อัศวินดำ - ตอนที่ 21
◆ปราชญ์ผมดำ จิยูกิ
อาณาจักรร็อกนั้นใช้เวลาเดินทางจากสาธารณรัฐลีนาเรียประมาณสองวัน ตั้งอยู่ใจกลางของทางหลวงเส้นใหญ่ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทางตะวันออกของทวีป
ราชาที่ปกครองมีชื่อว่าโรครอส มีประชากรประมาณ 30,000 คน
ถ้าเปรียบเทียบเพียงแค่นั้น ประเทศนี้ก็เหมือนกับประเทศอื่นของโลกนี้
แต่อาณาจักรร็อกมีสองอย่างที่หาไม่ได้ที่อาณาจักรอื่น
หนึ่งนั่นคือบ่อน้ำพุร้อน มีนักท่องเที่ยวมากมายที่มาประเทศนี้เพื่อผลการรักษาจากบ่อน้ำพุร้อน นี่คือเหตุผลที่เราแอบไปที่ประเทศนั้นเหมือนกัน
สอง ราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ที่อาศัยอยู่ในเทือกเขามังกรใกล้เคืองกับอาณาจักร เพราะผู้ก่อตั้งอาณาจักรร็อก ได้รับอนุญาตให้สร้างอาณาจักรในพื้นที่นี้ได้เพราะเขาทำการปฏิญานกับราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ไว้
และวันนี้ก็เป็นวันสถาปนาอาณาจักรร็อก ซึ่งจะมีงานเทศกาลที่อาณาจักตลอดทั้งอาทิตย์เริ่มตั้งแต่วันนี้ หากไปเที่ยวในช่วงเวลานี้ทั้งค่าโรงแรมและบ่อน้ำพุร้อนจะลดถึงครึ่งนึง นั่นคือเหตุผลที่ทำให้นักท่องเที่ยวเยอะเป็นพิเศษ จำนวนเยอะจนน่าตะลึงกว่าที่พวกเรามาครั้งก่อนซะอีก
นี่เป็นครั้งที่สองที่เรามาเยือนอาณาจักรนี้ สาเหตุที่มาครั้งก่อนก็คือก็คือบ่อน้ำพุร้อนนั้นเอง
สำหรับคนญี่ปุ่นที่ชอบบ่อน้ำพุร้อนแล้ว มันยากจะทนต่อเสน่ห์ของบ่อน้ำพุร้อนล่ะนะ ตั้งแต่นั้นก็ผ่านมาได้หนึ่งเดือนแล้ว
ในตอนนั้นเราได้จัดการปีศาจที่เรียกว่าสติเคอร์ไป มันพยายามแอบมองพวกเขาตอนอาบน้ำด้วยล่ะ สุดท้ายเลยมีคนวีนแตกใช้เวทมนตร์ใส่มันจนกำแพงพังเสียหายไปส่วนหนึ่ง
แต่คราวก่อนเราไม่รู้เรื่องมังกรศักดิ์สิทธิ์เลยสักนิด อาจจะเพราะกำแพงปิดกั้นเวทมนตร์ไว้ ทำให้นาโอะไม่สามารถตรวจจับอะไรได้
ถ้ามีมังกรแบบนั้นอยู่ที่นี่จริงๆ ก็อยากเจอจังน้า
ก็มังกรศักดิ์สิทธิ์สีเงินนี่ก็มังกรขาวใช่มั้ยล่ะ นั่นมันสัญลักษณ์แห่งความโชคดีเลยน้า เหมือนกับนิยายแฟนตาซีที่ของเอนดี้* (ชื่อนักเขียน)
ส่วนสาเหตุที่แท้จริงที่เรามาเยือนครั้งนี้ก็เพราะต้องการเขาของราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ที่อาศัยอยู่ที่อาณาจักรร็อก
เพื่อการต่อสู้กับอัศวินดำไดร์ฮาร์ด เราจำเป็นต้องยืมพลังจากเขาของราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ เรารู้สึกงงไปหมดเมื่อได้ยินคำขอนั้นจากเรน่า
บาดแผลของเรย์จิเกือบจะหายดีหมดแล้ว ต้องขอบคุณโพชั่นจากเทพและเวทรักษาของซาโฮโกะ
แม้ว่าเรย์จิจะรักษาหายดีจนสภาพเต็มร้อย แต่ไดร์ฮาร์ดก็ยังแข็งแกร่งเกินไปอยู่ดี เราจึงต้องเลี่ยงการต่อสู้เท่าที่จำเป็น
และเดิมทีเรย์จิก็เป็นประเภทที่ยอมรับคำขอของเรน่ามาง่ายๆ ด้วย และถ้าเรย์จิไปสู้กับไดร์ฮาร์ดโดยไม่เตรียมตัวอะไรไป อาจจะต้องพ่ายแพ้และปางตายเหมือนครั้งก่อนก็ได้
ตัวฉันที่มองดูรอบข้างเสมอ ไม่อยากเห็นชิโรเนะกับซาโฮโกะร้องไห้อีกแล้ว
ด้วยเหตุนี้เราจึงคิดว่าจะทำตามเป้าหมายเดิมไปอย่างช้าๆ ดีกว่า
แต่ไม่รู้เพราะอะไร ไดร์ฮาร์ดถึงยังไม่ตัดเขาจากราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ กระดิ่งที่เราได้จากเรน่าก็ยังไม่ดังเลย
นี่เป็นกระดิ่งที่นางฟ้าลูกน้องของเรน่าให้มา มันมีหลักการทำงานคล้ายกับสัญญาณเตือนภัยที่วิหารเรน่า ซึ่งจะดังเมื่อมีผู้ไม่ได้รับอนุญาตบุกรุกเข้าไปในภูเขาของราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์
สุดท้ายแล้วกระดิ่งก็ไม่ดัง
แต่ว่าทำไมเรน่าถึงได้รู้การเคลื่อนไหวของไดร์ฮาร์ดได้ล่ะ? เป็นไปได้มั้ยว่าเธอส่งสปายเข้าไปในนากอล?
แล้วทำไมอัศวินดำถึงต้องการเขาราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ด้วย?
