อัศวินดำ - ตอนที่ 23
ตอนที่ 23
◆ ภรรยาของกาลิอุส เพเนโรอา
[ กลับมาแล้วครับคุณเพเนโรอา ]
คุโระเพิ่งกลับมา
เขาคือผู้มีพระคุณของสามีฉันกาลิอุส
ฉันตกใจมาก ตอนที่เห็นเขาแบกสามีฉันที่ร่างกายใหญ่กว่าเขาถึงสองเท่ามา
อย่างที่น้องชายฉันคาดการณ์ไว้ คุโรอาจจะเป็นผู้ใช้เวทมนตร์
แม้ฉันจะไม่รู้จักผู้ใช้เวทมนตร์คนอื่นนอกจากอาจารย์นิมริ แต่ฉันรู้สึกได้ว่าคุโระลึกลับยิ่งกว่าอาจารย์นิมริซะอีก
คุโระยังหนุ่มและเงียบสงบ การอยู่ใกล้ๆ เขาเหมือนหัวใจก็เงียบสงบไปด้วย
[ เอ่อ ผมเจอคนรู้จักระหว่างลาดตระเวนนะ ผมชวนคนๆ นั้นมาด้วยได้มั้ย? ]
ฉันกล่าวต้อนรับคุโระ ขณะที่เขามองมาที่ฉัน
ตอนแรกฉันไม่ได้สังเกตเห็นคนๆ นั้นเลย เธอคนนั้นเป็นผู้หญิงที่ฮู้ดปกปิดใบหน้าอยู่
น่าตกใจจริงๆ
[ สามีฉันเองก็บอกว่าคุโระอาจจะพาผู้หญิงเข้าบ้าน แต่… เรื่องจริงเหรอ? ]
คุโระดูจะไม่ใช่คนแบบนั้นเลย
[ ข-เข้าใจผิดแล้วครับ!! เธอเป็นคนรู้จักของผม!! แล้วก็พบกันโดยบังเอิญแค่นั้นเอง! ]
คุโระพยายามปฏิเสธด้วยท่าทางโกรธ ดูเหมือนเขาจะค่อนข้างขี้อายนะ
เมื่อฉันมองไปผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังเขา แม้ฉันจะมองไม่เห็นใบหน้าของเธอเพราถูกฮู้ดบังเอาไว้ แต่จากริมฝีปากฉันบอกได้เลยว่าเธอเป็นคนสวย
ผู้หญิงคนนั้นดูนิ่งและสงบตรงกันข้ามกับคุโระที่กำลังโมโหตอนนี้
คงเป็นรักข้างเดียวของคุโระสินะ
[ แค่ล้อเล่นหรอกค่ะ ยินดีต้อนรับสู่อาณาจักรร็อกนะคะ งั้นเพื่อให้คุณทำความรู้จักกับคุโระ… ]
จากนั้นฉันก็พาทั้งสองไปห้องที่แยกจากตัวบ้านของเรา
คุโระปกติจะใช้ห้องแยกออกจากบ้านระหว่างที่เขาอยู่อาณาจักรร็อก
หลังจากนั้น ฉันก็เรียกคุโระ
[ มีอะไรเหรอครับ? ]
[ เดี๋ยวฉันจะเอาเครื่องดื่มมาให้ อยากดื่มอะไรมั้ย? ]
[ ขอบคุณมากครับคุณเพเนโรอา รบกวนเหมือนทุกทีด้วยครับ ]
[ อา… คุโระยังไม่บรรลุนิติภาวะสินะ ]
[ ครับ… ผมยังยังบรรลุนิติภาวะ ]
[ แล้วเพื่อนของเธอล่ะ? ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยเหรอ? ]
ตอนที่ฉันถามคุโระ เขาดูจะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
[ ….ผมปล่อยให้คุณจัดการดีกว่า ผมคิดว่าเธอเองบรรลุนิติภาวะแล้วนะครับ ]
[ งั้นจะเอาเครื่องดื่มอร่อยๆ มาให้นะ ]
[ ขอบคุณมากครับคุณเพเนโรอา ]
คุโระก้มหัวให้ฉัน เป็นเด็กที่สุภาพอะไรแบบนี้
หลังจากนั้นฉันก็แยกกับทั้งสองคน
ฉันเพิ่งได้เหล้าน้ำผึ้งชั้นยอดจากเพื่อนบ้านมาพอดี ดีล่ะ เอาไปแบ่งให้ผู้หญิงที่คุโระพามาแล้วกัน
เหล้าน้ำผึ้งเป็นเหล้าที่มีแต่คู่รักข้าวใหม่ปลามันเท่านัั้นที่จะดื่มกัน
หวังว่าเหล้านี้จะช่วยทำความความรักของคุโระราบรื่นดีนะ
◆ เทพธิดาแห่งปัญญาและชัยชนะ เรน่า
ผมเป็นอัศวินของคุณไม่ได้
ฉันตกใจมากเมื่อได้ยินคำพูดนั้นจากเขา
