CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

อัศวินดำ - ตอนที่ 25

  1. Home
  2. อัศวินดำ
  3. ตอนที่ 25
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

◆ อัศวินดำคุโรกิ

[ หวังว่าเมื่อคืนจะได้สนุกเต็มที่นะ ]

นั่นคือคำพูดแรกของกาลิอุสที่พูดขึ้นหลังจากผมออกจากห้องมา 

พูดตามตรง ผมไม่รู้เลยว่าจะตอบกลับไปว่ายังไงเพราะเพราะจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เลย

เมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

สุดท้ายผมก้ไม่รู้เป้าหมายของเรน่า

ที่จริงต้องมีเหตุฉุกเฉินบางอย่างแน่ เธอถึงได้รีบกลับไป

…. หรือว่ามันจะเป็น

…. แต่ผมคิดว่ามันต้องใช่แน่

เพราะจะให้พวกเรย์จิเคลื่อนไหวเพื่อมาจัดการผมแน่นอน

ตอนที่ผมตื่นขึ้นมาก็ยังนั่งสับสนอยู่นานพอดู 

ผมเก็บของในห้องที่ดูยุ่งเหยิงราวกับว่าอยากจะหนีไปในทันที

หลังจากนั้นผมก็สังเกตเห็นว่าเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว ไม่ดีแน่ ถ้าผมไม่รีบหนีละก็…

พอรู้สึกตัวอีกที ห้องของผมก็สะอาดเป็นประกายไปซะแล้ว

ดูเหมือนจะทำเกินไปซะแล้ว ทั้งที่ผมไม่ได้ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มเลย แต่เตียงก็นุ่มฟูอบอุ่นไปซะแล้ว ผมจะทำยังไงดี….

จากนั้นไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีใครมาจัดการผมเลย

เป็นไปได้มั้ยว่าเรน่าไม่มีความตั้งใจจะฆ่าผม?

ดังนั้นเธอถึงไม่ได้รายงานเรื่องของผมให้เรย์จิรู้?

หรือเธอจะรายงานเรย์จิไปแล้ว แต่เรย์จิประเมินว่าผมไร้ค่าเมื่อเทียบกับตัวเขา?

อืมมม คำอธิบายสุดท้ายดูจะสมเหตุสมผลที่สุด

แม้ว่าผมจะโกรธถ้าเป็นเพราะอย่างที่ผมคิดจริงๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรทำยังไงเหมือนกัน

[ คุโระ แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ? ]

เขาคงจะหมายถึงเรน่า กาลิอุสยิ้มกรุมกริมขณะที่ถาม

[ พอผมตื่นเธอก็ไม่อยู่แล้วนะครับ… ]

ผมตอบไปตามความจริง ผมเองก็ไม่รู้ว่าเรนาอยู่ที่ไหนเหมือนกัน

กาลิอุสแปลกใจหลังจากได้ยินคำตอบจากผม

[ แปลกจังนะ ข้าไม่เห็นว่าจะมีคนเดินผ่านมาเลย… ]

บางทีเธอคงออกไปด้วยเวทมนตร์บิน

บางทีเธออาจจะไปที่บ้านของเรย์จิล่ะมั้ง?

กาลิอุสเอียงหัวขณะที่ตกใจ แต่ก็ช่วยไม่ได้หรอก ถ้าเขาจะไม่รู้

[ ถ้ามีเวลาละก็คุโระ… ขอแนะนำให้ไปส่องกระจกก่อนเลย ใบหน้านายตอนนี้มันสุดยอดเลยล่ะ ]

กาลิอุสพูดขึ้นขณะที่หัวเราะเต็มที่

[ ? ]

ตามคำแนะนำของกาลิอุส ผมเข้าไปส่องกระจกในห้องน้ำ

กระจกในโลกนี้ทำจากโลหะขัดเงา แม้จะค่อนข้างมองยาก แต่แค่นั้นภาพสะท้อนของผมก็เพียงพอแล้ว

ที่ใบหน้าผมมีร่องรอยถูกต่อยและยังมีรอยสีแดงเต็มไปหมด

[ นี่มัน…. รอยแดงๆ นี่มันอะไรกันนะ? ]

ถึงผมจะไม่รู้ว่าอะไร แต่มันก็ล้างออกได้

ผมเทน้ำจากเหยือกออกมาเพื่อล้างหน้า

[ ดูเหมือนมันจะล้างออกไม่ได้ง่ายๆ แฮะ… ]

เป็นไปได้ว่ารอยแดงๆ นี้อาจจะเป็นเครื่องหมายคำสาปที่จะไม่หลุดออกมาง่ายๆ รึเปล่านะ?

แม้จะต้องออกแรงขัดหน่อย แต่ก็ดีกว่าต้องปิดบังใบหน้าไว้ทั้งวันละน่า

[ รุ่นพี่กาลิอุส คุโระอยู่มั้ยครับ? ]

เสียงเรียกดังกึกก้องดังขึ้น นั่นคือเสียงของเร็มเบอร์ เกิดอะไรขึ้นกันนะ?

จากนั้นผมก็เดินไปยังห้องนั่งเล่นที่เร็มเบอร์รออยู่

[ รุ่นพี่!! คุณคุโระ!! โปรดให้ผมยืมพลังด้วยเถอะครับ! ]

เร็มเบอร์ก้มหัวขอร้องมาทางผมกับกาลิอุส

 

◆ สาวบริสุทธิ์แห่งดาบ ชิโรเนะ

ดีจริงๆ ที่อากาศวันนี้มีเมฆมาก

เหมาะกับการออกไปเที่ยวเล่นนอกกำแพงเมือง

วันนี้ฉันจะไม่ได้ใส่ชุดหรูหราอะไรมากมาย แล้วก็ไม่ต้องใส่เจ้าชุดเกราะน่าอายนั้นแล้วด้วย

วันนี้ทุกคนกำลังออกตามหาเจ้าโรคจิตนั่น

มันคงจะดีนะที่หาทางกลับโลกเดิมได้ แต่ว่า…

ทุกคนยกเว้นคุณจิยูกิไม่อยากกลับไปที่โลกเดิมเลย

เรย์จิคุง ริโนะจัง นาโอะจังก็ดูจะไม่มีปัญหาอะไร ถึงจะกลับไปโลกเดิมไม่ได้

คุณซาโฮโกะก็ดีจะไม่เป็นไร ตราบใดที่ได้อยู่ข้างๆ เรย์จิคุง ทางคุณเคียวกะหรือคุณคายะก็ดูจะไม่คิดจะกลับเหมือนกัน

แล้วทางฉันล่ะ?

บอกตามตรง ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน

ฉันสนุกสนานกับทุกคน บางส่วนลึกๆ ในใจของฉันกลับดีใจที่ไม่มีทางกลับไปโลกเดิมแล้ว

ฉันมีความสุขและอยากอยู่กับทุกคน

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่ได้อยากกลับไปเลย

ที่คุณจิยูกิพูดน่ะถูกต้องแล้ว ฉันมีคนที่อยากเจอที่อีกโลก

ฉันไม่ยกโทษให้ไดร์ฮาร์ดแน่ หมอนั่นต้องชดใช้ที่ทำให้เส้นทางกลับโลกเดิมของเราหายไป

ฉันรู้สึกหงุดหงิดตัวเองมากที่ไปแพ้ผู้ชายคนนั้น

ในใจฉันก็อยากจะต่อสู้กับไดร์ฮาร์ดอีกครั้ง

แต่ก่อนอื่นก็ต้องยืดเส้นยืดสายก่อนจะไปต่อสู้ล่ะนะ

นั่นคือเหตุผลที่ฉันมาที่หอคอยแห่งนี้

ฉันยืดตัวและปรับการหายใจให้ราบเรียบขึ้น

มีคนเดินเข้ามาหาฉัน ชื่อของเขาคือเร็มเบอร์ อัศวินของอาณาจักรนี้และเป็นผู้ช่วยของฉันในวันนี้

[ คุณชิโรเนะ ผมได้รวบรวมทุกคนมาให้ครับ ]

