อัศวินดำ - ตอนที่ 30
◆ ราชาปีศาจโมเดส
[ ไม่จริง นี่เทพแห่งความตายซัลคิซิสยังมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ… ]
เมื่อลอร์ดไดร์ฮาร์ดกลับมาที่นากอล ข้าก็ได้ยินเรื่องของซัลคิซิสจากเขา
ซัลคิซิสคือชายที่ของลูกน้องของแม่ข้า
แม่ของข้าครั้งนึงเคยพยายามจะทำลายโลกใบนี้จึงถูกเรียกว่าผู้ทำลายล้างพระเจ้าหรือราชาปีศาจแห่งการทำลายล้าง
แต่ตัวข้าไม่อยากทำลายโลกใบนี้จึงแปรพักต์ไปอยู่ฝ่ายโอดิน ซึ่งเป็นราชาเทพของฝ่ายศัตรู
แม่ของข้าถูกล้มลงได้ด้วยฝีมือของโอดินและลูกชายของตัวเองซึ่งก็คือข้า หลังจากนั้นดินแดนแห่งนี้จึงกลายเป็นดินแดนต้องสาปและถูกปกปิดไว้ในความมืดมิด ดินแดนต้องสาปนั้นมีชื่อว่านากอล
เขาควรจะตายไปแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าจะยังไงมีชีวิตอยู่
[ เจ้านั้นวางแผนคิดจะทำอะไรกันแน่… ]
เขาเป็นลูกน้องของแม่ข้า ผู้นำภัยพิบัติมาสู่โลกใบนี้
[ แต่ฝ่าบาท พลังของซัลคิซิสไม่ได้ผลกับฝ่าบาทอยู่แล้ว ควรจะกลัวด้วยรึครับ? ]
ข้าพยักหน้าให้ลูคัส
ซัลคิซิสมีความสามารถที่ทำให้พลังของผู้ที่เข้ามาในเขตแดนของเขาถูกริดรอนพลังไป
ด้วยสิ่งนั้นทำให้มีเทพมากมายตกเป็นเหยื่อของซัลคิซิส
ยกเว้นเฉพาะผู้ที่ได้รับการยอมรับจากซัลคิซิสหรือบรรดาผู้ที่ได้รับพลังจากดินแดนนากอลของแม่ข้า ซึ่งพลังนี้เองก็ไม่ได้ผลกับแม่ของข้าเหมือนกัน เพราะข้าเป็นลูกพลังของเขาก็ไม่ได้ผลกับข้าที่มีพลังของนากอลเหมือนกัน
ซัลคิซิสยังเป็นลูกน้องของแม่ข้าที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด แต่สำหรับข้า พวกเขาก็ถือว่าไม่มีภัยคุกคามอะไร
[ งั้นแล้วตอนนี้ลอร์ดไดร์ฮาร์ดทำอะไรอยู่รึ? ]
เขากลับมาที่ปราสาทในสภาพปางตาย แต่ยังไงก็ดูเหมือนจะนำเขากลับมาได้
ข้าไม่รู้ว่าทำไมผู้กล้าถึงอยู่ที่นั้นได้ เขาต่อสู้กับผู้กล้าและพ่ายแพ้ เพราะแท้จริงแล้วลอร์ดไดร์ฮาร์ดไม่ได้อยากเป็นศัตรูกับผู้กล้าและพรรคพวกของเขา
นี่ล่ะปัญหา ข้าคงต้องคิดหามาตรการมารับมือ เพราะหากสูญเสียเขาพวกเราก็จบสิ้น
ลอร์ดไดร์ฮาร์ดต้องการเพื่อนที่เชื่อใจได้ เพราะพลังของเขาทำให้การหาเพื่อในนากอลนั้นเป็นเรื่องยากแม้กระทั่งลอร์ดรันฟิวก็ไม่ได้ จะว่าไปลอร์ดริวฟิวถึงเขาอยู่ตัวคนเดียวเขาก็ไม่สนใจอยู่แล้ว ดังนั้นข้าจำเป็นต้องดำเนินการทันทีเพื่อเพิ่มพลังรบของนากอล
[ จัดเตรียมการเตรียมเทพธิดาให้ท่านลอร์ดไดร์ฮาร์ดทันที! ]
[ ครับ !! ]
แต่ร่างกายโดนมาซะหนักขนาดนั้น พักแค่วันเดียวจะพอเหรอ?
