อัศวินดำ - ตอนที่ 36
◆ สตรีแห่งดาบ ชิโรเนะ
อาณาจักรเวรอสเป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในแถบพื้นที่ที่ใกล้เคียงกับนากอล
ป่าสีผ้าที่แผ่กระจายไปทางใต้ของเทือกเขาอาเครอน โดยอาณาจักรนี้ตั้งอยู่ที่ปากแม้น้ำที่ไหลอยู่ตรงกลาง
มีประชากรประมาณ 150,000 คน แต่เพราะข้างนอกกำแพงเมืองมีมอนสเตอร์อยู่มากมาย อาณาจักรนี้จึงเป็นอาณาจักรที่น่าสงสารมาก แต่ในทางกลับกันเวรอสก็เป็นอาณาจักรผลิตผลเวรุสรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยผลเวรุสนั้นคล้ายแอปเปิ้ลและปลูกได้เฉพาะพื้นที่แถบนี้เท่านั้น
ผลเวรุสมีรสหวานและใช้เป็นส่วนผสมของเหล้าและเครื่องปรุงได้ ดังนั้นจึงมีความต้องการจากหลายๆ อาณาจักร
ผลเวรุสนั้นถูกส่งออกไปถึงกระทั่งสาธารณรับลีนาเรียที่อยู่ทางใต้อันแสนไกล
ตอนนี้ฉัน คุณเคียวกะและคุณกำลังอยู่ในราชวังของอาณาจักรเวรอส โดยฝากฮิปโปกริฟฟ์ไว้ในคอกม้าของอาณาจักร
ก็สงสัยม้าตัวอื่นๆ อยู่หรอกจะ แต่ก็ช่วยไม่ได้ มันไม่มีที่ไหนให้ฝากนี่นา
[ แหมๆ ท่านชิโรเนะ ดีใจจริงๆ ที่มาเยือมเยียนอาณาจักรเวรอสคราวนี้ ]
ผู้ชายอายุรุ่นราวประมาณ 50 ตรงหน้าฉันก็คืออีคาราส ราชาของอาณาจักรนี้ นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ฉันพบเขา
อีคาราสเป็นชายแก่อ้วน ฉันเองซึ่งอยู่ในรุ่นลูกของเขาเลยด้วยซ้ำเลยไม่กล้าพูดออกไป แต่น่าตาเขาน่าเกลียดมากเลย
ถึงรูปร่างหน้าตาของเขาคล้ายกับอีธีกอส ทั้งชื่อและรูปร่างต่างก็คล้ายกัน แต่เนื้อในนั้นต่างกัน
[ ท่านชิโรเนะ ท่านทางนี้คือน้องสาวของผู้กล้าสินะครับ? ]
ราชาอิคารสมองไปที่คุณเคียวกะที่อยู่ข้างๆ ด้านขวาของฉัน
แต่เดิมควรให้เกียรติราชาโดยการยืนแล้วค่อยนั่งลง นิสัยไม่ดีส่วนนี้คงมาจากเรย์จิคุงล่ะมั้ง
แต่ว่าดูเหมือนคุณไม่ได้สนท่าทางของคุณเคียวกะ ดูท่าว่านี่คงเป็นเรื่องปกติของเธออยู่แล้ว
[ ค่ะ องค์ราชาแห่งเวรอส ทางนี้คือน้องสาวของท่านเรย์จิ คุณหนูเคียวกะค่ะ พวกเราจะอยู่ที่อาณาจักรนี้ไปสักพักหนึ่ง ยังไงก็ขอความกรุณาด้วยค่ะ ]
คุณพูดอย่างอ่อนน้อม
[ ฮะฮะฮะ แน่นอนๆ จะอยู่ที่เวรอสนานเท่าไหร่ก็ได้ตามที่พวกเจ้าต้องการเลย ]
ถึงกระนั้นราชาอีคาราสก็ไม่ได้โกรธและยังยิ้มตอบรับ
ไม่เหมือนอีธีกอสในตอนนั้น อีคาราสไม่มีอะไรน่าสงสัยเลย จากที่ฉันได้พบกันครั้งก่อนก็คิดว่าเขาเป็นคนดีและดูเหมือนจะไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
พวกเราเลือกอาณาจักรเวรอสเป็นฐานหลักในหาข้อมูลของคุโรกิ
ถึงแม้อาณาจักรอัลโกลี่จะใกล้กับนากอลที่สุด แต่อาณาจักรอัลโกลี่ก็ไม่เหมาะจะอยู่อาศัยนัก ฉันจึงตัดสินใจอยู่ที่เวรอสซึ่งอุดมสมบูรณ์มากกว่าแทน
[ จะว่าไปแล้ววันพรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงเต้นรำจัดขึ้นที่อาณาจักรเรา พวกท่านทุกคนจะมาร่วมงานด้วยมั้ย? ]
[ [ [ งานเต้นรำ?!! ] ] ]
พวกเราพูดออกมาแทบจะพร้อมกัน
จากนั้นเราก็นึกถึงสิ่งที่ราชาอีคาราสพูด
ที่โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่าความสัมพันธ์ของชนชั้นสูงอยู่ ซึ่งเป็นสังคมของคนบนโลกนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโลกที่มีมอนสเตอร์เพ่นพ่านมากมายขนาดนี้ มนุษย์ที่อาศัยอยู่จึงต้องร่วมมือกัน
ไม่เพียงแค่ประชาชนในกำแพงเท่านั้น แต่ยังให้ความร่วมมือกันแม้จะข้ามกำแพงของกันและกันโดยเหล่าขุนนางและชนชั้นสูงมารวมตัวกัน เช่นเดียวกับการประชุมที่จะมีนานาอาณาจักรมาร่วม จึงเรียกกันว่าการเปิดอกพูดคุยกันระหว่างอาณาจักร
ซึ่งการประชุมง่ายๆ นั้นจะถูกจัดขึ้นในธีมงานเลี้ยงอาหารค่ำ งานเลี้ยงน้ำชา และงานเต้นรำ
ตอนที่ฉันเดินทางไปกับเรย์จิกับคุณจิยูกิก็เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำหรืองานเต้นรำหลายต่อหลายครั้ง
แม้จะเรียกว่างานเต้นรำ แต่มันก็ไม่ใช่งานเต้นรำเหมือนในซินเดอเรลล่าอย่างที่จินตนาการไว้
แต่การเต้นรำจะต่างกันไปตามพื้นที่ งานเต้นรำนี้จะเป็นการเต้นรำพื้นบ้านเหมือนการเต้นรำในหนังตะวันตก
ตามที่คุณจิยูกิบอกไว้ มันก็เหมือนงานเต้นรำในงานเทศกาลของญี่ปุ่นหรือเทศกาลต่างๆ นั้นแหละ
แม้ว่าชุดที่ใส่จะค่อนข้างต่างกัน เพราะมีการจับคู่ชายหญิงและเต้นไปตามเพลงเหมือนในงานเต้นรำในซิลเดอเรลล่าก็เถอะนะ
โดยงานเต้นรำของเวรอสก็เหมือนกับงานเต้นรำทั่วไปนั้นล่ะ
[ เอายังไงดีล่ะ? ]
ฉันถามคุณเคียวกะกับคุณ
หากตามสามัญสำนึกทั่วไปก็ควรเข้าร่วมงานด้วย
และอีคาราสยังไม่ได้บังคับพวกเราด้วย แต่ให้อีกฝ่ายเป็นหนี้บุญคุณก็จะดีกว่าในอนาคต แต่จะปฏิเสธคำเชิญก็ได้