ฉันหันหลังกลับไปหลังจากได้รายงานจากเร็มเบอร์

ที่ตรงนั้นมีกลุ่มคนติดอาวุธครบมือมารวมตัวกันที่ใกล้ประตูทางออกของกำแพง

พวกเขาคือคนของอาณาจักรร็อกที่จะไปสำรวจหอคอยด้วยกันกับฉัน

เพราะฉันไม่เก่งเรื่องงานตรวจสอบ คุณจิยูกิจึงได้ขอร้องให้อาณาจักรร็อกส่งคนมาช่วย

ราชายอมรับคำขอและส่งคนจากอาณาจักรมา

น่า ก็เป็นธรรมดา เพราะอาณาจักรของพวกเขากำลังถูกสคิเกอร์รุกรานล่ะนะ

จำนวนคนที่มาด้วยกันมี 12 คน เพราะนาโอะจังไม่ได้มาด้วยกัน จึงไม่มีทางเลือกต้องเติมช่องว่างด้วยจำนวนแทน

ปัญหาคือ ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาจะพอรับมือกับพวกปีศาจในหอคอยได้มั้ย

เพราะในหอคอยน่าจะมีปีศาจเหลืออยู่ แม้ฉันจะไม่เป็นไร แต่ทางด้านพวกเขานี่สิ

ถึงฉันจะไม่เก่งเท่าเรย์จิคุง แต่ก็ยังพอมีพลังมากพอที่ปกป้องตัวเองได้

แม้จะรู้ตัวเองดีว่า หากไปเปรียบพลังกับเรย์จิคุง ตัวฉันมันน่าสมเพซขนาดไหน

ไม่ดีแล้ว ที่ฉันมาวันนี้ก็เพื่อระบายความเครียดนี่นา

อย่างที่คุณจิยูกิบอก ฉันไม่ควรเอาเรย์จิคุงเปรียบเทียบมาตรฐานผู้ชาย

ฉันก้มหัวนิดหน่อยแล้วมองไปที่พวกเขา

[ กำลังรออยู่เลยค่ะ หวังว่าเราจะร่วมมือกันได้ดีนะคะ ]

เมื่อฉันก้มหัวให้ พวกเขาก็ก้มหัวให้เช่นกัน

ดูจากสมาชิกแล้ว

หัวหน้าปาร์ตี้คือเร็มเบอร์ เขาคืออัศวินที่มาจากตระกูลอัศวินที่คอยทำหน้าที่ปกป้องอาณาจักรร็อกมาหลายชั่วอายุคน เขาค่อนข้างมีอิทธิพลมากในอาณาจักร จนถึงขั้นได้หมั้นกับเจ้าหญิง

ต่อไปก็คือหัวหน้าตัวจริง กาลิอุส แม้ว่าเขาจะเคยเป็นอัศวินมาก่อน แต่ตอนนี้เขาทำงานเป็นทหารรับจ้างแทน ตัวเขาสามารถรวบรวมคนมากฝีมือขนาดนี้ได้ในเวลาอันสั้น แค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาเก่งขนาดไหน

ถัดไปก็คือเรนเจอร์ สโตร ดูเหมือนเขาจะเป็นนายทหารฝีมือเยี่ยมของอาณาจักรนี้และเป็นผู้กวาดล้างปีศาจในป่าร่วมกับกาลิอุส

นักเวทนิมริ ชายผู้เป็นนักใช้เวทมนตร์ของปาร์ตี้นี้ เขาเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ของอาณาจักรร็อกและดูเหมือนนักเวทธรรมดาที่เคยเห็นตามนิยาย

คนที่เหลือก็อย่างที่คาดไว้ ทหารรับจ้างอีก 8 คนฉันจำชื่อไม่ได้ แต่จำได้แค่ 4 คนก็ดีแล้วล่ะ

จากนั้นทั้ง 12 คนรวมฉันเข้าไปด้วยเป็น 13 คนจึงเดินทางไปตรวจสอบหอคอย

[ ดีล่ะ งั้นพวกเราไปกันเลยมั้ย? ]

เมื่อฉันพูดจบ พวกเขาก็ส่งเสียงเอะอะกันเล็กน้อย

[ เอ่อ ท่านชิโรเนะ… พวกเราขอเวลาสักเดี๋ยวได้มั้ย? ]

มีคนๆ หนึ่งเดินมาหาฉัน เขาคือเรนเจอร์สโตรนั้นเอง

[ มีอะไรเหรอคะ? ]

[ กว่าเราจะไปถึงที่หอคอยจากที่นี่ก็ใช้เวลาถึงครึ่งวัน ดังนั้นก็คงจะตั้งแคมป็ใกล้ๆ หอคอยใช่มั้ยครับ? แต่เรายังไม่ได้เตรียมอะไรไปเลย… ]

สโตรถามด้วยความเป็นห่วง

[ อ่อ ไม่เป็นไรหรอกคะ เพราะพวกเราจะใช้เวทมนตร์สนับสนุนการเคลื่อนที่ให้เอง ]

เมื่อฉันพูดแบบนั้น ทุกคนก็จ้องตากันใหญ่

แม้ฉันจะไม่เก่งเท่าริโนะแต่ก็พอจะใช้เวทมนตร์ลมได้

เวทมนตร์นี้จะทำให้คนที่ตามหลังผู้ใช้สามารถวิ่งได้เร็วเท่ากับผู้ใช้เวทมนตร์นี้ ฉันจึงต้องนำหน้าในฐานะกองหน้า

ดังนั้นเราน่าจะถึงหอคอยใน 30 นาที ถ้าไปพร้อมกับทุกคน

ทุกคนต่างมองกันไปมา เมื่อฉันอธิบายให้ฟัง

แต่การอธิบายให้ฟังมากกว่านี้มันคงจะลำบาก

[ งั้นเราไปกันเถอะ! ]

 

◆ สาวบริสุทธิ์แห่งดาบ ชิโรเนะ

เรามาถึงหอคอยของสคิเกอร์แล้ว

[ อ่ะ จำนวนคนของพวกเราหายไปกี่คนคะ? ]

ฉันมองไปข้างหลัง ดูจำนวนทหารรับจ้างจะน้อยกว่าตอนที่อยู่ที่กำแพงเมือง

[ ดะ… ดูเหมือนพวกเราบาคน… จะออกนอกเส้นทางไปครับ ]

เร็มเบอร์พูดขณะที่กำลังหายใจหอบ

[ บะ… บางที… พะ-เพราะมันเร็ว… เกินไป… พวกเขาเลยตาม… ไม่ทันครับ ]

ฉันรู้สึกผิดหวังหลังได้ยินคำพูดของเขา

นี่ฉันลดความเร็วให้มากที่สุดแล้วนะ แต่ดูเหมือนมันก็ยังเร็วเกินไปสำหรับพวกเขาอยู่ดี

ทหารรับจ้างสี่คนหลุดเส้นทางไป ก็ยังไม่ได้หายไปถึงครึ่งล่ะนะ

ทหารรับจ้างสี่คนที่ฉันชื่อได้ก็ยังอยู่กันหมด แต่ดูเหมือนการตรวจสอบทั่วหอคอยด้วยคนแค่ 9 คนจะเป็นไปไม่ได้ ฉันมองไปที่ทหารรับจ้างที่เหลือ พวกเขาเกือบทุกคนแทบจะหมดแรงแล้วหายใจไม่ทัน ดูเหมือนแบบนี้จะไร้ประโยชน์สินะ

มีเพียงทหารรับจ้างคนเดียวที่ไม่หมดแรงไป แต่ฉันจำชื่อเขาไม่ได้ ตอนนี้เขากำลังเอาผ้าปิดห่อหน้าไว้ราวกับกำลังปกปิดมันไว้และกำลังยืนใจเย็นอยู่ข้างนิมริ

บางทีเขาอาจจะเป็นทหารรับจ้างฝีมือดี ไว้ลองถามชื่อทีหลังแล้วกัน

จากนั้นฉันก็ทิ้งเหล่าทหารรับจ้างให้เขาดูแล แล้วมุ่งหน้าเข้าไปในหอคอย

[ นี่มัน? ]

ฉันสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ

[ นี่มันหรือว่า… บาเรีย? ]

ฉันรู้ได้ว่าบาเรียนี่มันแตกต่างจากครั้งก่อน

ดูเหมือนในหอคอยจะมีเวทสำหรับตรวจจับอยู่

บางทีถ้าเป็นคุณจิยูกิอาจจะรู้อะไรมากกว่านี้ 

นอกจากนี้บาเรียนี้ยังแข็งแกร่งมาก

[ ไม่จริงน่า มันอยู่ที่นี่จริงๆ เหรอ? ]