แต่เขาบอกว่าหากทรยศคนๆ นั้นก็ไม่มีคุณสมบัติจะเป็นอัศวินได้
ด้วยสาเหตุนี้ ฉันเลยอยากได้ผู้ชายคนนี้
อีกอย่าง ความตั้งใจของเขาไม่ใช่ปัญหาเลย
แม้เขาจะปฏิเสธ แต่ฉันจะพิสูจน์ให้เห็นเองว่าที่เขาเลือกนะผิด
ฉันสัมผัสกับขวดเล็กๆ ในกระเป๋า
ฉันไม่ใช่ย่าเสน่ห์กับผู้ชายคนนี้หรอก
ยังไงก็เถอะ การได้มาพบกับไดร์ฮาร์ดนี่ก็น่าตกใจจริงๆ
ดูเหมือนไดร์ฮาร์ดจะไม่ได้มีความคิดที่จะฆ่าฉันเหมือนครั้งก่อนที่เจอกัน
ฉันไม่รู้สึกถึงจิตมุ่งร้ายใดๆ จากเขาเลย นี่คงเป็นเพราะความงามของฉันสินะ
แต่ผู้ชายคนนี้ดูไม่ตื่นตระหนกกัความงามของฉันเลยนะสิ
ไดร์ฮาร์ดอาจจะเป็นนักดาบที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุค ดังนั้นเขาจึงเหมาะมากที่จะมาเป็นทาสของฉัน
และที่ฉันอยากจะเปลี่ยนให้เขากลายเป็นทาสเหตุผลไม่ใช่แค่เพราะพลังของเขา แต่ยังเพราะหน้าตาของเขายังถูกสเป็คฉันมากกว่าเรย์จิซะอีก เอาปลอกคอให้เขาแล้วทำให้กลายเป็นทาสเลยดีมั้ย?
รอยยิ้มอ่อนๆ ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากฉันเพียงแค่นึกถึง
ฉันนึกภาพไดร์ฮาร์ดสวมปลอดคอขณะที่ก้มหัวต่อหน้าฉัน อ๊า เป็นภาพที่ดีจริงๆ
ฉันจะให้เขาจูบที่เท้าฉันเลย
ฉันโกหกไดร์ฮาร์ดไป ตอนที่เขาถามว่าทำไมถึงมาอยู่ที่อาณาจักรนี้
แม้เขาจะไม่เชื่อเรื่องโกหกนั้นเลยก็เถอะ
แต่ตราบที่ฉันเอาไดร์ฮาร์ดออกจากกระดานได้ ชัยชนะก็จะเป็นของฉัน จากนั้นฉันก็จะสั่งให้ไดร์ฮาร์ดไปฆ่าโมเดสซะโดยไม่ต้องพึ่งกระทั่งเรย์จิด้วยซ้ำ
ดังนั้นฉันต้องดึงให้ไดร์ฮาร์ดมาอยู่ฝ่ายเดียวกันให้ได้
จากนั้นเขาก็พาฉันไปที่บ้านของมนุษย์ ซึ่งตอนนี้เป็นฐานของเขา
ฉันต้องพยายามอย่างมากเพื่อทนอยู่ในบ้านของมนุษย์นี้ให้ได้ มันช่างโหดร้ายจริงๆ
ห้องของไดร์ฮาร์ดนั้นเล็กน้อยและมีเพียงเตียงกับโต๊ะเท่านั้น
จากนั้นเขาก็ดึงเก้าอี้ออกมาให้ฉันนั่ง
ถึงจะเป็นเก้าอี้ที่ดูสกปรก แต่ฉันจะอดทนให้ได้แล้วกัน
ฉันออกจากห้องไปเพื่อทำอะไรสักอย่าง
[ จะไปไหนนะเรน่า? ]
ไดร์ฮาร์ดถามฉัน
[ ไว้เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว อีกอย่าง บางเรื่องก็ไม่ควรถามผู้หญิงหรอกนะ ]
นั้นล่ะ ไดร์ฮาร์ดเงียบไปแล้ว
ผู้ชายนี่ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ควบคุมง่ายซะจริง ฉันรู้สึกว่าเขาน่าจะควบคุมได้ง่ายกว่าเรย์จิซะอีก
เมื่อฉันออกจากห้องก็เจอกับผู้หญิงเมื่อก่อนหน้านี้ เพราะบ้านมันเล็กนั้นแหละ
ฉันลบตัวตนแล้วเข้าไปใกล้ผู้หญิงคนนั้น
ดูเหมือนเธอจะนำเครื่องดื่มสองชนิดมาให้ฉันและไดร์ฮาร์ด
ฉันแอบเข้าไปใกล้ๆ เธอแล้วมองเข้าไปในแก้ว แก้วหนึ่งดูเหมือนจะเป็นเหล้าและอีกแก้วหนึ่งเป็นชา
ฉันรู้เหตุผลที่ทำไมเครื่องดื่มของเราถึงต่างกัน
