อัศวินดำ - ตอนที่ 34
สตรีแห่งดาบ ชิโรเนะ
มันเป็นอาณาจักรที่เล็กเกินไปที่จะเรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรด้วยซ้ำ
จำนวนประชากรเองก็น้อยมาก มีน้อยกว่า 1,000 คนซะอีก อาคารบ้านเรือนก็ดูยากจน จากในความทรงจำนี่มันเหมือนกระท่อมโจรมากกว่า
อาณาจักร ไม่สิ ดูเหมือนหมู่บ้านมากกว่า… หมู่บ้านนี้ชื่อหมู่บ้านโคกิ ฉันเองระหว่างเดินทางไปที่นากอลก็เคยแวะไปที่อาณาจักรเล็กๆ แบบนี้มาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นอาณาจักรเล็กๆ แบบนี้หรอกนะ
แต่ทว่าอาณาจักรเล็กๆ ส่วนใหญ่แล้วมักจะห้ามคนนอกเข้า ดังนั้นแม้จะจ่ายเงินหรือทำยังไงก็จะถูกห้ามเข้าอยู่ดี
แน่นอนว่าอย่างเรย์จิคุงน่ะไม่ฟังหรอก เขาฝืนเข้าไปที่อาณาจักรและค้างคืนที่นั้นอยู่ดี
เพราะเขาบอกว่าเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะให้เด็กสาวมาตั้งแคมป์กัน ต้องขอบคุณมากสำหรับความห่วงใยนั้น
ตอนนี้คายะกำลังเจรจากับบุคคลที่ดูเหมือนจะเป็นคนใหญ่คนโตที่สุดของอาณาจักรโคกิ แล้วนี่ไม่ต้องจ่ายเงินก่อนผ่านที่ประตูหน้าเหรอ?
คราวนี้คายะคิดจะทำอะไร? หรือเธอจะไม่อยากให้เคียวกะต้องนอนข้างทาง แต่นี่มันเหมือนขู่เข็ญกันเลยนะ
ชาวเมืองต่างหลบอยู่ในบ้านเพราะกลัวฮิปโปกริฟฟ์กันหมด
[ พวกเราเป็นนักเดินทาง อยากจะขอร้องพักในอาณาจักรนี้สักคืนจะได้มั้ยคะ? แน่นอน ฉันจะจ่ายเงินให้แบบสมน้ำสมเนื้อค่ะ ]
[ ช่วยไม่ได้ งั้นข้าจะให้เช่าบ้านแล้วกัน คืนนี้ค้างคืนที่นั้นเถอะ ]
แต่ว่าผลลัพธ์กับเป็นตรงกันข้าม เขายอมตกลงอย่างง่ายๆ ซะงั้น
ผู้นำของโคติยิ้มให้ เขาเป็นชายแก่ที่ดูใจดี
แต่รู้สึกอึดอัดกับรอยยิ้มนั้นจัง
[ บ้านของพวกท่านอยู่ทางนี้ เดี๋ยวเจ้ามอนสเตอร์นี้ข้าจะพาไปที่ยุ้งฉางให้เอง ]
แค่ทว่าคุณคายะกลับส่ายหัว
[ ไม่เป็นไรค่ะ ให้เราอยู่ที่ยุ้งฉางเดียวกันก็ได้ ช่วยพาไปได้มั้ยคะ? ]
ฉันกับเคียวกะต่างตกใจกับคำพูดของเธอ
[ ….. อา เชิญทางนี้ ]
ดูเหมือนผู้นำของโคคิเองก็ประหลาดใจเหมือนคำ จึงพูดออกมาเพียงไม่กี่คำ
จากนั้นเราก็ถูกพาไปที่ยุ้งฉางนั้น
[ นี่มันเรื่องอะไรเหรอคะคายะ? ]
เคียวกะมองไปที่คุณคายะ
ที่จริงจะอยู่ยุ้งฉางเดียวกับคุณเคียวกะก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แต่ตอนนอนก็อยากห่างตัวฮิปโปกริฟฟ์ดีกว่า
[ ท่านชิโรเนะ ฉันมีเรื่องอยากจะถามค่ะ ]
[ ถามฉัน? ]
ฉันประหลาดใจกับคำพูดกระทันหันของเธอ
[ ไม่รู้สึกว่าคนเมื่อกี้แปลกบ้างเหรอคะ? ]
พอมาคิดดูแล้ว…
[ ค่ะ ฉันเองก็รู้สึกเหมือนพวกเขามองเราด้วยสายตาเดียวกับมอนสเตอร์เลย ผู้นำอาณาจักคนนั้นน่ะ ]
คายะพยักหน้าให้กับคำพูดของฉัน
[ ใช่แล้วค่ะ ฉันก็รู้สึกเหมือนท่านชิโรเนะ ]
สายตาของชายแก่นั้นมีความรู้สึกเหมือนมองศัตรู มองพวกเราด้วยสายตาเดียวกับที่มองปีศาจ แต่เพราะมันเป็นแค่เล็กเรื่องน้อยฉันเลยไม่เก็บมาคิด แต่คายะรู้สึกว่ามันเลวร้ายเกินไป
[ เห็นได้ชัดเลยค่ะ ว่าผู้นำอาณาจักรคนนั้นกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่ ]
คายะหัวเราะเล็กน้อย รอยยิ้มของเธอน่ากลัวนิดหน่อยนะ
[ แล้วจะทำยังไง? จะออกจากอาณาจักรนี้เหรอ? ]
จะดีกว่าถ้ารีบออกจากอาณาจักรนี้ เพราะขืนอยู่ต่อไปเราจะเป็นอันตราย แต่คายะกลับส่ายหัว
[ ถ้าเราจะไปตั้งแคมป์กันบนเขา…. ตอนนี้มันก็ดึกเกินไปแล้วที่จะหาสถานที่ตั้งแคมป์ค่ะ ]
แถมฮิปโปกริฟฟ์ยังบินตอนกลางคืนไม่ได้ ดังนั้นไม่มีทางที่จะมองเห็นได้แน่หากไม่ใช้เวทแสง แต่ยังไงซะการออกไปไหนกลางดึกมันก็มีข้อจำกัดอยู่ดี
อย่างที่คายะบอก จะไปไหนเวลานี้ก็คงไม่ทันแล้ว
[ แล้วจะทำยังไงล่ะคายะ? ]