ถ้างั้นมันก็ง่ายเกินไป และฉันก็ไม่รุ้สึกถึงพลังเวทจากสคิเกอร์เลยด้วย

[ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับท่านชิโรเนะ? ]

เร็มเบอร์เดินสั่นๆ มาหาฉัน

[ ครั้งก่อนที่มาฉันเข้ามาจากทางบนฟ้า แต่วันนี้ล่ะเราจะเข้าไปข้างหน้ากัน ]

ซึ่งเมื่อครั้งก่อนพวกเราเข้าไปเพียงแค่ชั้นบนสุดที่เป็นที่อาศัยของสคิเกอร์เท่านั้น

แม้นาโอะจะตรวจสอบดู แต่ก็ตรวจจับได้เพียงอันเดด เพราะเรารู้ว่าไม่มีสัญญาณชีวิตของสคิเกอร์แล้วเราจึงได้กลับกัน

ดังนั้นที่นี่จึงมีอันเดดและกับดักหลงเหลืออยู่

แต่ทว่าการจะไปตรวจสอบส่วนล่างของหอคอย และยังไม่มีใครใช้เวทมนตร์บินได้นอกจากฉัน ดังนั้นเลยต้องเลือกทางประตูหน้า

ก็ไม่รู้หรอกนะว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ฉันเดินเข้าไปในหอคอยครั้งนึง แล้วนึกเรื่องนึงขึ้นมาได้

[ ถ้าทำงานคนเดียวมันจะดีกว่าที่จะไปห่วงเรื่องการปกป้องคนอื่นนะ แต่ถ้าคิดว่าอันตรายให้หนีไปซะ เข้าใจมั้ย? ]

ฉันถึงนึกเรื่องที่คุณจิยูกิพูดที่บอกให้ฉันระวังตัว ฉันหวังว่าพวกทหารรับจ้างจะไม่ฝืนตัวเองกันนะ คงลำบากแน่ถ้าพวกเขาเกิดตายขึ้นมา

จากนั้นเราก็เข้าไปในหอคอย

◆ อัศวินดำคุโรกิ 

สถานการณ์แย่สุดๆ

ไม่ว่าผมจะพยายามคิดเท่าไหร่ก็บอกได้แต่ว่าสถานการณ์ตอนนี้มันแย่มาก

เพราะนี่เป็นหอคอยที่โกเรียสอยู่

ตอนนั้นเร็มเบอร์มาที่บ้านของกาลิอุส

ผมคิดว่าตัวเองเผลอไปทำอะไรผิดซะอีก

แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ เรื่องมันต่างไป

ผมรับคำขอของเร็มเบอร์ที่บอกให้ไปกวาดล้างสคิเกอร์ด้วยกัน

แต่ผมไม่คิดว่าชิโรเนะจะไปด้วย ดีจริงๆ ที่ผมปิดหน้าไว้เพื่อซ่อนรอยแดงที่หน้าพอดี

จากท่าทางของชิโรเนะ ดูท่าเรน่าจะยังไม่ได้บอกเรย์จินะ

แต่ว่าปัญหาอื่นก็ตามมาแล้วนะสิ

เพราะขืนเป็นแบบนี้ชิโรเนะกับโกเรียสได้ต่อสู้กันแน่ ถ้างั้นล่ะก็มีหวังโกเรียสโดนชิโรเนะฆ่าแน่เลย

ผมมาจนถึงที่หอคอยแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความคิดๆ ผุดขึ้นมาเลย

“คุโระ… ขอโทษด้วย”

นิมริขอโทษผม

ผมพยายามพานิมริมาที่หอคอยนี้โดยไม่ให้หลุดเส้นทาง

แต่ก็มีบางคนถูกทิ้งไว้ในป่า ผมขอภาวนาให้คนที่หลุดไปนอกเส้นทางกลับไปได้อย่างปลอดภัยทีเถอะ

แม้ว่าจะปราบปรามปีศาจไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เหลืออยู่เลย มันยังอันตรายอยู่

เพราะเทียบกับพวกเราที่มาจากอีกโลก คนพวกนั้นอ่อนแอใช่มั้ยล่ะ?

เหล่าคนที่วิ่งมาจนถึงที่นี่ได้ต่างเหนื่อยหอบ หายใจแรงกันทุกคน

แต่ชิโรเนะไม่สนใจคนที่ขยับตัวไม่ได้และมุ่งหน้าไปที่หอคอยอย่างรวดเร็ว

ผมอยากให้เธอทำงานเป็นทีมกันให้มากกว่านี้สักนิดจัง แต่ดูจะเป็นไปไม่ได้สำหรับคาแล็คเตอร์ของชิโรเนะ

ชิโรเนะเป็นคนที่แข็งแกร่ง

และไม่ชอบคนที่อ่อนแอกว่า ซึ่งสาเหตุนั้นผมรู้ดี

ชิโรเนะเกิดในบ้านอาคามิเระ ซึ่งบ้านนั้นไม่มีเด็กผู้ชายเลย

คุณลุงอาคามิเนะถึงจะไม่ได้พูดอะไร แต่เขาก็อยากให้ผู้ชายเป็นผู้สืบทอต่อ

บางทีเธอคงรู้ความปรารถนาที่อยากได้ลูกเป็นผู้ชายในใจของพ่อ เธอถึงได้พยายามให้ไม่แพ้พวกผู้ชาย

จากนั้นชิโรเนะก็กลายเป็นคนที่แข็งแกร่งจนผู้ชายแถวนั้นสู้ไม่ได้ และเธอก็เริ่มจะมีนิสัยเกลียดผู้ชายที่อ่อนแอ

ชิโรเนะนั้นมักจะไปช่วยเหลือเด็กผู้หญิงอ่อนแอจากพวกอันธพาล ด้วยเหตุนี้ทำให้มีเด็กผู้หญิงมาชอบชิโรเนะอยู่เยอะทีเดียว

ผมกับชิโรเนะเป็นคนทีชอบอ่านการ์ตูนและนิยายมาก สมัยเด็กๆ ก็มักจะเล่นเกมกำจัดเหล่าร้ายกัน

โดยผมมักจะได้รับบทเป็นตัวร้ายตอนที่เล่นกับชิโรเนะ

คงเพราะสาเหตุนั้นเธอถึงได้ไปจัดการเหล่าอันธพาลที่รังแกคนอ่อนแอ ในฐานะผู้กล้าชิโรเนะ

แต่บางทีชิโรเนะคนเกลียดผมแน่ ถ้าผมกลายเป็นตัวร้ายของจริงแบบนี้

จากนั้นผมก็เพิ่งสังเกตว่า

พักนี้ตอนที่ชิโรเนะไปจัดการพวกอัทธพาลพวกนั้น มักจะมีผู้ชายคนหนึ่งช่วยเธอสู้เสมอ ผู้ชายคนนั้นก็คือเรย์จิ

สำหรับชิโรเนะและเรย์จิคงจะเป็นตัวเอก

ส่วนตรงข้ามกัน ผมนั้นผมตัวร้ายที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวโดยถูกชิโรเนะทิ้งไว้

แต่คราวนี้ผมจะปล่อยให้นี่เป็นการเล่นของพวกเขาไม่ได้ ผมไม่ปล่อยให้ผู้กล้าชิโรเนะฆ่ามังกรหรอก

จากนั้นคุณเร็มเบอร์และกาลิอุสก็เหมือนจะฟื้นตัวจนขยับตัวกันได้แล้ว ดังนั้นเขาเลยตามหลังชิโรเนะไป

ผมเองก็ต้องไปด้วย

ผมต้องทำอะไรสักอย่าง จากนั้นผมก็เพิ่งนึกถึงสร้อยคอตกอยู่บนเตียง

 

◆ อัศวินดำคุโรกิ 

เพื่อไปที่ชั้นหนึ่ง การเข้าทางประตูหน้าจึงไม่มีทาง เพราะสคิเกอร์เดิมทีเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีปีก

สคิเกอร์นั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่กินมนุษย์จึงจงใจล่อมนุษย์เข้ามาหลายต่อหลายคนแล้ว