[ ครับ ข้าในฐานะรัฐมนตรีจะดำเนินการให้เร็วที่สุด… ]
[ ดีมาก ]
ตอนนี้จะพูดว่าเขาไม่เป็นไรก็ไม่ถูกซะทีเดียว อย่างน้อยก็อยากมอบเพื่อนให้เขาสักคน
หากจิตใจและพลังเวทไม่สัมพันธ์กัน เวทมนตร์ก็จะไม่บังเกิด แต่อย่างลอร์ดไดร์ฮาร์ดคงไม่เป็นไร
[ เอาล่ะ จากนี้ก็โล่งใจไปได้นิดหน่อย ]
ข้าพึมพำนิดหน่อย
◆ นักปราชญ์ผมดำ จิยูกิ
[ นี่ คุณจิยูกิ ฉันควรทำยังไงดี? ]
ชิโรเนะพูดขณะที่เดินไปทั่วห้อง
[ ใจเย็นหน่อยสิคุณชิโรเนะ เดินไปรอบห้องก็แก้ปัญหาอะไรไม่ได้หรอกนะ ]
หลังจากที่พวกเรากลับมายังห้องในอาณาจักรร็อก ชิโรเนะก็เดินไปทั่วห้องไม่อยู่กับที่สักทีแบบนี้
[ แต่ทำไมคุโรกิถึงมาอยู่ที่โลกนี้… ฉันไม่เข้าใจอะไรแล้ว ]
ชิโรเนะกุมหัว
ฉันเองก็เหมือนกัน พูดตามตรง ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
น่าเป็นห่วงเรื่องที่ตัวจริงของไดร์ฮาร์ดก็คือเพื่อนสมัยเด็กของชิโรเนะ
ในตอนนั้นเราเกือบจะฆ่าเขาไปแล้ว
ในตอนนั้นทุกคนต่างสับสนไปหมดมีเพียงเรย์จิ
เพราะคำพูดของชิโรเนะทำให้ฉันสับสนจนขยับไม่ได้และมีเพียงเรย์จิที่เคลื่อนไหวได้และพยายามจะปล่อยเวทเทพแห่งการชำระล้างใส่เขา
ถึงจะเป็นเพื่อนสมัยเด็กของชิโรเนะเขาก็ไม่สนใจเลยสินะ
ดูเหมือนเรย์จิจะตัดสินไปว่าเจ้านั้นปลอมเป็นเพื่อนสมัยเด็กของชิโรเนะเพื่อหลอกเธอ
แต่ว่าทางริโนะก็มีดวงตาที่จับได้หากมีอะไรผิดปกติและเธอยังยืนยันเองว่านั่นคือเืพ่อนสมัยเด็กของชิโรเนะดังนั้นจึงไม่มีข้อสงสัย
แล้วเดิมที เขาจะหาเรื่องข้อมูลลักษณะหน้าตาของเพื่อนสมัยเด็กมาได้ยังไง?
ถ้าเปลี่ยนเขาให้เป็นสาวสวยแทนเรย์จิอาจจะไม่โจมตีก็ได้
ดังนั้นเลยคิดว่าเขาน่าจะเป็นเพื่อนสมัยเด็กของชิโรเนะจริงๆ
ความเป็นไปได้ที่ปีศาจตัดไปได้เลย เรย์จิยังสงสัยอยู่ว่าเขาจะเป็นตัวปลอม แต่ถึงเรย์จิจะรู้ว่าเขาเป็นตัวจริงก็ยังจะโจมตีใส่เลยล่ะมั้ง? ฉันเองก็อยากไปถามตรงๆ หรอกนะ แต่ช่างมันก่อน ช่วยไม่ได้
งั้นถ้าเขาเป็นเพื่อนสมัยเด็กของชิโรเนะตัวจริงเสียงจริง แล้วเขามาอยู่ที่โลกนี้ได้ยังไง?