เคียวกะถาม ด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายนิดหน่อย
[ แน่นอนค่ะ ฉันหาทางทำอะไรสักอย่างด้วยกำลังเองค่ะ ไม่รู้หรอกนะคะว่าคนในอาณาจักรนี้วางแผนอะไร แต่ถ้าสลบไปก็หมดปัญหานี่ค่ะ ]
คายะกำหมัด
ฉันถอยหายใจ ชาวเมืองของอาณาจักรนี้คงต้องพบเจอกับเรื่องน่ากลัวแล้วสินะเนี่ย
แต่มันก็ช่วยไม่ได้
คายะเองก็บอกแล้วว่าถ้ายอมเขายอมกลับไปดีๆ จะไม่ทำร้าย แต่ถ้าเป็นคนที่เข้ามาทำร้ายเรามันก็ต่างกันล่ะนะ
และในตอนนั้นเองก็มีผู้คนมาชุมนุมกันอยู่รอบยุ้งฉางของเรา
เมื่อมองจากหน้าต่างออกไป ก็เห็นทุกคนต่างถืออาวุธและล้อมยุ้งฉางไว้
ในหมู่คนพวกนั้นมีผู้นำอาณาจักรนี้รวมอยู่ด้วย ดูเหมือนที่มาช้าก็เพราะกำลังรวบรวมกำลังคนและอาวุธอยู่สินะ
[ ดูเหมือนจะมากันแล้ว งั้นฉันขอออกไปต้อนรับหน่อยนะคะคุณหนู ]
เมื่อพูดจบ คายะก็ออกไปพร้อมกับกำหมัด
◆ ผู้ตัดสินอีธีกอส
[ ท่านอิธีกอส! ได้โปรดเถอะท่าน! ได้โปรดอย่าเอาลูกสาวของข้าไปเลย!! ]
ชายคนหนึ่งกำลังก้มหัวลงกับพื้นต่อหน้าข้า
[ ไม่ ข้าทำแบบนั้นไม่ได้… ท่านเซนกุได้ตัดสินมาแล้วว่าต้องเป็นลูกสาวของเจ้าเท่านั้น ]
[ ได้โปรดเถอะครับ! ถ้าข้า… หาลูกสาวบ้านอื่นไปให้ล่ะ! ]
[ เจ้าจะเลวเกินไปแล้ว นี่เจ้าไม่สนเลยรึ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวบ้านอื่นหากเพื่อช่วยลูกสาวตัวเองน่ะ ]
ข้าหัวเราะนิดหน่อย อ๊า ความทุกข์ของผู้คนนี้รสชาติหวานเหมือนน้ำใจเลยล่ะ เพราะแบบนี้ไงล่ะข้าถึงได้ลาออกจากงานนี้ไม่ได้
[ พ่อ!! ]
มีคนเข้ามาในห้อง ข้าจำใบหน้านั้นได้ เธอคือลูกสาวของชายที่ก้มหัวให้ข้า
[ ทำไมลูกถึงมาอยู่ที่นี่!! ]
[ หยุดเถอะค่ะพ่อ! ให้ข้าโดนโอเกอร์กินแค่คนเดียวก็พอ! อย่าเสียสละลูกสาวบ้านอื่นเลยค่ะ!! ]
[ แต่ถ้างั้น… ลูกก็… ]
[ ไม่เป็นไรค่ะพ่อ… ข้าดีใจมากค่ะที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อ… ]
พ่อและลูกสาวกอดกัน
น่าหัวเราะ… จนทำให้ข้าร้องไห้ได้เลย
[ สาวน้อยจิตใจของเจ้าเด็ดเดี่ยวมาก ถ้างั้นคงเตรียมใจมาแล้วสินะ ]
ข้าพูดกับเด็กสาวที่ท่าทางบอบบางคนนั้น ขณะที่กำลังกลั้นหัวเราะ
[ ค่ะ ท่านอีธีกอส… ]
เด็กสาวตอบข้า
ช่างเป็นเด็กสาวที่กล้าหาญ ถ้าเธอไม่ใช่เธอบรรณาการของท่านเซนกุ ข้าคงยื่นมือไปแตะต้องแล้ว
อาณาจักรนี้อยู่ใต้การปกครองของโอเกอร์ นามว่าเซนกุ ซึ่งอาณาจักรนี้ก็คือฟาร์มสัตว์เลี้ยงของมัน
และเด็กสาวคนนี้ก็เป็นคนที่ได้รับเลือกให้เป็นเครื่องบรรณาการแก่ท่านเซนกุซึ่งปกครองอาณาจักรนี้อยู่
ซึ่งตัวข้ามีหน้าที่เลือกสาวน้อยไปเป็นเครื่องบรรณาการให้ท่านเซนกุ โดยเลือกจากรูปร่างและต้องเป็นเด็กสาว
ในความเป็นจริงข้าจเลือกเด็กสาวหน้าตาหน้าตาเแค่ไหนก็ได้ แต่ข้าเองก็กลัวว่าชีวิตของตัวเองจะมีอันตรายไปด้วยหากทำให้ท่านเซนกุไม่พอใจ และเด็กสาวที่ถูกเลือกนั้นก็มีความตายเท่านั้นที่รออยู่
[ ท่านอีธีกอส!! ]
มีใครบางคนมาเรียกข้า
[ มีอะไรล่ะ? เสียงดังหนวกหูเชียว ]
ข้าผ่านฝูงชน
[ มีนักเดินทางหญิงสามคนมาที่นี่และพวกเธอยังเป็นสาวสวยกันหมดด้วยครับ ]
สาวสวย
กับละเลยจากคำๆ นั้นไม่ได้เลย
[ นักเดินทาง… งั้นพาข้าไปหาพวกนางทีแล้วกัน ]
จากนั้นข้าก็ถูกพาไปหาเด็กสาวนักเดินทาง
และเมื่อข้าได้พบกับทั้งสามคน
[ นี่มัน… ]
ข้าเผลอส่งเสียงออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ พวกเธอสวยยิ่งกว่าเด็กสาวที่ข้าเคยเจอมาจนถึงตอนนี้ซะอีก
และคนที่เด่นที่สุดในสามคนนั้นก็คือเด็กสาวตรงกลาง ดูจากเสื้อผ้าที่งดงามนั้นแล้ว เธอคงเป็นเจ้าหญิงของสักประเทศแน่ๆ
ถ้าเป็นไปได้ข้าก็อยากให้พวกนางอยู่ในอาณาจักรนี้ไปตลอดเลยด้วยซ้ำ
และด้านหลังของทั้งสามคนยังมีฮิปโปกริฟอยู่ด้วย
