไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะตอนนั้นกำลังอารมณ์เสีย สุดท้ายใครที่ดาหน้าเข้ามาใกล้ผมก็จัดการไปโดยไม่คิดอะไรมาก สุดท้ายก่อนที่จะรู้ตัวผมก็ทำลายภาคีอัศวินศักดิ์สิทธิ์จนหมดซะแล้ว พอมารู้ทีหลังว่า… นี่ผมสร้างความเสียหายไปขนาดไหนกันเนี่ย แต่สุดท้ายก็ยืนยันไม่ได้จนกระทั่งตอนนี้

และไม่มีอัศวินศักดิ์สิทธิ์มาคอยตามไลล่าผมอีกแล้ว อาจจะเพราะผมขี่โกเรียสมาก็ได้

เทียบกับนากอลแล้ว ท้องฟ้าบนโลกนี้มันสวยงามกว่ามาก เพราะมันคือท้องฟ้าสีครามใสเหมือนท้องฟ้าของโลกผม

และการขี่หลังมังกรขณะที่ชมท้องฟ้ามันช่างเยี่ยมยอดสุดๆ

แม้ผมจะบินด้วยเวทมนตร์บินก็ได้ แต่ขี่บนหลังมังกรมันรู้สึกดีกว่ามาก

แน่นอน ถ้ามีใครจะเอาเขาของโกเรียสไปละก็ผมไม่ยกโทษให้แน่ เพราะโกเรียสทำให้ผมรู้สึกดีเวลาที่บินอยู่ใต้ท้องฟ้านี้

ผมถึงได้ไม่ค่อยดีใจที่ต้องไปฆ่าราชามังกรที่คล้ายกับโกเรียสเลย

นี่เป็นสาเหตุที่ผมที่นี่แต่ก็ยังไม่ลงมือทำอะไร

เอาเถอะ หาอะไรทำดีกว่าไม่ทำอะไรล่ะนะ ผมเดินทางมาที่นี่ด้วยโกเรียส จะว่าไปนัคไม่ได้ตามมาด้วยแฮะ

ตอนที่มาถึง ผมเจอกับหอคอยในป่าแห่งหนึ่ง เพราะไม่สามารถพาโกเรียสเข้าเมืองด้วยได้ (เข้าได้แล้วก็บ้าแล้วเฟ้ย )

ดูเหมือนมันจะเป็นหอคอยที่ถูกทิ้งร้างไร้ผู้คน ด้านในหอคอยว่างเปล่าเหมาะที่จะให้โกเรียสอยู่ที่นั้นสักพัก

ผมเองก็ไปดูสถานการณ์เป็นพักๆ ดูเหมือนโกเรียสที่จะชอบที่นั้นนะ

ตามที่ลูคัสบอกมา มังกรเป็นสัตว์ที่เวลากินก็คือกิน แต่หากไม่ใช่เวลาอาหารก็จะไม่กินอะไรเลย ซึ่งโกเรียสตอนนี้ยังไม่ถึงเวลากิน

ผมแช่ลงไปจนถึงไหล่ ขณะที่คิดถึงเรื่องราวต่างๆ

ตอนนี้ผมกำลังอยู่ที่บ่อน้ำพุร้อนสาธารณะของอาณาจักรร็อก

แขกคนอื่นๆ ก็กำลังแช่น้ำเหมือนกับผม

แม้ผมจะไม่ค่อยอยากไปล่ามังกร แต่ก็ต้องขอบคุณที่เมืองนี้มีบ่อน้ำพุร้อนอยู่ น่า แค่นี้ก็คุ้มค่าที่จะมาเมืองนี้แล้ว

บ่อน้ำพุร้อนที่ถูกสร้างขึ้นในอาณาจักรร็อกไม่ได้ถูกสร้างด้วยความปราณีตนัก มันเป็นเพียงบ่อน้ำหิน

มีฟองอากาศที่ระอุขึ้นมาจากน้ำมันของพืชและยังมีห้องซาวน่าพร้อมอุปกรณ์ด้วย ผมแช่น้ำขณะที่นึกถึงบ่อน้ำพุร้อนที่เคยแช่ที่ญี่ปุ่น

นี่มันก็ผ่านไปได้เดือนนึงแล้วสินะ คิดถึงบ้านจัง

ทุกคนจะสบายดีมั้ยนะ?

เราจะกลับไปได้อย่างปลอดภัยมั้ยนะ?