ถึงฉันจะไม่รู้ว่าเขาจะทำยังไงกับเขามังกรนั้น แต่คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ การที่จะไปตัดเขาราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกได้ว่ามังกรขาวแห่งโชคลาภน่ะ
เราเดินทางไปตามถนนสายหลักของร็อกที่ทอดยาวจากประตูเมือง เรามาจนกระทั่งถึงใกล้ประตูเมืองและเอาโค้ชที่ปกปิดอยู่ออกและกำลังเดินจนยังราชวังของอาณาจักรร็อก
ฉันรู้สึกถึงดวงตาที่ไม่พอใจมองพวกเราจากในเมือง มีคนมากมายที่ยืนมุงดูพวกเรา ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย
ด้วยเหตุนี้อัศวินจากวิหารที่เดินทางมาด้วยกันจึงทำหน้าที่คุ้มกันขับไล่ฝูงชนออกไป แตกต่างจากการเดินทางมาครั้งก่อน ครั้งนี้เรามาพร้อมกับคนคุ้มกันล่ะนะ
แม้ว่าวิธีไล่ฝูงชนจะดูค่อนข้างรุนแรงไปหน่อยก็ตาม
[ เอ่อ… คุณจิยูกิ… มันน่าอายจริงๆ นั้นแหละค่ะ ]
ชิโรเนะเองก็อายเหมือนฉันพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนอยากจะร้องไห้
[ อย่าพูดแบบนั้นสิ… ฉันเองก็ไม่อยากคิดเรื่องนี้เหมือนกันนั้นล่ะ ]
เมื่อมองไปที่ชิโรเนะ เธอช่างเข้ากันกับชุดได้อย่างยอดเยี่ยม ราวกับว่าเธอสวมแค่ชุดชั้นในเท่านั้น ใช่แล้ว เธอกำลังสวมชุดเกราะที่เรียกกันว่าชุดเกราะบิกินี่อยู่และมันก็เข้ากันกับสัดส่วนของชิโรเนะมาก แต่เจ้าตัวดูจะไม่อยากใส่ล่ะนะ
แต่ตัวฉันเองก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะไปว่าอะไรเธอได้เหมือนกัน เพราะฉันกำลังส่วมชุดที่น่าอายไม่แพ้เธอเลย ซึ่งฉันกำลังสวมชุดโกธิคโลลิต้าพร้อมกระโปรงที่นิดเดียว การจะเดินจึงต้องคอยระวังอย่างมาก เพราะถ้าขยับพลาดไปนิดเดียวก็อาจมีคนมองเห็นกางเกงในแล้ว
ถ้าถามว่าทำไมเราต้องใส่ชุดน่าอายแบบนี้ละก็ เพราะจะล่อเจ้าโรคจิตที่เคยจับหน้าอกคุณเคียวกะนะสิ
พวกเราที่สูญเสียเส้นทางกลับโลกเดิมเพราะไดร์ฮาร์ดทำลายอุปกรณ์อัญเชิญไป ทำให้เรารู้สึกท้อกันอย่างมาก เพราะรู้ว่าไม่มีทางกลับไปโลกเดิมได้
ถึงจะอยู่ที่สวนสนุกเราก็สนุกไม่ลงหรอก ถ้ารู้ว่ามันไม่มีทางออก นั่นล่ะสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเรา
แต่เรายังมีความหวังที่จะกลับไปที่โลกเดิมได้อยู่ โดยความหวังของเราอยู่ที่อีกคนนึงที่มีอุปกรณ์ในการอัญเชิญ และเพราะเจ้าคนโรคจิตที่เคยจับหน้าอกคุณเคียวกะดูเหมือนจะเป็นคนในโลกเดียวกับเรา สรุปก็คือหากเราหาตัวเจ้าโรคจิตนั้นได้ก็จะเชื่อมโยงไปถึงคนที่มีอุปกรณ์อัญเชิญได้
เอาล่ะ เริ่มจากหาเจ้าโรคจิตนั้นก่อนเลย
สายตาผู้ชายส่วนใหญ่จ้องไปที่หน้าอกของเคียวกะ ก็ผู้ชายส่วนมากชอบหน้าอกใหญ่ๆ นี่นะ
แผนการที่มีแค่พวกเรา[ผู้หญิง]เท่านั้น จึงเริ่มขึ้น โดยการใส่ชุดน่าอายที่เน้นทรวงอกเพื่อล่อเจ้าโรคจิตนั้นออกมา
เดิมทีเราคิดจะใช้แค่เคียวกะเป็นเหยื่อ แต่เธอคัดค้านหัวชนฝา เรย์จิจึงเสนอว่าให้พวกเราทุกคนใส่ชุดน่าอายไปเลย แต่นี่มันอาจจะล่อพวกโรคจิตคนอื่นนอกจากเจ้านั้นมามากกว่านะสิ
จึงไม่ใช่แค่ฉันหรือชิโรเนะเท่านั้น สาวๆ คนอื่นในกลุ่มก็ใส่ชุดน่าอายแบบนี้เหมือนกัน
เราใส่ชุดน่าอายนี้ตั้งแต่เดินทางออกจากลีนาเรียและยังไม่ได้เปลี่ยนชุดเลย
จะว่าไปแล้วชุดที่พวกเราใส่อยู่ก็ได้เรย์จิเป็นคนซื้อมาให้ เรย์จิบอกว่าไม่ใช่แค่หน้าอก แต่ต้องเน้นหน้าอกและเปิดเผยให้มันมากกว่านี้อีก เพื่อล่อเจ้าโรคจิตนั้นให้เข้ามาหา
เดิมทีฉันก็คิดว่าตัวเองจะรอดแล้ว แต่ที่ไหนได้ล่ะ เพื่อหวังผลลัพธ์สูงสุดก็มีแต่ฉันต้องยอมแพ้แล้วทำตามเท่านั้น จึงกลายเป็นอย่างที่เห็นนี้
แน่นอน จำนวนพวกโรคจิตที่จ้องจะเข้ามาหาพวกเรามีเยอะมาก ฉันรู้สึกได้เลยว่าผู้ชายที่ตามหลังพวกเราในเมืองมีมากขึ้นถึงสามเท่า
แต่เจ้าโรคจิตนั้นยังไม่โผล่มาเลยนะ
เพราะเราใช้วิธีล่อแบบนี้ ทางวิหารจึงเพิ่มคนคุ้มกันเป็นสามเท่าให้เดินทางมาพร้อมกับเราด้วย ทันทีที่มีผู้ชายพยายามจะเข้าใกล้ก็จะถูกเหล่าอัศวินขวางไว้ แต่ถ้าเป็นเจ้าโรคจิตนั้นคงต่อสู้กับอัศวินได้สบายอยู่แล้ว เพราะสามารถเจ้านั้นเก่งกว่าคุณคายะซะอีก ถ้าคนคุ้มกันยังบอกว่าไม่มีปัญหาอะไร ก็หมายถึงเจ้านั้นก็ยังไม่โผล่มานั้นล่ะ
หวังว่าจะรีบโผล่หัวมาเร็วๆ นะ นี่ฉันต้องใส่ชุดน่าอายพวกนี้ไปนานแค่ไหนเนี่ย?
แม้ว่าชุดพวกนี้จะทำให้ต่อสู้ได้ยาก แต่ถ้าไม่ใช่ไดร์ฮาร์ด แต่เป็นแค่ปีศาจหรือมนุษย์เราก็จัดการได้สบายอยู่แล้ว แถมพวกอาวุธและชุดเกราะเราสามารถอัญเชิญได้ตลอดเวลา ดังนั้นไม่มีอันตรายอะไรหรอก
ฉันมองไปที่ชุดของคนอื่นๆ
คนแรกนาโอะ เธอสวมชุดเนโกะมิมิ(หูแมว) ใส่คู่กับชุดกี่เพ้า ช่วงขาที่แหวกออกมาช่างเข้ากันได้ดีกับขาสวยๆ ของนาโอะ แม้ว่าเรย์จิจะบอกว่าให้ใส่หางแมวเข้าไปด้วย แต่นาโอะก็ยืนกรานปฏิเสธ
ทีแรกฉันก็งงเหมือนกัน ว่าหางจะใส่เข้าไปได้ยังไง เรย์จิบอกว่ามันตรงเข้าไปที่ตรงนั้น (ก้น) ไงล่ะ เมื่อฉันได้ยินเลยจัดการเผาหางพวกนั้นเป็นเถ้าถ่านซะขณะที่ตีสีหน้าเย็นชาใส่ แต่หนักกว่านั้นคือมารู้ทีหลังว่าเรย์จิแอบเศร้าอยู่เล็กน้อย
ดังนั้นนาโอะจึงสวมแค่หูแมวเท่านั้น
ฉันเองก็สงสัยว่าทำไมเรย์จิถึงได้มีเสื้อผ้าแบบนี้ได้ ฉันล่ะอยากไปตื๊บเจ้าพวกช่างทำเสื้อผ้าพวกนี้จริงๆ
ริโนะสวมชุดเชียร์ลีดเดอร์ที่เข้ากัน ดูน่ารักเหมาะกับริโนะ ในกรณีของริโนะคงไม่มีปัญหาอะไรหรอกเดิมทีเสื้อผ้าที่เธอชอบใส่ประจำก็ดูเสี่ยงๆ อยู่แล้ว
เดิมทีเธอก็ทำงานเป็นนางแบบดังนั้นจึงได้ใส่ชุดประเภทนี้แทบจะประจำอยู่แล้ว จึงไม่สะทกสะเทือนอะไร
แม้ตอนแรกเรย์จิจะบอกให้ ริโนะให้สวมชุดที่มีแค่ริบบิ้นพันรอบตัวโดยปกปิดแค่ส่วนสำคัญเท่านั้น แต่ก็หยุดไปซะก่อน เพราะมันจะมากเกินไป โถ่ นี่เรย์จิคิดอะไรอยู่เนี่ย…
เคียวกะสวมชุดนักเต้น ชุดที่เธอสวมโชว์ผิวหนังมากที่สุดเหมาะกับการล่อเจ้าโรคจิตนั้นออกมา
จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกโรคจิตจะจ้องไปที่หน้าอกเคียวกะก่อนใคร