ฉันเองก็คิดจะปฏิเสธเหมือนกัน
แม้ว่าจะไม่ดีต่ออีคาราสและทำให้ความสัมพันธ์ไม่ค่อยดี
แต่งานเต้นรำมันก็เหมือนงานหาคู่แต่งงาน
เมื่อเรามาที่โลกนี้ เราก็ขอแต่งงานจากผู้ชายมากมาย
เจ้าชายของอาณาจักรนั้นบ้างล่ะ ขุนนางบ้างล่ะ
หากตามปกติ การได้แต่งงานกับชนชั้นสูงถือว่าเป็นเกียรติมาก แต่ฉันไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองจะมีเสน่ห์ขนาดนั้น
ที่สำคัญคือทุกคนอ่อนแอเกินไป ด้วยพลังของพวกเราแค่ออกแรงที่มือเพียงเล็กน้อย กระดูกพวกเขาก็แตกละเอียดแล้ว ดังนั้นเวลาเต้นรำจึงต้องระวังมาก การเต้นรำกับผู้ชายบนโลกนี้จึงไม่ใช่เรื่องสนุกและฉันก็ไม่อยากแต่งงานด้วย
แม้ว่าจะไม่ได้อยาก แต่หากเราใช้พลังนี้ก็สามารถเป็นราชาของสักอาณาจักรได้เลย แต่ตำแหน่งแบบนั้นไม่เอาด้วยหรอก
ถึงจะเทียบเรย์จิไม่ได้ก็ตาม
การถูกขอโดยเต้นรำโดยผู้ชายเต้นรำนี่มันก็น่าลำบากใจนะ
ริโนะเลิกไปกลางคัน นาโอะไม่ได้สนใจเลยตั้งแต่นาโอะ คุณซาโฮโกะดูเหมือนจะไม่อยากเข้าร่วมเลย เป็นธรรมดาที่ฉันเองก็ไม่ขอเข้าร่วมด้วย
ส่วนใหญ่คนที่เต้นรำก็ไม่มีใครอื่นนอกจากที่คาดวไว้ก็คือเรย์จิกับคุณจิยูกิเท่านั้น
ถ้าเป็นไปได้ฉันเองก็ไม่อยากร่วมงานครั้งนี้เหมือนกัน
ฉันมองไปทางคุณเคียวกะ
ฉันเห็นสีหน้าอายๆ ของคุณเคียวกะแต่เธอยังคงนิ่งเงียบ
ผู้ชายหลายคนในโลกนี้ต่างอยากได้เธอเป็นแฟน ไม่สิ ในโลกเหมือนเดิมก็เหมือนกัน ทางฉันเองก็ถูกผู้ชายมาบอกรักหลายต่อหลายคนจนเหนื่อยไปหมดแล้ว ดังนั้นไม่ขอร่วมงานจะดีกว่า
[ ได้ค่ะ ฉันจะร่วมงานเต้นรำด้วย แล้วทางคุณหนูล่ะคะ? ]
แต่ไหงคุณคายะกลับตอบรับซะอย่างนั้น
[ เดี๋ยวสิคายะคิดอะไรอยู่นะ!? ]
คุณเคียวกะตื่นตระหนก
[ คุณหนู! นี่เป็นหน้าที่ในฐานะลูกผู้หญิงนะคะ! ถึงเวลาแล้วที่คุณหนูจะออกจากห่างท่านเรย์จิบ้าง นี้เป็นโอกาสดีเลยนะคะที่จะหาผู้ชายดีๆ สักคน ]
[ เอ่อ… ]
ไม่นึกเลยว่าคุณคายะจะพูดแบบนั้นกับคุณเคียวกะ
ปกติแล้วคุณคายะเป็นคนสุภาพและในหัวของคุณคายะก็มีแต่เรื่องของคุณเคียวกะเท่านั้น
อย่างเคย ฉันไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเลย
ถึงจะไม่ดีต่อคุณเคียวกะ แต่เดิมฉันคิดว่าเธอเป็นน้องสาวของเรย์จิคุงที่ตรงข้ามกันไปซะทุกเรื่องเลยนะ แต่หากเธออยู่ในชุดเดรสจะต้องสวยมากแน่ๆ
[ เอ่อ… อือ ก็ได้คายะ … ]
ถึงคุณเคียวกะจะไม่เต็มใจแต่ก็ต่อต้านคุณคายะไม่ไหว
[ ฮะฮะฮ่า ดูท่างานเต้นรำคราวนี้จะน่าตื่นเต้นแล้วสิ ]
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้เราจึงต้องร่วมงานเต้นรำในวันพรุ่งนี้
◆ เจ้าชายแห่งอาณาจักรอัลโกลี่ โอมิรอส
ข้าออกจากอาณาจักรอัลโกลี่ตั้งแต่เช้าตรู่และขี่ม้ากับพาซัสเพื่อมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรเวรอส ซึ่งมาถึงในตอนเย็นของวันเดียวกัน
อาณาจักรเวรอสเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่ที่มีป่าล้อมรอบกำแพง ป่าแห่งนั้นเองก็เป็นหนึ่งในธุรกิจของเวรอสซึ่งมีผลไม้รสหวานที่ชื่อว่าผลเวรุสอยู่
เมื่อมองไปยังกำแพงเมืองก็เห็นกำแพงสูงใหญ่ที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามและยาวเหยียด
เพราะอัลโกลลี่แต่เดิมเป็นป้อมปราการที่ใช้เพื่อต่อสู้กับปีศาจจึงสร้างไว้เพื่อความทนทานเท่านั้น แต่กำแพงของที่นี่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามต่างจากอัลโกลี่
เวรอสเป็นประเทศที่ร่ำรวยต่างกับอาณาจักรของเรา
เพราะเป็นฐานของอุตสาหกรรมต่างๆ มากมายและการค้าของพื้นที่แถบนี้
มีประชากรมากกว่าอัลโกลี่ถึงสามเท่าและรวยกว่าถึงสิบเท่า
อาณาจักรเวรอสเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคแถบนี้ ในการจัดงาน… ทั้งราชวงศ์ ชนชั้นสูง และนานาอาณาจักรเพื่อนบ้านต่างมารวมกันที่งานเต้นรำที่จัดขึ้นโดยราชวงศ์ของอาณาจักรนี้ แน่นอน ข้าเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
งานเต้นรำจะเริ่มวันพรุ่งนี้ แต่มีเหตุผลที่ข้ามาก่อนล่วงหน้าอยู่
ข้าเต้นรำไม่เป็น คิดว่าพาซัสที่อยู่ข้างๆ ข้าเองก็เหมือนกัน
ตั้งแต่เกิดมาข้าไม่เคยเต้นรำเลยสักครั้ง
เพราะถูกเลี้ยงดูมาในฐานะนักรบ ดังนั้นจึงไม่มีใครเคยสอนเต้นให้ข้ามาก่อน แต่ตอนนี้ข้าเป็นเจ้าชายไปแล้ว ดังนั้นจะจะเต้นไม่เป็นไม่ได้เด็ดขาด
ข้าล่ะอยากไปบ่นกับท่านพ่อของข้า มอนทาสเหลือเกิน… ถ้าพ่อข้ามาร่วมงานซะเอง ข้าก็คงไม่ต้องฝืนมาฝึกเต้นรำที่ไม่ชอบหรอก
แต่อนาคตของอัลโกลี่ขึ้นอยู่กับงานเต้นรำครั้งนี้ นี่ให้ข้ารับหน้าที่สำคัญขนาดนี้จะดีเหรอ?