ทางเรย์จินั้นชอบดื่มเหล้ามาก แต่ฝ่ายหญิงเริ่มจากจิยูกิ เธอแทบจะไม่แตะเลย
ดูเหมือนในโลกของเรย์จิ การดื่มเหล้าไม่ใช่เรื่องดีสำหรับผู้หญิง
ดังนั้นเพราะไดร์ฮาร์ดมาจากโลกเดียวกับเรย์จิ ฉันจึงเชื่อว่าคงใช้เหตุผลเดียวกันได้
ฉันนำย่าเสน่ห์ออกมาแล้วนำมันผสมลงไปในเหล้า
เพียงหยดเดียวก็เพียงพอทำให้มนุษย์ทำให้สาบานว่าจะรักไปนิรันดร์ได้แล้ว
นี่มันจะมากพอทำให้ไดร์ฮาร์ดกลายเป็นทาสของฉันได้มั้ยนะ
หลังจากใส่ยาเสน่ห์ลงไป ฉันก็กลับไปที่ห้องของไดร์ฮาร์ด
ไม่มีปัญหา ไดร์ฮาร์ดดูเหมือนจะยังไม่สงสัยฉัน
นอกจากนี้ฉันยังมีสร้อยคอนี้อยู่
นี่คือสร้อยคอที่สามารถหลอกสายตาของผู้ใช้เวทได้
เมื่อสร้อยทำงานมันจะคอยยับยั้งพลังเวททุกอย่างในระยะเวลาที่จำกัด
เพราะหากมีร่องรอยเวทมนตร์อยู่ เขาอาจจะจับพลังเวทจากยาเสน่ห์ได้ ฉันสวมสร้อยคอนี้ไว้เผื่อในกรณีนั้น
เพราะเดิมทีนี่เป็นยาที่จะให้จิยูกิดื่ม แต่เธอเป็นคนที่มีพลังตรวจจับยอดเยี่ยม ดังนั้นฉันจึงต้องเตรียมการมาล่วงหน้า
หากจะเป็นปัญหาก็คือผลข้างเคียงจากสร้อยนี้ ดังนั้นมันถึงได้ใช้ยาก
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้หญิงคนนั้นก็นำเครื่องดื่มมาให้
[ ขอบคุณมากครับคุณเพเนโรอา ]
ไดร์ฮาร์ดขอบคุณผู้หญิงคนนั้น
ผู้หญิงคนนั้นวางเครื่องดื่มของฉันและไดร์ฮาร์ด ตรงหน้าของแต่ละคน
[ งั้นขอให้สนุกนะจ้ะ ]
หลังจากพูดเช่นนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็ออกจากห้องไป ดูเหมือนเธอจะค่อนข้างดีใจกับสถานการณ์ตอนนี้
แต่ฉันไม่มีเวลามาใส่ใจเรื่องหยุมหยิมหรอก ฉันถอดฮู้ดออกขณะที่แอบใช้งานสร้อยเวทมนตร์
จากนั้นก็มองไปที่ไดร์ฮาร์ดที่กำลังยกแก้วขึ้นมา
[ ไดร์ฮาร์ด ฉันได้ยินว่าคนในโลกเรย์จิชอบ ‘คัมไป’ เราไม่มาลอง ‘คัมไป’ กันด้วยเหรอ? ]
แม้ฉันจะไม่รู้ความหมายของคำว่า ‘คัมไป’ แต่ก็ช่วยไม่ได้ แต่เห็นเขาเอาเครื่องดื่มในมือมาชนแก้วกันเพื่อฉลองกันสินะ
[ อา~ …. ผมไม่รู้หรอกนะว่าทำไมคุณถึงอยากลอง ‘คัมไป’ แต่ก็เอาเถอะ… ]
ไดร์ฮาร์ดยื่นแก้วของตัวเองออกมาขณะที่พูดเช่นนั้น
ฉันก็ทำแบบเดียวกัน
[ คัมไป ]
ไดร์ฮาร์ดชนแก้วกับฉันเพื่อฉลอง จากนั้นเราก็ดื่มเครื่องดื่มเข้าไป
ฉันมองดูไดร์ฮาร์ดที่กำลังดื่มไปได้ 1 แก้วแล้ว
เสียงเครื่องดื่มของเขาไหลผ่านลงคอไป
ฉันชนะแล้ว
ฉันคิดเช่นนั้น
จากนั้นเขาก็มองมาที่ฉัน แล้วดื่มของตัวเองอีกอึกเข้าไป มันอร่อยมาก ถึงจะเป็นเหล้าที่แย่กว่าที่เอลีอัสอยู่บาง แต่เหล้านี้ก็ช่างเต็มไปด้วยรสหวานแห่งชัยชนะ
ไดร์ฮาร์ดมองมาที่ฉัน
แค่นี้นายก็เป็นของฉันแล้ว ไม่มีอะไรจะทำให้ฉันมีความสุขไปมากกว่านี้อีกแล้ว แต่ฉันกลับรู้สึกถึงอะไรบางอย่างในใจเวลาที่มองไปยังไดร์ฮาร์ด หัวใจมันเริ่มเต้นโครมครามขึ้น
ไดร์ฮาร์ด ไม่สิ ชื่อจริงของเขาน่าจะเป็นคุโรกิใช่มั้ย?