อนึ่ง คนที่มีหุ่นดีที่สุดในหมู่พวกเราก็คือเคียวกะ ชุดของเธอจึงเน้นส่วนเอวคอดและหน้าอกเป็นอย่างมาก เพื่อมุ่งความสนใจมาที่เธอ
ซึ่งหุ่นนั้นช่างเหมาะกับเธอ จนทำให้ผู้หญิงคนอื่นๆ ต่างพากันอิจฉาเมื่อเห็นเธอกันทั้งนั้น
แม้ว่าทีแรก เคียวกะจะลังเลที่จะใส่ชุดพวกนี้ แต่เพราะคำชักชวนของเรย์จิสุดท้ายเธอก็เลยยอมทำตาม แม้เธอจะเป็นพี่น้องกับเรย์จิแต่ก็ตรงข้ามกันแทบทุกอย่าง เธอเป็นพวกหัวโบราณที่ขัดแย้งกับอายุ ไม่ชอบใส่เสื้อผ้าที่โชว์เนื้อหนังมากเกินไป ชุดว่ายน้ำก็ใส่แค่ชุดว่ายน้ำโบราณๆ จนตอนนี้กลายเป็นยัยป้าไปแล้วล่ะมั้ง
ส่วนด้านคายะสวมชุดเมดที่มีกระโปรงสั้น แต่เดิมคายะก็สวมชุดเมดเป็นประจำทุกวันเวลาอยู่บ้านเคียวกะอยู่แล้ว ถุงเท้าสีขาวที่ยาวถึงเข่าใต้กระโปรงสั้นๆ ทำให้ขาและเรียวขาดูโดดเด่นมากขึ้น
แม้เรย์จิจะพยายามทำให้ชุดของเธอเปิดเผยมากกว่านี้ แต่ดูเขาจะสู้แรงกดดันของคายะไม่ได้ ฉันล่ะอยากมีแรงกดดันเหมือนเธอจัง
ว่าแต่ งั้นทำไมคายะถึงได้ติดตามเคียวกะล่ะ? ถึงแม้จะหลังจากมาโลกนี้ แต่ความสัมพันธ์ของพวกเธอก็ดูจะไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ฉันไม่คิดหรอกว่านั้นจะเป็นความสัมพันธ์แค่นายกับคนรับใช้ บางทีคงมีอะไรมากกว่านั้น แต่ฉันก็ไม่ใช่คนที่ชอบไปลวงความลับของครอบครัวคนอื่น
คนสุดท้ายคือซาโฮโกะ เธอสวมชุดบันนี่เกิร์ลสีขาวซึ่งเป็นชุดที่เน้นหน้าอกเพื่อซาโฮโกะที่หน้าอกใหญ่ที่สุดโดยเฉพาะ ในหมู่พวกเราคนที่ได้รับความเสียหายจากหน้าอกนี้มีมากทีเดียว
แม้ว่าซาโฮโกะจะอวบอ้วนอยู่นิดหน่อยและหุ่นดีสู้เคียวกะไม่ได้ แต่พลังทำลายก็ยังมหาศาลอยู่ดี พลังของมันมากพอจะทำดึงดูดสายตาผู้ชายอยู่มากทีเดียว มีคนที่ชอบสไตล์ซาโฮโกะอยู่เยอะล่ะนะ
ซาโฮโกะอายมากที่ต้องใส่ชุดชั้นในที่มีปีกสูงซึ่งเน้นทำให้ขยับสะโพกได้ง่าย ดูเหมือนเธอจะอายจนอยากจะร้องไห้เลยล่ะ ถึงแม้จะมองผ่านเนื้อผ้าไม่ได้ แต่ก็ยังโปร่งๆ พอมองเห็นได้บางส่วน – อ๊ะ แบบนี้มันเปิดเผยต่อสาธารณะไม่ได้น่ะ เพราะซาโฮโกะปฏิเสธคำขอของเรย์จิไม่ได้ สุดท้ายจึงยอมใส่แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม
ยิ่งมองเธอก็ยิ่งปวดใจ ถ้าอัศวินไม่มาช่วยเป็นคนคุ้มกันป่านนี้ เราอาจจะใช้เวทเอ็กโพชั่น(ระเบิด) เป่าคนพวกนี้เพื่อระงับอาการอายไปแล้วก็ได้
เรากำลังมุ่งหน้าไปยังราชวังของอาณาจักรร็อกด้วยสภาพจิตใจอึดอัด สิ่งแรกที่เราต้องทำคือเข้าพบราชาของประเทศนี้
เพราะได้ยินมาว่าสำหรับคนสำคัญจากประเทศอื่นการเข้าพบราชาทันทีที่มาถึง ถือเป็นธรรมเนียม มีคนบอกเราก่อนที่จะมาที่นี่น่ะนะ
แม้ว่าเราจะไม่ใช่แขก VIP ของพวกเขา แต่ก็ไม่มีทางเลือกเพราะมันเป็นธรรมเนียม
นอกจากนี้เราจำเป็นต้องมีใบอนุญาตเพื่อให้เหล่าอัศวินของต่างอาณาจักรไว้ใจ
อัศวินพิทักษ์คือคนที่ได้รับเลือกจากวิหาร แทนที่จะปกป้องพวกเรา เรียกว่าพวกขาเดินทางมาเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเราใช้พลังตามอำเภอใจต่างหาก เพราะพฤติกรรมของเราจะทำให้เทพธิดาเรน่าต้องอับอาย แม้ฉันจะคิดว่า ‘นี่หยาบคายกันมากไปแล้วนะ’ ก็ตาม แต่ก็พูดไม่ออกเพราะเคียวกะกับเรย์จิที่กำลังนั่งม้าขาวข้างหน้านั้นเคยทำลายเมืองด้วยเวทมนตร์มาแล้ว
อัศวินแห่งวิหารเรน่าซึ่งให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีต่อเทพธิดาเรน่า ดูเหมือนหัวใจของพวกเขาจะไม่สั่นคลอนเลยสักนิดแม้จะเห็นพวกเรา ที่จริงก็ไม่อยากให้มองหรอกนะ ซึ่งบางครั้งฉันก็สับสนเหมือนกัน เพราะเราต่างหากที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบน่ะและยังถูกเปรียบเทียบกับเรน่าเสมอด้วย
แล้วก็นะ ตอนที่เรน่าบอกว่าจะให้ลูกน้องของเธอมาคอยดูแลเราแทน นี่กำลังล้อกันเล่นใช่มั้ย อย่างน้อยก็มาต่อสู้ร่วมกับพวกเราหน่อยสิ อย่าปล่อยให้พวกเราต้องต่อสู้ตัวคนเดียวได้มั้ย ฉันล่ะสงสัยจริงๆ ว่าจริงๆ แล้วเรน่าอยู่ที่บริเวรณใกล้ๆ อาณาจักรร็อกจริงเรอะ?
เรามาถึงราชวังของอาณาจักรร็อกกันแล้ว โดยราชวังแห่งนี้ใหญ่เพียงแค่หนึ่งในสามของสำนักงานเขตรัฐบาลของสาธารณรัฐลีนาเรียเท่านั้น
สำหรับพวกเราที่เคยอยู่ในวิหารเรน่าที่ใหญ่กว่าสำนักงานเขตรัฐบาลของลีนาเรีย มันจึงคับแคบมาก แต่ขนาดนี้ก็เหมาะกับอาณาจักรที่มีประชากร 30,000 คนแล้วล่ะ
[ ยินดีต้อนรับท่านผู้กล้าเรย์จิและเหล่าภรรยาสู่ราชวงของเรา ]
หลังจากเข้ามาในราชวัง ราชาของอาณาจักรร็อกก็กล่าวทักทายพวกเรา
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ดูเหมือนราชาของอาณาจักรร็อกจะเป็นคนที่ทักทายผู้มีสถานะสูงกว่าเขาก่อน เรย์จินี่แสดงท่าทีไม่สุภาพต่อหน้าราชาอีกแล้ว
[ อา ครั้งนี้ก็ขอให้ดูแลพวกเราด้วย ]
เรย์จิกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ไอ้ท่าทีแบบนี้แหละที่มักทำให้เรามีปัญหาเวลาไปเยือนอาณาจักรต่างๆ หวังว่าเขาจะหัดเคารพราชาบ้างนะ
แต่ดูแล้วเรย์จิไม่มีความตั้งใจจะเปลี่ยนพฤติกรรมเลยสักนิด
เพราะเรย์จิคิดว่า “ตูข้าคือผู้ชายที่เจ๋งที่สุดในโลกนี้” ดังนั้นต่อให้เป็นราชาเทพเขาก็คงไม่เปลี่ยนพฤติกรรม
และดูจะไม่มีใครเปลี่ยนพฤติกรรมของเขาได้ ที่ฉันจำได้คือเรย์จิจัดการคนที่มาต่อต้านเขาโดยไม่นึกถึงเหตุผล ไม่ว่าจะโลกนี้หรือโลกเดิมของเราก็ตาม
เมื่อไหร่ที่ฉันสงสัยเรื่องนี้กันนะ คงที่อาณาจักรอัลโกลี่ล่ะมั้ง ก็ไม่ใช่ว่าเขาไปโค่นล้มราชาที่ต่อต้านเขาเลยหรอก
แต่การรัฐประหารนั้นที่จริงแล้วเกิดขึ้นเพราะเรย์จิต่างหาก พูดได้เลยว่าแค่พลังของเรย์จิคนเดียวก็สามารถทำลายอาณาจักรได้ง่ายๆ ดังนั้นคงดีกว่าถ้าทำตัวสงบไว้ ราชาของอาณาจักรร็อกก้มหัวให้เรย์จิ ดูท่าตัวเลือกของเขาจะถูกต้องนะ
นี่เป็นการพบกันครั้งที่สองของเรากับราชาของอาณาจักรร็อก นี่ไม่ใช่เขาผอมลงกว่าตอนที่พบกันครั้งก่อนเหรอ?