ในตอนที่คิวเพียสยังเป็นราชานั้น อัลโกลต้องกลายเป็นอาณาจักรที่โดดเดี่ยวและยากจน เพื่อแก้ไขปัญหานี้ข้าจึงต้องสานความสัมพันธ์กับอาณาจักรเวรอสที่เป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่แถวนี้
ในงานเต้นรำนั้นราชวงศ์จากประเทศต่างๆ จะมารวมตัวกัน นี่เป็นเวทีที่จะช่วยแก้ปัญหาได้ดี
เพื่อหวังว่าจะสร้างความประทับใจกับผู้นำของแต่ละอาณาจักร
ข้าจะทำเป็นไม่สนใจไม่ได้ ข้าต้องเต้นรำให้ได้
[ เต้นรำน่าสนุกจังนะครับ เจ้าชาย ]
พาซัสที่อยู่ข้างๆ ข้าพูดด้วยเสียงตื่นเต้น
พาซัสดูจะตื่นเต้นกับการเต้นรำมากต่างกับข้า แต่ถ้านายเต้นไม่เป็น มันก็น่าเป็นห่วงเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?
เพราข้าเต้นไม่เป็น ดังนั้นเลยวางแผนจะให้ราชาอีคาราสแนะนำใครสักคนที่สอนเต้นได้
เพราะในอัลโกลี่ไม่มีใครสักคนเต้นเป็นเลย นี่เป็นเหตุผลที่ข้าล่วงหน้ามาก่อนหนึ่งวัน
ถึงนี่จะเป็นตอนเย็นแล้ว แต่ก็ยังสามารถเข้าพบราชาได้
เรามุ่งหน้าไปที่ราชวัง
จากนั้นยามหน้าประตูวังก็ไปบอกว่าเราได้มาถึงแล้ว
ดูท่าจะยากที่จะถูกยอมรับว่าเป็นเจ้าชายล่ะนะ
จากนั้นก็มีคนมานำทางพวกเรา
[ โอ้ มาแล้วสินะเจ้าชายโอมิรอส คุณพาซัส ]
เมื่อเราเข้าไปในห้องอีคาราสก็พูดต้อนรับพวกเรา ทั้งที่ราชาคิวเพียวแย่งคู่หมั้นของเขาไปแท้ๆ
ดังนั้นในตอนที่คิวเพียวยังครองบัลลังก์ ความสัมพันธ์ของเวรอสกับอัลโกลี่จึงย่ำแย่มาก
[ ขอบคุณมากครับที่ให้เกียรติเชิญข้ามาร่วมงานเต้นรำ ]
ข้ากล่าวขอบคุณ
[ ไม่ ไม่เลย นี่ก็เป็นเรื่องที่ดีด้วย ที่อาณาจักรเราจะได้สานสัมพันธ์กับอัลโกลี่ ]
ราชาอีคาราสหัวเราะอย่างสดใส ถึงแม้ราชาอีคาราสดูเหมือนจะยกโทษเรื่องที่ถูกราชาคิวเพียวแย่งคู่หมั้นไปแล้ว แต่สถานะทางการทูตก็ยังอยู่ในกึ่งกลาง ระหว่างแตกหักกับไม่แตกกัก แต่คราวนี้ล่ะ ข้าจะพยายามทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นเอง
[ ถึงกระนั้น… ก็ล่วงหน้ามาก่อนถึงหนึ่งวัน ทั้งที่งานเต้นรำจะเริ่มวันพรุ่งนี้เลยนะเหรอ? ]
[ จริงๆ แล้วข้ามีเรื่องอยากจะขอร้องเกี่ยวกับงานเต้นรำนะครับ ]
[ เรื่องอะไรงั้นเหรอ? ]
[ ที่จริงแล้วข้ากับพาซัสเต้นไม่เป็นเลยสักนิด เลยอยากจะขอให้ผู้หญิงสักคนหรือใครสักคนช่วยสอนหน่อยจะได้รึมั้ยครับ? ]
อีคาราสหัวเราะเมื่อได้ยิน
[ แหม เรื่องนั้นเองหรอกรึ งั้นข้าจะแนะนำคู่เต้นมาสอนให้แล้วกัน ]
[ ถ้าเป็นไปได้ขอสาวสวยครับ ]
พาซัสพูดอะไรไม่เข้าเรื่องออกมา
[ พาซัส!! ]
ข้ากลัวมาก เพราะที่จริงไม่อยากรบกวนเขาขนาดนั้น
[ ไม่ ไม่เป็นไร งั้นข้าจะแนะนำสาวสวยเป็นคนสอนให้แล้วกัน ]
แต่ดูเหมือนราชาอีคาราสจะไม่ได้สนใจ ข้ารู้สึกโล่งใจ
[ สาวสวยเหรอ น่าตื่นเต้นจังน้า ]
พาซัสพูดอย่างมีความสุข
ข้าได้แต่ถอนหายใจ ข้าได้แต่ภาวนาขออย่าให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นเลยเถอะ
◆ สตรีแห่งดาบ ชิโรเนะ
[ ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าหญิง ข้าชื่อพาซัส รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เต้นรำกับคนสวยอย่างคุณ ]
ผู้ชายที่ชื่อพาซัสก้มโค้งต่ำลงไปให้คุณเคียวกะ
หน้าของคุณเคียวกะตึงขึ้น
ฉันไม่อยากพูดเรื่องใบหน้าของคนอื่นหรอกนะ แต่ชายที่ชื่อพาซัสหน้าตาเหมือนก็อบลินเลย เหมือนจนน่ากลัว พูดตามตรงว่าไม่ใช่คนที่อยากได้เป็นคู่เต้นรำหรอกนะ
แต่ว่าเขาเองก็ดูมีความสุขดี ดูท่าจะไม่ได้คิดมากที่ตัวเองเกิดมามีหน้าตาเหมือนก็อบลิน งั้นก็เลิกคิดไปแล้วกัน
แต่มีอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันกังวลก็คือ
ชายที่ชื่อพาซัสดูเหมือนกำลังใช้เวทมนตร์ทำให้ตัวเองดูดีอยู่
ด้วยดวงตาของฉันจึงสามารถมองเห็นหน้าตาที่แท้จริงของเขาได้ เห็นพาซัสที่กำลังทำหน้าหื่นแบบเต็มตาเลยล่ะ
ยิ่งคุณเคียวกะที่มีพลังเวทมากกว่าฉัน ดังนั้นเองก็คงเห็นหน้าตาที่แท้จริงของพาซัสเหมือนกัน
ฐานะมนุษย์ของโลกนี้เขามีฝีมือมากทีเดียว แต่ก็ยังไม่ถึงระดับพวกเราหรอก
ตั้งแต่เรามาที่โลกนี้เราก็สามารถใช้เวทมนตร์ได้โดยไม่ต้องฝึกอะไร ซึ่งแต่เดิมคนบนโลกนี้นั้นจะไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้หากไม่ฝึกฝนซะก่อน
พนันเลยว่าเขาคงฝึกใช้เวทมนตร์มาอย่างหนัก
เพราะเวทมนตร์ที่เปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ มันควบคุมยากมาก
เขาโค้งลงให้คุณเคียวกะอย่างสง่างาม
แต่ว่าใบหน้าของคุณเคียวกะแข็งไปแล้ว ดูท่านี่จะเป็นครั้งแรกที่หนักหนาเกินไปล่ะนะ
โดยราชาอีคาราสได้ให้พาซัสเป็นคู่เต้นให้คุณเคียวกะ ส่วนฉันได้โอมิรอสเป็นคู่เต้น
เดาว่าในสายตาของราชาอีคาราส พาซัสคงเป็นหนุ่มหล่อล่ะนะ
ในฐานะที่เคียวกะเป็นผู้นำกลุ่มเรา ราชาอีคาราสจึงแนะนำคนที่ดีที่สุดให้กับเคียวกะ
แต่ทว่าใบหน้าที่แท้จริงของเขามัน…. แบบนี้โอมิรอสยังดีกว่าเยอะเลย
[ เป็นบุญที่ได้เกิดมาจริงๆ ที่ได้เห็นคู่เต้นที่สง่างามราวกับภาพวาด ข้าตื่นเต้นจนรอวันพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้วสิ ]
ราชาอีคาราสพูดขณะที่หัวเราะ ไม่ผิดแน่ ในสายตาของราชาอีคาราส… พาซัสต้องเป็นหนุ่มหล่อหน้าสวยสินะ
ฉันคิดว่าจำเป็นต้องบอกเรื่องใบหน้าที่แท้จริงของพาซัสกับราชาอีคาราสไว้ แต่เพราะหาโอกาสได้ลำบาก เลยไม่ได้พูดสักที
[ เอ่อ คนอื่นไม่ได้เหรอ… ]
เคียวกะอยากเปลี่ยนคู่
[ ไม่ได้ค่ะ คนนี้แหละดีแล้ว ]
คุณคายะมาขวางคุณเคียวกะที่คิดจะเปลี่ยนคู่เต้น
[ คายะ!! ]
[ คุณหนูคะ นี่เป็นการทดสอบนะคะ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะดูแย่ขนาดไหน คุณหนูก็ต้องอดทนให้ได้ ดังนั้นไม่ว่าใครก็ต้องเต้นรำกับเขาให้ได้ค่ะ ]
คำพูดของคายะดูใจร้ายจังนะ
เพราะจริงๆ แล้วคุณเคียวกะไม่ค่อยมีมนุษย์สัมพันธ์ต่างกับเรย์จิ
ฉันรู้ดีว่าคุณคายะอยากให้คุณเคียวกะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
แน่นอน ไม่ได้ถึงขนาดให้คุณเคียวกะเปลี่ยนไปจนไม่ใช่ตัวเอง
แต่ให้พาซัสเป็นคู่เต้นมันออกจะน่าลำบากใจอยู่นะ?