คุโรกิ… หัวใจของฉันรู้สึกเต้นระรัวทันทีที่นึกถึงชื่อนั้น
[ ฟุฟุฟุ ]
ฉันยิ้มออกไปแบบไม่ได้ตั้งใจ
เพราะเห็นว่าคุโรกิกำลังมองฉันด้วยสายตาร้อนแรง
[ คุโรกิ ]
ทันทีที่พูดจบ ฉันก็ดึงใบหน้าของคุโรกิเข้ามาใกล้
◆ อัศวินดำคุโรกิ
[ แย่แล้วสิ ] นั่นคือสิ่งที่ผมคิด
ผมเผลอเดินตามเกมของอีกฝ่ายไปโดยสมบูรณ์ซะได้
ผมยังไม่รู้เป้าหมายของเรน่า
จนกระทั่งเย็นวันนั้นผมก็ยังไม่รู้อะไรเลย
แต่ผมคงปล่อยเรน่าไปไม่ได้ เพราะเธออาจจะเป็นอันตรายกับชิโรเนะ
เดิมทีผมก็ไม่รู้ว่าทำไม เรน่า เรย์จิ ชิโรเนะถึงมาอยู่ที่นี่
ผู้หญิงคนนี้ต้องวางแผนอะไรสักอย่างอยู่แน่
แต่ผมไม่รู้นี่สิ ว่าเธอมีแผนการอะไร
ระดับความยากมันสูงเกินไป สำหรับคนที่ไม่เคยคุยกับผู้หญิงอย่างผม
ระดับเหตุผลมันเกินกว่าที่ผมจะเข้าใจได้
แต่ยังไงผมก็ไม่ปล่อยเธอไปหรอกน่า ผมตกใจมากที่เธอเห็นด้วยอย่างง่ายดายตอนที่ผมเชิญเธอไปทานมื้อเย็น
แต่ร้านอาหารช่วงเย็นนั้นคนแน่นมาก คงจะไม่เหมาะที่จะไปเรน่าไปยังสถานที่แบบนั้น
ดังนั้นผมจึงตัดสินใจแล้วขออนุญาตใช้ห้องจากคุณเพเนโรอาแบบไม่เต็มใจเท่าไหร่
[ คัมไป ]
เราชนแก้วกันด้วยเครื่องดื่มที่คุณเพเนโรอานำมาให้
หลังจากนั้นก็ดื่มเครื่องดื่มของตัวเองลงไป
คอของเรน่ากระเพื่อมตามเสียงเครื่องดื่มที่เธอดื่มลงไป
ตอนนี้เธอถอดฮู้ดออกแล้ว ทำให้ผมเห็นใบหน้าของเธอได้ชัดขึ้น สวยจริงๆ นั้นล่ะน้า เธออาจจะเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดที่ผมเคยเจอมาก็ได้?
ทำเอาผมคิดอะไรไม่ออกเมื่ออยู่ต่อหน้าสาวสวยขนาดนี้ บรรยากาศแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดมากกว่าจะมีความสุขซะอีก
ถ้าเป็นเรย์จิที่มีประสบการณ์เชี่ยวชาญอาจจะพอทำอะไรได้บ้าง แต่ช่วยไม่ได้นี่นา อย่างผมคิดอะไรแบบนั้นไม่ได้หรอก
เรน่าปล่อยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ออกมาขณะที่จ้องมองผม
รอยยิ้มนั้นต้องเป็นการหลอกกันแน่
แม้จะมีเวทมนตร์ที่เรียกว่าเวทเสน่ห์หาอยู่จริงๆ แต่ผมคิดว่าอย่างเรน่าไม่ต้องใช้เวทมนตร์แบบนั้น ก็ทำให้อีกฝ่ายหลงเสน่ห์ได้แล้ว
เธอกำลังมองผมด้วยสายตาที่เปียกชื้น
[ คุโรกิ ]
เรน่าพูดชื่อจริงของผมออกมา
เอ๊ะ !? ทำไมเธอถึงได้รู้จักชื่อจริงของผมได้ล่ะ?