อัลมีนา เจ้าหญิงของอาณาจักรนี้ยืนอยู่ข้างๆ ราชา นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เราพบกับเธอ ความสัมพันธ์ของเธอกับอัศวินคู่หมั้นของเธอเป็นยังไงบ้างนะ?
[ ไม่เจอกันนานนะอัลมีนา เป็นยังไงบ้าง? ]
แม้จะเป็นการพูดคุยกับเจ้าหญิงเรย์จิก็ยังไม่เปลี่ยนท่าทีที่พูดคุยด้วย แถมยังดูสนิทกันมาก
ราชาไม่อยู่แล้ว บางทีเขาอาจจะทนพฤติกรรมของเรย์จิไม่ไหวแล้วล่ะมั้ง
[ ค่ะ ท่านเรย์จิ อัลมีนาผู้นี้แข็งแรงเต็มเปี่ยมเสมอค่ะ ]
อัลมีนามองเรย์จิด้วยสายตาของหญิงสาวที่ตกหลุมรัก
แม้ว่าพ่อกับพี่ชายของเธอจะทรมานจากเรย์จิ แต่อัลมีนากลับต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า นี่เธอกับคู่หมั้นจะไม่เป็นไรเหรอ?
ภายนอก เรย์จิก็มีหน้าตาหล่อเหลาสุดๆ จนทำให้สาวๆ หลายคนหลงเสน่ห์ได้ และเขายังเป็นคนอ่อนโยนกับเด็กผู้หญิง แต่ก็เฉพาะผู้หญิง หากเป็นคำขอร้องของเด็กผู้หญิงไม่ว่าจะคนไหน เขาก็ไม่ปฏิเสธเลย
แฟนคลับของเรย์จิที่ลีนาเรียขนาดในวิหารเรน่าพวกเธอยังตามกันเข้ามาเลย นี่ถ้าไม่ติดว่าการเดินทางไปต่างอาณาจักรร็อกไม่มีปีศาจ พวกแฟนคลับคงแห่กันมาด้วยแล้วล่ะ
เรย์จิและอัลมีนาคุยกันอย่างสนุกนาน ขณะที่เคียวกะและริโนะที่อยู่ข้างๆ พวกเขาดูจะงอล ซาโฮโกะรู้สึกเศร้าเล็กน้อย ส่วนชิโรเนะกับคายะยังคงสงบเยือกเย็นเมื่อทุกที ดูเหมือนจะไม่สนใจเลยก็ว่าได้ ซึ่งมักจะเป็นแบบนี้เสมอเวลาที่เรย์จิไปคุยกับผู้หญิงคนอื่นนอกกลุ่มพวกเรา ฉันชินแล้วล่ะ
แม้ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำวันก็ตาม แต่ไม่ใช่ในกรณีของอัลมีนา เธอเกือบจะร้องไห้แล้วเพราะแรงกดดันจากสายตาของเคียวกะและริโนะ บางทีฉันน่าจะช่วยเธอสักหน่อยสินะ
พอฉันทำท่าว่าจะช่วย ชายคนหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมา
เขาดูจะเป็นคนที่น่าจะแก้สถานการณ์ตอนนี้ได้
ซึ่งเขาคนนี้ก็คือนายกรัฐมนตรีของอาณาจักรนี้
[ ท่านอัลมีนา เรื่องที่พักของท่านผู้กล้าและภรรยาของท่าน… มันอาจจะกระทันหันไปหน่อย… ]
สารจากวิหารเรน่าเรื่องการเยือนของพวกเราน่าจะถูกส่งมาถึงเมื่อวาน ด้วยม้าที่เร็วที่สุดของลีนาเรีย ทางอาณาจักรร็อกจึงน่าจะได้รับสารนั้นแล้วเมื่อวาน บางทีพวกเขาคงไม่มีเวลามากพอที่จะเตรียมตัวต้อนรับพวกเรา ใบหน้าพวกเขาเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนน่าเป็นห่วง เพราะคงกลัวทำให้เรย์จิไม่พอใจ
จากนั้นเขาก็หันไปรอบๆ เขามองไปยังอัศวินจากวิหารที่มาเป็นคนคุ้มกันให้เรา เพราะกลุ่มของเราใหญ่ขึ้นหากรวมกับอัศวินที่มาด้วยกัน ดังนั้นพวกเขาคงหาที่พักให้พวกเราทุกคนไม่ได้
[ เรื่องนั้นไม่มีปัญหาค่ะ ]
บางทีคงเพราะเธอคาดเดาไว้แล้ว ว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ คายะเดินมาข้างหน้า
[ ท-ท่านคายะ!! ]
นายกรัฐมนตรีประหลาดใจเมื่อได้เห็นคายะ เดาว่าคงไม่ได้สังเกตเห็นคายะ เพราะเธอซ่อนอยู่ข้างหลังเรย์จิตลอด
[ ตั้งแต่ที่พบกันครั้งก่อนก็ผ่านมาสองอาทิตย์แล้วนะคะ ท่านนายก ]
เธอมาพบกับนายกเมื่อสองอาทิตย์ก่อนเหรอ? พวกเราทุกคนต่างตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ยกเว้นแค่เคียวกะเพียงคนเดียว
[ ไม่ต้องกังวลค่ะ เรื่องที่พักและเรื่องอื่นๆ ฉันได้จัดการให้หมดแล้ว ]
คายะยิ้มให้
◆ปราชญ์ผมดำ จิยูกิ
เรามุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์ที่ตั้งอยู่ห่างจากราชวังของอาณาจักรร็อก
[ กำลังคอยอยู่เลยค่ะคุณหนู ]
สาวใช้สามก้มหัวให้พวกเราที่ทางเข้าคฤหาสน์
คฤหาสน์นี้คือบ้านตากอากาศที่คายะซื้อเอาไว้
และสาวใช้พวกนั้นก็เป็นลูกน้องของเธอ
ความจริง คายะนั้นทำการค้าขายและทำธุรกิจมากมาย ในระหว่างที่เราออกเดินทางไปจัดการราชาปีศาจไม่นานเธอก็กลายเป็นเศรษฐีไปแล้ว
เพราะเธอสามารถเจาะตลาดธุรกิจการค้าและได้เงินมหาศาลเพื่อให้เคียวกะใช้จ่าย ดังนั้นแทนที่จะบอกว่าคายะเป็นเศรษฐี ต้องบอกว่าคนที่รวยจริงๆ คือเคียวกะจะถูกกว่า
ถึงฉันจะตกใจที่คายะหาเงินได้มากมายในช่วงเวลาเพียงสองเดือนก็เถอะ ซึ่งเธอบอกว่าถ้าเป็นโลกเดิมจะไม่สามารถใช้ชื่อผู้กล้าเพื่อหาเงินได้
แถมคายะยังไม่ต้องเสียภาษีใดๆ ตอนที่ทำการค้าขายด้วย
สำนักงานรัฐบาลลีนาเรียไม่กล้าเก็บภาษีจากน้องสาวของผู้กล้าหรอกน่า เช่นเดียวกัน ประเทศอื่นเองก็คงไม่กล้าหรอก ในระยะสั้นๆ รายได้ของเธอก็มากมายมหาศาล จนตอนนี้กลายเป็นเศรษฐี ซึ่งใช้เคล็ดลับเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
ในช่วงไม่กี่วันนี้เธอสร้างคฤหาสน์หลังใหญ่เพื่อเคียวกะที่ลีนาเรีย
และดูเหมือนเธอจะซื้อคฤหาสน์ที่อาณาจักรร็อกไว้ด้วยเผื่อแวะมาแช่บ่อน้ำพุร้อน ไม่เพียงเท่านั้นยังมีบ้านตากอากาศอยู่อีกหลายอาณาจักร