โดยที่คายะนั้นไม่ได้เต้นด้วย นี่แอบวางแผนไว้อยู่แล้วเรอะ
ตอนที่คุณคายะบอกว่าจะเข้าร่วมงานเต้นรำ ทั้งฉันและคุณเคียวกะต่างอึ้งกันไปเลยล่ะ
[ นี่! งั้นขอเปลี่ยนคู่กับคุณชิโรเนะก็ได้ ได้โปรดล่ะ.. ]
คุณเคียวกะมองมาทางฉัน
[ ขอโทษนะคะคุณเคียวกะ… ฉันเองก็… ]
ฉันก้มหัวลงขณะที่พูด ถ้าเป็นไปได้ฉันก็ไม่อยากได้พาซัสเป็นคู่เต้นเหมือนกัน
คุณเคียวกะพยายามหันสายไปมาทางฉัน แต่ฉันเบือนหน้าหนี
[ ฮึ… ]
คุณเคียวกะทำเสียงประหลาด
[ มีอะไรกันรึครับ? ]
ราชาอีคาราสพูดด้วยความเป็นห่วง จะบ่นกับอีคาราสก็ไม่ได้ด้วยสิ เพราะที่เขาแนะนำพาซัสมาก็เพราะหวังดี
[ ไม่ ไม่มีอะไรหรอกคะ… ค-แค่อยากจะขอบคุณที่ช่วยแนะนำคู่เต้นรำ… อย่างท่านเซอร์พาซัสให้ ]
เห็นได้ชัดเลยว่าเธอพูดตรงกันข้ามกัน ขณะที่ใบหน้าแข็งไปหมด
เมื่อได้ยินเคียวกะพูดแบบนั้น พาซัสก็หัวเราะมีความสุข ถ้าใบหน้านั้นเป็นเรื่องโกหกจะดีมากเลยน้า ใบหน้าที่แท้จริงของเขาเองก็กำลังหัวเราะอยู่เหมือนกัน
[ ถ้างั้นข้าปล่อยให้หนุ่มสาวคุยกันดีกว่า ข้าคงต้องขอตัวก่อนล่ะ ]
จากนั้นอีคาราสก็ออกจากห้องพร้อมเสียงหัวเราะ
เหลือเพียงแค่ 5 คนในห้อง
พาซัสพูดคุยอย่างมีความสุขกับคุณเคียวกะ ดูท่าจะดีใจมากจริงๆ ที่จะได้เต้นกับคุณเคียวกะ แต่สีหน้าของคุณเคียวกะกระตุกด้วยนะสิ
แต่เดิมตั้งแต่เมื่อตอนที่ยังอยู่โลกเดิม คุณเคียวกะก็เป็นคนสวยอยู่แล้ว แต่พอมาที่โลกนี้เธอก็ยิ่งสวยขึ้นไปอีกขั้น
ตอนที่คุณเคียวกะมาที่โลกนี้ ผมสีดำสลวยที่ดูส่องสว่างมากกว่าเดิม ผมสีขาวก็ดูมีประกายมากขึ้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็อยากเต้นรำกับเคียวกะ ไม่ใช่แค่พาซัสคนเดียวหรอก
แต่ตอนนี้สีหน้าของคุณเคียวกะดูแย่มาก และมีรอยคล้ำเล็กๆ ปรากฏขึ้นในใบหน้าอันงดงามของเธอ
ในใจฉันก็อยากหาคู่ชีวิตดีๆ ให้คุณเคียวกะอยู่หรอกนะ
[ ยินดีที่ได้พบค่ะ… เอ่อ ชื่อ… โอมิรอส? ]
[ ครับ ขอบคุณมากเจ้าหญิงชิโรเนะ ข้าโอมิรอสมาจากอาณาจักรอัลโกลี่ ]
โอมิรอสก้มหัวให้ฉัน ดูแล้วเขาจะกังวลอยู่นิดหน่อยนะ
[ อาณาจักรของอัลโกลี่? ของเรจิน่าน่ะเหรอ? ]
[ รู้จักเรจิน่าด้วยเหรอครับ?! ]
เมื่อได้ยินชื่อของเรจิน่า โอมิรอสก็ตะโกนออกมา
[ ค่ะ… เคยเจอตอนที่ไปอัลโกลี่คราวก่อนนะ ]
[ ถ้าคุณอยู่กับท่านผู้กล้าก็คงจะได้พบสินะครับ แต่ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ที่อัลโกลี่อีกแล้ว… ]
โอมิรอสพูดเสียงเบาลงเรื่อยๆ
และสีหน้าก็ดูมืดมนมากขึ้น ดูท่าจะเป็นสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีนักสินะ
[ เอ่อ คุณโอมิรอส เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าหญิงเรจิน่าเหรอคะ? ]
คิดว่าเรย์จิเองก็ยังกังวลเรื่องของเจ้าหญิงเรจิน่าอยู่ ดังนั้นลองถามเขาดูแล้วกัน
[ ครับ ที่จริงแล้ว… ]
จากนั้นโอมิรอสก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในอาณาจักรอัลโกลี่ให้ฟัง
[ เรื่องแบบนั้น… ]
ฉันตกใจมากกับเรื่องที่โอมิรอสเล่า ไม่คิดเลยว่าเจ้าหญิงเรจิน่าจะพบเจอเรื่องเลวร้ายขนาดนั้น
[ ช่างน่าเศร้าจริงๆ เลยค่ะ ]
คุณเคียวกะที่กำลังฟังอยู่น้ำตาไหล
[ ทั้งสองตระกูลต้องแตกแยกกันเหมือนผ้าที่ถูกฉีกออกจากกัน เป็นเรื่องน่าเศร้า เหมือนหนังสือที่ฉันเคยอ่านเลยค่ะ ]
คุณคายะพยักหน้าให้ฉัน ใช่แล้วมันน่าอึดอัดใจน่าดู
[ ใช่แล้วค่ะ เรื่องนั้น ฉันเองก็เคยอ่าน… มันช่างน่าเศร้าจริงๆ ]
[ ค่ะ เรื่องที่นินจานินจา 10 คนต่างฆ่าฟันกันเอง… เรื่องนั้นมันเศร้ามากเลยใช่มั้ยคะ? ]
เมื่อฉันพูด ทั้งสองคนที่มองมาด้วยสีหน้าแปลกประหลาด นี่ฉันพูดอะไรผิดไปตรงไหนเหรอ
[ แต่ที่ฉันอ่านมันต่างกันนะคะ… ]
[ อ้าว ไม่ใช่นิยายแฟนตาซีหรอกเหรอคะ? ]
ทั้งสองคนมองฉันด้วยสายตาผิดหวัง อะไร? นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
[ ข้าขอโทษเรื่องเจ้าหญิงเรจิน่าด้วย เจ้าชายตอนนี้เรามาสนุกกับงานเต้นรำเพื่อลืมกันเถอะครับ! คุณเองก็คิดแบบนั้นใช่มั้ยครับเจ้าหญิงเคียวกะ ]
พาซัสจับมือของคุณเคียวกะแล้วพูด
แต่ฉันเห็นสีหน้าของคุณเคียวกะซีดตอนที่พาซัสเอามือมาจับ
[ ค-ค่ะ จริงด้วย ]
คุณเคียวกะพูดขณะที่พยายามสบัดมือ
ไม่เลวนี่นาพาซัส แต่ฉันไม่ได้พูดออกไป เพราะไม่งั้นเขาอาจจะทำแบบเดียวกันนั้นกับฉันก็ได้
โอมิรอสยืนเฝ้าดูจากใกล้ๆ ห่างไปนิดหน่อย บางทีเขาคงกำลังคิดถึงเจ้าหญิงเรจิน่าอยู่