ขณะที่ผมกำลังคิดถึงคำถามนั้น เธอก็ดึงหน้าผมเข้าไปใกล้ๆ
ไม่อยากเชื่อ เรน่าที่มีใบหน้างดงามคนนั้นกำลังอยู่ตรงหน้าผม
เวียนหัวแล้วสิ
ริมฝีปากสีแดงของเรน่าซ้อนทับกับของผม กลิ่นของเหล้าที่ผมสูดเข้าไปทำให้ผมเวียนหัว
ผมได้ยินเสียงบางอย่างในหัวแตกหัก
◆ หัวหน้าอัศวินแห่งวิหาร แคลคูลัส
[ กำลังทำอะไรกันนะ!! เจ้าฮิลลุส!! ]
ข้าตะโกนคำพูดนั้นออกไป
จากนั้นก็รีบเอามือไปปิดปาก
เพราะการเสียงดังในคฤหาสน์ของท่านผู้กล้าเป็นสิ่งไม่สมควร
[ มีอะไรเหรอคะลอร์ดแคลคูลัส? ]
เด็กสาวคนหนึ่งเดินมาหาข้า
[ อา ท่านจิยูกิ ]
ข้าก้มหัวให้เธอ
สาวงามผู้นี้คือ
นักปราชญ์ผมดำ จิยูกิ
นั่นคือชื่อของเธอ
หากมองผ่านๆ เธออาจจะเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดา แต่เธอผู้นี้มีพลังเวทมนตร์เทียบเท่ากับผู้ใช้เวทมนตร์ทั้งหมดของสาธารณรัฐศักดิ์สิทธิ์ลีนาเรียทีเดียว
แม้จะเป็นผู้ใช้เวทมนตร์จากโรงเรียนาซาเรียก็มิอาจเทียบพลังเวทของเธอได้
บางทีนักปราชญ์ผมดำอาจจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ผมเธอที่เปียกน้ำช่างเซ็กซี่จริงๆ
[ ความจริงแล้วข้ากำลังตรวจสอบว่าทำไมคนที่ส่งไปลาดตระเวนในเมืองแต่ไม่กลับมานะครับ ]
[ ตรวจสอบ… อา เกี่ยวกับเรื่องที่เราถามไปใช่มั้ยคะ ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้ต้องลำบากลอร์ดแคลคูลัส ]
เธอก้มหัวให้ข้า ข้าสับสนไปหมดเพราะการกระทำของเธอ
[ ไม่หรอกครับ นี่เป็นหน้าที่ของอัศวินอยู่แล้ว ]
ข้าตอบขณะที่ยืดตัวขึ้น
ดูเหมือนท่านผู้กล้ากำลังตามหาใครบางคนอยู่ ดังนั้นพวกเราอัศวินแห่งวิหารจึงได้ช่วยออกตามหาคนๆ นั้นด้วย
ข้าได้ส่งฮิลลุสออกไป เพื่อออกไปตามหาคนที่สามารถใช้เวทมนตร์ล่องหนได้
ซึ่งฮิลลุสเป็นอัศวินแห่งวิหารที่มีความสามารถในการมองเห็นสิ่งที่มองไม่เห็นหรือภาพลวงตาได้
แต่ข้าคิดว่าเขาคงมองไม่เห็นพลังลวงตาของท่านนางฟ้าเริงระบำหรอก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมองเห็นเวทมนตร์ระดับสูงได้อยู่
ข้าจึงได้ส่งเขาออกไป
ซึ่งในส่วนนี้ข้าเป็นคนผิดเอง
แม้ความสามารถของเขาจะอยู่อันดับ 1 หรือ 2 ของอัศวินในวิหาร แต่ก็มักก่อเรื่องเพราะนิสัยแย่ๆ นั้น การจะมองแต่ความสามารถแล้วช่างเรื่องนิสัยมันก็มีขีดจำกัดอยู่
เหล่าลูกน้องฝีมือดีของข้าถูกเขาเลือกไปปฏิบัติภารกิจด้วย แต่คนพวกนั้นก็เป็นพวกนิสัยมีปัญหาเหมือนกันและนี่มันก็น่าจะถึงเวลาที่จะกลับมากันได้แล้ว
เมื่อก่อน พวกเขาเคยไปยุ่งย่ามกับผู้หญิงขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นคราวนี้ก็อาจจะเหมือนกันก็ได้
ทั้งที่ข้าเองก็เตือนไปแล้วว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นให้เป่านกหวีดเพื่อแจ้งว่ามีเหตุฉุกเฉิน ถ้าทำไม่ได้เจ้าพวกนั้นก็สมควรถูกตัดสิทธิ์การเป็นอัศวินของวิหารไปซะ
แต่เราไม่สามารถลดจำนวนคนคุ้มกันลงได้ไปกว่านี้อีกแล้ว จึงต้องทำการค้นหา รู้มั้ยว่าข้าต้องปวดหัวกับเจ้าพวกนั้นขนาดไหน
จะทำยังไงดีนะตอนที่พวกเจ้าพวกนั้นกลับมา?