ซึ่งตอนที่เธอมาซื้อบ้านตากอากาศที่นี่ เธอคงจะได้พบกับนายกรัฐมนตรีตอนนั้นเอง แต่แท้จริงแล้วน้ำพุร้อนในประเทศนี้ถูกราชวงศ์ของร็อกผูกขาดไว้จึงนำมาเป็นทรัพย์สินส่วนตัวไม่ได้ แต่คายะได้หักล้างกฏข้อนั้นไปแล้ว
แม้ฉันจะรู้สึกไม่สบายใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนายกรัฐมนตรีคนนั้นหลังจากนั้นบ้าง แต่พวกเราได้บ้านพักตากอากาศพร้อมบ่อน้ำพุร้อนส่วนตัวมาก็ดีแล้วล่ะ
คฤหาสน์นี้ที่เดิมทีเป็นของราชวงศ์ในสองสัปดาห์ได้เปลี่ยนไปหลังจากที่คายะซื้อมา
มันยังคงต้องปรับปรุงใหม่อยู่ แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับพวกเราและคนคุ้มกัน ตอนนี้ฉันล่ะดีใจจริงๆ ที่จะได้ถอดเจ้าชุดน่าอายพวกนี้ออกสักที
เมดนำทางพวกเรา
เมดคนนี้คือหนึ่งในลูกน้องของคายะที่ลีนาเรีย คายะเป็นคนที่ดูเมดจากการทำงาน ดังนั้นจึงไม่มีผู้หญิงคนไหนเลยที่สมัครมาเป็นเมดเพื่อเข้าใกล้เรย์จิ คายะจะเลือกเมดที่เหลือรอดคนสุดท้ายเท่านั้น มาตรฐานของเธอคือใบหน้าและความสามารถ
เมดยังคงนำทางและแนะนำเรื่องต่างๆ ให้เราต่อ
ซึ่งเด็กสาวคนนี้ดูจะได้รับการสั่งสอนจากเมดรุ่นพี่หรือคายะเรื่องมารยาทมาอย่างดี
จากนั้นทุกคนก็รวมตัวกันที่ห้องหนึ่งเมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จก็แยกย้ายกันไปที่ห้องของตัวเอง ทุกคนเปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าตามปกติ เรย์จิแสดงสีหน้าเศร้าเล็กน้อย คิดว่าฉันจะสนรึไงยะ
[ เอาล่ะ มาคุยเรื่องแผนการต่อจากนี้ของเรากัน ]
หลังจากเราไล่คนคุ้มกันและเมดให้ออกไปจากห้องกันก่อน
ในห้องจึงเหลือแต่พวกเรา เอาล่ะ มาประชุมกันเลย
[ อย่างแรก คนน่าสงสัยมีใครบ้าง? ]
พวกเราบางคนพยักหน้าตอบรับพร้อบกับฉัน
[ เห็นอยู่ทุกที่เลยค่ะ ]
ริโนะพูดขึ้นมา แต่คนที่น่าสงสัยไม่ใช่พวกโรคจิตทั่วไปสักหน่อยนะ
[ …ช่างหัวคนพวกนั้นไปเถอะ ]
เราไม่มีเวลาจะมาสงสัยทุกคนหรอก
[ นาโอะ แล้วทางเธอล่ะ? ]
นาโอะมีความสามารถในการรับรู้ดีที่สุดในหมู่พวกเรา
โดยมันแบ่งออกเป็นการรับรู้ศัตรู การรับรู้พลังเวทมนตร์ การรับรู้ถึงวัตถุ
เรย์จิ ชิโรเนะ และคายะทั้งสามคนสามารถรับรู้ถึงวัตถุได้ เคียวกะสามารถรับรู้ถึงพลังเวทมนตร์ได้ ชิโรเนะและคายะสามารถรับรู้ถึงศัตรูได้
มีเพียงนาโอะที่สามารถรับรู้ได้ทุกอย่าง
หากเป็นการรับรู้เวทมนตร์ฉันอาจจะเก่งกว่า แต่เรื่องการรับรู้ถึงศัตรูและที่อยู่นาโอะจะเก่งที่สุด
ถ้ากระทั่งนาโอะยังหาตัวเขาไม่เจอ ในหมู่พวกเราก็คงไม่มีใครหาตัวเขาเจอแล้ว
[ มีพวกโรคจิตอยู่เยอะจริงๆ แต่ไม่มีใครมีอะไรเป็นพิเศษเหมือนที่คุณจิยูกิอธิบาย ]
แม้ว่าที่จริงเราไม่ต้องระวังตัวกันขนาดนั้นก็ได้ ถ้าเป็นแฟนๆ ของเรย์จิก็ดูจะเป็นมิตรดีอยู่หรอก แต่แฟนๆ ผู้ชายนี่ไม่มีอะไรให้น่าจดจำจริงๆ อ่ะ
[ ต่อไปก็เรื่องของไดร์ฮาร์ด… ]
การแสดงออกของทุกคนเปลี่ยนไปทันทีที่ฉันเอ่ยถึงชื่อนั้น
นั่นถือเป็นเรื่องปกติ เขาสามารถเอาชนะเรย์จิและชิโรเนะได้ ปัจจุบันเขาจึงกลายเป็นคนที่อันตรายที่สุดสำหรับพวกเรา
และเป้าหมายของเขาคือเขาของราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ เราไม่รู้ว่าเขาจะใช้มันทำอะไร บางทีอาจจะเป็นแผนการอันตรายเพื่อการครองโลก
ดังนั้นเทพแห่งเอลีอัสจึงได้หาทางขัดขวางแผนการของเขา แต่คนที่เคลื่อนไหวก็มีแค่เรน่าเท่านั้น
สำหรับเทพที่โลกของตัวเองกำลังจะมีภัยอันตราย แต่ให้แค่พวกเรามาเดิมพันชีวิตแบบนี้มันแย่ไปนะ
นั่นคือเหตุผลที่ฉันโกรธมากกับแผนการที่จะให้เราไปสู้กับไดร์ฮาร์ด
แต่เรย์จิไม่สามารถปฏิเสธคำขอของเรน่าได้ลง ตราบใดที่เรย์จิยังเคลื่อนไหวเพื่อหญิงสาว พวกฉันก็มีแต่ต้องไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ด้วย
สิ่งที่ฉันทำได้ตอนนี้ก็มีแค่ถ่วงเวลาให้มากที่สุด แท้จริงเราอาจจะมาถึงอาณาจักรร็อกได้เร็วกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่ฉันทำให้มันล่าช้าลงเพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับไดร์ฮาร์ด
นี่ไดร์ฮาร์ดอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?
[ คิดว่าไดร์ฮาร์ดมาถึงที่อาณาจักรร็อกแห่งนี้รึยัง? ]
ฉันมองไปยังทุกคน
[ จากที่คิด เราไม่มีทางรู้ได้เลย เพราะจากข้อมูลของฉัน ฉันรับรู้ถึงอัศวินดำไม่ได้เลยค่ะ ]
นาโอะพูดออกมา จากการรับรู้ของเธอ เธอน่าจะได้รู้สึกได้หากเขาปรากฏตัวขึ้น แปลว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในอาณาจักรนี้ในรัศมีสองกิโลเมตรจากตัวพวกเรา แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะซ่อนตัวในบาเรียบางอย่างอยู่ แต่ก็ยากที่จะจินตนาการว่าผู้ชายที่แข็งแกร่งอย่างเขาจะหลบๆ ซ่อนๆ ใต้บาเรีย เป็นไปได้มั้ยว่าเขามาถึงอาณาจักรนี้แล้วน่ะ?