ข้าเองก็เคยได้ยินชื่อของมันมาก่อน แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นตัวเป็นๆ
บางทีพวกเธอคงซื้อเจ้าฮิปโปกริฟฟ์นี้มาตั้งแต่มันยังเด็ก
และเมื่อมันโตขึ้น ฮิปโปกริฟฟ์ก็จะคุ้นเคยกับผู้คนไปเอง
ข้าไม่เพียงโชคดีที่ได้เด็กสาวพวกนี้มา แต่ยังได้ฮิปโปกริฟฟ์ด้วย
[ พวกเราเป็นนักเดินทาง อยากจะขอร้องพักในอาณาจักรนี้สักคืนจะได้มั้ยคะ? แน่นอน ฉันจะจ่ายเงินให้แบบสมน้ำสมเนื้อค่ะ ]
เด็กสาวที่อยู่ด้านซ้ายก้าวออกมาและขอเจรจา
[ ช่วยไม่ได้ งั้นข้าจะให้เช่ายุ้งฉางแล้วกัน คืนนี้ค้างคืนที่นั้นเถอะ ]
ข้าตอบออกไป
เป็นธรรมดาที่ข้าจะตอบรับคำขอของพวกเธอไป ส่วนเงินนั้นข้าไม่ได้สนใจหรอก
ข้ามองทั้งสามคนอย่างใจเย็นด้วยสายตาที่เหมือนจ้องมองเหยื่อ
[ บ้านของพวกท่านอยู่ทางนี้ เดี๋ยวเจ้ามอนสเตอร์นี้ข้าจะพาไปที่ยุ้งฉางให้เอง ]
ข้านำทางทั้งสามคน
[ ไม่เป็นไรค่ะ ให้เราอยู่ที่ยุ้งฉางเดียวกันก็ได้ ช่วยพาไปได้มั้ยคะ? ]
เด็กสาวที่อยู่ด้านซ้ายส่ายหัวและบอกให้ข้านำทางไปที่ยุ้งฉาง
ที่ยุ้งฉางมีแต่ฟางเต็มไปหมด มันไม่เหมาะให้คนอาศัยอยู่หรอก ข้าถึงได้ตกใจตอนที่ได้ยินนางพูดออกมา
[ ….. อา เชิญทางนี้ ]
ข้านำทางพวกเธอไปที่ยุ้งฉางขณะที่ยังสงสัยอยู่นิดหน่อย
เมื่อข้านำทางพวกเธอไปที่ยุ้งฉางเรียบร้อยแล้ว จากนั้นข้าก็เรียกพวกลูกน้องและคนที่พอจะสู้ได้ในอาณาจักรนี้มา
คนที่ต้องจัดการก่อนก็คือเด็กสาวที่มัดผมและพาดดาบไว้ที่ด้านหลัง จากที่ข้ารู้สึกได้เธอคนนั้นน่าจะมีฝีมือที่สูงทีเดียว
[ ดูท่าจะราบรื่นดีนะ อีธีกอส]
มีเสียงเรียกข้าจากด้านหลัง
เมื่อข้าหันกลับไปก็เจอกับชายคนหนึ่งที่สะพายดาบใหญ่ไว้บนหลัง แขนมีกล้ามเป็นมัดๆ ร่างกายกำยำใหญ่โต แค่เพียงเห็นก็บอกได้เลยว่าชายคนนี้แข็งแกร่ง
เพราะชายคนนี้นี่เอง ทำให้มอนสเตอร์ตัวอื่นเข้ามาในอาณาจักรนี้ไม่ได้
[ ก็ราบรื่นดีอย่างที่ท่านไดร์กันว่านั้นแหละ ]
[ หลอกพวกเด็กสาว จากนั้นก็เข้าจู่โจมพวกเธอยามวิกาลสินะ ]
[ ใช่แล้ว ]
[ คุคุ อีธีกอสเจ้านี่เลวจริงๆ เลยนะ ]
[ ไม่หรอก ยังไม่ขนาดท่านไดร์กันหรอก ]
ไดร์กันหัวเราะ
ใช่แล้ว ตราบเท่าที่อยู่ฝ่ายเดียวกับชายคนนี้ข้าก็ไม่มีอะไรต้องกลัว
ข้าเคยเป็นพ่อค้าเร่มาก่อน แต่ก็ถูกเซนกุจับตัวมา
จากนั้นเขาก็ให้ข้าคอยเป็นคนดูแลจัดการฟาร์มมนุษย์ของเซนกุแห่งนี้
เพื่อให้ควบคุมพวกเขาได้อยู่ เซนกุจึงได้ส่งไดร์กันมาคอยช่วยข้าเผื่อเวลาฉุกเฉิน
คนในอาณาจักรนี้ต่างกลัวไดร์กันและอยู่ใต้การปกครองของข้ากันหมด
จากที่เคยเป็นพ่อค้าเร่ ณ ตอนนี้ข้าได้กลายมาเป็นราชาของอาณาจักรนี้ ถ้ามีพลังของเซนกุอยู่ล่ะก็ ข้าจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น
ใบหน้าตอนกลัวของเด็กสาวสามคนนั้นจะเป็นยังไงกันนะ?
ข้าล่ะอยากจะเห็นภาพตอนที่เด็กสาวพวกนั้นกำลังกลัวสุดขีดซะจริงๆ
ก่อนจะส่งไปบรรณาการให้เซนกุ ข้าจะสนุกกับหนึ่งในสามคนนั้นก็คงจะได้
เสียงหัวเราะของข้าดังก้องในใจ
◆ ผู้ตัดสินอีธีกอส
[ ท่านอีธีกอส เด็กสาวสามคนนั้นอยู่ในยุ้งฉางครับ ]
ข้าได้รับรายงานจากคนคุ้มกัน
รอบตัวข้ามีกลุ่มคนติดอาวุธถึง 50 คน
แม้ว่ามันจะมากเกินไปสำหรับปาร์ตี้ที่มีเพียงเด็กสาว 3 คน แต่ว่าเพื่อทำให้พวกเธอรู้สึกสิ้นหวังจนคิดว่ายังไงก็เอาชนะไม่ได้แน่ จำนวนขนาดนี้จึงเหมาะสมแล้ว
ขณะที่ข้ากำลังจะเข้าไปที่ยุ้งฉางนั้น
ประตูก็ปิดออกมาก่อนที่ทางฝ่ายข้าจะเปิดเข้าไป
เด็กสาวทั้งสามยังคงเหมือนเดิมกับตอนที่ข้าเจอ แต่ต่างกันก็แค่ตอนนี้พวกเธอถืออาวุธมาด้วย
[ คงจะดีมากเลยค่ะ ถ้าตอบเหตุผลให้รู้กันหน่อยได้มั้ยคะ? ]
เด็กสาวที่ดูอวดดีที่ท่าทางจะเป็นผู้นำกลุ่มถามออกมา
ข้าจะตอบไปว่าอะไรดีล่ะ?