[ ถ้ากลับมาจะลงโทษให้สาสมเลยคอยดู ]
[ ไม่ล่ะค่ะ ได้โปรดเห็นแก่พวกเรา อย่างน้อยก็ช่วยลดหย่อนโทษของพวกเขาลงหน่อยเถอะค่ะ ]
ท่านจิยูกิพูดถึงฮิลลุส
แม้ปราชญ์ผมดำท่านนี้จะมีพลังเวทมนตร์ที่ทรงพลังจนน่าเกรงกลัว แต่ข้ารู้ดีว่าเธอนี่ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ
[ จะว่าไปลอร์ดแคลคูลัส รู้มั้ยคะว่าเรย์จิอยู่ที่ไหน? ]
[ ท่านผู้กล้าเหรอครับ? ข้ามั่นใจว่าเขาน่าจะอยู่ในห้องนะครับ แต่ข้าเองก็ไม่รู้เพราะไม่มีใครเขาไปในห้องของท่านผู้กล้าหลังจากนั้นเลย มีอะไรรึครับ? ]
ท่านจิยูกิพยักหน้าให้กับคำถามของข้า
เป้าหมายของพวกเราคือปกป้องท่านผู้กล้า แต่เราทำไม่ได้เพราะท่านผู้กล้าชอบทำอะไรตามใจ
ท่านจิยูกิไม่โทษพวกเรา เพราะเธอรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว
[ เขาหายตัวไป… ]
เธอถอนหายใจ
◆ เจ้าหญิงแห่งอาณาจักรร็อก อัลมีนา
[ ท่านเรย์จิค๊า ~ ]
ที่บนเตียงของฉัน ฉันเอาใบหน้าของคนรักเข้าไปใกล้หน้าอกของตัวเอง
เขามีแผลเป็นน่าเกลียดที่ยาวจากไหล่ขวาไปถึงสะโพกซ้าย
ทั้งที่ตอนที่เราพบกันตอนหน้านี้ยังไม่มีบาดแผลนี้เลยแท้ๆ
เจ้าอัศวินดำที่น่ารังเกียจนั้นดูเหมือนจะเป็นผู้สร้างบาดแผลนี้ให้เขา แม้แต่เวทรักษาของนักบุญสีขาวก็ยังรักษาไม่ได้
ทันใดนั้นที่ฉันคิดถึงสิ่งนั้น
ท่านเทพธิดาเองก็กอดเขาแบบนี้ด้วยรึเปล่านะ?