หัวของผมเต็มไปด้วยเรื่องนี้เต็มไปหมด ดูเหมือนผมจะแช่น้ำนานเกินไปแล้วสินะเนี่ย

[ โอ่ย คุโระจะขึ้นแล้วเหรอ? ]

กาลิอุสถามผมที่กำลังจะขึ้น

ผมมองไปที่กาลิอุส เขาเป็นคนที่มีเสน่ห์ มีแผลเป็นทั่วร่างกายและบาดแผลนั้นคือข้อพิสูจน์วิถีชีวิตของเขา

ผมเพิ่งเจอกับกาลิอุสเมื่อคืนวาน

ผมพบเขาในสภาพบาดเจ็บที่ขา ขณะที่ผมกำลังไปหาอาหาร

น่าเสียดาย ที่เวทรักษาที่ผมใช้ได้เป็นประเภทที่ใช้ได้กับตัวผมแค่คนเดียว ผมจึงรักษากาลิอุสไม่ได้ จึงได้แบกกาลิอุสไว้บนหลังแล้วพาเขามาที่อาณาจักรร็อก

ซึ่งดูเหมือนเขาจะเป็นคนมีชื่อเสียงมากในอาณาจักรร็อก ยามที่กำแพงเมืองเมื่อเห็นผมที่แบกกาลิอุสถึงขนาดยอมเปิดทางให้ มันยากที่จะเชื่อ แต่ถ้ามีแค่ผมคนเดียว คงโดยปฏิเสธไม่ให้เข้าประตูเมืองแน่

ความจริงนี่ถือเป็นครั้งแรกเลยล่ะ ที่ผมเดินเข้าเมืองจากประตูหน้า

ทางอาณาจักรณร็อกเองก็ให้เสรีกับคนที่จะเข้าออกเมืองได้ตามสบาย ตราบเท่าที่ไม่กระทำผิด

ดูเหมือนการเข้าประเทศแต่ละประเทศจะต่างกันออกไป บางประเทศก็เข้าเมืองได้ตราบเท่าที่จ่ายเงินค่าผ่านและยังมีประเทศที่ไม่อนุญาตให้เข้าหากไม่ใช่พลเมืองของตัวเองด้วย

พูดถึงเรื่องเงิน การเงินทางครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อน เพราะผมเอาเงินสกุลของมนุษย์มาด้วย

ดังนั้นปัญหาการเที่ยวเหมือนที่เมืองลีนาเรียจึงถูกแกไข้ได้อย่างง่ายดาย

นี่ไม่ใช่เพราะผมรู้วิธีนำอัญมณีไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินแล้วหรอกนะ

แต่เพราะผมสร้างเงินได้ด้วยตัวเองต่างหาก

โดยสกุลเงินของประเทศแถบนี้ส่วนใหญ่จะใช้สกุลเงินที่ทางสาธารณรัฐศักดิ์สิทธิ์ลีนาเรียเป็นผู้ออก

แต่ไม่ใช่แค่ลีนาเรียประเทศเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์ผลิตเงิน ทุกประเทศต่างมีสิทธิ์ผลิตสกุลเงินออกมา แต่การได้รับการยอมรับจากนานาประเทศเป็นเรื่องยากกว่า ปัญหาคือยังไงผมก็ผ่านการถูกตรวจสอบมาได้ล่ะนะ

โลหะที่โลกนี้เองก็คล้ายกับโลกของผมทั้งทองแดง เงิน และทองคำ โดยเหรียญจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2-3 ซม. ไม่ว่าจะเป็นเหรียญทองแดง เงิน หรือเหรียญทองก็ตาม

ดังนั้นผมจึงสร้างเงินขึ้นเองโดยกำหนดมาตรฐานไว้เหมือนกับเหรียญของประเทศลีนาเรีย

ด้วยเหตุนี้ทำให้ผมมีเงินใช้ ตราบใดที่มีโลหะก็สร้างได้สบายมาก (ผิดกฏหมายนะครับ อย่าทำตามเด็ดขาด!!)

นอกจากนี้เหรียญเงินที่พวกเขาทำยังมีคุณภาพไม่ค่อยดีเหมือนเหรียญเงินเยน ผมเลยต้องผสมโลหะเข้าไปด้วย

เพราะนากอลไม่เก็บทอง เงิน หรือแร่ทองแดง ผมจึงสามารถหาได้ตามสบายโดยใช้เหรียญทองแดงที่ได้จากสาธารณรัฐลีนาเรียเป็นมาตรฐาน เหรียญที่ผมสร้างเองออกมาดูดีใช้ได้เลยล่ะ