[ ถ้าเขามุ่งจิตชั่วร้ายใส่พวกเรา ฉันก็จะรู้ได้มันทีอยู่หรอก แต่ว่า… ]
ชิโรเนะพูดออกมา แม้ว่าคนที่รับรู้ถึงความเป็นศัตรูได้จะมีชิโรเนะ คายะ และนาโอะ แต่หากอีกฝ่ายไม่ได้คิดว่าเราเป็นศัตรูมันก็ไร้ค่า
แม้จะเป็นการต่อสู้กับไดร์ฮาร์ด ชิโรเนะก็ไม่รู้สึกถึงความเป็นศัตรูจากตัวเขาเลย บางทีเขาอาจจะไม่คิดว่าชิโรเนะเป็นศัตรูที่คู่ควรด้วยซ้ำ เจ้าผู้ชายคนนั้น…
คิดดูสิ ขนาดเรย์จิที่เหมาะจะเป็นศัตรูที่สูสีกับไดร์ฮาร์ดยังโดนเขาฟันจนแทบปางตาย
แต่เรย์จิกลับไม่สามารถรับรู้ถึงความเป็นศัตรูได้เหมือนชิโรเนะหรือคายะ คงมีเหตุผลอะไรสักอย่างทำให้เรย์จิใช้มันไม่ได้
ไม่ว่าจะเขาจะต่อสู้กับมนุษย์กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่โลกเดิม เขาก็ยังสงบใจได้ ดูเหมือนการจำรู้ถึงศัตรูจะไม่จำเป็นสำหรับเรย์จิ เพราะเขาถูกคนรอบข้างคิดว่าเป็นศัตรูอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว
[ งั้นพวกเราจะตามหาเขาแถวนี้ได้ยังไงล่ะ? ]
นาโอะออกคำแนะนำ
[ ไม่ ฉันคิดว่ามันไม่น่าใช่ความคิดที่ดี อย่าไปแหย่งูให้ตื่นเลยดีกว่า อีกอย่างกระดิ่งนี้จะก็ดังเตือนอยู่แล้วหากไดร์ฮาร์ดปรากฏตัวที่ภูเขาของราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ ]
ฉันหยิบกระดิ่งออกมา ยิ่งกว่านั้นเราไม่จำเป็นต้องออกค้นหาตัวเขา
[ เห็นด้วย เราอุตส่าห์มาอาณาจักรแห่งบ่อน้ำพุร้อนสักที ก็ขอพักให้สบายใจหน่อยเถอะ ]
เรย์จิพูดด้วยท่าทางร่าเริง
[ ใช่แล้ว ไปแช่บ่อน้ำพุร้อนกันดีกว่า! ]
จังหวะนี้ฉันเองก็เห็นด้วยความความเห็นของเรย์จิ
เพราะต้องเจอเรื่องแย่ๆ มากมาก การผ่อนคลายในเวลาแบบนี้จึงจำเป็น เรย์ที่ปางตายและเรายังสูญเสียเส้นทางที่จะกลับสู่โลกเดิมอีก ถ้าเป็นไปได้อยากให้มีเรื่องอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างนะ
ดังนั้นเราไปสนุกกับการแช่บ่อน้ำพุร้อนที่อาณาจักรนี้ดีกว่า
หลังการประชุมมันก็ต้องแช่บ่อน้ำพุร้อนนี่ล่ะน้า
◆ อัศวินแห่งอาณาจักรร็อก เร็มเบอร์
[ แค่พวกเราคุ้มกันให้ท่านผู้กล้าก็เพียงพอแล้ว พวกคุณไม่จำเป็นหรอก ดังนั้นไปลาดตระเวนในเมืองเถอะ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครวางแผนจะทำอะไรท่านผู้กล้า ]
นี่คือคำตอบจากอัศวินที่วิหารซึ่งเป็นคนคุ้มกันของท่านผู้กล้า
ทหารรับจ้างบางคนถึงกับโกรธมากเมื่อเจออัศวินที่วิหารพูดจาไม่สุภาพใส่
แม้ว่าข้าจะพยายามรวบรวมคนที่ดูน่าเชื่อถือมาแล้ว แต่พวกเขากลับไม่ต้องการการคุ้มกันจากพวกเราเหมือนครั้งก่อน ดูท่าความพยายามของข้าจะสูญเปล่า
[ ต้องขอโทษด้วย ที่ข้าลากทุกคนมาด้วย… ]
ข้าขอโทษเหล่าทหารรับจ้างที่อุตส่าห์มารวมตัวกันที่นี่
[ ช่วยไม่ได้ ถ้าอัศวินที่วิหารที่มีชื่อเสียงนั้นบอกว่าไม่ต้องการ เราก็คงไปเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้… ]
กาลิอุสพยายามปลอบใจข้า
[ มันช่วยไม่ได้จริงๆ นั้นล่ะครับคุณเร็มเบอร์ บางอย่างถึงเราจะพยายามไปแล้วไร้ค่าก็มีเหมือนกันครับ ]
ดูเหมือนคุโระจะไม่ได้ใส่ใจนัก
เป็นธรรมดาที่ทหารรับจ้างบางคนจะโกรธ เพราะพวกเขาถูกกาลิอุสชักชวนมา
นอกจากนี้ ไม่มีอะไรไปห้ามไม่ให้พวกเขาโกรธไม่ได้หรอก
ภาคีอัศวินศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหารลีนาเรียคืออัศวินที่เก่งที่สุดของทวีปทางตะวันออก และอัศวินชื่อเสียงโด่งดังพวกนั้นยังมาเป็นคนคุ้มกันให้กับผู้กล้าถึง 20 คน เป็นธรรมดาที่จะไม่ต้องการพวกเรา
เราจึงไม่มีทางเลือกนอกจากไปลาดตระเวนในเมืองตามที่อัศวินที่วิหารบอก
มันฟังดูน่าสมเพซจังนะ
ข้าสงสัยว่าทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้
บางทีข้าอาจจะโชคร้ายก็ได้ ความจริงข้าแตกต่างจากอัศวินคนอื่น งานของข้ามันควรจะจบลงเมื่อวานก่อนงานเทศกาลแท้ๆ ข้าควรจะเป็นคนที่ได้ไปเที่ยวในงานเทศกาลด้วยซ้ำ
แต่เพราะการมาเยือนกระทันหันของผู้ลก้าทำให้ข้าต้องตวัดดาบ จัดการพวกซอมบี้พวกนั้น มีหลายเรื่องเกิดขึ้นในหนึ่งวันแบบกระทันหัน
ความจริงข้าควรจะได้ไปเที่ยวสนุกในงานเทศกาลกับอัลมีนา แต่เพราะเกิดเรื่องขึ้นทำให้ไปไม่ได้
สุดท้ายข้าเลยไม่สามารถไปสนุกกับงานเทศกาลได้ เพราะอัลมีนาเองก็ต้องไปนำทางให้ผู้กล้า โชคร้ายซ้ำซ้อนจริงๆ
เพราะไม่มีใครยินดีจะลาดตระเวนเมือง เหล่าทหารรับจ้างจึงแยกย้ายกันไป
เหลือเพียงคุโระกับกาลิอุสเท่านั้น
[ ข้าจะลาดตระเวนกับเร็มเบอร์ แล้วเจ้าล่ะคุโระ? ]
กาลิอุสถามกับคุโระ
[ ผมเองก็จะไปลาดตระเวนด้วยครับ ยังไงเราไปสอดส่องเมืองเพื่อป้องกันอุบัติเหตุไว้คงดีกว่า ]
พวกเขาแตกต่างจากทหารรับจ้างคนอื่น กาลิอุสและคุโระยินดีร่วมงานกับข้าด้วยความเต็มใจ พอข้าพูดขอบคุณออกไป พวกเขาก็หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “แค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอกน่า”
[ ใช่แล้วคุโระ เจ้าไม่ลองไปชวนสาวเที่ยวหลังเสร็จงานบ้างล่ะ? ]
กาลิอุสหัวเราะแล้วแหย่คุโระ
มีโสเภณีเยอะมากที่เดินทางมาในฐานะนักท่องเที่ยว บางทีกาลิอุสอาจจะหมายถึงพวกเขา
แม้ว่าคุโระจะไม่ใช่คนประเภทนั้น แต่ก็อดไม่ไหวหรอกที่จะอยากได้ผู้หญิงมาครองสักคน หลังจากเห็นเหล่าผู้หญิงของผู้กล้า
ร้านค้าประเภทนั้นจึงประสบความสำเร็จอย่างมาก เหตุผลเพราะพวกเขาผู้หญิงของผู้กล้านั้นแหละ เหล่าผู้ชายที่มีความต้องการจึงต้องหาที่ปลดปล่อยทำให้สถานบริการขายดีไปด้วย
ข้าก็รู้สึกดีล่ะนะ ที่มันจะไม่ส่งผลต่อชาวเมืองหญิงทั่วไป
[ อา มาพยายามกันเถอะครับ ]
คุโระพูดขณะที่ใบหน้ายิ้มแย้ม
จากน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนเขาจะคิดว่าคำพูดของกาลิอุสเป็นเรื่องตลก แต่กาลิอุสหมายถึงแบบนั้นจริงๆ นะนั้น
คุโระเดินออกไป เขาคงจะออกลาดตระเวนตามที่เขาบอกไว้
[ เพเนโรอาเองก็อนุญาตแล้วนะ ถึงเจ้าจะพาผู้หญิงกลับไปที่ห้องก็ตามนะ ]
กาลิอุสพูดขณะที่ดันหลังคุโระ แต่คุโระไม่แม้แต่หันหลังกลับมามองเขาด้วยซ้ำ