จากที่เร็มเบอร์เล่ามา อาณาจักรเพื่อนบ้านที่อยู่รอบๆ หอคอยนี้รวมทั้งอาณาจักรร็อกได้ส่งกำลังกองกำลังทหารเข้ามาท้าทายที่หอคอยนี้ แต่จนสุดท้ายก็ไม่มีใครกลับมา บางทีพวกเขาอาจจะถูกดูดเลือดและตายไปแล้ว จนสุดท้ายก็กลายเป็นอันเดด

แม้ปัจจุบันตอนนี้ก็ยังมีกับดักและอันเดดเหลืออยู่อีกมากในหอคอยนี้

แต่ผมคิดว่าไม่เป็นไรหรอก ถ้าอยู่กับชิโรเนะ

[ จะว่าไปแล้วคุณคุโระทำไมต้องปิดหน้าด้วยล่ะครับ? ]

คำถามของเร็มเบอร์ตรงประเด็นมาก

มันก็มีหลายเหตุผล แต่เหตุผลสูงสุดก็คือไม่อยากให้ชิโรเนะรู้ตัวจริง เพียงแต่ผมบอกความจริงไปไม่ได้ จะทำให้เขาเข้าใจได้ยังไงกันนะ

[ มีหลายๆ เรื่องนะ เร็มเบอร์ ]

กาลิอุสเข้าไปใกล้ขณะที่หัวเราะ จากนั้นเขาไปกระซิบบอกเร็มเบอร์

[ เหตุผลแบบนั้นเองเหรอ คุณคุโระนี่ก็น่าตกใจเหมือนกันนะครับ? ]

จากนั้นเขาก็หัวเราะไปด้วยกัน

[ พูดถึงเรื่องอะไรกันครับ?!!! ]

ผมท้องกาลิอุส

ดูเหมือนเหตุผลที่ผมต้องซ่อนใบหน้าจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่ผมก็ยังไม่รู้อยู่ดี ว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น

[ น่า น่า เรารีบไปกันดีกว่า ]

[ ครับคุณคุโระ เรารีบตามท่านชิโรเนะไปดีกว่า ]

ทั้งสองคนวิ่งไปแล้วหัวเราะ

ถึงผมจะยอมรับไม่ได้ แต่ก็ไม่ต้องหาข้อแก้ตัวแล้ว

เมื่อเข้าไปในหอคอยด้านในกว้างและมืดมาก ถึงจะไม่มีแสงผมก็มองเห็นอยู่ดี แต่ดูเหมือนกาลิอุสจะมองไม่เห็นอะไรเลย

นิมริที่เป็นผู้ใช้เวทมนตร์ใช้เวททำให้เกิดแสงสว่างขึ้น แต่ดูเหมือนแสงจะส่องไปไม่ทั่วหอคอย เพราะมันกว้างเกินไป

ภายในหอคอยนั้นมืดมาก แต่ชิโรเนะก็เดินไปโดยไม่สนคนอื่นๆ เลยผมเองก็รีบก้าวไปทันที

[ เร็มเบอร์… ถึงหอคอยนี้จะไม่มีสคิเกอร์อยู่แล้วก็เถอะ แต่การปล่อยให้เด็กผู้หญิงไปเดินนำหน้านี่มันดีแล้วเรอะ? ]

กาลิอุสพูดขึ้นขณะที่ก้าวเดิน

[ ข้าคิดว่าไม่จำเป็นต้องกังวลหรอก เพราะท่านชิโรเนะแข็งแกร่งกว่าเรามาก ]

เพราะรูปร่างหน้าตาของชิโรเนะเป็นสาวสวย จากมุมมองของกาลิอุสจึงดูว่าเธอไม่ได้แข็งแกร่งอะไรนัก

[ ท่านชิโรเนะมีฝีมือดาบยอดเยี่ยม แต่ก็ยังสามารถใช้เวทสปิริต เวทรักษาและเวทแสงอาทิตย์ได้อีกด้วย แม้จะระดับต่ำก็ตาม ท่านชิโรเนะจึงเป็นนักดาบเวท แม้เราทุกคนที่นี่จะรวมหัวกันก็ไม่อาจเอาชนะเธอได้ครับ ดังนั้นเราควรปกป้องตัวเองให้ดีอย่าเป็นภาระให้ท่านชิโรเนะจะดีกว่า ]

เร็มเบอร์พูดเพื่อแนะนำแก่พวกเขา

[ ใช่แสงจากนิมริเป็นตัวนำทาง สโตรที่เป็นเรนเตอร์คอยดูรอบๆ ว่ามีอะไรน่าสงสัยมั้ย อีกสองคนคอยคุ้มกันหน้าและหลังกับฉัน ]

ด้านหน้าคือสโตรที่คอยดูสิ่งผิดปกติเหมือนทุกที ส่วนด้านหลังก็คือผม

ที่จริงก็อยากจะไปนำหน้าให้ชิโรเนะอยู่เหมือนกัน

เพราะเวลามองไปที่แผ่นหลังของชิโรเนะแล้วมันรู้สึกมีความคิดไม่อกุศลเข้ามาในหัว

แม้ว่ามันนี้เธอจะแต่งตัวธรรมดาๆ แต่ผมก็ไม่ลืมชุดของชิโรเนะเมื่อวานได้เลย

แน่นอน มันเป็นเหมือนภาพที่จำได้ขึ้นใจ หยุดคิดดีกว่าแฮะ

ทุกคนหยุดเดิน

[ มีบางอย่างอยู่ที่นี่ ]

สโตรที่เดินนำหน้ารู้สึกถึงอะไรบางอย่างและชี้ไปข้างหน้า

แม้กาลิอุสจะมองไม่เห็น แต่ก็พอเห็นว่ามีอะไรลางๆ กำลังใกล้เข้ามา

มันคือซอมยี้ พวกมันคงเคยเป็นมนุษย์มาก่อนและยังติดอาวุธด้วย

ทหารซอบี้ 5 ตัวเดินเข้ามาทางนี้แต่ช้ามาก

[ แสง!! ]

เมื่อจบคำนั้น แสงจ้าก็ส่องออกจากมือและส่องไปที่ซอมบี้

นี่เป็นเวทมนตร์แสงแดดที่บอกได้เลยว่าใช้ได้เฉพาะนักบวชขั้นสูงเท่านั้น

ซอมบี้สลายกลายเป็นขี้เถ้าจากการโจมตีของแสงนั้น เหลือเพียงเสื้อผ้าและเกราะไว้เท่านั้น

[ เมื่อกี้ยอดเลยแฮะ ]

นั่นคือเวทมนตร์ของนิมริ

ศัตรูประเภทอันเดดเป็นศัตรูที่จัดการลำบาก การโจมตีปกติแทบจะไม่ได้ผล

นอกจากนี้ซอมบี้บางตัวยังเหลือความสามารถเดิมด้วย ซึ่งซอมบี้ก่อนหน้านี้สามารถใช้ดาบและโล่เป็น

คงจะลำบากแน่ถ้ามีแค่กาลิอุสร่วมปาร์ตี้ปราบสคิเกอร์ครั้งนี้เพียงคนเดียว

นี่ไม่ใช่เวทมนตร์เพื่อต่อสู้กับมนุษย์แต่เป็นอันเดดนั้นเอง

[ ถ้าจัดการมันด้วยเวทมนตร์ก็ไม่น่าสนุกสิค่ะ ]

แต่ดูเหมือนชิโรเนะจะไม่พอใจ

[ มาแล้ว! ]

สโตรส่งเสียงบอก

ซอมบี้นับสิบกำลังมุ่งตรงมาทางนี้

พอเข้ามาในหอคอยก็ต้อนรับด้วยซอมบี้เลยเหรอ?