[ ถ้าเปลี่ยนพวกเจ้าไปแทนลูกสาวข้าก็จะรอด! ขอโทษด้วยที่ข้ามันเลว! แต่ช่วยเป็นแพะรับบาปให้ทีเถอะ!! ]
เจ้าคนที่ก้มหัวให้ข้าก่อนหน้านี้ตอบแทนให้แล้ว
ทั้งสองคนมองหน้ากัน และดูเหมือนจะกำลังปรึกษาอะไรกันบางอย่าง
[ ดูเหมือนสถานการณ์ที่นี่จะไม่ปกติจริงๆ ด้วยสิ ถ้ายังไงช่วยเล่าให้ฟังจะได้มั้ยคะ? ]
เด็กสาวที่ท่าทางอวดดีถามออกมาอีกครั้ง
แต่ว่าข้าไม่ตั้งใจจะพูดคุยไร้สาระหรอก
[ เรื่องนั้นคงไม่ได้หรอกคุณหนู ข้ายอมทิ้งอาวุธไปซะ ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำรุนแรงหรอก ]
ข้าพูดเตือน
อย่างแรก ถึงจะฟังเรื่องราวไปแล้วจะทำอะไรได้? อย่างมนุษย์น่ะไม่ใช่คู่ต่อกรของโอเกอร์หรอก
เอาล่ะ ข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกดีเอง ก่อนที่จะไปเป็นครื่องบรรณาการให้เซนกุน่ะนะ
เมื่อคิดอย่างนั้นข้าก็มองไปยังเด็กสาวคนหนึ่งในกลุ่ม เธอถือมองแล้วจ้องมองมาที่ข้า
ที่ดวงตาของเธอเหมือนมีประกายไฟออกมา
[ งั้นถ้าเจ็บตัวก็อย่ามาว่ากันแล้วกันนะคะ ]
เธอตะโกนออกมาโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนไป ทำไมกันทั้งที่ถูกล้อมด้วยคนขนาดนี้?
[ จับตัวพวกเธอไว้ซะ! ]
เมื่อข้าออกคำสั่ง เหล่าลูกน้องที่ล้อมอยู่ก็เข้าไปพยายามจะจับตัวพวกเธอไว้
[ ดูเหมือนถ้าไม่เจ็บก็ไม่หลาบจำสินะคะ คายะ! คุณชิโรเนะ! จัดการพวกเขาเลยค่ะ ]
เด็กสาวที่ดูอวดดีพูดออกมา จากนั้นเด็กสาวทางซ้ายและขวาก็พยักหน้า
[ ไปแล้วนะคะคุณหนู ]
[ เชื่อมือได้เลยคุณเคียวกะ ]
เด็กสาวที่อยู่ทางซ้ายและขวาคงเป็นคนรับใช้ของเธอ จากนั้นเด็กสาวที่อยู่ตรงกลางก็ถอยออกไปข้างหลัง
เด็กสาวด้านซ้ายใช้หมัดและเด็กสาวด้านขวาใช้ดาบ
พวกเธอมุ่งตรงไปยังกลุ่มชายห้าคนตรงหน้า
[ อย่าให้พวกเธอได้รับบาดเจ็บมากล่ะ…. เอ๋? ]
สงสัยว่าข้าจะตาฝาด
จู่ๆ ผู้ชายห้าคนก็ล้มลงไป คนเหล่านั้นกลิ้งไปกับพื้นและร้องครวญคราง
[ ย๊ากกก!! ]
เสียงร้องดังขั้นมาจากทางขวา
มีชายคนนั้นพยายามจะจับผู้หญิงด้านขวาไว้แต่ก็ถูกทุ่มจนสลบไปแล้ว
อาวุธและเชือกต่างถูกตัดได้ง่ายๆ ราวกับกระดาษ
ไม่สิ ไม่ใช่แค่อาวุธเท่านั้นที่ถูกตัด พอข้าไปดูคนที่สลบใกล้ๆ ก็เห็นว่าบนหัวของพวกเขาไม่มีเส้นผมอยู่เลย
ใช่แล้ว กลายเป็นคนหัวล้านเพราะเส้นผมโดนตัดไปหมด เป็นการฟังที่ทั้งเร็วและแม่นยำ
เหล่าลูกน้องข้าต่างกลัวกันไปหมดเพราะเห็นภาพนั้น
[ นี่พวกเจ้ามัวทำอะไรกันอยู่!! กับแค่เด็กผู้หญิงสามคน! อยากจะโดนโอเกอร์กินรึไง! รีบไปจับตัวพวกเธอมาเร็วเข้าสิ!! ]
ข้าตะโกนเสียงดัง
แต่คนที่เข้าไปหาพวกเธอต่างนอนสลบเหมือนคนก่อนๆ และเส้นผมยังถูกตัดจนล้าน คนแล้วคนเล่า
เด็กสาวพวกนี้แข็งแกร่ง
ขนาดข้าเองก็ยังกลัว
[ ไม่ต้องห่วงอีธีกอส ให้ข้าจัดการเอง ]
[ ท่านไดร์กัน… ]
จำนวนลูกน้องของข้าเริ่มลดลงไปเรื่อยๆ
[ พวกคุณหนูใช้ได้นี่หว่า งั้นข้าคนนี้จะเป็นคู่ต่อสู้ให้เอง ]
ไดร์กันพูดอย่างนั้น ขณะที่ตัวเริ่มใหญ่ขึ้น
ตัวของเขาสูงกว่าเดิม และเริ่มมีขนงอกขึ้นจากร่างกาย ปากเริ่มยื่นออกมาและใหญ่ขึ้น
[ มนุษย์หมาป่า? มนุษย์หมาป่างั้นเหรอ!! ]
เด็กสาวที่ถือดาบตะโกน
ใช่แล้วร่างจริงของไดร์กันก็คือมนุษย์หมาป่า เซนกุได้ให้เขามาไว้ในการดูแลของข้าเพื่อปกป้องฟาร์มมนุษย์นี้
ถึงอย่างนั้นไดร์กันก็ถูกฝึกมาแล้วจึงไม่เคยกินมนุษย์ในฟาร์มเลย
แต่ความแข็งแกร่งในฐานะมนุษย์หมาป่าเป็นจริง มนุษย์ไม่ว่าจะมีกี่คนก็ไม่ใช่คู่มือของไดร์กันหรอก
[ หืม มนุษย์หมาป่างั้นเหรอ งั้นฉันคนนี้จะเป็นคู่ต่อสู้ให้เอง ]
ผู้หญิงที่ถือดาบพูดขึ้นอย่างเงียบสงบ ดูเหมือนจะกำลังสนุกอยู่นิดหน่อยและไม่กลัวเลย ถึงจะยืนอยู่ต่อหน้ามนุษย์หมาป่า
ไดร์กันโกรธมากเพราะท่าทางอวดดีของเธอ
[ สาวน้อยอย่าอวดดีให้มันมากนัก!! ]
ไดร์กันชักดาบและฟันเข้าใส่
ข้าตกใจมากกับสถานการณ์ในตอนนั้น ถ้าตายก็แย่นะสิ เด็กสาวคนนั้นไม่มีท่าทีจะขยับหรือตั้งท่าป้องกันดาบเลย
[ เอ๊ะ…? ]
ไดร์กันส่งเสียงงี่เง่าออกมา
ข้าสงสัยว่าตัวเองจะตาฝาด แขนข้างที่ถือดาบของไดร์กันหายไปแล้ว
ข้าตั้งแต่มองเธอแบบไม่ละสายตา แต่ก็เห็นเพียงเธอเอามือไปวางไว้บนดาบเท่านั้น ยังไม่ชักดาบด้วยเลยซ้ำ
[ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!? ]
เขาร้องขึ้นด้วยความอารมณ์เสีย
แขนของไดร์กันจะถูกตัดไม่มีเลือดไหลออกมาเลยและมีควันลอยออกมา และที่ใบดาบของเด็กสาวคนนั้นยังมีเปลวไฟอยู่ด้วย
[ มัวรออะไรอีกล่ะ? ]
เด็กสาวที่ถือดาบถามออกมา และหน้าก็หัวเราะ แต่ตาของหัวไม่ได้หัวเราะไปด้วย
[ อ๊ากกก!! ]
ข้าพยายามหนีในตอนที่ได้ยินเสียงของไดร์กัน แต่ข้าก็หนีไปไม่ได้เพราะตอนนี้เท้าซ้ายของขามันหายไป นี่เธอฟันมันไปตั้งแต่ตอนไหน?