[ มีคนถูกอัญเชิญไปอยู่ฝ่ายราชาปีศาจ… ]
ฉันพึมพำ
ความจริงมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
[ งั้นเขาก็คือโจ๊กเกอร์ ]
ฉันพยักหน้าให้คำพูดของชิโรเนะ
[ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะถูกอัญเชิญมาด้วยเวทมนตร์บางอย่าง ]
ถ้าด้วยวิธีนี้ก็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะกลายเป็นอัศวินดำ
[ เรื่องพรรค์นั้น… ]
ใบหน้าของชิโรเนะเปลี่ยนเป็นสีซีด
ฉันประหลาดใจที่ชิโรเนะสีหน้าซีดได้ขนาดนั้น เพราะสำหรับชิโรเนะถึงจะไม่มีความรู้สึกพิเศษอะไรให้แต่เขาก็ยังเป็นคนที่รู้จักกันตั้งแต่เด็กๆ ดังนั้นเมื่อรู้ความจริงว่าตัวจริงของไดร์ฮาร์ดคือเขา ท่าทางของเธอจึงแปลกไปถนัดตา
น่าจะใจเย็นให้มากกว่านี้หน่อยนะ
[ น่า คุณชิโรเนะ จะห่วงเรื่องนั้นไปตอนนี้ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ดังนั้นคิดอย่างใจเย็นวิธีที่จะทำให้เขากลับมาเป็นเหมือนเดิมดีกว่า ]
ฉันเอามือไปวางบนไหล่ของชิโรเนะ
[ ค่ะ… ]
ชิโรเนะพยักหน้า แต่ก็ยังรู้สึกกระวนกระวายใจ
มาคิดถึงเรื่องในอนาคตดีกว่า
ในแง่นี้เขาก็คือตัวประกัน ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะโจมตีนากอลตรงๆ
ถึงตัวประกันชายจะไม่มีค่าอะไรในสายตาเรย์จิ แต่ถ้าเรย์จิไปโจมตีนากอลแบบสิ้นคิด พวกนั้นอาจจะฆ่าเขาก็ได้
และยังมีปัญหาอื่นอีก ถ้าในกรณีที่เขามาโจมตีทางเราเอง ในกรณีนั้นฉันเองก็คงช่วยอะไรไม่ได้
ชิโรเนะมีความผูกพันธ์กับเพื่อนสมัยเด็กคนนั้นมากกว่าความสัมพันธ์กับเรย์จิซะอีก จึงไม่ใช่คนที่จะตัดความสัมพันธ์ทิ้งไปได้
ถึงจากที่ชิโรเนะบอกมาคือเขาอ่อนแอมาก แต่นั้นมันห่างไกลจากคำว่าอ่อนแอเลยนะ
เพราะเขาสามารถสู้กับเราทุกคนได้และยังมีพลังเวทมหาศาล การที่จะทำให้เขากลับมามีสตินั้นคงจะยากมาก
ดังนั้นควรคิดถึงแผนการไว้
จะว่าไปแล้วจะมีเรื่องคนจากโลกเราถูกอัญเชิญมาโลกนี้เยอะไปรึเปล่า?
คิดดูแล้วเรื่องชายสวมหน้ากากที่ห้องใต้ดิน ถ้าเราร่วมมือกับเขาก็น่าจะจัดการเจ้าหมอนั้นได้สบายเลยล่ะ แต่เขากลับเอาแต่ซ่อนตัว นั่นน่าจะมีเหตุผลอะไรสักอย่าง
ยังมีเรื่องลึกลับที่เราไม่รู้อีกมาก
[ มีเรื่องต้องตรวจสอบอีกหลายเรื่องเลยนะ… ]
ทางฉันเองก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อ เพราะไม่ใช่แค่ชิโรเนะที่มึนงงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
ตรงหน้าฉัน ชิโรเนะก็ยังคงเดินไปมาทำตัวกระสับกระส่ายอยู่
ฉันได้แต่ถอนหายใจ
◆ เทพธิดาแห่งปัญญาและชัยชนะ
[ ท่านเรน่าดูเหมือนอัศวินดำจะได้เขาราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วค่ะ ]
เนียร์รายงานฉัน
[ เขาถูกเอาไปแล้ว… ]
ฉันถอนหายใจ
ตั้งแต่ค่ำคืนนั้นแห่งความผิดพลาดนั้นฉันก็เอาแต่ร้องไห้อยู่ในห้องของตัวเองที่เอลีอัส
ยาเสน่ห์นี้ไม่สามารถลบล้างด้วยผลจากภายนอกได้ นอกเสียจากการต้านทานเวทมนตร์ของร่างกายเท่านั้น
โชคดีที่แค่เพียงชั่วข้ามคืนผลของยาเสน่ห์ก็หายไปแล้วต้องขอบคุณความต้านทานเวทมนตร์มหาศาลของตัวฉัน