ตอนที่ผมโชว์เหรียญให้กาลิอุสดู เขาก็ยังบอกว่าสามารถใช้ในอาณาจักรร็อกได้เลย

ทีแรกผมก็รู้สึกไม่ค่อยดีนักหรอกที่ต้องใช้เหรียญ(ปลอม)พวกนี้ในอาณาจักรร็อก

แต่เพราะผมช่วยชีวิตกาลิอุสไว้ ทำให้ตราบใดที่ผมอยู่ในอาณาจักรร็อกเขาก็ยังคงดูแลผมเพื่อตอบแทนที่ช่วยชีวิตไว้

วันนี้เขาพาผมมาที่บ่อน้ำพุร้อน เป็นธรรมดาที่ต้องจ่ายค่าเข้าด้วย

แต่เขาไม่เห็นต้องออกเงินเองทุกเรื่องก็ได้ ผมเองก็รู้สึกผิดเป็นเหมือนกันนะ

[ อา งั้นเราออกไปกันเลยมั้ย? ]

ผมยืนขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของกาลิอุส

สายตาของกาลิอุสมองไปที่ส่วนล่างของผม

[ นายนี่มีของใหญ่ผิดกับใบหน้าอ่อนโยนเลยนะ ถึงจะยังไม่อยู่ในสภาพพร้อมรบก็ยังใหญ่ขนาดนี้เขียว หืม… ]

กาลิอุสล้อผม

[ ม-มองไปที่ไหนกันครับ!! ]

ผมปกปิดน้องชายของตัวเอง

ที่โลกเดิมผมก็เคยถูกล้อแบบนี้เหมือนกัน ความจริงการมีน้องชายมหึมาก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป รู้มั้ยว่าผมต้องลำบากขนาดไหนนะ

[ น่า น่า อย่าอายไปเลย ถ้าขนาดอย่างนาย ไม่ว่าผู้หญิงแบบไหนก็ชอบทั้งนั้นล่ะน่า จะมีผู้หญิงที่ไหนร้องไห้เพราะเจอน้องชายเท่าสัตว์ประหลาดนั้นด้วยล่ะ? ]

กาลิอุสยิ้มกว้างขณะที่มีใบหน้าเยาะเย้ย

[ ผม… ผมยังไม่เคยทำอะไรกับผู้หญิงเลยนะครับ ]

ผมพูดเสียงเล็กนิดเดียว

ถึงจะใหญ่ไปก็ไร้ประโยชน์หากไม่มีใครให้ใช้ ดังนั้นสำหรับผมมันก็แค่ใหญ่แต่ไร้ประโยชน์เท่านั้นเอง

[ ถึงจะใหญ่ขนาดนั้น… แต่ไม่มีใหญ่ให้ใช้ด้วยเลย… ]

ผมอยากร้องไห้

พูดตามตรง ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยเข้าใกล้ผู้หญิงคนไหน แต่คนรู้จักที่เป็นผู้หญิงของผมเป็น 0 เลยต่างหาก

ชิโรเนะเป็นผู้หญิงที่สนิทที่สุดของผม แต่เธอเป็นผู้หญิงของเรย์จิ สุดท้ายตลอดเวลาผมก็ไม่เคยเข้าใกล้ผู้หญิงหรือคุยกับผู้หญิงเลย น่าสงสารชะมัด

แม้แต่อาจารย์(ลุงของชิโรเนะ)ก็ยังล้อผมว่า [ ภรรยาในอนาคตของนายน่าจะงานหนักนะเนี่ย ]
ผมอยากร้องไห้เพราะภรรยาในอนาคตนั้นผมคงไม่มีหรอก

[ ไม่สิ… ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้นายไประลึกถึงความทรงจำแย่ๆ ใช่แล้ว เหมาะเหม็งพอดี ไปร้านนั้นกันดีกว่า ] 

กาลิอุสพยายามปลอบใจที่เจ็บปวดของผม

[ เอ๊ะ!! ผมน่ะเหรอ? คุณเพเนโรอาจะไม่โกรธคุณเหรอครับ? ]

เพเนโรอาคือภรรยาของกาลิอุส ถ้าเธอรู้ว่าสามีเธอชอบไปร้านแบบนั้นมีหวังโกรธสติแตกแน่

[ โอ๊ะ แย่แล้วสิ เอาเป็นว่าเหมือนเราไม่เคยคุยกันเรื่องนี้แล้วกัน ]

ชิ เหมือนผมจะพูดเรื่องไม่จำเป็นออกไปซะได้

จากนั้นกาลิอุสกับผมก็ออกจากบ่อน้ำพุร้อนขณะที่พูดจาตลกเรื่องนั้นกัน

ผมเอาผ้าเช็ดตัวมาห่อตัวขณะที่สวมเสื้อผ้าหลังออกจากบ่อน้ำพุร้อน

ตั้งแต่เมื่อวานทำให้ผมต้องมาอาศัยอยู่ที่บ้านใกล้ๆ กับกาลิอุส

นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ผมได้รับรู้ถึงสังคมมนุษย์ในโลกนี้ ผมอยากจะอยู่ที่เมืองนี้ไปนานๆ และเลื่อนเรื่องการล่ามังกรเพื่อเอาเขามันออกไปก่อน