[ อ๊ากก! อั๊ก! แขน… แขนของข้า! ]
ไดร์กันลงไปนอนกลิ้งบนพื้นแล้วร้องทรมาน
[ ได้ยังไงกัน นี่พวกเจ้าเป็นใครกันแน่…. ]
ข้าพึมพำ ความแข็งแกร่งนั้นไม่ธรรมดา
[ จงฟังไว้ให้ดีซะ! ]
ผู้หญิงที่ใช้หมัดจู่ๆ ก็ตะโกนเสียงดังขึ้น
[ จงรู้ไว้!ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าพวกเจ้า ท่านเคียวกะผู้นี้ใคร เธอคือน้องสาวของท่านเรย์จิผู้เป็นผู้กล้าแห่งแสง! ]
ข้าตกใจกับคำพูดของเด็กสาวใช้หมัด
น้องสาวของผู้กล้า……
ข้าเคยได้ยินข่าวลือของู้กล้าแห่งแสงมา เขาคือชายที่เข้าไปในนากอลดินแดนที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์น่ากลัวมากมาย
สำหรับผู้ที่คิดจะเป็นศัตรู เขาจะไม่มีความปราณีแม้แต่นิดเดียว
แต่ถึงแม้เขาจะปราบราชาปีศาจลงไม่ได้เพราะไปพ่ายแพ้อัศวินดำ แต่พลังของเขาที่สามารถเดินทางไปถึงปราสาทราชาปีศาจซึ่งอยู่สุดขอบดินแดนของนากอลได้ นั่นคือเครื่องพิสูจน์พลัง
และข้าก็ได้ยินว่าตอนนี้ผู้กล้าหายดีแล้ว หากผู้หญิงคนนี้เป็นน้องสาวของผู้กล้าจริงๆ ตัวข้าที่พยายามจะทำร้ายพวกเธอคงไม่ถูกไว้ชีวิตแน่
ไม่สิ เดิมทีเด็กสาวพวกนี้ก็แข็งแกร่ง อย่างข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเธอเลยด้วยซ้ำ
[ ฮาฮา ー ー!! ]
ข้ายอมจำนนต่อเด็กสาวที่ชื่อเคียวกะ คนๆ อื่นก็ทำแบบเดียวกันกับข้า
ยอมสิโรราบแก่ผู้แข็งแกร่งกว่า นั่นคือวิธีการดำเนินชีวิตของข้า
[ ไม่จริง ข้าไม่นึกว่าท่านจะเป็นน้องสาวของผู้กล้า! ต้องขออภัยที่หยาบคาย พวกท่านได้โปรดーーーー!! ]
◆ สตรีแห่งดาบ ชิโรเนะ
พวกเรากำลังเดินบนถนนภายใต้แสงจันทร์
จุดหมายของพวกเราก็คือปราสาทที่โอเกอร์ เซนกุอาศัยอยู่
เผ่าโอเกอร์นั้นปกติแล้วจะสร้างปราสาทและที่อยู่อาศัยบนเขา
หากจะพูดในมุมมองของมนุษย์มันก็คือปราสาท เพราะแต่เดิมโอเกอร์ก็ตัวใหญ่มาก
แต่ขณะเดียวกันความสามารถของพวกเขาก็สูงมาก นอกจากนี้ยังสามารถใช้เวทมนตร์ได้ แข็งแกร่งทั้งด้านพละกำลังและใช้เวทมนตร์ได้ แม้จะเป็นยอดฝีมือของมนุษย์หรือเอลฟ์ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้
แต่ถึงความสามารถจะสูงแต่สติปัญญานั้นต่ำหากเปรียบเทียบกับมนุษย์ มีเรื่องเล่าว่ามันเคยถูกนางฟ้าเจ้าเล่ห์หลอกเอาปราสาทไปด้วยซ้ำ
แต่ว่ามนุษย์นั้นโชคดีที่มีจำนวนมากและตัวเล็ก ทำให้ส่วนใหญ่แล้วมนุษย์ไม่มีทางโดนโอเกอร์ที่งี่เง่าควบคุมเอาได้หรอก
แต่ทว่าตอนนี้อาณาจักรนี้อยู่ภายใต้การปกครองของโอเกอร์
[ ท่านเคียวกะที่นั้นคือที่อยู่ของเซนกุครับ ]
อีธีกอสชี้ไปยังคฤหาสน์บนเขา
มันเป็นโพรงหินที่มีรูมากมาย
ปราสาทแห่งนั้นตั้งอยู่ไม่ไกลจากอาณาจักรนี้มากนัก หากจะเดินไปก็คงใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
ทั้งที่วันนี้ฉันเหนื่อยมากแล้วและอยากพักแล้วนะ แต่ทำแบบนั้นไม่ได้
โอเกอร์มีความสามารถในการก่อสร้างที่สูงากและชอบอยู่บนเขา ดังนั้นบางตัวก็สร้างปราสาทบนภูเขาที่เหนือเมฆขึ้นไปซะอีก
และยังเล่ากันว่าที่อยู่ของโอเกอร์นั้นเต็มไปด้วยสมบัติ ยิ่งโอเกอร์ตัวนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน ที่อยู่ก็จะใหญ่ขึ้นและมีสมบัติมากขึ้นไปด้วย
ฉันมองไปยังที่อยู่ของเซนกุ มันก็ใหญ่กว่าที่อยู่ของมนุษย์อยู่หรอก แต่ก็เล้กกว่าของโอเกอร์ที่ฉันเคยเห็นมาก่อน
เซนกุดูจะไม่ใช่โอเกอร์ที่แข็งแกร่งมากนัก
[ ถ้างั้นข้าขอตัー]