แต่ถ้าใช้เวทแสงแดดมันก็จะกลายเป็นขี้เถ้าในทันที

ชิโรเนะใช้ดาบปักเข้าใส่หัวซอมบี้แล้วดึงออกมา

[ ใช้เวทมนตร์แสงแดดสิ!! ]

ปัญหาคือพวกเขากำลังสับสนกันอยู่

[ ใบดาบเพลิง!! ]

จากนั้นก็มีเปลวไฟมาล้อมรอบดาบของชิโรเนะไว้

[ ดาบผ่าเพลิง!! ]

จากนั้นเธอก็ไปซัดกับซอมบี้อย่างที่เห็น

[ โห… ยอดเลยนะ… ]

กาลิอุสส่งเสียงตกใจ

[ การต่อสู้กับอันเดดในความมืดนี่มัน… ]

นิมริพึมพำคำพูดนั้นออกมา

แม้ว่าจะเผาซอมบี้จนเหลือแต่กระดูกแล้วก็ตาม มันก็จะกลายเป็นสเกเลตันรูปแบบกระดูกอยู่ดีดังนั้นการจะเอาชนะอันเดดจึงยากมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่างโครงกระดูกอาวุธธรรมดาทำอะไรมันไม่ได้และสร้างความเสียหายไม่ได้ เว้นเสียแต่จะใช้ดาบเวทเท่านั้น

ดาบสีเงินของชิโรเนะคือดาบเวทมนตร์ซึ่งจะทำให้มีไฟปรากฏขึ้นที่ใบดาบและสามารถจัดการเหล่าซอมบี้ได้

จากฝีมือชิโรเนะทำให้ซอมบี้มากมายถูกจัดการในพริบตา

ทุกคนรู้สึกตกใจจนขยับไม่ได้

ทุกตัวถูกจัดการได้ด้วยเพียงดาบเล่มนั้นเล่มเดียว

[ เอาล่ะ ไปกันต่อเถอะค่ะ ]

ชิโรเนะหันหลังกลับมาด้วยใบหน้าสดใส

พวกเราต่างมองไปที่เธอด้วยความรู้สึกสุดจะพรรณนา

 

 

◆ อัศวินดำคุโรกิ 

[ แข็งแกร่ง นี่ เร็มเบอร์…. ภรรยาของผู้กล้านี่แข็งแกร่งสุดๆ เลยไม่ใช่เหรอไง? ]

กาลิอุสบ่นพึมพำ

ต้องขอบคุณชิโรเนะที่ทำให้เราผ่านเข้าสู่กลางหอคอยได้อย่างง่ายดาย

จากนั้นมาเรายังเจอแมงมุมอันเดด ค้างคาวดูดเลือดและยังแมงมุมยักษ์ แต่มันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชิโรเนะ

ชิโรเนะจัดการมันทั้งหมดจนมาถึงที่นี่

แน่นอนว่ายังมีกับดักเหลืออยู่ แต่ชิโรเนะก็ยังหลบได้ด้วยสัญชาตญาณ

แม้จะมีลูกธนูลอยมา แต่ชิโรเนะก็เอียงตัวหลบได้ทัน แม้จะมีหลุมอยู่ ชิโรเนะก็โดดก่อนจะตกลงไปได้ทันเสมอ และถึงแม้เพดานจะหล่นลงมา เธอก็ดันมันกลับด้วยมือข้างเดียว

ขอพูดตามตรงนะ พวกเขาจำเป็นด้วยเหรอ?

[ ข้าเองก็ทึ่งเหมือนกันตอนที่ได้เห็นพลังของผู้กล้า แต่ไม่คิดเลยว่าภรรยาของผู้กล้าเองก็จะแข็งแกร่งขนาดนี้ ]

นิมริเองก็ชมเธอเหมือนกับกาลิอุส

แม้ว่าผมเองก็จะทำได้ แต่มันก็ยังน่าทึ่งสำหรับพวกเขาสองคนอยู่ดี

และทั้งสองก็ไม่ได้สนใจเรื่องความสัมพันธ์ของเรย์จิกับชิโรเนะอะไรเป็นพิเศษ

แม้ในโลกเดิมพวกเธอก็เป็นผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเรย์จิอยู่แล้ว ดังนั้นถึงมาที่โลกนี้มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก

ผมเริ่มคิดแล้วว่าการมาปกป้องพวกผู้กล้านี่มันไร้สาระชะมัด

หลังจากเสร็จเรื่อง ผมไปตัดเขาของราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์มาดีมั้ยนะ?

บางทีอาจจะได้สาวสวยอย่างเรน่ามาอยู่ข้างกายก็ได้

พอผมนึกถึงใบหน้าของเรน่า หัวใจของผมก็เจ็บปวด

ผมคิดถึงเรน่า

นี่เรน่ากำลังทำอะไรอยู่นะ?

จากนั้นจู่ๆ ชิโรเนะก็หยุดเดิน

[ มีอะไรเหรอครับท่านชิโรเนะ? ]

เพราะจู่ๆ ก็หยุดและเงียบไป เร็มเบอร์เลยถามขึ้น

ชิโรเนะมองไปที่ประตู ปะตูบานนั้นต่างจากที่อื่นๆ

[ มันต้องมีอะไรอยู่แน่ ]

สโตรพูด ผมเองก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างหลังประตูเหมือนกัน

[ ฉันจะไปก่อนแล้วกันนะ ]

ชิโรเนะเปิดประตูเข้าไป

[ นี่มันแสงไฟ? ]

เสียงตกใจดังขึ้น

ห้องพักนี้มีขนาดใหญ่และยังมีแสงไฟส่องสว่างต่างจากห้องอื่นๆ และมันยังไม่ใช่แสงจากเวทมนตร์เหมือนของนิมริ

นี่มันยังไม่ใช่แค่นั้น

มีคนยืนอยู่กลางห้อง ลักษณะเหมือนกับมนุษย์ที่มีชีวิต  ไม่ใช่ซอมบี้

คนๆ นั้นผมสีทองและสวมเสื้อคลุมสีดำไปหมด มันเป็นเสื้อผ้าที่สวยงามไม่เหมือนที่กอบลินหรือซอมบี้ใส่อยู่ และยังดูหรูหรา

[ โอ้ มาหาข้าเองถึงที่นี่เลยรึเนี่ย เจ้าพวกมนุษย์!! ]

ผู้ชายคนนั้นหัวเราะ

[ มองไปที่ตาเขาสิ!! นั่นมันไม่ใช่ดวงตาของมนุษย์!! ]

สโตรส่งเสียงออกมา

ดวงตาของผู้ชายคนนั้นส่องแสงสีแดงและยังมีเขี้ยวงอกจากปาก

[ แวมไพร์!! ]

นิมริตะโกน

แวมไพร์ต่างจากพวกซอมบี้ที่เจอมาในหอคอยนี้ลิบลับ เพราะมันเป็นปีศาจชั้นสูง ที่มีสมองและใช้เวทมนตร์ได้

[ ไม่จริงน่า นี่พวกสคิเกอร์คอยรับใช้แวมไพร์งั้นเหรอ… ]

เร็มเบอร์ส่งเสียงตกใจ

[ แสงแดด!! ]

[ ม่านเงาแห่งความมืด! ]

ชิโรเนะแล้วแวมไพร์ใช้เวทมนตร์ออกมาพร้อมกัน

แสงที่ปล่อยจากมือของชิโรเนะถูกขวางไว้ด้วยหมอกสีดำที่ปกคลุมร่างของแวมไพร์

[ ถ้ามันไม่ใช่แสงแดดของจริง ไม่มีทางจัดการข้าได้หรอก ]

แวมไพร์หัวเราะ

[ โห ก็ไม่เลวนี่นา ]

เสียงชิโรเนะดูมีความสุข

[ ฮุฮุ เจ้าเองก็เหมือนกัน… ดูเหมือนเจ้าหญิง ไม่สิน่าจะเป็นนักบวชชั้นสูงมากกว่า…. ข้าประทับใจในตัวเจ้ามาก ว่าไง! ไม่สนใจมาเป็นเจ้าสาวของเอลคีโทสผู้นี้หน่อยรึ? ]

แวมไพร์ชื่อเอลคีโทสพูดแล้วก็เลียที่ริมฝีปาก จากนั้นก็จ้องมาที่ชิโรเนะ

เจ้าสาวในความหมายของมันก็น่าจะหมายถึงแหล่งเลือดล่ะนะ

แน่นอน ผมไม่ปล่อยให้ทำแบบนั้นหรอก

[ โทษทีนะ แต่ฉันไม่สนใจคนที่อ่อนแอกว่าหรอก ]

ชิโรเนะหันดาบไปหาเอลคีโทส

[ ก็ได้ งั้นมาดวลกัน ถ้าข้าแข็งแกร่งกว่า เจ้าจะต้องมาเป็นเจ้าสาวของข้า ]

ปีกค้างคาวงอกออกมาจากหลังของเอคคิโตส

การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว

[ ช่วยรอก่อนครับท่านชิโรเนะ!! ]

นิมริจู่ๆ ก็พูดขึ้นมา

[ มีอะไรงั้นเหรอ? ]