เมื่อเราเดินไปถึงบ้านของกาลิอุส ภรรยาของเขาก็ออกมาต้อนรับเรา จากที่ผมได้ยินมาดูเหมือนเธอจะเป็นพี่สาวของเร็มเบอร์

[ กลับมาแล้วเพเนโรอา ]

[ กลับมาแล้วครับคุณเพเนโรอา ] 

ภรรยาของกาลิอุส เพเนโรอาเป็นคนที่อ่อนโยนและเอาใจใส่ เธอเป็นคนที่ดูเรียบง่าย

แต่จากที่กาลิอุสบอก ดูเหมือนเธอจะน่ากลัวมากเวลาโกรธ ผมนึกไม่ออกเลยว่าผู้ชายคนนี้ไปทำอะไรเธอถึงโกรธได้

[ ยินดีต้อนรับกลับค่ะที่รัก น้องชายฉันก็กลับมาแล้วนะคะ ]

[ อะไรนะ? เร็มเบอร์น่ะเหรอ? มีเรื่องอะไรอีกล่ะ? ]

กาลิอุสเอียงหัว

ผมรู้สึกแปลก เพราะเราเพิ่งเจอกับเขาที่บาร์เมื่อกี้เอง มีอะไรเกิดขึ้นรึไงนะ เขาถึงต้องรีบมาหากาลิอุสขนาดนี้

ทันทีที่เราเดินเข้าไปในบ้านก็เห็นเร็มเบอร์นั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่น

[ กำลังรออยู่เลยครับรุ่นพี่ คุณคุโระ ]

ดูเหมือนเร็มเบอร์กำลังรอเราอยู่

[ มีอะไรงั้นเหรอเร็มเบอร์? มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น? ]

กาลิอุสถามสถานการณ์เร็มเบอร์

[ ที่จริงแล้วมันเพิ่งเกิดเรื่องครับ ข้าเลยอยากยืมพลังของคุณคุโระ ]

[ พลังของผม? ]

[ ที่จริง เมื่อครู่หน่วยสังเกตการณ์เพิ่งได้รับรายงานด่วนมา ดูเหมือนจะมีฝูงปีศาจปรากฏตัวขึ้นที่นอกกำแพง ]

[ อะไรนะ!? ปีศาจ? แปลกจังนะ เรื่องนั้นเจ้าแน่ใจเหรอ? ]

กาลิอุสเพิ่งจะจัดการปีศาจแถวนี้ไปหมดแล้ว โดยการรวบรวมทหารรับจ้างมาจัดการพวกมัน ผมเองก็ช่วยพวกเขาด้วย ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีปีศาจใกล้ๆ อาณาจักรร็อกแล้ว มันเร็วเกินไปที่พวกมันจะมาที่อาณาจักรร็อกได้ ]

ขนาดผมยังสงสัยกับการสังเกตการณ์การของวัง เพราะตอนกลางคืนมันมืดพวกเขาอาจจะมองผิดไปเองรึเปล่า

[ ข้าเองก็คิดเหมือนกัน… แต่หน่วยลาดตระเวนของราชวังบอกว่าพวกมันสวมอุปกรณ์ที่ส่องแสง(ชุดเกราะ) ดูแล้วคาดว่าน่าจะเป็นก๊อบลินหรือออร์ค ]

โดยใช้อุปกรณ์ที่จะส่องแสงแล้วสะท้อนกับวัตถุระยะไกล บางทีพวกเขาคงใช้เจ้านั้นล่ะนะ

แต่ผมได้ยินมาว่าถิ่นฐานของออร์คที่อยู่ใกล้ๆ แถวนี้ถูกกวาดล้างไปแล้ว มันเป็นเรื่องจริงเรอะ?