ฉันคว้าเสื้อของอีธีกอสไว้ก่อนเขาจะหนีกลับไป
[ เอ่อ… มีอะไรเหรอครับ? ท่านชิโรเนะ ]
[ คิดว่าฉันจะปล่อยให้กลับงั้นเหรออีธีกอส? ทั้งนายและเจ้ามนุษย์หมาป่านั้นฉันคงปล่อยไว้ลำพังไม่ได้หรอก ]
ตามที่พูด ถึงแม้อีธีกอสกับไดร์กันจะถูกโค่นลงได้แล้ว
แม้อีธีกอสจะเป็นมนุษย์ แต่ก็ไม่ใช่คนธรรมดา เพราะเขาคือคนที่ได้รับคำสั่งจากโอเกอร์ให้มาคอยควบคุมคนของอาณาจักรโคกิ ดังนั้นฉันไม่ยอมปล่อยให้มันหนีไปได้เด็ดขาด
อาณาจักรโคกิอยู่ภายใต้การปกครองของโอเกอร์ ชื่อว่าเซนกุ… จากที่คายะบอก อาณาจักรที่ถูกปกครองด้วยปีศาจนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก
เมื่ออาณาจักรเหล่านี้ถูกปีศาจที่แข็งแกร่งปกครองนั้นจะทำให้ปีศาจตัวอื่นไม่กล้าเข้ามาใกล้ ดังนั้นจึงเป็นประโยชน์แก่มนุษย์มาก
เป็นความสัมพันธ์แบบผู้ปกครองกับปศุสัตว์ ซึ่งถึงแม้จะถูกกินก็ไม่ได้มีความรู้สึกแย่ๆ
พอเราฟังสถานการณ์จากพวกเขาและบอกว่าจะจัดการโอเกอร์ที่ชื่อเซนกุให้ ชาวเมืองของโคกิต่างดีใจและนำทางให้ด้วยความยินดี
นอกจากฉัน คุณเคียวกะและคายะแล้ว จึงมีชาวบ้านที่อาสาตามมาด้วย
ผู้มีหน้าที่นำทางคืออีธีกอส หลังจากนั้นไดร์กันก็ฟื้นฟูแขนและขาที่ถูกตัดไปด้วย พลังฟื้นฟูสมกับเป็นมนุษย์สัตว์
จากนั้นเราก็เดินไปจนถึงประตูหน้า
[ เซนกุ—-! ท่านเซนกุ—-! โปรดเปิดประตูให้ทีครับ—-! ]
ไดร์กันตะโกนออกไป จากนั้นประตูบานใหญ่ก็เปิดออก
คนที่อยู่ข้างในคือชายร่างยักษ์สูง 3.5 เมตร บางทีเขาคงจะเป็นเซนกุ
จากที่ไดร์กันบอก แม่ของเซนกุมีลูกทั้งหมดอยู่ 8 คนและเซนกุก็คือน้องคนสุดท้อง และในทุกๆ วันเกิด เขาจะบอกให้อีธีกอสเลือกหญิงสาวมา ซึ่งเราก็มาที่โคกิในเวลานั้นพอดี
เซนกุอายุประมาณ 30 ปี ในช่วงอายุของมนุษย์ อ้วนมีแต่ไขมันและสกปรก นี่มันน่าเกลียดสุดๆ เลยนะ
จากที่ฉันดู ดูท่าเซนกุจะไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่
[ นี่อะไร.. อีธีกอส.. คนพวกนั้นคือ? ]
เซนกุมองพวกเราที่อยู่ข้างหลัง
[ โอ้ เจ้าคงจะพาพวกเธอมาให้ข้าสินะ? ทำได้ดีมาก อีธีกอส ]
เซนกุมองมาที่พวกเราแล้วหัวเราะ มันเป็นรอยยิ้มที่น่าขนลุกชะมัด เพราะลักษณะของเผ่าโอเกอร์ที่มีเคี้ยวขนาดใหญ่งอกออกมา คางเป็นสี่เหลี่ยมและปากขนาดใหญ่ ด้วยเหตุนี้เวลาหัวเราะเลยดูอัปลักษณ์มาก
ชาวบ้านของโคกิเองก็ตกใจเหมือนกัน
[ เอาล่ะ งั้นจากเจ้าก่อนแล้วกัน ]
เซนกุเอื้อมมือไปหาคุณเคียวกะ
อันตรายแล้วสิ เพราะหากคุณเคียวกะรับรู้ว่ากำลังตกอยู่ในอันตรายเธอจะใช้เวทมนตร์ออกมา ซึ่งเธอยังควบคุมเวทมนตร์ไม่ได้ ถ้าเซนกุไปจับตัวคุณเคียวกะเข้ามีหวังเธอโกรธแน่ มีหวังพื้นที่แถวนี้ไม่เหลือซากแน่เลย
มือของเซนกุพยายามเอื้อมไปหาเคียวกะ แต่ถูกหยุดเอาไว้ก่อน
[ ได้โปรดอย่าเอามือสกปรกมาแตะต้องคุณหนูจะได้มั้ยคะ? ]
คายะจับมือนั้นเอาไว้ ทั้งที่เมื่อกี้ยังยืนอยู่ข้างหลังฉันอยู่เลย แต่ตอนนี้ไปอยู่ด้านหน้าซะแล้ว
[ แล้วเธอเป็นใคร? ]
เมื่อเซนกุพูดจบ คายะก็กระโดดขึ้น
[ ทำลายหัวใจ!! ]
หมัดของคายะชกที่ร่างเซนกุ
[ คุ๊!! ]
จากนั้นเซนกุก็ล้มลงไป
วิชาทำลายหัวใจเป็นการใช้คลื่นกระแทกเพื่อไปหยุดการเต้นของหัวใจ ซึ่งวิชานี้จะทำให้ร่างกายไม่บอบช้ำและหยุดการเต้นของหัวใจได้
เซนกุหัวใจหยุดเต้นไปแล้วจึงไม่เคลื่อนไหวอีกแล้ว
[ ดีล่ะ ให้เป็นอาหารของฮิปโปกริฟฟ์เลยแล้วกัน ]