[ เอาล่ะ ข้าเองก็ทำงานด้วยดีกว่า จะเอายังไงกับฝูงซอมบี้พวกนั้นดีนะ? ]
ข้านึกถึงเหตุการณ์ซอมบี้เมื่อคืน
[ อัลมีนาเองก็พยายามถามท่านผู้กล้ากับคนในปาร์ตี้ของเขาแล้ว แต่ดูว่ามันจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับท่านผู้กล้า คงจะเป็นฝีมือของสคิเกอร์จริงๆ สินะ ]
ปีศาจที่ชื่อว่าสคิเกอร์
เป็นสิ่งมีชีวิตที่รวมกันระหว่างผู้หญิงกับนก
มีลักษณะคล้ายไซเรนและชอบอาศัยอยู่ทางแถบทะเลทางใต้ไม่ก็ใจกลางภูเขา
ข้อแตกต่างก็คือฮาร์ปี้จะมีปีกเหมือนนกอินทรี ไซเรนจะมีปีกเหมือนนกทะเล และสคิเกอร์จะมีปีกเหมือนนกฮูกนั่นเอง
คงเพราะว่ามันเป็นสายพันธ์ท่รวมกับระหว่างผู้หญิงกับนกฮูก สคิเกอร์ถึงได้ออกมาแต่เวลากลางคืน
แต่ความจริงนั้นก็ยังไม่ใช่เรื่องอันตรายอะไร ที่น่ากลัวจริงๆ คือสคิเกอร์ชอบดื่มเลือดของมนุษย์ นอกจากนี้ยังเป็นเผ่าพันธุ์ที่ควบคุมซากศพได้อย่างเชี่ยวชาญ
บางวัน สคิเกอร์เหล่านี้มักอาศัยอยู่ในหอคอยที่ถูกสร้างขึ้นใกล้ๆ กับอาณาจักรร็อก
ผู้คนมากมายของอาณาจักรรอบๆ นี้ต่างตกเป็นเหยื่อของพวกมัน ทางอาณาจักรร็อกเองก็พบเจอกับชะตากรรมเดียวกัน
กำแพงไม่มีประโยชน์ตราบเท่าที่พวกมันบินได้
ช่วงเวลาของออกล่าของพวกมันคือตั้งช่วงกลางดืนถึงเที่ยง แต่การปราบสคิเกอร์เหล่านั้นก็ยังคงล้มเหลว เพราะในเวลากลางวันพวกมันเอาแต่หลบซ่อนตัวอยู่ในหอคอยและเตรียมตกับดักที่ชาญฉลาดเพื่อดักคนที่จะเข้ามาที่หอคอย
แม้ข้าจะไม่รู้ว่าปล่อยไปแบบนี้จะดีรึไม่ แต่สคิเกอร์เหล่านั้นก็ใช่ว่าจะทำลายอาณาจักรโดยรอบหรือไม่ได้มีความตั้งใจจะเปลี่ยนมนุษย์ทุกคนให้เป็นอาหารซะทีเดียว ทว่าก็ยังมีผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของสคิเกอร์อยู่ดี
สถานการณ์เปลี่ยนไปเมื่อประมาณหนึ่งเดือนก่อน ที่เหล่าสคิเกอร์ได้พยายามโจมตีปาร์ตี้ของผู้กล้า ขณะที่เขาออกไปเดินเล่นตอนกลางคืน
ซึ่งนั้นสคิเกอร์ได้พ่ายแพ้ไปเสียเอง
แต่มันไม่ได้จบลงแค่นั้น สคิเกอร์เหล่านั้นนำกองทัพอันเดดมาโจมตีอาณาจักรร็อกในตอนเย็นหลังจากเหตุการณ์คราวนั้น บางทีพวกมันอาจจะอยากแก้แค้นให้กับเพื่อนที่ตายไป
แต่มันเป็นทางเลือกที่โง่มาก เพราะกองทัพอันเดดนั้นถูกจัดการลงอย่างง่ายดายด้วยฝีมือของผู้กล้าที่ยังอยู่ในอาณาจักรร็อก เหล่าอันเดดต่างสลายไปเมื่อถูกแสงอาทิตย์จากเวทมนตร์ของท่านผู้กล้า
หลังจากนั้นท่านผู้กล้าก็ได้มุ่งหน้าไปยังหอคอยเพื่อกวาดล้างเหล่าสคิเกอร์โดยไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียว
ดังนั้นตอนนี้เลยไม่น่าจะมีสคิเกอร์เหลืออีกแล้ว มันควรจะเป็นเช่นนั้น
แต่ซอมบี้กลับปรากฏตัวอีกครั้งในวันก่อนงานเทศกาล บางทีอาจจะมีสคิเกอร์ที่เหลือรอดมาได้
และมันยังอยากจะทำลายอาณาจักรแห่งนี้มากอีกด้วย แต่เดิมทีสคิเกอร์นั้นก็แข็งแกร่งยากที่พวกเราจะต่อกรได้ จึงต้องขอยืมพลังจากผู้กล้า
แต่ผู้กล้านั้นไม่ใจดีเสมอไป เพราะเขาใจดีแค่เฉพาะกับผู้หญิงเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องให้อัลมีนาเป็นผู้ไปขอร้อง
[ การไปขอร้องผู้กล้าจะไม่เป็นไรงั้นเหรอ? ว่าแต่ดีจริงๆ แล้วที่ความสัมพันธ์ของเจ้ากับเจ้าหญิงเป็นแบบนี้? ]
กาลิอุสถามข้าด้วยน้ำเสียงกังวล
[ ครับ… ท่านผู้กล้าเองก็มีผู้หญิงอยู่ข้างกายมากมายอยู่แล้ว ไม่มีทางที่เขาจะหันมาหาอัลมีนาหรอก ]
แม้ข้าจะพูดไปเช่นนั้น แต่ข้าก็ยังกังวลอยู่ คนที่เสนอตัวนำทางให้ผู้กล้าก็คืออัลมีนาแถมอัลมีนายังเคยพบกับผู้กล้ามาก่อน เป็นไปได้ว่าในช่วงเวลานั้นอาจมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น
แต่ถึงกระนั้นข้าก็ทำอะไรไม่ได้ ข้าไม่ได้เก่งเหมือนผู้กล้า แม้เธอจะเป็นคนรักของข้า แต่อัลมีนาก็เป็นเจ้าหญิง ดังนั้นข้าคงไม่อาจบ่นได้ว่ามันเป็นปัญหาของข้าคนเดียว
หวังว่าระหว่างพวกเขาจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ
ข้ารู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลย
◆ อัศวินดำคุโรกิ
[ ชุดนั่นมันยอดเลยแฮะ… ]
ผมจำชุดที่ชิโรเนะใส่ได้อย่างดี
ชุดที่เธอใส่ถูกบันทึกในโฟลเดอร์แยกต่างหากในสมองของผมเรียบร้อย พร้อมใช้มันสนุกได้ตลอดเวลา
ผู้ชายเดินตามชิโรเนะและคนอื่นๆ เป็นด้วยสายตารูปหัวใจอย่างกับขบวนแห่
เป็นธรรมดาที่จะเคลิ้มตาม ขนาดผมยังเกือบเผลอไปแน๊ะ
จึงช่วยไม่ได้ที่ส่วนล่างของผมจะพร้อมต่อสุ้ทันทีที่เธอเมื่อกี้
นี่ผมคงโดยเรียกว่าเป็นพวกโรคจิตไปแล้วถ้าไม่ได้ใส่เสื้อคลุมไว้
ตอนที่ผมอยู่ที่นากอลผมนี่ไม่ค่อยรู้สึกระตุ้นอะไรเลยนะ เพราะรอบตัวผมไม่มีมนุษย์อยู่เลยนี่นา ถึงจะมีเผ่าพันธุ์ที่คล้ายมนุษย์มาคอยเป็นผู้ช่วยของผมก็เถอะ แต่ผมก็เข้าใกล้พวกเธอไม่ได้พวกเธออยู่ข้างเดียวกับโมน่าและโมน่าก็ดูจะเกลียดผมมากด้วยสิ
แล้วผมก็นึกได้ว่ามีเรจิน่าอยู่ เธอเป็นเจ้าหญิงที่ผมช่วยเอาไว้ ผมคิดว่าเธอคงจะยอมรับหากผมบอกว่าอยากจะทำล่ะนะ เพราะเธอเองก็เป็นทาสของผม แต่ผมก็รู้สึกตัววาไม่ควรไปทำลายอนาคตของเธอเพราะความโลภ(เงี่ยน)ของกายจะดีกว่า
ผมอยากดูแลพวกเธออย่างดีจนกว่าจะถึงวันนั้นล่ะนะ ผมเองก็คิดว่าจะส่งเธอกลับไปโลกมนุษย์แล้วด้วย คงจะดีกว่าถ้าคนที่สมสวยๆ อย่างเธอไปหาสามีในอนาคตสักคนนะ
สถานการณ์ในปัจจุบันของผมจึงยากลำบากมาก
จากเมื่อคืนที่ผมคุยล้อเล่นกับคุณกาลิอุส สุดท้ายผมก็เดินไปร้านอย่างว่าจนได้
แต่สุดท้ายก็ปฏิเสธไป เพราะผมไม่อยากใช้เงินซื้อความสุขแค่ชั่วข้ามคืนนักหรอก
ทุกอย่างเป็นความผิดของชิโรเนะนั้นแหละ ที่ใส่ชุดที่ลามกแบบนั้น ก้นของชิโรเนะในตอนนั้นแทบทะลักออกมาก็ว่าได้
แม้เราจะเคยอาบน้ำด้วยกันสมัยเด็กๆ แต่ผมก็ไม่เคยเห็นเธอในชุดว่ายน้ำเลย
เธอโตขึ้นมากเลยแฮะ หน้าอกเองก็ใหญ่ขึ้น เอวก็คอดลง หัวใจของผมเต้นตูมตามเมื่อเห็นพัฒนาการของเพื่อนสมัยเด็ก
เป็นไปได้มั้ยว่าชิโรเนะจะโชว์เนื้อหนังเวลาที่อยู่กับเรย์จิเสมอและไม่มีผมอยู่ใกล้ๆ นะ?