ฉันก็พอมีกำลังใจจะไปงานเต้นรำนี้อยู่ล่ะนะ เพราะอย่างน้อยก็ไม่ได้เป็นคู่เต้นกับพาซัส
◆ แม่มดสีเงิน คุนะ
คุนะกำลังยืนอยู่ตรงหน้าราชินีของอาณาจักรคารอน
[ อา… แล้วฝ่าบาทไม่มาด้วยเหรอ? ]
ราชินีก็อบลินดูจะพยายามมองหาคุโรกิอยู่
[ คุโรกิไม่มา คุนะเลยมาแทน ]
ใช่แล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะให้คุโรกิที่รักของคุนะมาที่นี่หรอก
ราชินีก็อบลินทำท่าทางผิดหวัง
[ แล้วมีธุระอะไรล่ะราชินีก็อบลิน? ]
ราชินีก็อบลินถอนหายใจ
[ จริงๆ แล้วเรื่องผู้กล้าของอาณาจักรอัลโกลี่ที่ชื่อพาซัสซึ่งข้าเล่าให้ฟังเมื่อวันก่อนน่ะ… แท้จริงแล้วพาซัสคือลูกชายของข้าที่ชื่อโกสุ เขาใช้เวทมนตร์เปลี่ยนรูปลักษณ์และมาบอกว่าเขาไม่ได้อยากเป็นศัตรูกับนากอล ]
คุนะจำเฮอร์เพสที่ราชินีก็อบลินเล่าให้ฟังได้ ดูเหมือนเขาจะใช้เวทมนตร์เปลี่ยนหน้าตา แต่หลอกตาของคุนะไม่ได้หรอก ใบหน้าของเขานั้นเหมือนกับราชินีก็อบลินที่อยู่ตรงหน้าคุนะ
[ แล้วมีอะไรอีกมั้ย? ]
[ ข้าเสียใจมาก ที่เรื่องครั้งนี้ก่อความเดือดร้อนให้ ต้องขออภัยด้วย… ข้าแค่อยากให้มันจบเรื่องนะ ]
ราชินีก็อบลินก้มหัว
คุนะขอคิดก่อนนะ
ถึงมันจะไม่ดีต่อราชินีก็อบลิน แต่ในตอนนั้นคุนะสะกิดใจอะไรบางอย่าง
ใช่แล้ว ตอนนั้นพวกเขาพูดชื่อของเรจิน่าออกมาด้วย
คุนะไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงพูดชื่อเรจิน่าออกมา คุนะอยากรู้ เพราะอาจมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เรจิน่าออกไปห่างๆ คุโรกิ
[ งั้นคุนะจะไปบอกคุโรกิให้ แล้วลูกชายของราชินีก็อบลินกำลังทำอะไรอยู่? ]
คุนะต้องรู้เบื้องลึกของเรื่องคราวนี้ให้ได้
ว่าลูกชายของราชินีก็อบลินคิดจะทำอะไร? คุนะต้องการรู้
[ ข้าเองก็ไม่รู้หรอกค่ะว่าเขาจะไปทำอะไร… แต่ถ้าจำไม่ผิด เขาบอกว่าจะไปงานเต้นรำในอาณาจักรของมนุษย์ที่ชื่อเวรอสค่ะ ]
มีบางอย่างในคำพูดของราชินีก็อบลินที่สะกิดใจคุนะ
เต้นรำ
ใช่แล้ว คุโรกิเคยเล่าเรื่องการเต้นรำให้คุนะฟังมาก่อน ตอนนั้นหัวใจคุนะเหมือนหลงใหล
อ๊า พอจินตนาการคุนะกับคุโรกิเต้นรำเดียวกันแล้ว อาจจะดีก็ได้นะ
[ งานเต้นรำ… ]
[ ค่ะ งานเต้นรำ … และข้ายังให้ยาโด๊ปแก่ลูกชายที่จะไปงานเต้นรำด้วย ]
[ ยาโด๊ป? ]
เรื่องน่ากังวลอีกแล้ว
[ ค่ะ มันเป็นยาที่ทำให้ผู้ชายแข็งขึ้นมาได้ ซึ่งทำจากน้ำผึ้งของสัตว์ร้ายที่อาศัยอยู่ในป่าแห่งความมืดทางตะวันตกของปราสาทราชาปีศาจค่ะ ถ้าผู้ชายดื่มเข้าไปจะคึกแล้วส่ายเอวไม่หยุดเหมือนเซนทอร์เลยค่ะ หากผู้หญิงดื่มเข้าไปจะลีลาส่ายสะโพกไม่หยุดค่ะ ]
คุนะรู้สึกสนใจในคำพูดนั้น
[ คงไม่ว่าอะไรใช่มั้ย ถ้าให้คุนะสักขวด? ]
[ เอาจริงเหรอคะ?!!! ]
เสียงของเธอตะโกนขึ้น
[ แต่ว่ามีเงื่อนไขนะคะ
[ มู่… แล้วเงื่อนไขคืออะไรล่ะ… ? ]
ก็รู้อยู่แล้วว่ามันต้องไม่ฟรี
[ ไม่ต้องกังวลมากหรอกค่ะ ก็แค่อยากได้เส้นผมของท่านเท่านั้นเอง ]
คุนะตอบรับตามเงื่อนไขของราชินีก็อบลิน ถ้าเป็นเส้นผมละก็เท่าไหร่ก็ได้เลย
[ เข้าใจแล้ว ถ้าเส้นเดียวคงได้นะ ]
คุนะดึงผมเส้นหนึ่งไปให้ราชินีก็อบลิน
[ แน่นอนค่ะ ไว้ข้าจะนำยาไปให้ทีหลัง ถ้าอยากจะให้เขาคนนั้นดื่มล่ะก็ลองชวนดื่มชาแล้วผสมมันลงไปจะดีกว่านะคะ ]
ราชินีก็อบลินหัวเราะออกมา บางทีเธอคงกำลังคิดถึงคุโรกิ
เป็นรอยยิ้มที่น่าเกลียดจริงๆ แต่คุนะต้องอดทนไว้
จากนั้น ก็อบลินตัวหนึ่งก็นำยามาให้คุนะ โดยบรรจุในขวดแก้วโปร่งใสอย่างสวยงาม
[ ขอบคุณมากสำหรับยาราชินีก็อบลิน ]
เมื่อคุนะได้ยาแล้ว คุนะก็ออกจากอาณาจักรคารอน
◆สตรีแห่งดาบ ชิโรเนะ
ฉันมองตัวเองในกระจกที่สวมชุดเดรสสีฟ้า
เมื่อสะบัดตัว สะโปรงก็ปลิวไหวไปตาม
ก็สวยดีล่ะนะ
แต่รู้สึกเหมือนสูญเสียอะไรบางอย่างไป(เสียลุคสาวห้าว)
ข้างๆ ฉันคือคุณเคียวกะที่สวมชุดเดรสสีกุหลาบ คุณเคียวกะนี่สวยจริงๆ เลยน้า
สไตล์ราบเรียบ เอวแน่น หน้าอกเปิดกว้างจนมองเห็นได้ อ๊า หน้าอกของเธอช่างอวบอิ่มดีจริงๆ ถ้าฉันเป็นผู้ชายก็คงมองเหมือนกันแน่
[ เจ้าหญิง ดูดีมากเลยค่ะ ]
ภรรยาของอีคาราส โคฟีน่าพูดชมเรา เมื่อเห็นพวกเราในชุดเดรส ไม่มีสิ่งใดในสายตาของโคฟีน่าเลยนอกจากสายตาชื่นชม แต่ถึงอย่างนั้นโคฟีน่านี่ทั้งที่เป็นภรรยาของราชาอาณาจักรนี้แต่ดูไม่เหมือนราชินีเลยนะ
นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ฉันเจอกับโคฟีน่า
จากที่คุณจิยูกิบอก ดูเหมือนเธอจะเป็นลูกสาวของพ่อค้า ในตอนที่พ่อของเธอมาที่เวรอสเพื่อทำทำธุรกิจ ดูเหมือนเธอจะไปต้องตาอีคาราสเข้าให้