[ พวกมันมีกี่ตัว? ผู้บาดเจ็บล่ะ? …. คนที่รอดชีวิตจากการกวาดล้างมีกี่คน? ให้ตายสิ ทั้งที่งานเทศกาลจะเริ่มวันพรุ่งนี้แล้วแท้ๆ … ]

กาลิอุสกัดริมฝีปาก

เมื่อตอนบ่าย ก็มีการกวาดล้างปีศาจในพื้นที่แถวอาณาจักรน็อกไปแล้วเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมายังเมือง แต่ดูเหมือนจะมีพวกที่เหลือรอดจากการกวาดล้างอยู่

[ ดูจากเงาแล้ว เหมือนว่าพวกมันจะอยู่ใกล้ๆ กำแพงแถวนี้ แต่เรายังโชคดีที่พวกมันยังแข็งแรงไม่พอจะปีนข้ามกำแพงมาได้ แต่จากหน่วยสังเกตการณ์บอกว่าพวกก๊อบลินกับออร์คเคลื่อนไหวกันแปลกๆ ]

[ เคลื่อนไหวแปลกๆ ? ]

[ ใช่แล้ว พอข้าคิดดูแล้ว ข้าก็รู้สึกไม่สบายใจเลย จึงมาขอยืมพลังจากคุณคุโระที่มีเวทมนตร์มองเห็นกลางคืน ]

[ งั้นเองเหรอ ]

กาลิอุสพยักหน้า หลังจากได้ยินคำอธิบายจากเร็มเบอร์

[ คิดว่ายังไงครับคุณคุโระ? ข้าขอยืมพลังของหน่อยเถอะ ]

เร็มเบอร์และกาลิอุสมองมาที่ผม

[ เอาสิ ไปกันเถอะ! ]

ผมตอบรับคำขอ

ผมเป็นหนี้บุญคุณพวกเขาทั้งคู่ เร็มเบอร์เองก็เป็นน้องเขยของกาลิอุสด้วย ผมต้องตอบแทบบุญคุณเขาให้ได้

เรามุ่งหน้าไปยังกำแพง

◆ อัศวินดำคุโรกิ

เราเข้ามาในป่า

พวกเราเข้าไปในป่าตอนกลางคืนที่ไม่มีใครอยู่ คนอื่นๆ ต่างพกโคมไฟกันหมด ยกเว้นผมที่ไม่ต้องใช้เพราะมีเวทมนตร์อยู่

การออกจากป้อมกำแพงในเวลากลางคืนเป็นเรื่องอันตราย แต่เพราะเราอยู่ใกล้กับกำแพง หากมีเรื่องอันตรายเกิดขึ้นก็สามารถหนีเข้าไปในกำแพงได้ในทันที

มีสี่คนนอกจากเร็มเบอร์ กาลิอุส และผมมารวมกลุ่มกันด้วย 

พวกเขาคือทหารรับจ้างที่กาลิอุสขอร้องให้มาช่วยงานคราวนี้

[ อย่างที่คิดไว้ ตอนกลางคืนนี้นี่น่ากลัวจังนะ… ]

สมาชิกคนหนึ่งในปาร์ตี้ของเราบ่นขึ้นมา ทหารรับจ้างสเตโร่ เขาไม่ใช่ชาวเมือของอาณาจักรร็อกหรอก และยังเป็นคนขี้ขลาดเป็นนิดหน่อย แต่การสนับสนุนจากเขาก็จำเป็น

[ อืม มองไม่เห็นอะไรเลย มีแต่โคมไฟกับแสงเล็กๆ เท่านั้นเอง ]

ทหารรับจ้างอีกคน พ็อค ก็บ่นออกมาเช่นกัน เขาเป็นคนเมืองอื่นเหมือนกับสเตโร่

แต่ตรงกันข้ามกับสเตโร่ ที่อายุเพิ่งได้ 20 กว่าๆ พ็อคดูจะเป็นทหารรับจ้างที่เก่งกว่ากาลิอุสด้วยซ้ำ

[ ขอโทษด้วย แต่นี่ก็เต็มกำลังของข้าแล้ว… ]

นิมริขอโทษที่ตัวเองไร้ความสามารถ

เขาเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรร็อก ซึ่งรักษาให้กับกาลิอุสเมื่องาน ดูเหมือนเดิมทีตัวเขาจะเป็นเด็กที่ถูกทิ้งไว้หน้าประตูกำแพงของอาณาจักรร็อก ซึ่งเขาเป็นเด็กที่เกิดจากคนที่ถูกเอลฟ์ลักพาตัวไป เพราะเอลฟ์นั้นจะมีแต่ผู้หญิงเท่านั้น เพราะคนที่มีลูกกับเอลฟ์ หากให้กำเนิดเป็นเด็กผู้หญิงจึงจะเป็นเอลฟ์แต่หากให้กำเนิดเป็นเด็กผู้ชายก็จะเกิดมาตามเผ่าพันธุ์ของพ่อ เด็กผู้ชายคนนี้จึงถูกทิ้งให้อยู่ใกล้ๆ กับถิ่นที่อยู่เดิมของพ่อ แม้ว่าที่จริงเหล่าเอลฟ์เองก็ไม่อยากทำเช่นนั้นก็ตาม