เพราะมันเป็นการรบกวนการต่อสู้รึเปล่านะ? ชิโรเนะถึงได้ดูอารมณ์เสียเพราะนิมริ

[ มีบางอย่างที่ข้าอยากยืนยันก่อน… ]

นิมริพยักหน้าจากนั้นมองไปที่เอคคิโตส

[ เจ้าแก่นี่ดันมาขัดขวางเวลาของข้ากับเธอซะได้ ]

แวมไพร์ดูจะไม่พอใจ

[ ซอมบี้ที่โผล่มาพักนี้เป็นฝีมือของนายงั้นเหรอ? ]

นิมริถาม

เพราะสาเหตุที่เรามาที่หอคอยนี้ก็เพื่อตามหาสคิเกอร์ซึ่งเป็นตัวต้นเหตุของฝูงซอมบี้

แต่ถึงแม้จะไม่ใช่แค่สคิเกอร์เท่านั้นที่สร้างซอมบี้ได้ เพราะแวมไพร์ก็ทำได้เหมือนกัน ดังนั้นแวมไพร์ตัวนี้อาจจะเป็นคนร้ายของเรื่องคราวนี้ก็ได้

นิมริพยายามยืนยันเรื่องนั้น

[ อ่ะ จะว่าไปก็จริงด้วยสิ! ]

ชิโรเนะส่งคำชมไปให้นิมริ ดูท่าเธอจะรู้สึกตัวแล้วว่ามาทำอะไรที่นี่

นี่เธอมาที่นี่เพราะจะกวาดล้างปีศาจรึไง? ที่แล้วๆ มาเองก็เหมือนกัน 

[ ใช่แล้วครับ… ตอนนี้เรายังค่อยได้ข้อมูลอะไรเลย ]

มันอาจจะพูดลำบาก

แต่บางทีที่เร็มเบอร์พูดคงถูกแล้ว มันเหมือนแค่ชิโรเนะมาระบายอารมณ์

ถ้าผู้ชายคนไหนไปทำเธอโกรธ เธอจะฆ่ามันแบบนี้เลยใช่มั้ยเนี่ย?

[ ข้าไม่รู้หรอกนะว่าหมายถึงเรื่องอะไร แต่ข้าไม่ได้สร้างซอมบี้อะไรเลย เพราะเพิ่งตื่นเมื่อสามวันก่อนเอง ]

เอลคีโทสพูดออกมา

ผมไม่คิดว่าเขาโกหก งั้นคนร้ายก็ไม่ใช่เขา

แต่สามวันก่อน… นั่นมันวันที่ผมมาที่หอคอยนี้ไม่ใช่เหรอ

[ หลับอยู่จนกระทั่งสามวันก่อน? งั้นตอนที่ฉันมาที่หอคอยคราวก่อน นายเองก็หลับอยู่เหมือนกันงั้นเหรอ? ]

[ ฮึ ที่จริงแล้วข้าถูกผนึกไว้ พวกมันคงเกรงกลัวพลังของข้านั้นแหละ ]

เอลคีโทสตอบอย่างมีความสุข

เพราะคำตอบมันต่างจากที่นิมริและชิโรเนะต้องการ พวกเขาเลยดูผิดหวังนิดหน่อย

[ แล้วทำไมนายถึงได้ตื่นขึ้นล่ะ? ]

[ เมื่อสามวันก่อน ถึงข้าจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ก็มีชายที่มีพลังเวทความมืดอันทรงพลังมาที่หอคอยนี้ พลังเวทของเขาทำให้ข้าหลุดออกจากผนึกได้ เขาคงเป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังแน่ๆ ]

คำพูดของเอลคีโทสทำให้ผมชะงักไป

แปลกจังแฮะ ตอนที่ผมมาที่นี่เมื่อสามวันเมื่อสามวันก่อนก็ไม่เห็นว่าจะรู้สึกถึงพลังอะไรเลยนี่นา

จากนั้นต่อมาผมก็กางบาเรียเวทมนตร์ไว้ให้ครอบคลุมทั้งหอคอย ซึ่งจะมีแต่ผู้มีพลังเวทเท่านั้นที่จะรู้สึกได้

แต่มันก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรขนาดนั้นหรอกนะ

[ แล้วคนๆ นั้น… ยังอยู่ที่หอคอยนี้มั้ย? ]

ชิโรเนะรอฟังอย่างตื่นเต้น บางทีเธอคงอยากสู้ด้วยล่ะมั้ง

แต่เอลคีโทสส่ายหัว

[ไม่อยู่แแล้ว ชายคนนั้นขี่สิ่งนั้นมาจากนั้นก็ทิ้งมันไว้ แล้วไปที่ไหนสักแห่ง ]

[ เดี๋ยวนะ สิ่งหนึ่งที่ชายคนนั้นทิ้งเอาไว้มันคืออะไรกันแน่? ]

[ มังกรนะสิ!! ไม่รู้หรอกนะว่ามันมาจากไหน ]

[ ว่าไงนะ!! ]

เสียงของทุกคนดังขึ้น

[ มังกรงั้นเหรอ… ]
[ แถมยังบอกว่าเขาคนนั้นขี่มาด้วย ]

[ เราจัดการมังกรไม่ได้หรอก… ]

ทุกคนตกใจมากที่มีมังกรอยู่ในหอคอยนี้

ผมเองก็ตกใจเหมือนกันแต่ด้วยสาเหตุอื่น

สาเหตุนั้นก็คือ ผมทำให้แวมไพร์ตัวนี้ตื่นขึ้นมานี่ล่ะ

[ มังกรงั้นเหรอ… ดูเหมือนโลกนี้จะมีมังกรอยู่เยอะเลยสินะ ชักน่าสนุกนิดหน่อยแล้วสิ ]

ชิโรเนะพูดอย่างมีความสุข

[ ขอโทษด้วย แต่ถ้าเจ้าอยากรู้เรื่องเพิ่มเติมก็ไปถามจากคนๆ หลังจากที่จัดการข้าได้แล้วกัน ]

เอลคีโทสตั้งท่า

จากนั้นชิโรเนะก็ดึงดาบออกมาเหมือนกัน

[ เจอนี่หน่อยเป็นยังไง ดวงตาแห่งปีศาจ! ]

ดวงตาขอเอลคีโทสสว่างด้วยแสงสีแดง

[ อ๊ากก!! ]

[ บุ๊! ]

[ อุจี๊! ]

ทุกคนยกเว้นผมกับชิโรเนะที่โดนแสงจากตานั้นเข้าไป ลมลงไปแล้ว

นี่คงเพราะความต้านทานเวทมนตร์สินะ

[ สบายใจได้ ข้าไม่ฆ่าพวกแกหรอก เพราะพวกแกจะเป็นอาหารของข้าและได้เฝ้าดูข้ากับเธอ*** กัน ]

เอลคีโทสหัวเราะออกมาสุดเสียง

พวกกาลิอุสทรุดลงกับพื้นด้วยเสียงครวญคราง

ผมเองก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะเวทรักษาของผมใช้ไม่ได้กับคนอื่น

แม้ว่าชิโรเนะพอจะใช้เวทรักษาได้บ้าง แต่ดูเธอยังไม่อยากช่วยพวกกาลิอุสตอนนี้

[ แค่นี้ก็เหลือเพียงแค่ข้ากับเจ้าแล้ว… แค่เราสองต่อสอง ]

เอลคีโทสยืนแล้วมองมาทางนี้ ดูเหมือนมันจะพึ่งสังเกตว่าผมเองก็ไม่ได้ล้มลงไปด้วย

[ นี่แก!! ]

ผมคิดว่าสถานการณ์มันคงจะแย่ลง ผมเลยแกล้งทำเป็นล้มลงไปด้วย

[ ดูเหมือนมันจะแค่ต่อต้านเวทมนตร์ข้าได้นิดหน่อยสินะ เอาล่ะ มาสนุกกับช่วงเวลาสองต่อสองของเราดีกว่า? ]

ทันทีที่เห็นผมล้มลงไป เขาก็หลงเชื่อสนิทใจ

บางทีมันอาจจะไม่ได้สนใจตัวผมเลยก็ได้

[ งั้นก็อย่าทำให้ฉันผิดหวังที่อุตส่าห์รอแล้วกัน!! ]