มีหลายคนที่ค้านเรื่องที่โคฟีน่าจะเป็นราชินี
แต่เพราะเห็นว่าราชาอีคาราสซึ่งต้องเศร้ามาอย่างยาวนาน เพราะถูกราชาของอัลโกลี่แย่งคู่หมั้นไปทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือก จนในที่สุดก็ยอมรับการแต่งงานของทั้งสองคน
โคฟีน่าเองก็เป็นคนสดใสเหมือนกับอีคาราส ดังนั้นการที่ทั้งคู่แต่งงานกันมันช่างเหมาะสมจริงๆ
โคฟิน่าเป็นลูกสาวของพ่อค้า ดังนั้นเรื่องบัญชีการเงินของสามีจึงมีเธอคอยช่วย ด้วยความสามารถของเธอทำให้ได้รับการยอมรับว่าเป็นราชินีจากทุกคนจริงๆ แล้วล่ะในตอนนี้
เธอมีลูกชายกับอีคาราส ซึ่งตอนนี้ลูกของเธอก็อายุได้ 5 ขวบแล้ว
เธอนี่ช่างเป็นภรรยาตัวอย่างจริงๆ ที่สามารถจัดการคุมสามีได้อย่างอยู่หมัดโดยไม่โกรธสักนิด
เพราะเราเพิ่งเดินทางมาถึงอาณาจักรนี้เมื่อคืนเท่านั้นเองจึงไม่มีเวลาไปเตรียมชุด ดังนั้นโคฟิน่าจึงให้ยืมชุดที่จะใส่ไปงานเต้นรำก่อน
ราชาอีคาราสได้มอบเสื้อผ้าและของมีค่ามากมายให้โคฟีน่า เธอจึงมีชุดมากมายที่ไม่ได้ใส่ในห้องแต่งตัว พวกเราเลยขอยืมมา
โดยเครื่องแต่งกายของแต่ละอาณาจักรจะต่างกันไป หากเป็นอาณาจักรที่ร่ำรวยก็จะดูหรูหรา หากเป็นอาณาจักรที่ยากจนก็จะดูแย่หน่อย
เพราะอาณาจักรเวรอสเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่จึงมีเครื่องแต่งกายดีๆ อยู่มาก
ชุดที่ฉันกับคุณเคียวกะใส่ดูสง่างามไม่แพ้ชุดจากโลกเดิมเลย
[ หน้าอกมันเปิดเกินไปแล้ว… ]
เสียงคุณเคียวกะบ่น
โคฟิน่ามีรูปร่างผอมและหน้าอกไม่ใหญ่มากนัก หากเป็นฉันใส่ก็ไม่ได้รู้สึกแน่นที่หน้าอกหรืออะไร แต่ดูท่าทางคุณเคียวกะที่หน้าอกใหญ่จะดูทรมาน
[ มันก็ต้องเปิดหน้าอกอยู่แล้วค่ะ แต่ฉันคิดว่ามันล่อตาล่อใจมากเลยนะคะ แน่นอนท่านพาซัสเองก็ต้องดีใจแน่ค่ะ ]
เมื่อได้ยินโคฟิน่าพูดถึงพาซัส ใบหน้าของคุณเคียวกะก็มีใบหน้าบิดเบี้ยวแปลกๆ
อาจจะไม่ดีต่อโอมิรอส แต่ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากเต้นรำกับเรย์จิมากกว่า
แม้จะเคยเต้นรำกับเรย์จิมาแล้วครั้งนึง แต่เพราะมีผู้หญิงอยากเต้นรำกับเรย์จิรอต่อแถวอยู่มากมาย ดังนั้นฉันเลยเต้นกับเขาได้แค่พักเดียวเท่านั้น ถ้าเป็นไปได้อยากจะเต้นกับเรย์จิอีกครั้งจังน้าคราวนี้
ฉันเองก็อยากเต้นกับคุโรกิเหมือนกัน แต่คุโรกิจะไม่ค่อยเต้นเพราะมันเด่นเกินไป แต่ถ้าเขาได้เห็นฉันในชุดนี้อาจจะเปลี่ยนความคิดนั้นก็ได้นะ
เพราะเดิมทีหน้าตาของคุโรกิก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ฉันเลยคิดเขาน่าจะออกไปสู่แสงสว่างมากนะ เขาไม่สมควรจะไปอยู่ในนากอลอันมืดมิดนั้นเลย ฉันจะต้องทำให้เขาฟื้นสติให้ได้เลย
[ ถ้าเจ้านั้นพยายามจะทำเรื่องเสียมารยาทกับคุณหนู ฉันคนนี้จะบดขยี้มันและให้มันได้ชดใช้อย่างสาสมเลยค่ะ ]
ฉันกับคุณเคียวกะหัวเราะเบาๆ
เรื่องบดขยี้นั้นอย่าไปถามถึงเลยดีกว่า
จะว่าไปก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเลยนะว่าใครจะสอนพาซัสเต้น
แต่ถ้าเต้นกับคุณเคียวกะคนสวย เดี๋ยวเขาก็คงเต้นเป็นเองนั้นแหละ เอาล่ะ มาเตรียมตัวดีกว่า
เพราะงานเต้นรำก็พรุ่งนี้แล้ว เอาล่ะ มารีบให้มันจบๆ ไปและไปหาข้อมูลของคุโรกิดีกว่า
◆ อีธีกอส อดีตลูกน้องของเซนกุ
[ บ้าเอ้ย… แล้วตอนนี้ข้าจะทำยังไงต่อไป… ? ]
ข้ากำลังคิดเช่นนั้น ขณะที่ตอนนี้ข้าอยู่ที่อาณาจักรเวรอส
หลังจากนั้นข้าและไดร์กันก็ถูกยัยผู้หญิงที่เหมือนปีศาจนั้นล่ามโซ่กับฮิปโปกริฟฟ์แล้วลากมาด้วย จนมาถึงอาณาจักรแห่งนี้
ฮิปโปกริฟต้องพักในระหว่างเดินทางหลายครั้ง เพราะดูเหมือนมันจะเกินกำลังที่จะบรรทุกน้ำหนักเช่นกัน ถ้าเป็นไปได้ข้าอยากให้มันปล่อยให้เร็วที่สุดนะ
ตอนนี้ไดร์กันเลยยังถูกขังอยู่ในคุก เป็นธรรมดาเพราะพวกเขาคงไม่ยอมให้มนุษย์หมาป่ามาเพ่นพ่านหรอก
แต่ข้านั้นเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา แค่เพียงชั่วข้ามคืนข้าก็โดนปล่อยออกจากคุกแล้ว แต่มันต้องเสียเงินค่าประกันตัวมากพอดู
มันก็ดีหรอกนะที่ข้าถูกปล่อยตัว แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือเงินอยู่สักแดงแล้ว
ในคฤหาสน์ของข้าที่อาณาจักรโคกิ มีห้องลับอยู่ซ่อนอยู่ ที่นั้นมีเหรียญทองที่ข้าเก็บซ่อนไว้ ข้าต้องกลับไปเอามาให้ได้
แต่การจะกลับอาณาจักรโคกิได้จำเป็นต้องใช้เงิน ในระหว่างนี้ข้าคงต้องหารายได้ในอาณาจักรนี้ไปก่อน
แล้วข้าจะหาเงินได้ยังไง?
