อัศวินดำ - ตอนที่ 4
◆ หนึ่งในสหายของผู้กล้า ซาเคะ จิยูกิ
[ ดีขึ้นนิดหน่อยแล้วค่ะรุ่นพี่จิยูกิ ]
ซาซากิ ริโนะ หรือชื่อเล่นริโนะ กำลังเต้นไปมาอยู่รอบๆ
เพราะริโนะชอบการเต้นและการร้องเพลงมาก เดิมทีเธอมีแผนว่าจะไปเป็นนางแบบด้วยการเต้นและการร้องเพลงด้วยนะ
คงเพราะแบบนั้นล่ะมั้ง พอเธอรู้สึกตัวก็โดนเรียกว่าเทพแห่งการเต้นรำไปซะแล้ว?
แม้แต่อยู่ในเมืองเธอยังเต้นเลย นั้นล่ะทำให้เธอเด่นมากไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
ปัญหาก็คือกระโปรงสั้นๆ ที่เธอชอบใส่นี่ล่ะน้า
เพราะแบบนี้ไงล่ะ ถึงได้มีบ่อยครั้งที่ภาพลักษณ์ของเธอไม่ค่อยดี ราวกับกำลังยั่วผู้ชายอยู่
ถึงฉันจะเตือนเธอไปแล้วก็เถอะ แต่ก็ดูเหมือนเธอจะไม่ได้สนใจ ดูท่าเธอคงจะชินแล้ว เลยทำราวกับไม่สนใจไปสายตาคนรอบข้างไปซะอย่างนั้น
ถ้าจะเป็นนางแบบก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีใครมองเรื่องนั้นมันก็ถูก
แต่ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันคงทนสภาพแวดล้อมแบบนั้นไม่ไหวแน่
[งั้นเหรอคะ คุณริโนะ ]
ฉันพยักหน้าให้ริโนะ
ปราสาทของราชาปีศาจอยู่ข้างหน้าอีกแค่นิดเดียว
ถ้าเราสามารถปราบราชาปีศาจที่อยู่ในปราสาทนั้นได้ เราก็จะได้กลับไปยังโลกเดิม
และยุติการเดินทางอันยาวนานนี้ลงสักที
[ ใช่แล้ว การเดินทางอันแสนเจ็บปวดที่ยาวนานนี้จะจบลงสักที ]
เสียงทุ่มๆ นั้นคือเรย์จิ
[ โกหกล่ะสิ ก็เห็นเรย์จิดูท่าทางสนุกกับการเดินทางมากเลยนี่นา? ]
[ ดูเหมือนเป็นแบบนั้นเหรอ? ]
เขาตอบฉันกลับด้วยเสียงหัวเราะ
สำหรับเขาที่ได้ฉายาว่าผู้กล้าแห่งแสง นี่อาจจะเป็นเรื่องสนุกก็จริง
แต่นี่ไม่ใช่แค่เขาคนเดียว
ริโนะหรือนาโอะก็ยังรู้สึกสนุกไปด้วย
ตั้งแต่เรามาที่โลกนี้ก็ผ่านไปครึ่งปีแล้ว
เราถูกผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อเรน่าอัญเชิญมา โดยเธออ้างว่าตัวเองเป็นเทพธิดา
และเรน่าขอร้องให้เราปราบราชาปีศาจให้
สถานการณ์แบบนี้มันเหมือนกับในมังงะเลยนะ
ถ้าให้พูดตามความรู้สึกก็คือไม่สบอารมณ์เอาซะเลย นี่มันเป็นการลักพาตัวชัดๆ ในใจของฉันบอกับฉันว่ายกโทษให้เธอไม่ได้
แต่เรน่าบอกกับเราว่า ถ้าไม่ยอมทำตามก็ไม่อาจกลับไปยังโลกเดิมได้
สุดท้ายเลยต้องรับขอร้องสาวสวยที่ชื่อเรน่าและช่วยเธอไปจัดการพวกปีศาจ
ท้ายที่สุดแล้วเด็กผู้หญิงคนอื่นก็เป็นเหมือนกัน
จนตอนนี้มีแต่ฉันที่ไม่สบอารมณ์กับสถานการณ์ในตอนนี้ ซึ่งเรย์จิ นาโอะ ริเนะ ต่างสนุกกับการเดินทางราวกับตัวเองอยู่ในโลกเกมซะแบบนั้น
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการผจญภัยของพวกเรา
ตอนแรกฉันกังวลมาก
ว่าเราจะใช้ชีวิตในโลกนี้ได้มั้ย
แต่ความกังวลนั้นก็หายไปแทบในทันที
เพราะในโลกนี้แข็งแกร่งมาก
ตั้งแต่มาที่โลกนี้ พลังกายของเราก็ราวก้าวกระโดดไปมากอย่างไร้เหตุผล
จากการสังเกตของฉัน ดูเหมือนพลังของพวกเราจะเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนความสามารถเดิมของโลกดั้งเดิมของเรา
เพราะเดิมทีเรย์จิและนาโอะ ที่โลกเดิมก็มีความสามารถของกายสูงที่สุดในหมู่พวกเรา ทำให้ในโลกนี้พวกเขาเองก็แข็งแกร่งไปด้วย
แม้แต่ซาโฮโกะที่แต่เดิมร่างกายอ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขา ตอนนี้เธอสามารถทุ่มผู้ชายตัวโตๆ ในโลกนี้ได้อย่างสบาย
ยังมีอีกเรื่องที่สุดยอด
ดูเหมือนว่าในโลกนี้จะมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ใช้เวทมนตร์ได้
และในกลุ่มเราทุกคนสามารถใช้เวทมนตร์ได้ และยังสามารถใช้เวทมนตร์ระดับสูงสุดที่คนบนโลกนี้ใช้ไม่ได้ด้วยนะ
หากจัดอันดับคนที่มีพลังเวทมนตร์มากที่สุดในหมู่พวกเราก็คือฉัน ซาโฮะโกะ เรย์จิสูงที่สุด โดยน้อยที่สุดคือนาโอะ
ฉันไม่รู้หรอกนะว่าทำไมในโลกเดิม เราถึงใช้เวทมนตร์ไม่ได้
แต่ก็ใช่ว่าเราจะสามารถใช้เวทได้ทุกธาตุ
เช่นทางฉันไม่เก่งเวทไฟฟ้ากับเวทไฟ ทางด้านนาโอะเองก็ไม่เก่งเวทฮีลเหมือนกับซาโฮโกะ กลับกันริโนะกับซาโฮะโกะไม่สามารถใช้เวทมนตร์เคลื่อนย้ายได้
รินะเป็นผู้ใช้เวทสายวิญญาณและซาโฮโกะเป็นผู้ใช้เวทฮีล ทางด้านนาโอะเป็นผู้ใช้เวทเหมือนในเกม ฉันเองก็เป็นผู้ใช้เวทสายพลังเวท
พวกเราสามารถใช้พลังได้อย่างอิสระและกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
โดยเฉพาะเรย์จิที่เป็นผู้กล้าแห่งแสง พลังของเขาช่างน่ากลัว ซึ่งถึงแม้เรา 5 คนจะร่วมมือกันก็ไม่อาจเอาชนะเขาได้
ดูเหมือนแค่พลังของเขาคนเดียวก็สามารถเทียบได้กับเทพโอดินแล้ว
แม้ว่าจะอยู่ในสถานที่ที่อันตรายสำหรับเด็กผู้หญิงแบบนี้ การที่มีเรย์จิอยู่ด้วยต้องขอบคุณจริงๆ
และการเดินทางนี้จะจบลงในอีกไม่ช้าแล้ว
สำหรับฉันมันก็ดีไปล่ะนะที่เรามีความสามารถโกงๆ แบบนี้ติดตัวมา
แม้ว่านี่จะเป็นสถานการณ์ผิดแปลกไปบ้าง แต่ขอแค่ส่งพวกเรากลับไปยังโลกเดิมฉันก็ไม่ต้องการสิ่งตอบแทนแล้ว
เรย์จิเองก็คงไม่เรียกร้องอะไรหรอกเพราะเขายอมรับคำขอของเรน่าด้วยตัวเองแต่ว่านะ จะไปเรียกร้องค่าตอบแทนทีหลังก็ไม่เสียหาย
บางทีความอ่อนหัดของเรย์จิอาจจะเข้าทำร้ายเขาเข้าสักวัน ไม่ช้าก็เร็วนั้นล่ะ
ฉันเคยคิดว่าเขาคงใจดีแบบนี้กับผู้ชายด้วย แต่กลายเป็นว่าถ้าเป็นผู้ชายเขาจะไม่สนใจใยดีเลย
เขาเคยพูดไว้ว่า ถ้าเป็นลูกผู้ชายก็ต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เพราะเหตุนั้นล่ะเขาถึงได้ช่วยแต่ผู้หญิงเท่านั้น
จากสายตาของฉัน เห็นเขาช่วยแค่เด็กผู้หญิงน่ารักเท่านั้น แต่ดูท่าว่าฉันจะแค่คิดไปเองล่ะมั้ง
[ เห็นปราสาทราชาปีศาจแล้ว ]
นาโอะที่เพิ่งไปสอดแนมกลับมารายงานสถานการณ์
เธอเป็นเอซของชมรมกีฬา ในหมู่พวกเขาคนที่มีความสามารถทางกายสูงพอๆ กับเรย์จิก็มีเธอนี่ล่ะ
แม้ว่าในโรงเรียนเธอจะถูกเรียกว่าคนป่าเถือนแต่พอรู้จักเธอแล้ว เธอก็เป็นคนน่ารักดี
ตามธีมของเกม อาชีพของเธอคือโจร (Thief) หรือเรนเจอร์นั่นเอง มันช่างน่าหัวเราะที่อาชีพนี้มันเข้ากับเธอได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย
[ สถานการณ์เป็นยังไงบ้างคุณนาโอะ? ]
[ อืมม ไม่มีกับดักเลยล่ะ เหมือนจะไม่มีทหารคอยป้องกันด้วยซ้ำ คิดว่าผ่านไปได้สบายๆ ได้เลย ]
[ นี่มันเป็นที่มั่นสุดท้ายของศัตรูเชียวนะ มันไม่แปลกเหรอ? ]
[ หรือว่าพวกมันำลังกลัวเราอยู่กันแน่? ]
ริโนะพูดในแง่ดี
[ บางทีเรื่องมันอาจจะง่ายกว่าที่คิดก็ได้ ไม่มีทหารคอยปกป้องราชาปีศาจใช่มั้ยล่ะ? หมายความว่าเราไม่ต้องจัดการชายที่เรียกตัวเองว่าอัศวินดำเมื่อวันก่อนแล้ว แม้จะมีรูปร่างแบบนั้น แต่อัศวินดำคนนั้นอาจจะเป็นปราการสุดท้ายของพวกเขาเลยก็ได้…. ]
ชิโรเนะพูดขึ้นด้วยสีหน้ามั่นใจ
ทางบ้านของชิโรเนะเปิดโรงฝึกเคนโด้อยู่ ดังนั้นเธอเลยพอจะรู้วิชาเคนโด้อยู่บ้าง
ในโลกนี้เธอถือว่าเป็นนักดาบระดับโลกเลยล่ะ คนที่แข็งแกร่งรองจากเรย์จิก็คือเธอคนนี้นี่ล่ะ ถ้าเป็นการต่อสู้กันโดยไม่ใช้เวทมนตร์ล่ะก็นะ
ตอนที่เธอเห็นสู้นั้นราวกับตุ๊กตาที่มีผมหางม้ากำลังเต้นรำอยู่
และเพื่อให้เคลื่อนไหวตัวได้สะดวกขึ้น ชิโรเนะถึงได้สวมชุดเกราะเบา
เดิมทีเรย์จิเคยแนะนำว่าให้เธอใส่ชุดเกราะบิกินี่ด้วยซ้ำ แต่ก็ตามคาดนั้นล่ะ เธอปฏิเสธในทันที
พอพูดถึงเธอแล้วก็นึกถึงเรื่องอัศวินดำที่เราต่อสู้ด้วยเมื่อสี่วันก่อน
ตอนนั้นเพราะเรย์จิกำลังต่อสู้อยู่อีกด้านโดยเหลือเพียงพวกเรา จึงเป็นสถานการณ์ที่น่าวิตกมากที่เราต้องต่อสู้โดยไม่มีเรย์จิ
เพราะชายที่ชื่อรันฟิวนี่ล่ะมั้ง เขาเป็นหัวหน้าของพวกมอนสเตอร์แล้วก็มีพลังมหาศาล โดยฝีมือการใช้ดาบของเขาพอๆ กับชิโรเนะและพลังต้านทานเวทมนตร์สูงมาก จนทำให้พวกเราเข้าจนมุม
แต่ในตอนนั้นเองเรย์จิที่เห็นว่าเรากำลังแย่ก็รีบตรงดิ่งเข้ามาช่วยเราเอาไว้ทัน รันฟิวหนีไปแบบไม่คิดชีวิต
โดยการโจมตีของอัศวินดำเกือบทั้งหมดถูกทำลายให้หายไปด้วยการโจมตีของเรย์จิ
[ ทั้งที่พวกเราก็คิดว่าตัวเองเก่งพอตัวแล้ว แต่ว่า… ]
ซาโฮโกะพูดออกมา
เธอเป็นคนไม่ค่อยพูดนัก
แต่ก็เป็นเด็กที่ใจดีและอ่อนโยน เมื่อบาดเจ็บหรือมีใครเปนโรคอะไรเธอก็จะรักษาให้
จนถูกขนานนามว่า “เซนต์แห่งการรักษา”
[ ค่ะ ถ้าเขาไม่มีพลังต้านทานเวทจนน่ารำคาญแบบนั้น พวกเราก็น่าจะจัดการเขาได้สบายเลยแท้ๆ ]
ฉันพูดเห็นด้วยกับซาโฮโกะ
[น่า เดี๋ยวเราก็รู้วิธีรับมือกับเขาเอง ไปกันเถอะทุกคน!!]
[[โอ้!!]]
ริโนะกับนาโอะพูดด้วยเสียงดังตอบรับคำพูดของเรย์จิ
เรากำลังก้าวเข้าไปในปราสาทราชาปีศาจ
ไม่กี่นาทีต่อมา
เราก็มาถึงประตูหลักของปราสาทโดยไม่พบอุปสรรค์ใดเลย
ไม่มีทหารคอยปกป้อง มีแค่เพียงชายที่สวมเกราะสีดำอยู่เพียงคนเดียว
[อัศวิน… ดำ?]
แม้ว่าจะมองไม่เห็นใบหน้าของเขา แต่ก็ยังมองเห็นผมของเขาที่โผล่ออกมาข้างนอกหมวก ดูเหมือนว่าอัศวินดำคนนี้จะไม่ใช่รันฟิว
แต่ทำไมถึงมีเพียงเขาคนเดียวที่อยู่ที่นี่
ทุกคนต่างเอียงหัวสงสัย ยกเว้นแค่ฉัน
อัศวินดำแค่คนเดียว ไม่ใช่คู่มือของพวกเราหรอก
นี่ราชาปีศาจคิดอะไรอยู่
อัศวินดำจับดาบของเขาขึ้นมา
[ ชื่อของข้าคืออัศวินดำไดร์ฮาร์ด! ผู้กล้าเรย์จิเอ๋ย ข้าขอท้าดวลกับเจ้า!! ]
◆ ชายหนุ่มนามคุโรกิที่ผันตัวกลายเป็นอัศวินดำ
[ ชื่อของข้าคืออัศวินดำไดร์ฮาร์ด! ผู้กล้าเรย์จิเอ๋ย ข้าขอท้าดวลกับเจ้า!! ]
ผมกำลังยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาและแนะนำตัวเอง ขณะที่ตัวเองสวมชุดเกราะสีดำสนิทไปทั้งตัว
ผมตวัดดาบที่มือของผม
นี่คือดาบต้องสาปที่โมเดสมอบให้ผม โดยความคมของดาบนั้นจะขึ้นอยู่กับพลังเวทมนร์ของผู้ที่ถือครอง
ใบดาบสีดำที่มีลวดลายสีแดงไหลผ่านผิวดาบสะท้อนจนเกิดสีหลากหลาย
ความรุ้สึกเวลาจับดาบจริงช่างต่างกับตอนที่จับดาบไม้เหลือเกิน
มันใกล้เคียงกับคาตานะที่ผมเคยจับในญี่ปุ่นก็ว่าได้
ใบดาบที่เปลือยเปล่าต่างจากคาตานะ แค่เพียงตวัดดาบก็สามารถฆ่าคนได้
สุดท้ายแล้วผมก็ปฏิเสธคำขอร้องของโมเดสไม่ได้
เพราะความสงสารเขาด้วย
แล้วตอนแนะนำตัวว่าชื่อไดร์ฮาร์ดน่ะนะ ขนาดผมยังเผลอหัวเราะไปเลย
ไดร์ฮาร์ดนั้นคือชื่อของตัวร้ายในอนิเมะที่ผมเคยดูเมื่อนานมาแล้ว
เขาเป็นคนที่ตัวตลกที่มีความภาคภูมิใจสูง ที่สามารถจัดการเหล่าผู้กล้าได้อย่างง่ายดายเลยล่ะ
ดังนั้นผมคิดว่าชื่อนี้ล่ะเหมาะแล้ว
ที่ผมแนะนำตัวด้วยชื่อของตัวร้ายในอนิเมะ เพราะผมไม่อยากให้ใครจำผมได้โดยเฉพาะชิโรเนะ
ทั้งเกราะหัวนี้โมเดสก็เป็นคนมอบให้ผมเองเพื่อใช้ปกปิดตัวเองและใช้ป้องกันตัว โดยให้ผมเป็นอัศวินดำที่สวมหมวกแบบคลุมทั้งหน้าไว้
แค่นี้ชิโรเนะก็จำผมไม่ได้แล้วล่ะ
ดูเหมือนว่าหมวกนี้จะมีเวทมนตร์ที่ทำให้แม้จะสวมหมวก พวกเขาก็ยังได้ยินเสียงชัดเจน
และเวทมนตร์ยังทำให้เสียงของผมเปลี่ยนไปนิดหน่อยด้วย
เสียงที่ผมได้ยินยังปกติ แต่ที่คนอื่นได้ยินจะต่างกัน ตราบเท่าที่ผมสวมหมวกเกราะนี้อยู่
และอัญมณีสีแดงที่ติดอยู่ที่ดวงตาของหมวกเกราะนี้จะช่วยปกป้องดวงตาของผมจากเวทมนตร์ที่ทำให้แสบตาได้
นอกจากนี้อัญมณีสีแดงนี้ยังมีเวทมนตร์ช่วยให้มุมมองสายตาของผมกว้างขึ้น
ดังนั้นแม้ผมจะสวมหมวกเกราะก็มองเห็นได้ชัดเจน
สาวที่มีผมยาวถึงเอว มิซุโอะอุจิ จิยูคิ
สาวงามตามธรรมชาติที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของเรย์จิ โยชิโนะ ซาโกะ
นางแบบซาซากิ ริโนะ
ผู้มีฉายาว่าสาวป่าเถื่อนแห่งโรงเรียนและยังเป็นเอซของชมรมกีฬา โทโดโรกิ นาโอมิ
แล้วก็เพื่อนสมัยเด็กของผมอาคามิเนะ ชิโรเนะ
พวกเธอต่างเป็นสาวงามของโรงเรียนทั้งนั้น โดยพวกเธอต่างยืนรายล้อมเรย์จิ
ซึ่งตอนนี้ชิโรเนะกำลังยืนอยู่ข้างเรย์จิ
พูดตามตรงผมไม่อยากเห็นเธอมายืนอยู่ข้างเรย์จิเลย
โอ้ยยย ไม่อยากเห็น
ไม่คิดเลยว่าตัวผมจะได้มาเห็นภาพนั้นเข้าในวันนี้
ผมมองไปที่เรย์จิ
ลวดลายสีทองที่ถูกแกะสลักไว้บนเกราะสีขาวบริสุทธิ์ของเขา
โดยเขาสวมสร้อยสีทองที่มีอัฐมณีสีฟ้าฝังอยู่บนหัว
มีเสื้อคลุมสีแดงเข้มที่ดูหรูหราติดอยู่ที่ด้านหลัง
ช่างเป็นภาพลักษณ์ที่เหมาะกับผู้กล้าแห่งแสงที่ถูกเทพธิดาอัญเชิญมาจริงๆ
ถ้าพูดตามความรู้สึกของผมก็คือโครตเท่เลยอ่ะ
ตรงกันข้ามกัน ผมเป็นลูกน้องของราชาปีศาจ แล้วผมยังอยู่คนเดียว ไม่มีใครยืนอยู่ข้างเดียวกันเลยสักคน
ไอ้ความแตกต่างนี่มันอะไรฟ๊าาา เรื่องมันน่าเศร้าจนผมชักอยากจะร้องไห้
[ ทุกคนหลบไปก่อน ]
ตาดคาดเรย์จิบอกให้สาวๆ ถอยไปก่อน
ดูเหมือนเขาจะอยากต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งกับผม
พอมายืนอยู่ต่อหน้าเขาผมก็เริ่มรู้สึกกดดัน
ผมเริ่มเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองแล้วสิ
ทำไมผมถึงได้ท้าไปกันนะ
นี่มันไม่ใช่แค่การดวล แต่เป็นการเป็นต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิต
แล้วผมก็ยังไม่อยากตายสักหน่อย
ผมกลัวตาย
กลัวว่าจะถูกฆ่าอย่างน่าสมเพซ
เดิมทีผมมันก็แค่ไอ้โง่คนนึงล่ะนะ
ถ้าตอนนี้ผมจับดาบแล้วขอร้องให้เขาให้อภัยจะยังทันไหมนะ
แต่ทำไมกัน ทำไมมือของผมถึงจับดาบเอาไว้แน่น
เรย์จิตวัดดาบ
ใบดาบของเขาเกิดประกายส่องแสง ดูเหมือนว่าดาบของเรย์จิเองก็จะมีเวทมนตร์อยู่เหมือนกัน
[ ฉันจะจบการต่อสู้นี้ด้วยดาบเดียว ]
เรย์จิยิ้มแบบสดใส นั้นเป็นรอยยิ้มที่เชื่อมั่นว่าตัวเองจะไม่มีวันแพ้แน่นอน
นี่มันเป็นครั้งที่สองแล้วที่ดวลกับเรย์จิ แต่ผมคิดว่าผมเพิ่งเคยเห็นรอยยิ้มแบบนี้ของเขาเป็นครั้งแรก
พวกเราจ้องหน้ากันมานานหลายวินาที
[ ถ้านายไม่เข้ามา ฉันจะเข้าไปเอง!! ]
คนแรกที่ขยับก่อนก็คือเรย์จิ
เรย์จิเตะพื้นเพื่อให้ระยะห่างระหว่างเราใกล้ขึ้น เป็นความเร็วที่มากกว่ารันฟิวอยู่มากทีเดียว
แต่สำหรับผมก็ไม่เห็นว่าการเคลื่อนไหวของเขาจะต่างอะไร
เรย์จิหายตัวไปแล้วมาปรากฏตัวที่ตรงหน้าผม
นี่คงเป็นการเคลื่อนไหวแบบเดียวกับที่ทำให้ผมพ่ายแพ้อย่างน่าสมเพซมาก่อน
ผมถือดาบไว้ในมือขวา
ดาบของเราเข้าปะทะกันและเกิดคลื่นกระแทก ผมหยุดการโจมตีข้อเรย์จิไวได้ เรย์จิเปลี่ยนมือจากนั้นก็หันเอวขณะที่ผมสับเท้า
แต่พื้นที่เรย์จิยืนอยู่กลับทรุดลงไปซะงั้น-
[ อุ๊กก!! ]
ท่าทีมั่นใจของเขาหายไปตอนนี้เรย์จิอยู่ในท่ากระโดหมุนตัว..
โดยเคลื่อไหวคล้ายกับลิงเลยล่ะ จากมุมมองของเขามองเห็นผมเป็นยังไงกันนะ?
พอเรย์จิรักษาสมดุลได้เขาก็เข้ามาโจมตีจากด้านหน้าต่อ
แต่ไม่ยอมหรอกน่า ผมสกัดการโจมตีนั้นด้วยดาบจากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าโดยการสไลด์เพื่อไม่ให้เสียสมดุล
การสไลด์บนพื้นนี้ถือเป็นเทคนิคที่ผมเพิ่งทำได้สำเร็จหลังจากฝึกมาอย่างยาวนานและยากลำบาก
เรย์จิที่เสียสมดุลหันไปทางซ้าย
จากนั้นใบดาบของเราก็ปะทะกันอีกครั้ง
ทุกครั้งที่ดาบของเราปะทะกัน ในหัวผมรู้สึกโล่งไปหมด
เสียงใบดาบปะทะกันดังก้อง
[อั๊กกก!!]
จากนั้นเรย์จิก็ใช้การโจมตีอันหลากหลายโจมตีผม
มันเป็นการโจมตีที่เลอะเทอะเหมือนกับว่าเขากำลังร้อนใจ
ส่วนผมก็แค่กวัดแกว่งดาบไปมาปกติเพื่อปัดมันทิ้ง
และแล้ว ผมก็รู้สึกว่าดาบของผมมันไปฟันอะไรเข้า
ในตอนนั้นราวกับเวลาได้หยุดลง
ดูเหมือนดาบที่ผมเหวี่ยงไปจะโดนเข้าที่ไหล่ขวายาวไปถึงเอวซ้ายของเรย์จิ
มันเป็นบาดแผลที่ใหญ่มาก แต่ร่างกายของก็ยังไม่ขาดเป็นสองท่อน
เลือดมากมายไหลออกมาจากแผลของเขา
[ อ๊ากกก… ]
ใบหน้าของเรย์จิเหมือนกับกำลังบอกว่าไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น
จากนั้นก็เขาก็ค่อยๆ ล้มลงไป
[เรย์จิคุง!!]
[เรย์คุง!!]
[รุ่นพี่เรย์จิ!!]
[เรย์จิคุง!!]
[เรย์จิคุง!!]
ทั้งห้าคนต่างกรีดร้องมาในเวลาเดียวกัน
จากนั้นพวกเธอก็เริ่มเคลื่อนไหวกันบ้างแล้ว
ผมถอยหลังไปเพราะรู้สึกได้ถึงจิตสังหารของพวกเธอ
และในตอนนั้นก็มีเปลวไฟขนาดใหญ่พุ่งตรงมายังที่ที่ผมเคยยืนอยู่เมื่อกี้
ก่อนที่ผมจะรู้ตัวลูกไฟยักษ์ก็อยู่ตรงหน้าของผมแล้ว
ซึ่งคนที่ใช้มันก็คือซาซากิ ริโนะ
[ ไปจัดการมันเลยเปลวไฟแห่งราชา !! ]
เธอร่ายคาถาจากนั้นลูกไฟยักษ์ก็พุ่งเข้ามาทางผม
ผมรู้สึกได้ถึงอันตราย จึงยื่นมือซ้ายที่ไม่ได้ถือดาบไปข้างหน้า
[เพลิงทมิฬ!!]
เปลวไฟสีดำที่ออกมาจากมือของผมช่วยปกป้องผมจากลูกไฟยักษ์ไว้ได้
ก็มันเป็นเวทมนตร์เดียวที่ผมรู้นี่นา
[ เรย์คุง! รอก่อนนะฉันจะรักษาให้เดี๋ยวนี้ล่ะ ]
โยชิโนะ ซาโกะรีบวิ่งไปที่ด้านข้างของเรย์จิ
[ ทุกคน ไปรวบตัวกันที่ข้างเรย์จิคุงเร็วเข้า! ]
สาวๆ ทุกคนที่ยืนอยู่ข้างเรย์จิต่างตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเสียงมิซุโออุจิ จิยูกิ
[ เคลื่อนย้าย (เทเลพอร์ต) ]
การโจมตีจากลูกไฟยักษ์หยุดลงทันทีหลังจากได้ยินเสียงของจิยูกิ
และตรงหน้าผมก็ไม่มีใครอยู่เลย
[ ผม… ชนะเหรอ?]
ร่างกายของผมสั่นเทาเพราะคำพูดนั้น
เช่นเดียวกัน เข่าของผมทรุดไปแล้ว