แม้ฉันจะไม่เคยพบกับเทพธิดา แต่ก็ได้ยินว่าบางครั้งเธอจะไปที่สาธารณรัฐศักดิ์สิทธิ์ลีนาเรีย
เธอคงมาพบกับท่านเรย์จิแน่ๆ
ชายผู้เป็นที่รักของเทพธิดาเรน่า นั่นก็คือท่านเรย์จินั้นเอง
แม้จะรู้สึกหยาบคาย แต่ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเทพธิดา เวลาที่อยู่ข้างเขา
คนรักของฉันนอนลงบนเตียงและเผยร่างกายอันเปลือยเปล่า
มันเป็นร่างกายที่งดงามจนฉันอยากจะจ้องมันให้มากกว่านี้
แต่เดี๋ยวมันก็จบแล้ว เพราะไม่ใช่แค่เทพธิดาเรน่า แต่รอบกายเขายังมีสาวสวยอีกมากมาย ฉันสามารถใช้เวลาสนุกกับเขาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
[ จะไปแล้วเหรอคะ? ]
[ อา ไว้เดี๋ยวจะมาใหม่นะ ]
ฉันนึกถึงนักปราชญ์ผมดำจากคำพูดของท่านเรย์จิ
ท่านจิยูกิเป็นคนที่สวยและยังเป็นคนที่น่ากลัวมาก ถ้าเธอรู้เรื่องความสัมพันธ์ของพวกเรา มีหวังฉันคงจบสิ้นแน่
ด้วยพลังเวทของเธอสามารถทำลายกำแพงปราสาทได้อย่างง่ายดาย ฉันไม่ต่างอะไรกับก้อนกรวดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังของเธอ ความกลัวปกคลุมตัวฉันหลังจากนึกถึงเรื่องนั้น
แต่ยังไงฉันก็อยากอยู่กับท่านเรย์จิ
[ งั้นเหรอคะ… ]
ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเหงาเล็กน้อย แม้จะเป็นในความทรงจำของเขาแค่เล็กน้อย แต่ก็อยากให้มีฉันอยู่ในนั้นจัง
แต่ความปรารถนาของฉันเป็นเรื่องไร้สาระสำหรับท่านเรย์จิ เขาสวมเสื้อผ้าเสร็จแล้วตอนนี้
[ มาคิดดูแล้ว อัลมีนา ฉันจะหาทางทำอะไรกับเรื่องที่เธอขอร้องให้ ]
ท่านเรย์จิพูดแล้วยิ้มให้ฉัน
จากเหตุการณ์ซอมบี้เมื่อคืน
ทำให้คิดว่าสคิเกอร์ที่เหลือรอดอาจจะมาแก้แค้นอาณาจักรนี้ก็ได้
และเพราะสคิเกอร์เป็นปีศาจที่แข็งแกร่ง เราจึงตัดสินใจจะยืมพลังของท่านเรย์จิ
นี่เป็นคำขอร้องของเร็มเบอร์ที่เป็นคู่หมั้นของฉัน
ฉันรู้สึกไม่ดีต่อเร็มเบอร์ที่มีความสัมพันธ์แบบนี้กับท่านเรย์จิ
ฉันเองก็ไม่ได้เกลียดเร็มเบอร์หรอก แต่ผู้ชายอย่างท่านเรย์จิหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
[ สคิเกอร์เหรอ… เจ้าพวกนั้นคงจะเหลือรอดมาได้ ไว้ฉันจะไปกวาดล้างให้เอง ดังนั้นอัลมีนาสบายใจเถอะ ]
ฉันรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินคำพูดของท่านเรย์จิ
◆ อัศวินแห่งวิหาร
[ งั้นฝากด้วยนะคุณโออุระ ข้าจะไปบบอกทางคฤหาสน์ของท่านผู้กล้าเอง ]
[ อา ไว้ใจได้เลย ]
ข้าได้ยินเสียงนั้นจากบนหัว
ร่างกายของข้าขยับไม่ได้ เมื่อข้ามองไปรอบๆ ก็เห็นอัศวินแห่งวิหารกำลังทุกข์ทรมานด้วยชะตากรรมด้วยกันกับข้า
ข้าได้ยินเสียงชายคนหนึ่ง ข้าจึงได้เดินมา
ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้? อยากร้องไห้ซะจริงๆ
ข้าเสียใจที่ไม่ได้เป่านกหวีดให้เร็วกว่านี้
ชายที่พวกเราพบในซอยคือใครกันแน่?
เขาดูเหมือนผู้ชายที่ดูธรรมดาๆ คนนึง แต่ชายธรรมดาคนนั้นกลับจัดการพวกเราได้ในพริบตา
ข้าไม่มีโอกาสจะต่อต้านเลยสักนิด
แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเขาเคลื่อนไหวแบบนั้นได้ยังไง ตอนนี้ร่างของข้าเป็นอัมพาตไปแล้ว
ทั่วทั้งร่างของข้ารู้สึกเจ็บปวดไปหมด
นี่มันเป็นความผิดของหัวหน้าฮิลลุสนั้นแหละ
ข้าเกลียดเขา
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะหัวหน้าฮิลลุสชอบทำอะไรไร้เหตุผล
ชายที่ชื่อฮิลลุส หากเป็นเรื่องการจีบสาวละก็ไม่มีใครเทียบเขาได้
หลังจากเห็นท่านซาโฮโกะในชุดพวกนั้น ทำให้พวกเราเองก็อยากไปเที่ยวผู้หญิงตามคำเชิญของหัวหน้าฮิลลุสบ้าง
พอข้านึกถึงเสื้อผ้าของท่านซาโฮโกะ… ไม่นึกถึงเลยว่าเด็กสาวที่บริสุทธิ์และอ่อนโยนอย่างเธอจะกล้าใส่ชุดแบบนั้นได้
ข้าไม่สามารถลืมรูปลักษณ์นั้นได้ลงเลย มันยังคงสดใสในความทรงจำของข้าแม้จะหลับตาก็ตาม
ข้าล่ะอิจฉาท่านผู้กล้าที่ได้รับความรักจากท่านซาโฮโกะซะจริงๆ
แค่ได้อยู่ข้างๆ เธอก็เหมือนได้รับการเยียวยาแล้ว
ไม่มีใครนอกจากท่านซาโฮโกะอีกแล้วที่เยียวยาได้แบบนั้น
ไม่ว่าจะบาดแผลแบบไหน ขอเพียงเธอรักษาให้ก็จะหายดี สมกับเป็นนักบุญสีขาว
ข้าล่ะอยากสัมผัสมือของเธอจริงๆ
ถ้าได้จับมือเธอ รับรองข้าจะไปบอกขอบคุณเจ้าคนที่ทำให้ข้าต้องเจ็บปวดอยู่แบบนี้เลย (ต้องไปซื้อบัตรจับมือก่อนนะพวก)
ยังไงก็เถอะ ชายคนนั้นเป็นใครกัน?