ดังนั้นเด็กที่เกิดจากเอลฟ์จึงมีพลังเวทมนตร์สูงกว่ามนุษย์ปกติ เด็กเหล่านี้จึงถือเป็นบุคคลที่มีค่าและถูกดูแลอย่างดีในฐานะเพื่อประโยชน์ของประเทศนี้ เพราะในอนาคตเด็กพวกนี้จะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ ด้วยเหตุนี้ทำให้ในสังคมมนุษย์มีผู้ใช้เวทมนตร์ชายมากกว่าหญิง

นิมริถูกประเทศนี้เลี้ยงดู ฝึกให้เป็นผู้ใช้เวทมนตร์จนเวลาล่วงเลยผ่านไป 10 ปี

รูปร่างของนิมริ เหมือนผู้ชายอายุ 40 แต่แท้จริงแล้ว อายุของเขาปาไป 80 แล้วล่ะ คงเพราะเขามีสายเลือดของเอลฟ์อยู่นั้นล่ะ

[ ขอโทษด้วย ข้าไม่ได้หมายถึงแบบนั้น… ]

พ็อคขอโทษนิมริ พ็อคเองก็เป็นคนนิสัยดีเพียงแค่หน้าตายด้านเท่านั้นเอง

นิมริยิ้มให้ เพราะรู้ว่าเขาที่เขาพูดไม่ได้มีเจตนาร้าย ผมได้พบกับนิมริเมื่อวาน เขาเองก็ดูเป็นคนดีคนนึง

[ สโตร เจออะไรบ้างมั้ย? ]

กาลิอุสถามสโตรซึ่งเป็นเรนเจอร์ 

[ ไม่เลย ป่ากลางคืนมันมืดเกินไป ถึงจะเป็นข้าก็ไม่ไหว อีกอย่างจะดีกว่านะถ้าไปถามเด็กหนุ่มตรงนั้น ]

‘เด็กหนุ่ม’ ที่เขาหมายถึงก็คือผม ผมเป็นคนเดียวที่ใช้เวทมนตร์มองเห็นตอนกลางคืนได้ที่นี่ แม้แต่ผู้ใช้เวทมนตร์อย่างนิมริก้ยังใช้มันไม่ได้ นั่นคงเพราะความเข้ากันได้กับเวทมนตร์ต่ำ ตัวอย่างเช่นผม สามารถใช้เวทมนตร์มองเห็นตอนกลางคืนได้ แต่ไม่สามารถใช้เวทมนตร์สร้างแสงสว่างเหมือนนิมริได้

ดังนั้นผมจึงเดินอยู่ข้างหน้าเพราะต้องใช้เวทมนตร์มองเห็นในความมืดมองทางให้

[ สถานการณ์เป็นยังไงบ้างคุณคุโระ? ]

เร็มเบอร์ถามผม

[ เรากำลังถูกล้อม ]

[ อะไรนะ!!? ]

ผมได้ยินเสียงตกใจของทุกคนเมื่อผมบอกความจริงออกไป

เงาหลายเงากำลังมาล้อมพวกเราและขยับวงเข้ามาเรื่อยๆ ภายใต้ความมืด

[ หมายความว่ายังไง!! ก๊อบลินหรือพวกออร์ค? ]

กาลิอุสถามผมด้วยเสียงตกใจ

ทุกคนต่างจับอาวุธขึ้นมาในมือ

[ เราถูกพวกมันทั้งคู่ล้อมเลยครับ… ]

ทุกคนเอียงหัวสงสัยเมื่อได้ยินคำตอบของผม

[ ทั้งออร์คและก๊อบลินเลยเหรอ? นั่นมันหมายความว่ายังไง? ]

กาลิอุสถามผม

[ ก๊อบลินแล้วก็ออร์คด้วยครับ แต่ว่า… ดูเหมือนพวกมันจะเป็นซอมบี้ ]

ตาของผมสามารถมองสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นได้

ผมไม่รู้สึกถึงพลังชีวิตจากพวกก๊อบลินหรือออร์คที่กำลังเข้ามาใกล้พวกเราเลย

พวกมันทุกตัวต่างมีบาดแผลบนร่างกาย บางตัวก็มีลูกธนูปักอยู่บนร่างกาย

ลูคัสได้สอนผมมาว่าพวกมันคือศพที่ขยับได้ (ซอมบี้)

ซอมบี้เกิดขึ้นมาจากความเกลียดชังขณะที่มีชีวิตอยู่และจิตที่ยังวนเวียนทำให้มันมีชีวิตอีกครั้ง