คายะพูดขึ้นขณะที่มองไปที่เซนกุ ผู้คนต่างกลัวกันไปหมด
[ โกหกน่า… จัดการโอเกอร์ได้ด้วยหมัดเดียว ]
[ ทั้งที่ร่างกายผอมบางขนาดนั้น… ]
[ และยังบอกว่าจะเอาไปเป็นอาหารมอนสเตอร์อีก… น่ากลัวซะยิ่งกว่าโอเกอร์ซะอีก ]
ชาวเมืองของโคกิคุยกัน ฉันเองก็เข้าใจความรู้สึกนะ เพราะบางครั้งคายะก็น่ากลัว
จากนั้นเรื่องศพของเซนกุเราก็ปล่อยให้ฮิปโปกริฟฟ์จัดการซะ
[ เหนื่อยแล้วล่ะ คายะไปพักกันเถอะ ]
เมื่อพูดจบ เคียวกะก็เปิดประตูเข้าไป
ในบ้านของโอเกอร์มีข้าวของกระจัดกระจายเต็มไปหมด ไม่มีความสวยงามเลยแม้แต่น้อย
แต่จากที่คุณจิยูกิบอก ฝีมือการก่อสร้างของโอเกอร์นั้นพอๆ กับเหล่าคนแคระเลยทีเดียว เพราะเคยมีโอเกอร์ที่สร้างคฤหาสน์ไว้เหนือเมฆอยู่ด้วย
หากจะให้เลือกที่พักระหว่างบ้านของโอเกอร์กับบ้านของมนุษย์ บ้านของโอเกอร์ยังดีกว่าเยอะ แต่ว่าเพราะมันเป็นที่อาศัยอยู่ของโอเกอร์ล่ะนะ สงสัยคงต้องทำความสะอาดสักหน่อย
เมื่อเข้าไปดูในห้องที่คล้ายจะเป็นห้องนอน มันค่อนข้างรกทีเดียว
บนผนังมีภาพวาดของสาวโอเกอร์ที่เปลือยเปล่าอยู่
และบนพื้นเองก็มีกางเกงในเกะกะเต็มไปหมด
[ นี่มันเหมือนห้องเก็บขยะเลยนะ… อย่างน้อยก็หัดใช้กระดาษเช็ดซะบ้างสิยะ… โสโครกชะมัด… ]
เคียวกะทำหน้าขยะแขยง บางครั้งในห้องของคุโรกิก็มีกระดาษเช็ดชู่เต็มไปหมดเหมือนกัน แต่ฉันคิดว่าคงดีกว่าถ้าไม่ไปแตะกระดาษพวกนั้น
[ ว่ากันก็ว่าเถอะค่ะ ห้องนี้มันห้องของชายโสดชัดๆ … ]
คายะพึมพำ
[ ห้องของคุโรกิเองก็ไม่ได้รกขนาดนี้นะ ฉันคิดว่าก็นิดหน่อยล่ะมั้ง? ]
เมื่อเทียบห้องของเซนกุแล้ว ห้องของคุโรกิดูสะอาดไปเลยและยังไม่มีภาพเขียนน่าเกียจบนผนังด้วย
ถึงจะมีพวกหนังสือลามกซ่อนอยู่บ้าง แต่เวลาเข้าไปค้นดูมันก็น่าสนุกดีเหมือนกันนะ
ฉันมองไปรอบข้าง
[ อา หนังสือพวกนี้มัน… หนังสือลามกนี่นา ]
ฉันเจอหนังสือที่มีโอเกอร์สาวเปลือยเปล่าอยู่มากมายใต้เตียงของเซนกุ ที่เขาอยากได้เด็กสาว สงสัยว่าเขาคงจะเล่นสนุกกับพวกเธอก่อนที่จะกินแน่ๆ
[ คุณชิโรเนะอย่าไปจับของสกปรกๆ แบบนั้นสิค่ะ ]
[ อ่ะ โทษทีนะ เดี๋ยวจะทำลายทิ้งเดี๋ยวนี้ล่ะ … มีหนังสือลามกเหมือนกับคุโรกิเลย ]
[ สกปรกที่สุดเลยค่ะ อย่างท่านพี่ของฉันน่ะไม่มีสักเล่มเลยนะคะ ใช่มั้ยคายะ ]
คายะพยักหน้า
[ ท่านเรย์จิดูเหมือนจะไม่มีหนังสือประเภทนี้เลย เพราะอย่างเขาคงไม่จำเป็นต้องใช้หรอกค่ะ… ]
คายะพูด
[ เห็นมั้ยค่ะ ท่านพี่ของฉันไม่มีหนังสือสกปรกแบบนี้เหมือนเพื่อนสมัยเด็กของคุณชิโรเนะหรอกค่ะ ]
เคียวกะพูดด้วยท่าทางอยากอวด
[ แน่นอนว่าเรย์จิคุงน่ะสุดยอด แต่ถ้าเทียบกับเด็กผู้ชายทั่วไป คุโรกิมีหนังสือน้อยกว่าเด็กผู้ชายทั่วไปซะอีกนะคะ ]
ฉันพยายามปกป้องคุโรกิ เอาเถอะ มันก็เป็นเรื่องปกติของผู้ชาย คงไม่ดีนักหรอกถ้าจะเอาไปเทียบกับเรย์จิคุง
[ จะว่าไปแล้วคุณชิโรเนะค่ะ จะพูดว่าเขาธรรมดาก็ไม่ถูกนักนะคะ? ]
[ หมายความว่ายังไงเหรอคุณคายะ? ]
[ เพราะเขาสามารถชนะท่านเรย์จิได้เชียวนะคะ ถ้าท่านเรย์จิเป็นคนพิเศษ ตัวเขาที่ชนะท่านเรย์จิได้ก็ต้องเป็นคนที่พิเศษเหมือนกันค่ะ ]
[ เรื่องนั้น… ]
เพราะคำพูดของคายะทำให้ฉันถึงกับพูดไม่ออก
[ เรื่องนั้น… ฉันก็คิดว่าเขาเป็นคุโรกิไม่ผิดตัวแน่ๆ แต่ว่า… ]
ใช่แล้ว เพราะฉันเฝ้าดูคุโรกิมาตลอด ดังนั้นไม่มีทางมองผิดไปได้หรอก
ทำไมคุโรกิ คนที่ใช้ชีวิตประวันแบบคนธรรมดาในโลกเดิม ถึงมาอยู่ในโลกนี้?