อาณาจักรนี้เป็นอาณาจักรที่เป็นมิตรต่อพ่อค้า เพราะแต่เดิมราชินีเองก็เคยเป็นมาจากลูกของพ่อค้า
เธอเป็นราชินีที่ใสซื่อบริสุทธิ์ จึงถูกเรียกว่าผู้หญิงตัวอย่าง
แต่ว่าเพราะเธอเคยเป็นลูกของพ่อค้ามาก่อน จึงเก่งเรื่องการคำนวณมาก
ในอดีตข้าเคยได้ยินว่าเธอเคยจะขอยืมมือของผู้กล้ามาให้ช่วยเรื่องบางอย่าง แต่เพราะเดิมทีราชินีก็เป็นคนมีพื้นเพต่ำต้อย การที่ไปทำให้ผู้กล้าโกรธ จะเสียตำแหน่งราชินีเอาได้ง่ายๆ แม้กระทั่งบ้านก็อาจจะไม่มีอยู่
ราชินีทำเรื่องอันตรายแบบนั้นไม่ได้ เพราะผู้กล้าเองก็ใช่ว่าจะว่างมาช่วยเสมอ
ปัจจุบันอาณาจักรนี้เธอจึงเป็นเงาที่คอยชักใยดูแลประเทศอยู่เบื้องหลัง เพื่อสามีที่รัก
จากลูกของพ่อค้ามาเป็นผู้นำอาณาจักร หากสูญเสียราชินีไป อาณาจักรนี้ก็คงจะล้มสลายได้เลย
และถึงราชินีจะเป็นคนอ่อนโยนแต่ก็น่ากลัว เพราะบางเวลาก็ต้องเป็นาชินีที่น่ากลัวล่ะนะ
[ เดี๋ยวก่อนเจ้าน่ะ! ]
มีคนเรียกข้า
เมื่อหันกลับไปข้าก็เจอกับชายสองคนร่างยักษ์และหญิงแก่ตัวใหญ่อีกคน เสียงนั้นดูเหมือนจะเป็นของผู้ชายคนไหนสักคน
แต่ข้าไม่รู้จักสามคนนี้
[ เอ่อ มีธุระอะไรกับข้ารึครับ? ]
ข้าตอบไปอย่างสุภาพ เพราะรู้สึกได้ถึงรังสีฆ่าฟันอันรุนแรงจากชายร่างใหญ่ ด้วยแขนใหญ่ๆ นั้นเขาสามารถฆ่าข้าได้สบายๆ เลยล่ะ
นี่คือเหตุผลที่ข้าเลือกตอบไปแบบสุภาพ
[ เจ้าเป็นมนุษย์ที่อยู่กับเซนกุที่ชื่อว่าอีธีกอสสินะ? ]
เมื่อข้าได้ยินชื่อของเซนกุ เหงื่อเย็นๆ ก็ไหลผ่านหลังข้า
[ ดูเหมือนว่าจะถูกตัวสินะ ]
ชายร่างใหญ่หัวเราะ ตอนที่เขาหัวเราะ ข้ารู้สึกเหมือนจะเห็นเขี้ยวโผล่มาด้วย
การที่รู้ชื่อของเซนกุก็แปลว่าสามคนนี้คงจะเป็นโอเกอร์ แต่ทำไมมนุษย์คนอื่นๆ ถึงได้ผ่านไปมาโดยไม่สงสัยเลย?
ปีศาจบางชนิดสามารถเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้ นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก
ข้ามองไปยังหญิงแก่คนนั้น
หากพูดถึงเซนกุแล้ว ตัวตนที่แท้จริงของหญิงแก่คนนั้นก็คือแม่ของเซนกุผู้แสนน่ากลัว
ข้าต้องหนี
[ โอ๊ะ ถูกตัวงั้นเหรอ? ]
ข้าเดินถอยหลังและพยายามจะวิ่งหนี
[ กุแฮะ?!]
ข้าล้มลง ราวกับเท้ายึดติดกับพื้น
[ ข้าตรึงเงาของเจ้าไว้แล้ว คิดเรอะว่าจะหนีจากคุจิคผู้นี้ได้? ]
ข้าพยายามยันตัวเองขึ้นและมองไปที่เท้า ซึ่งเงาของข้าถูกหญิงแก่ใช้ไม้เท้าตรึงไว้อยู่
บ้าเอ้ย
ข้ารู้จักชื่อคุจิค นั้นคือแม่ของเซนกุนั้นเอง เธอคือจอมเวทแห่งโอเกอร์ที่ถูกเรียกว่าราชินีแห่งป่าสีฟ้า
มีชื่อเสียงในทวีปทางเหนือในชื่อแม่มดคุจิค
ซึ่งอาศัยอยู่ในปราสาทขนมหวานที่ลึกเข้าไปในป่าสีฟ้าและกลิ่นหอมของมันส่งกลิ่นหอมไปถึงอาณาจักรอันแสนไกล เหล่าเหยื่อผู้ไม่รู้อะไรต่างถูกกลิ่นหอมนั้นดึงดูดและตกเป็นอาหารของคุจิค
หญิงแก่เดินมา จากตรงนี้ข้าเห็นเขี้ยวของพวกเขาอย่างชัดเจน ร่างกายของข้าสั่นไปด้วยความกลัว
[ เอาล่ะ เล่าเรื่องทุกอย่างที่เจ้ารู้มาซะ ]
คุจิคหัวเราะด้วยรอยยิ้มอันน่าขนลุก