บางทีที่พวกมันเข้ามาใกล้ก็เพราะสังเกตเห็นพวกเรา

คนอื่นๆ ยกเว้นผมต่างคลุ้มคลั่งเมื่อได้ยินคำพูดของผม

[ พวกมันกำลังใกล้เราเรื่อยๆ พวกมันมีจำนวนมากกว่าเราเยอะครับ บางทีพวกปีศาจที่กวาดล้างไปเมื่อตอนบ่ายอาจจะกลายเป็นซอมบี้ก็ได้ ]

เหตุผลที่ผมคิดแบบนั้นก็เพราะเห็นออร์คที่ผมจัดการไปเมื่อตอนบ่ายอยู่ในฝูงซอมบี้พวกนั้น

จากคำชวนของกาลิอุส ผมเองก็ร่วมการกวาดล้างปีศาจในป่าเมื่อช่วงบ่ายด้วย 

ผมมั่นใจเลยล่ะ ว่าเจ้านั้นคือตัวที่ผมจัดการเมื่อตอนบ่าย ตัวที่ผมฆ่าไปกับมือ

เพราะถึงมันจะเป็นซอมบี้แต่ก็ยังคงสวมเกราะแบบเดิม ดาบที่หักก็ยังเหมือนเดิม พวกมันคงใช้ประโยชน์จากของต่างๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้น

ตอนช่วงบ่าย ผมก็รู้สึกแปลกๆ ว่าพวกมันต่างจากออร์คหรือก๊อบลินที่อาศัยในนากอลอยู่แล้ว

แม้ว่ารูปร่างจะเหมือนกัน แต่ที่นากอล ทหารออร์คต่างใส่อาวุธและอุปกรณ์ชั่นยอดทั้งนั้น นอกจากนั้นพวกเขายังมารยาทดีด้วย

ตรงกันข้ามกับออร์คที่ผมเจอเมื่อช่วงบ่ายที่เป็นเผ่าพันธุ์ที่ป่าเถื่อนและชอบความรุนแรง เป็นเผ่าพันธุ์ที่อย่าว่าแต่พูดคุยกันเลย

ความจริงผมที่ถูกอัญเชิญจากราชาปีศาจควรจะอยู่ฝั่งปีศาจ แต่พอดูสถานการณ์แล้ว สุดท้ายเลยต้องมาต่อสู้ข้างมนุษย์ซะงั้น

อีกอย่างเจ้าพวกอ็อคที่เจอเมื่อตอนบ่าย ทันทีที่เห็นผมก็พิจารณาว่าผมเป็นศัตรูทันทีเลย พวกมันเห็นผมราวกับอาหารแสนอร่อยๆ ที่วางไว้ในจาน บางตัวก็คิดอยากจะลองท้าทายกับผมดู ดังนั้นการจะเป็นพวกเดียวกันกับออร์คพวกนั้นคงเป็นไปไม่ได้

แล้วก็ปีศาจนอกนากอลเองก็ไม่ได้ให้ความร่วมมือกับโมเดส กรณีนี้ก็เท่ากับพวกมันเป็นกบฏนั้นล่ะ

เงาพวกนั้นเข้าใกล้พวกเราด้วยความเร็วสูง ต้นไม้ในป่ากลายเป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวงต่อพวกมัน เพราะพวกมันกลายเป็นซอมบี้ (ไร้สมองเดินชนมั่ว) ดูเหมือนพวกมันจะพยายามมาถึงตัวพวกเรามาก

จนหนึ่งในนั้นมาถึงที่ที่เรายืนอยู่

ผมตวัดดาบสั้นและฆ่ามันทันที

เหตุผลที่ผมใช้ดาบสั้นเพราะผมไม่อยากให้พวกเขาเห็นดาบปีศาจของผมนั้นล่ะ

ดาบสั้นเล่มนี้ผมได้มาจากที่นากอล มันต่างจากดาบปีศาจอยู่มาก แต่การที่ใช้ดาบปีศาจไปต่อสู้ซะทุกครั้งมันก็ลำบากเหมือนกัน

พวกเงาถอยๆ ถอยหลังกลับไป

ดวงตาของทุกคนต่างจ้องมองเงาที่เข้ามาใกล้อย่างไม่วางตา

มันคือออร์คไร้หัวและไร้แขน แม้จะไม่มีหัวแล้วแต่มันก็ยังขยับได้

[ อา มันคือซอมบี้… ]

กาลอุสที่ยืนยันได้แล้ว รีบส่งเสียงเตือนไปโดยรอบ

[ ทำไม… ทำไมพวกมันถึงกลายเป็นซอมบี้… อย่าบอกนะว่าสติเคอร์ ]