เพราะไม่มีใครเห็นผมเลย

ผมเลยพยายามแอบไปดูแลคนที่อยู่ข้างหลัง

ทั้งสองคนนั้นหันหน้าต่อสู้กัน

ดูเหมือนพวกเขาจะไม่สังเกตเห็นเรื่องอื่นเลยนอกจากการต่อสู้ตรงหน้า

นี่เป็นโอกาสล่ะ ผมใช้ช่วงจังหวะนี้ไปหาพวกกาลิอุส

ถ้าแอบไปที่ข้างหลังกาลิอุสได้ก็ไม่น่าจะถูกเห็นแล้ว

นอกจากนี้ดูเหมือนจะไม่จำเป็นที่ต้องไปช่วยชิโรเนะด้วย

ผมใช้จังหวะที่พวกเขาต่อสู้กันคืบคลานไปทีละนิดเพื่อไม่ให้โดนเห็นเข้า

การเคลื่อนไหวแบบนี้มันดูเหมือนแมลงสาบเลยแฮะ

 

◆ สาวบริสุทธิ์แห่งดาบ ชิโรเนะ

แวมไพร์ตรงหน้าฉัน

มันแข็งแกร่งกว่าสคิเกอร์ที่เคยอยู่ที่หอคอยนี้ซะอีก

แต่ฉันไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองจะแพ้

แน่นอน ที่ฉันทำมันผิด

ความจริงฉันควรจะเรียกเรย์จิมาดีกว่า เพราะแวมไพร์ตัวนี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง

แต่ฉันไม่เรียกเขามาหรอก แน่นอนว่าจะโดนคุณจิยูกิโกรธทีหลังแน่

เพราะเดิมทีที่ฉันมาที่นี่ก็เพราะอยากระบายความเครียดที่พ่ายให้ไดร์ฮาร์ดอยู่แล้ว

ฉันหันดาบเข้าหา

คริสตัลสีฟ้าของตัวดาบส่องแสงจางๆ ออกมา

ดาบประกายปีกสีฟ้า

นี่เป็นดาบที่ฉันชื่นชอบ โดนด้ามดาบถูกตกแต่งด้วยปีก

[ เจอนี้ไปซะ คลื่นเสียงอัลต้ราโซนิค!! ]

เอลคีโทสใช้เวทมนตร์ออกมา

[ กำแพงลม!! ]

ฉันใช้เวทป้องกันอย่างรวดเร็ว

เอลคีโทสใช้คลื่นแสงออกมา แต่ก็ถูกฉันป้องกันไว้ได้ด้วยเวทกำแพงลม

[ โห ใช้ได้นี่ ]

ใบหน้าของเอลคีโทสไม่เปลี่ยนแปลงถึงเวทมนตร์ของมันจะถูกป้องกันไว้ได้

แค่นี้ไม่พอจะจัดการฉันได้หรอก

[ ใบดาบเพลิง!! ]

ฉันฟันเอลคีโทสด้วยดาบที่ห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิง

[ ใบมีด!! ]

เมื่อเอลคีโทสร่ายคาถาจบ ก็มีใบมีดโผล่มาจากหลังปีกของเขา

[ มันค่อนข้างเร็วเลยล่ะนะ… อะไรกัน!! ]

สีหน้าของเอลคีโทสเปลี่ยนไป

ฉันจับดาบแล้วฟันไปที่ปีกของมัน

คิดว่าแค่นี้ก็น่าจะหยุดใบมีดพวกนั้นได้แล้ว?

[ อะไรกัน!! ]

ฉันฟันร่างและปีกแต่ละข้างของเอลคีโทส

[ อุ๊ก!! ]

เอลคีโทสส่งเสียงพึมพำออกมา จากนั้นก็ถอยไปข้างหลัง

ปีกและร่างกายที่ถูกตัดของมันเริ่มฟื้นฟูตัวเอง

บาดแผลขนาดนั้น ถ้าเป็นมนุษย์คงจะตายทันทีเลยแน่ๆ แต่เพราะเขาเป็นแวมไพร์มันคงไม่ง่ายนัก

ดูเหมือนจะสร้างความเสียหายได้อยู่ แต่ก็ยังยากที่จะทำความเสียหายได้เท่าแสงแดด

[ แก–!! เจ้ามนุษย์ชั้นต่ำ!! กล้าดียังไง!! ]

หน้าของเอลคีโทสโกรธมาก

[ กล้ามาทำให้ข้าผู้นี้ต้องบาดเจ็บ ]

ท่าทางเหมือนสุภาพบุรุษของเขาหายไปแล้ว

[ หยุดเล่นกันได้แล้ว!! ข้าจะฆ่าแกซะ!! ]

เอลคีโทสชักดาบที่เหมือนเคียวออกมาจากข้างหลัง

เคียวนั้นส่องแสงสีแดงออกมา

[ จงเตรียมตัวตายซะ เจ้ามนุษย์สกปรกชั้นต่ำ–!! ]

เอลคีโทสถือดาบไว้ถือหัว

[ คลื่นเพิ่มความเร็ว!! ]

เอลคีโทสกำลังเพิ่มความเร็วขึ้นจากเริ่ม

[ ฮึ่ม! ! ]

เอลคีโทสรุกเข้ามาด้วยความเร็วสูงและใช้เคียวฟันหลายต่อหลายครั้ง

[ รับไปซะ!! ]

ฉันหมุนตัวขณะที่ตระโกน จากนั้นก็ฟันใส่โดยใส่ด้วยพลังทั้งหมด

[ เวรเอ๊ย! ]

ขณะที่แอลคีโทสกำลังล้มลงและมองไปที่เท้าของตัวเองนั้นอง

ฉันเองก็กระโดดและย้ายไปอยู่ข้างหลังเอลคีโทส

[ อะไรกัน!! ]

เอลคีโทสสับสนและถูกหลอกแล้ว

โดยไม่รู้ว่าฉันมาอยู่ข้างหลังแล้ว เขาพยายามหันหลังกลับมา แต่มันสายเกินไปแล้ว

[ เจอนี่ซะ!! ]

ฉันฟันใส่แขนขวาของเอลคีโทส

[ งี่เง่า!! มนุษย์จะเคลื่อนไหวได้เร็วแบบนั้นได้ยังไงกัน!! ]

เอลคีโทสร้องออกมาขณะที่แขนถูกตัด

ถึงจะโกรธไปฉันก็ไม่รู้หรอกนะ

[ หยิบดาบแล้วมาสู้กันต่อสิ ]

ฉันบอกให้เขาก้มลงไปหยิบดาบขึ้นมา

เอลคีโทสก้มลงอย่างช้าๆ และหยิบดาบขึ้นมา

[ ดูเหมือนว่า… เธอจะไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาสินะ ]

เอลคีโทสพูดจบ จากนั้นเขาก็มองไปทางเร็มเบอร์

[ เอ็กโพชั่น (ระเบิดกัมปนาท) ]

จู่ๆ เอลคีโทสก็ใช้เวทใส่เร็มเบอร์

[ เล่นสกปรกนี่! ]

เพราะฉันคิดว่าไปช่วยเขาไม่ทันแน่ จึงได้ใช้เวทมนตร์ปกป้องแทน

[ กำแพงน้ำ!! ]

จากนั้นกำแพงน้ำก็ปรากฏขึ้นป้องกันเวทระเบิดได้ทัน

น้ำระเหยจากแรงระเบิดทำให้เกิดไขน้ำฟุ้งไปทั่ว

[ เฮ้!! ไม่ใช่ว่าเรากำลังสู้กันอยู่รึไง!! ]

ฉันท้วงเอลคีโทส

แต่ไม่มีคำตอบกลับมา

ไม่นานไอน้ำก็หายไป เอลคีโทสเองก็หายไปด้วย

และมีรูขนาดใหญ่อยู่บนกำแพง

เพราะรูนั้นทำให้มองเห็นข้างนอกของหอคอยและท้องฟ้าข้างนอก

[ อาーーー!! หนีไปซะแล้ว ーーー!!! ]

ฉันตระโกนออกไป

[ ดูเหมือนจะหนีไปแล้วสินะ! ]

ฉันตั้งสมาธิไปที่หลังของตัวเอง

[ ปีกนางฟ้าเซราฟิม!! ]