ผมจำสีหน้าของเรย์จิตอนที่เดินผ่านที่ถนนได้ดีเลย
ใบหน้าของเขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
สีหน้าของเขาบอกออกมาเต็มที่เลยว่า “จงดูซะ พวกแกคงไม่มีวันได้เดินข้างๆ สาวสวยแบบนี้ล่ะสิ?” เขาพยายามอวดสาวๆ ของตัวเองเต็มที่
คนที่เห็นสีหน้าเรย์จิต่างเข้าใจความคิดของเขาได้ทันที
แต่ก็ยังไม่รู้สาเหตุที่พวกเธอใส่ชุดที่ดูลามกขนาดนั้นหรอก แต่มันคงเป็นไอเดียของเรย์จิอย่างไม่ต้องสงสัย
ผมอิจฉาสุดๆ เพราะชิโรเนะไม่เคยแต่งชุดแบบนั้นให้ผมดูเลย แม้ผมจะขอร้องก็ตาม
ราวกับหมัดที่ต่อยเข้าท้องแบบเงียบๆ เลยล่ะ คำพูดของเธอที่ตอบมา ครั้งที่ผมเคยขอร้องเธอน่ะ
พอนึกถึงก็เศร้าขึ้นมาเลย ด้วยเหตุนี้ผมเลยมองว่าตัวเองต้อยต่ำขนาดไหน
พวกเราเดินลาดตระเวนรอบเมืองไปได้รอบหนึ่งแล้ว
เอาตรงๆ การที่จะไปคุ้มกันให้เรย์จินี่มันไร้สาระมาก แต่เพราะผมสัญญากับเร็มเบอร์ไว้แล้วถึงต้องทำ
แล้วคราวนี้ผมยังต้องมามองหาคนที่ไม่เป็นมิตรกับพวกเรย์จิอีกงั้นเหรอ?
ผมมองไปบนกำแพง ในจุดสูงสุดของอาณาจักรร็อกเมื่อสอดส่องเมือง
ตั้งแต่มาที่โลกนี้สายตาของผมก็ดีมาก แม้จะยืนอยู่จากตรงนี้ก็มองเห็นว่าใครกำลังทำอะไรได้อย่างชัดเจน
เอาล่ะ มามองหาคนน่าสงสัยดีกว่า
ผมมองไปที่ใจกลางมือ ที่ตรงนั้นผมเห็นคนกลุ่มหนึ่งที่ดูจะเป็นอันตราย ซึ่งพวกเขาก็คือแฟนคลับของซาซากิ ริโนะที่เคยเจอในลีนาเรีย พวกเขาชูธงพร้อมรูปของซาซากิ ริโนะขึ้น
นี่พวกเขาตามเธอมาถึงที่นี่เลยเหรอ?…. ผมล่ะรู้สึกทึ้งไปเลยแฮะ
ถึงพวกเขาจะเป็นกลุ่มคนอันตราย แต่อัศวินที่วิหารก็น่าจะรับมือกับคนพวกนี้ได้ ดังนั้นไม่ต้องสนใจแล้วกัน
ผมเปลี่ยนจุดโฟกัสไปที่อื่นไปยังจุดที่แปลกๆ มาคิดดูทำไมถึงมีคนมุงกันขนาดนั้นกันนะ?
พอผมลองมองดูอีกครั้ง ก็ดูจะไม่ใช่สถานการณ์ร้ายแรงอะไร
พวกเขาคือช่างภาพที่มาขายภาพของผู้หญิงรอบตัวเรย์จิ ไม่ใช่แค่รูปของซาซากิ ริโนะเท่านั้น แม้แต่ภาพของชิโรเนะก็ยังมีด้วย อีกทั้งมันยังเป็นภาพที่เธอกำลังสวมชุดเหมือนกันกับในวันนี้
พวกเขาน่าจะผลิตโดยใช้แม่พิมพ์อะไรสักอย่างสินะ เพราะดูเหมือนจะมีภาพเยอะพอดูเลย
แต่เพราะคนมุงดูกันเยอะเกินไป ทำให้มองไม่เห็นข้อมูลสำคัญเลย บ้าเอ้ย
ไว้ค่อยไปซื้อทีหลังแล้วกัน (อ้าว!!)
ถัดไปก็คือด้านขวาของเมือง ที่ตรงนั้นมีอัศวินอยู่ห้าคน แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
อัศวินพวกคนต่างจากอัศวินในเมืองที่พบเคยเจอ
นี่น่าจะเป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมเจอกับพวกเขา พวกเขาน่าจะเป็นอัศวินที่ผมเจอตอนที่บุกเข้าไปในวิหารคราวนั้น
ว่าแต่พวกเขาไปทำอะไรที่นั้นล่ะ?
จากการคาดการณ์ของผม เป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจจะกำลังมาพักผ่อนก็ได้
พวกเขากำลังเถียงกับชาวเมือง
ผมเงื่อหูเพื่อฟังว่าพวกเขากำลังทะเลาะเรื่องอะไรกันอยู่
อัศวินที่วิหารอาจจะสาบานตนว่าจะมอบความรักให้เรน่าและไม่ควรไปตกหลุมรักผู้หญิงอื่น แต่อย่างที่คาดไว้ ความจริงนั้นมันต่างออกไป
เอาเถอะ มันก็ช่วยไม่ได้ พวกเขาเองก็คงถูกกระตุ้นเพราะเห็นชิโรเนะกับสาวๆ คนอื่นในชุดพวกนั้นล่ะนะ ถือเป็นธรรมดาของมนุษย์
ผมมองไปที่ด้านซ้ายของเมืองเป็นแห่งสุดท้าย ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเป็นพิเศษเหมือนกัน แต่แล้วก็มีผู้หญิงคนหนึ่งจับการรับรู้ถึงตัวผมได้ ผู้หญิงคนนั้นปกปิดใบหน้าไว้ด้วยฮู้ด ซึ่งดูเหมือนเธอจะเป็นนักท่องเที่ยวปกติ
แต่ไม่รู้เพราะอะไร ผมถึงละสายตาจากเธอไม่ได้เลย
เมื่อมองดูเธอใกล้ๆ ก็ยิ่งตกใจเมื่อได้รู้ถึงตัวจริงของเธอ
นี่ผมพลาดแล้วสินะ ที่มุ่งความสนใจไปที่เธอ
ทำไมเธอคนนั้นถึงได้มาอยู่ในเมืองนี้ได้?
อย่าบอกนะ ว่าเพราะมีอันตรายกำลังเคลือบคลานมาที่เมืองนี้จริงๆ และพวกมันกำลังเล็งที่ชีวิตของผู้กล้า?
ผมรีบลงมาจากกำแพงอย่างรีบร้อน
จากนั้นก็ตรงดิ่งไปหาผู้หญิงคนนั้นด้วยความเร็วสูง
ในที่สุดเธอก็รู้สึกถึงตัวผมสักที
[ ด… ไดร์ฮาร์ด!? ]
หญิงสาวมองผมด้วยสีหน้าตกใจ
[ ไม่พบกันนานนะครับท่านเทพธิดาเรน่า ]
ผมทักทายผู้หญิงตรงหน้า
แม้ว่าเธอจะแกล้งทำตัวเป็นมนุษย์ธรรมดา แต่ก็หลอกสายตาผมไม่ได้หรอก
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าผมมีเพียงผู้เดียว เธอคือเทพธิดาเรน่านั้นเอง