เร็มเบอร์พึมพำคำนั้นด้วยสีหน้าตกใจ

[ ถ้ามีซอมบี้อยู่แถวนี้ แปลว่าต้องมีคนที่สร้างมันขึ้น ]

พวกเราบางคนพยักหน้าให้กับการคาดการณ์ของนิมริ

ลูคัสเองก็บอกผมเหมือนกัน ว่าซอมบี้นั้นไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เกิดจากผู้ใช้เวทควบคุมวิญญาณ (เนโครเมนเซอร์) สรุปได้ว่า ซอมบี้พวกนี้ต้องถูกใครสักคนสร้างขึ้นมา

[ ทำยังไงต่อดีครับ? ซอมบี้ตัวอื่นๆ กำลังมาแล้วนะครับ? ]

ทุกคนต่างตะโกนเมื่อได้ยินคำพูดของผม

ซอมค่อยๆ ขยับมาหาพวกเราอย่างช้าๆ ถึงจะอันตรายที่พวกมันล้อมเราไว้หมด แต่ก็ยังมีโอกาสหนีได้อยู่

[ ทำยังไงต่อเร็มเบอร์? ]

กาลิอุสถามเร็มเบอร์

เพราะเร็มเบอร์เป็นหัวหน้าของภารกิจครั้งนี้ เราจึงต้องรอคำสั่งจากเขา

[ ถอย ไปอยู่ในกำแพงจนถึงเช้า เพราะศัตรูของเราจะไม่มีวันตายหากยังกลางคืนอยู่ ]

ทุกคนเห็นด้วยกับการตัดสินใจของเร็มเบอร์

ซอมบี้อาจจะเดินช้า แต่การใช้หอกหรือดาบกับมันแทบจะไม่มีผล ดังนั้นในตอนนี้ถึงเราจะสู้ต่อไปก็เสียแรงเปล่า

แม้ว่าที่จริงผมจะจัดการพวกมันทั้งหมดได้ด้วยตัวคนเดียว แต่ผมต้องปกปิดตัวจริงเอาไว้ จึงไม่ควรจะแสดงพลังที่แท้จริงออกไป

และเพราะพวกมันอ่อนแอต่อแสงแดด ร่างกายของพวกมันจะเหือดแห้งเมื่อโดนแสง ดังนั้นการจัดการพวกมันตอนเช้าจะรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่า

ในหมู่นักบวชชั้นสูงมีคนที่สามารถใช้เวทมนตร์สร้างแสงแดดได้ แต่น่าเสียหายที่ในหมู่พวกเราไม่มีใครที่ใช้เวทมนตร์แบบนั้นได้

การเข้าไปหลบในกำแพงจึงดีกว่าการเลือกต่อสู้กับพวกมัน เราทุกคนรีบถอยหลังจากได้ยินคำสั่งจากเร็มเบอร์

[ การระบาดของพวกอันเดดคล้ายๆ กับคราวนี้ เหมือนกับที่ผู้กล้าเคยมาที่นี่เมื่อเดือนก่อนเลยนะ!! ]

สโตร นิมริ และเร็มเบอร์เห็นด้วยกับคำพูดของกาลิอุส พวกเขาอาศัยอยู่ที่อาณาจักรร็อกมาพักนึงแล้วจึงรู้เรื่องพวกนี้ดี

เป็นไปได้มั้ยว่าเมื่อก่อนอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นที่นี่?

[ ใช่ บางทีมันคงมีอะไรสักอย่างเกี่ยวข้องกับท่านผู้กล้า ]

นิมริพูดการคาดการณ์ของเขา

[ งั้นสติเคอร์ก็มีอยู่จริงๆ สินะ ]

[ ข้าไม่รู็หรอกว่าสติเคอร์จะเป็นคนทำรึไม่ … แต่มันก็เป็นความจริงที่มีอันเดดเกิดขึ้นในอาณาจักรร็อก ดังนั้นเราควรระวังไว้ดีกว่า ]

นี่คือสิ่งที่พวกเขาคุยกัน จากนั้นเราก็ตัดสินใจกลับ ผมไม่รู้หรอกว่ามันเรื่องอะไร เพราะผมเพิ่งมาถึงอาณาจักรร็อกเมื่อวานเท่านั้นเอง

แต่จากที่พวกเขาคุยกัน ดูเหมือนเรื่องนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องบางอย่างกับผู้กล้าด้วย

เป็นไปได้ว่าชิโรเนะก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ทันใดนั้นผมก็เผอิญนึกถึงเรื่องนั้น

ว่าทำไมผู้กล้าต้องมาที่นี่ช่วงเวลาแบบนี้ด้วย?

ผมเริ่มมีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 20"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์