ทันใดนั้นก็มีปีกงอกออกมาจากหลังฉัน

เพราะฉันใช้เวทมนตร์บินไม่ได้เหมือนเรย์จิคุงหรือคุณจิยูกิ แต่ฉันก็มีมีปีกนางฟ้ามาทดแทน

ที่จริงชุดเกราะของฉันเองก็ปิดเอาไว้เฉพาะส่วนตัวกับเอวเท่านั้น ที่ส่วนหลังไม่มีเกราะอยู่ก็เพราะสามารถทำให้ปีกงอกได้ตลอดเวลา

ปีกนี้ฉันภูมิใจนำเสนอมากเลยล่ะ ตอนที่ฉันเอาปีกนี้ออกมา ดูคุณจิยูกิกับคุณริโนะจะอิจฉากันมากเลยล่ะนะ

ฉันกระพือปีกและออกมาจากรูที่หอคอย

ซึ่งปีกนี้เคลื่อนที่ได้เร็วกว่าระยะตรวจจับของนาโอะจังซะอีก

[ อย่าคิดว่าจะหนีพ้นนะ!! ]

ฉันบินด้วยความเร็วเต็มที่

จนกระทั่งตามเอลคีโทสที่กำลังบินหนีด้วยปีกค้างคาวทัน

ฉันมาหยุดอยู่ตรงหน้าเอลคีโทส ซึ่งเขาดูตกใจมาก

[ ปีกนั่นมันอะไรกัน?! นี่เธอเป็นเผ่านางฟ้าเรอะ!? เพราะอย่างนั้นถึงได้แข็งแกร่งนัก ]

[ ฉันไม่ใช่เผ่านางฟ้าหรอกนะ ก็แค่… ]

จะปฏิเสธก็ยุ่งยากด้วยสิ

นี่มีแต่เผ่านางฟ้าที่มีปีกรึไงกันนะ? จะว่าไปก็เคยทะเลาะกับคุณเนียร์เรื่องนี้ด้วยสิ

น่า ตอนนี้มันไม่สำคัญหรอก

[ เตรียมตัวเตรียมใจซะเอลคีโทส! ดาบแสงอาทิตย์!! ]

ตัวดาบส่องแสงเพราะพลังเวทจากเวทแสงแดด

จริงๆ ถ้าฉันใช้วิธีนี้ตั้งแต่แรกฉันก็ชนะได้ง่ายๆ แล้ว แต่เลือกที่จะไม่ใช้เท่านั้นเอง

[ ถ้าเวทแสงแดดเฉยๆ ถูกม่านความมืดป้องกันได้ งั้นก็รับไปตรงๆ เลยก็แล้วกัน ]

ฉันฟันดาบใส่เอลคีโทส

[ รอเดี๋ยว! ]

เอลคีโทสพยายามห้าม

แน่นอน ฉันไม่ฟังหรอกน่า

[ หลับให้สบายซะเถอะ!! ]

[ อ๊ากกกก!! ]

ดาบของฉันฟันลงไปในร่างของเอลคีโทสจากนั้นเขาก็กลายเป็นขี้เถ้าและหายไป ดูเหมือนจะจัดการได้แล้ว

[ อะไรกัน… นี่เจ้า… ]

คำพูดสุดท้ายของเอลคีโทสขาดช่วงไป

[ มันก็ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไหร่ล่ะนะ สงสัยจังว่านางฟ้าจะเก่งกว่าหมอนี่มั้ย? ]

น่า ยังไงก็จัดการมันได้แล้ว ยังไงก็ไม่มีใครเทียบเรย์จิคุงได้อยู่แล้วล่ะ

จากนั้นฉันก็บินกลับไปที่หอคอย

ดูเหมือนทันทีที่ฉันกลับไปทุกคนที่ถูกเอลคีโทสทำให้ล้มไปจะฟื้นกันหมดแล้ว

[ ปีก… ]

[ งั้น… ท่านชิโรเนะก็เป็นเผ่านางฟ้า? ]

[ สวยงามอะไรอย่างนี้ ]

ทหารรับจ้างที่อยู่ข้างหลังเร็มเบอร์รู้สึกตกใจที่เห็นปีกของฉัน

ทุกคนต่างจับจ้องไปที่ปีก น่า ถ้าชมก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรหรอกนะ

ปีกนางฟ้านี้มันค่อนข้างเทอะทะน่ารำคาญเวลาอยู่ในต่อสู้ในห้องนะ ฉันถึงได้ไม่ใช้มันตอนที่ต่อสู้กับไดร์ฮาร์ด

[ ทุกคนดูเหมือนจะปลอดภัยสินะ งั้นไปกันต่อเถอะ ]

จากนั้นเราก็ขึ้นบันไดไปยังพื้นที่ที่สคิเกอร์เคยอาศัยอยู่มาก่อน

ตรงนี้เป็นส่วนกลางวงกลมกลวงๆ และหากมองขึ้นไปก็มองเห็นท้องฟ้าได้เลย

[ ดูหเหมือนจะไม่มีอะไร… ]

เรนเจอร์ สโตรรายงานกลับมา

ฉันเองก็ไม่รู้สึกถึงร่องรอยอะไรผิดปกติเหมือนกัน

[ ท่านชิโรเนะไม่คิดว่าแวมไพร์นั้นจะพูดโกหกรึครับ? ]

เร็มเบอร์พูดออกมา

[ น่า ฉันไม่คิดว่าเจ้านั้นจะโกหกหรอก แต่ว่า… ]

ฉันไม่คิดว่าเอลคีโทสจะพูดโกหก

เพียงแต่ยังไม่แน่ว่าจะไม่มีปีศาจอื่นอยู่ที่หอคอยนี้ 

[ เจอร่องรอยบางอย่าง แต่คิดว่าตอนนี้มันไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วครับ ]

บางคนพยักหน้าให้กับคำพูดของสโตร

บางทีมันอาจจะซ่อนตัวอยู่

[ ถ้านาโอะจังมาด้วยน่าจะหาข้อมูลได้เยอะกว่านี้นะ… ]

เพราะมีแค่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้มากหรอก

[ ท่านชิโรเนะ อยู่ที่นี่เราก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่ม กลับไปที่อาณาจักรร็อกกันดีมั้ยครับ ]

เร็มเบอร์บอก แน่นอน ฉันเองก็คิดว่าอยู่ต่อไปก็ไม่ได้อะไรเพิ่มเหมือนกัน

[ ช่วยไม่ได้นะ… ]

ฉันพึมพำ จากนั้นเราก็เดินทางกลับไปยังอาณาจักรร็อก

◆ อัศวินดำคุโรกิ

[ ขอโทษด้วยนะโกเรียส ]

ตอนนี้โกเรียสอยู่ในป่าใกล้ๆ กับหอคอย

โกเรียสยื่นจมูกมาให้ผม

[ ขอโทษที่ทำให้แกลำบากนะ… ]

ผมลูบจมูกของโกเรียส โกเรียสร้องออกมาอย่างมีความสุข

[ ถึงอย่างนั้นก็ยอดไปเลยนะ ]

ผมมองไปที่สร้อยคออยู่ข้างๆ โกเรียส

มันทำให้ต้นไม้โตและหนาทึบขึ้น ไม่เพียงแค่นั้นยังใช้ซ่อนตัวโกเรียสที่ตัวใหญ่ขนาดนั้นได้ด้วย

ต้องขอบคุณสร้อยคอนี้จริงๆ ที่ช่วยปกป้องโกเรียสเอาไว้

สร้อยคอนี้น่าจะเป็นของเรน่าซึ่งมีความสามารถขัดขวางไม่ให้ตรวจจับพลังได้

ด้วยสิ่งนี้จะทำให้ไม่มีใครสังเกตเลยแม้ว่าคนๆ นั้นจะแข็งแกร่งแค่ไหน

[ ถ้าเอาไปใช้ผิดวิธีมันคงจะใช้เป็นอาวุธได้ด้วยแน่ๆ ]

ข้อเสียของสร้อยคอนี้คือทำให้ผู้ใช้ตรวจจับอะไรไม่ได้ด้วย

เป็นไปได้ว่ามันจะทำให้ผมตรวจสอบอะไรไม่ได้หากใช้ผิดวิธี

ว่าแต่ทำไมเรน่าต้องใส่สร้อยคอนี้มาด้วยล่ะ?

น่าสงสัยจริงๆ คงต้องตรวจสอบหน่อยแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 25"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์