ดังนั้นในหัวฉันไม่ได้คิดเลยสักนิดว่า จะเอาปลอกคอสวมให้เขาแล้วพาไปเดินเล่นเอ่ย จะไปทานอาหารกันสองต่อสองเอ่ย หรือจะร่วมมือกับเขา ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นในหัวเลย แน่นอน ไม่ได้คิดอยู่จริงๆ นะ
ก็ได้ๆ ในหัวฉันมีแต่เรื่องของเขา ถ้าตอนนี้ฉันมีสร้อยอยู่กับตัวล่ะก็นะ แต่มันก็คงอยู่กับเขาแน่ๆ
และยังผิดพลาดที่ถูกเอาเขาราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ไปได้อีก
เพราะจู่ๆ ฉันก็กลับไปที่เอลีอัส วาลคิเรียที่เห็นท่าทางผิดปกติจึงกลับมาด้วย เป็นผลให้เขาราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ถูกเอาไปได้
แบบนี้เขาก็จะสร้างเทพธิดาจากผมของฉันนะสิ
ไม่ไหวเลยนะ ทำไมถึงต้องเทพธิดาตัวปลอมด้วยล่ะ? ทั้งที่ตัวจริงก็อยู่ตรงนี้แล้วแท้ๆ
[ มีฉันอยู่ทั้งคน ยังไปมองเทพธิดาตัวปลอมอีกนะ!! ]
ฉันพูดออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
ทำให้เนียร์มีใบหน้าประหลาดใจ
[ เอ่อ… ท่านเรน่า…]
[ ไม่มีอะไร ขอบคุณสำหรับรายงาน ไปทำงานต่อแล้วได้เนียร์ ]
เมื่อฉันพูดอย่างนั้น เนียร์ก็ออกจากห้องไป
เหลือแต่เพียงฉันในห้อง
ฉันรู้สึกกระสับกระส่ายและหัวใจก็เต้นแรง นี่ยังดีที่ใบหน้าของฉันพวกวาลคีเรียไม่ได้สังเกต
แน่นอน ฉันรู้สาเหตุดี เพราะฉันจินตนาการถึงในตอนนั้น
[ ฉันไม่ยอมให้มันจบลงแบบนี้หรอก เตรียมตัวเตรียมใจซะเถอะคุโรกิ! ]
ฉันประกาศคำพูดนั้นออกมาพร้อมกับมองไปทางนากอล
◆ อัศวินดำคุโรกิ
เด็กสาวตรงหน้าผม
เด็กสาวที่มีทรงผมสลวย
เธอคือเทพธิดาคนใหม่ที่ถูกสร้างจากเขาของราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นวัตถุดิบสุด้าย
แม้เพียงเกิดมาเท่านั้น เธอเป็นเทพธิดาที่งดงามมากเหมือนเรน่า มีเส้นเผมที่สวยและมีสีเหมือนราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นหนึ่งในวัตถุดิบ
ดูจะตัวเล็กกว่าเรน่ากับโมน่าแต่ขนาดหน้าอกก็เหมือนกัน
[ สำเร็จ!! ]
ผมเผลอโพสท่าออกไปโดยไม่รู้ตัว ทำให้ร่างกายที่มีแผลเจ็บขึ้นมา
[ เจ็บๆ … ]
ผมพยายามเคลื่อนไหวตัวเบาๆ แม้ว่าแผลจะรักษาหายแล้ว แต่ก็ยังยากที่จะขยับร่างกาย
แต่เรื่องนั้นผมอยากให้มันเป็นความลับที่สุดเท่าที่ทำได้
ผมจำเรื่องที่ภูเขานั้นได้ดี
พวกเขาหัวเราะร่ากันอย่างมีความสุข
เรย์จิต่างถูกอ้อมล้อมด้วยรอยยิ้มอันสดใสของสาวๆ รวมถึงชิโรเนะก็ยังมองเขาด้วยดวงตาเปล่งประกาย
ผมที่ทำขยับร่างกายไม่ได้ จึงได้แต่มองพวกเขา
เรย์จิถูกอ้อมล้อมด้วยสาวสวยมากมาย นั่นมันน่าอิจฉาจริงๆ เลยน้า
ผมไม่ต้องการมากนักหรอก แค่คนเดียวก็พอแล้ว แค่อยากได้ผู้หญิงที่จะอยู่เคียงข้าง
และเธอคนนั้นก็อยู่ตรงหน้าผม
เทพธิดาตัวน้อยจ้องมองด้วยสายตาแปลกๆ
[ เพราะเป็นโคลนนิ่งของเรน่า ดังนั้นผมจะตั้งชื่อเธอว่าคุนะ ]
ผมลูบหัวคุนะ
[ คุนะ? ]
คุนะเอียงหัว
[ ใช่แล้วชื่อของเธอคือคุนะ ผมชื่อคุโรกิ ยินดีที่จะรู้จักนะคุนะ ]
คุนะจ้องมองมาที่ผม
[ คุโรกิ ]
คุเระเรียกชื่อผมด้วยเสียงน่ารัก
ด้วยคำพูดนั้นทำให้หนามในใจของผมราวกับหายไป เพราะผมไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว
ผมมองคุนะ
ดวงตาอันงดงามของคุนะก็จ้องมองมาที่ผมเหมือนกัน