เป็นไปได้มั้นว่าเขาจะเป็นคนที่ท่านซาโฮโกะกำลังตามหา?
ต้องรีบไปบอกท่านซาโฮโกะแล้ว
บางทีเธออาจจะชมข้าก็ได้
[ คุคุค ร่างกายเป็นยังไงบ้างล่ะ? ]
ผู้หญิงหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของบ้านเข้ามาใกล้
หลังจากเราถูกชายคนนั้นจัดการ เราก็ถูกพาไปหาหมอที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งก็คือบ้านของผู้หญิงคนนี้
จากรูปร่างที่ข้ามองเห็นอาจจะเหมือนโกหก
แต่มันดำไปหมด
สวมฮู้ดสีดำและชุดสีดำปกปิดใบหน้า ดวงตาดูซีดเซียว
แม้ว่าจะมองเห็นหน้าเธอไม่ชัดเท่าไหร่นัก แต่จากเสียงดูเธอจะอายุมากแล้ว
จากที่ชายที่มาพวกเรามาที่นี่บอกมา ดูเหมือนเธอจะสายตาไม่ดีและไม่ชอบอยู่ที่สว่างๆ นัก
ด้วยเหตุนี้ห้องจึงมืดมิด เพราะเธอปิดหน้าต่างในบ้านเอาไว้หมด จึงมีเพียงแสงแค่เล็กน้อยเท่านั้นที่ลอดเข้ามาได้
อย่างที่คิดไว้ เพราะเป็นบ้านของหมอ ที่บ้านของเธอถึงได้มีแต่กลิ่นสมุนไพร
ข้ารู้สึกเวียนหัวหลังจากดมกลิ่นพวกนั้นเข้าไป
[ พวกเจ้าคืออัศวินที่คอยปกป้องผู้กล้าใช่มั้ย? ]
จากนั้นข้าก็รู้สึกว่ามันคำพูดมันไม่สอดคล้องกับการกระทำ
เสียงของผู้หญิงคนนั้นเต็มไปด้วยจิตสังหาร
[ คุคุคุ… วันนี้ข้าช่างโชคดีจริงๆ ที่มีเหยื่อมาให้ถึงที่ ]
เหยื่อ? ผู้หญิงคนนี้พูดถึงอะไรกัน?
ดูๆ ไปเธอก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
แต่ข้ากลับรู้สึกสงสัยที่ผู้หญิงคนนั้นใส่ผ้าปิดตาไว้
นั่นมันไม่ใช่สายตาของมนุษย์
นก… เป็นสายตาของนก
ดวงตาของผู้หญิงคนนั้นมีดวงตาสีดำรอบล้อมด้วยม่านตาสีเหลืองทั้งที่มันควรจะเป็นสีขาว หากเป็นคนธรรมดา
ดวงตาที่เธอกำลังมองมานั้นไม่ใช่ดวงตาของมนุษย์
ข้ารู้ถึงความจริง
เธอเป็นปีศาจ
[ อ๊ากก ]
เพื่อนของข้าร้องครวญครางเมื่อเห็นดวงตาของเธอ
[ พวกเจ้าจะต้องกลายเป็นเบี้ยให้กับข้า ]
เธอเริ่มหัวเราะ จากนั้นข้าก็เห็นเขี้ยวยาวที่ยาวออกมาจากริมฝีปากของเธอ
[ ข้าจะฆ่าเจ้าผู้กล้านั้นและทำลายอาณาจักรนี้ ที่มันฆ่าลูกสาวที่น่ารักของข้า ]
เธอหัวเราะอย่างน่ากลัว
แต่น่าเสียดาย ที่เราทำอะไรไม่ได้นอกจากเหนือครวญครางด้วยความเจ็บปวด