เขาปรากฏตัวในฐานะโจ๊กเกอร์ ศัตรูที่แข็งแกร่งต่อหน้าพวกเรา คิดไปคิดมามันก็แปลกนะ
จากเด็กหนุ่มธรรมดาทั่วไป กลายเป็นโจ๊กเกอร์ ฉันไม่เข้าใจเลยว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่
ทั้งที่คุโรกิไม่เคยชนะฉันเลยและควรจะอ่อนแอกว่าฉัน
ไม่มีทางเลยที่คุโรกิจะชนะเรย์จิที่เป็นผู้กล้าได้
แต่ยังไงนั่นก็เป็นคุโรกิ โอ้ยยย ในหัวฉันสับสนไปหมดแล้ว
[ ถ้าเกิดว่าแท้จริงแล้วเข้าซ่อนฝีมือที่แท้จริงไว้ล่ะค่ะ ซึ่งการเคลื่อนไหวของเขามันคือการเคลื่อนไหวของคนที่ผ่านมาฝึกมาอย่างหนักแล้วเท่านั้น ขนาดฉันเองก็คิดว่าตัวเองฝึกหนักแล้ว แต่เขานั้นเหนือยิ่งกว่านั้นซะอีกค่ะ เหนือกว่าถึงขนาดที่ฉันคิดว่าปีนขึ้นไปไม่ถึงยังจุดที่เขาอยู่แน่ๆ ]
ฉันรู้สึกตกใจกับคำพูดของคายะ ทั้งที่ฉันคิดว่าตัวเองรู้จักเรื่องของคุโรกิทุกอย่างแล้ว แต่มันไม่ใช่เลย
ตั้งแต่ที่ฉันได้พบกับเรย์จิ จำนวนครั้งที่ฉันได้พบกับคุโรกิก็ลดลง นี่เกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลานั้นกันแน่นะ?
ช่างน่าเสียใจจริงๆ ที่ฉันไม่ได้เห็น
[ ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่คงมีเรื่องหลายเรื่องเกิดขึ้นกับเขา… ]
ฉันตอบออกไป
[ งั้นเหรอคะ… งั้นตอนนี้เรามาทำให้เขากลับมาได้สติกันเถอะค่ะ ]
คายะพูดเพื่อบอกให้รู้ถึงสถานการณ์ตอนนี้
ไม่ว่าฉันจะพยายามคิดเท่าไหร่ ตอนนี้ก็คงไม่ได้คำตอบ คงมีแต่ต้องทำให้คุโรกิกลับมาได้สติแล้วฟังความจริงจากปากเขาเท่านั้น
[ งั้นคายะ… ฉันยังไม่อยากเดินทางต่อเลยค่ะ ขอหยุดพักสักวันแล้วกันนะ ]
เคียวกะพูด แน่นอน ฉันเองก็อยากขอเวลาพักสักวันเหมือนกัน
[ งั้นฝากทำอาหารและช่วยทำความสะอาดห้องทีนะ สำหรับตอนนี้ยังไม่อยากกินเนื้อเท่าไหร่ ขอเป็นผักจะดีกว่า เรื่องอาหารให้พวกชาวบ้านจัดการคงได้ ฉันจะได้พักผ่อนได้สักที ]
คายะหยักหน้า
หลังจากทำอาหาร พวกชาวบ้านก็นำอาหารมาให้
พวกเราช่วยงานเราได้มากเลยล่ะ
โดยเฉพาะพ่อกับลูกสาวคนที่จะถูกเอาตัวไปให้โอเกอร์น่ะ พวกเขาซึ้งในบุญคุณของเรามาก เลยช่วยงานเราทุกอย่าง
ถึงแม้จะมีคนที่กลัวพวกเราเลยยอมทำงานอยู่บ้างก็ตาม
จากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับอาณาจักรนี้นะ เพราะความปลอดภัยที่ถูกโอเกอร์คอยปกป้องได้หายไปแล้ว ความสงบสุขก็อาจจะหายไปด้วย
และฉันก็คงมาอยู่คอยดูแลอาณาจักรนี้ไม่ได้
พวกเขาช่วยทำอาหารและช่วยทำความสะอาด จากนั้นก็กลับไปที่อาณาจักรโคกิ
แต่ดูเหมือนแถวนี้จะยังมีพี่น้องโอเกอร์ของเซนกุอยู่ ดังนั้นถ้าเจ้าพวกนั้นปรากฏตัว ก็คงต้องให้ชาวบ้านมาบอกพวกเราแล้วกัน
เราทานอาหารเสร็จและใช้น้ำร้อนเช็ดตัวแบบง่ายๆ จากนั้นก็นอน
เพราะเราเปลี่ยนผ้าปูเตียงแล้ว ดังนั้นเลยไม่มีกลิ่นอยู่เลย แม้จะมีเตียงเดียว แต่ก็เป็นเตียงขนาดใหญ่ทำให้เรานอนเดียวกันสามคนได้สบายมาก
ตอนนี้จะคิดเรื่องคุโรกิไปก็ทำอะไรไม่ได้
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฉันก็นอนหลับไป
◆ อีธีกอสผู้ร่วงหล่น
ช่วยด้วย
แม้ว่าข้าจะพยายามตะโกนออกไปแค่ไหนก็ไม่มีเสียงเพราะถูกปิดปากอยู่
ตอนนี้พวกชาวบ้านเองก็กลับไปกันหมดแล้ว
ไดร์กันที่อยู่ข้างๆ ข้าถูกโซ่ล่ามและแขวนเอาไว้ขณะที่หมดสติ
ที่ข้ายังไม่ถูกฆ่าก็เพราะเป็นคนนำทางมาให้ แต่ถึงอย่างนั้นผู้หญิงที่ชื่อคายะก็ยังเอาข้ามามัดข้าไว้ด้วยโซ่ และแขวนข้าไว้ที่ห้องหลังคาบ้าน ผู้หญิงคนนั้นมันปีศาจชัดๆ
เพราะดูเหมือนผู้หญิงที่ชื่อคายะกับชิโรเนะจะมีความสามารถรับรู้ถึงผู้ที่พยายามจะทำร้ายได้ ทำให้พวกเธอรู้สึกได้ถึงจิตชั่วร้ายจากตัวพวกข้าล่ะมั้ง
สุดท้ายเลยกลายมาเป็นสภาพอย่างตอนนี้
สายลมตอนกลางคืนมันหนาวมาก
ข้ารู้สึกเหมือนน้ำตากำลังไหล
ทำไมถึงทำกันแบบนี้ได้?
ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย