อัศวินดำ - ตอนที่ 45
◆ ราชาปีศาจโมเดส
[ ขอโทษด้วยโมน่า ]
โมน่ากำลังก้มหัวให้ตรงหน้าข้า
[ ไม่ค่ะท่านโมเดส โปรดสั่งมาได้ทุกเรื่องเลยค่ะ ]
ดูท่าโมน่าเองก็ยอมรับเรื่องนี้ได้แล้ว ข้าเองก็ค่อยโล่งใจ
ข้าคิดจะให้อัศวินปีศาจหญิงที่อยู่ภายใต้อาณัติของโมน่าไปคอยรับใช้ลอร์ดไดร์ฮาร์ด
แต่เพราะยังไงลอร์ดไดร์ฮาร์ดก็เป็นผู้ชาย
ข้าเองก็คิดว่าจะให้คนในกองอัศวินดำที่เป็นผู้ชายไปคอยรับใช้เขา แต่คนในกองอัศวินดำเกือบจะถูกฆ่าตายไปหมดในการต่อสู้กับผู้กล้าทำให้ตอนนี้อยู่ในระหว่างบูรณะใหม่ จึงขออัศวินที่อยู่ในอาณัติของลอร์ดรันฟิวมาไม่ได้
ที่จริงจะเป็นลูกน้องอย่างออร์คและผู้รับใช้ชั้นต่ำก็ได้ แต่ด้วยพลังของลอร์ดไดร์ฮาร์ดพวกเขาคงเหมือนตัวถ่วงซะมากกว่า ถ้าจะดีก็ต้องเป็นลูกน้องที่เก่งพอควรและจะดีกว่าหากขี่มังกรบินได้
ข้าจึงได้ตัดสินใจส่งอัศวินหญิงที่อยู่ภายใต้อาณัติของโมน่าไปเป็นลูกน้องของลอร์ดไดร์ฮาร์ด
แต่เดิมโมน่าก็อยู่แค่ในนากอลดังนั้นถึงจะห่างตาไปบ้างก็คงไม่ต้องใช้อัศวินคุ้มกันมากมายนัก
ข้าจึงคิดว่าไม่มีปัญหาหากลดจำนวนอัศวินหญิงที่สังกัดอยู่กับโมน่าลง
แต่การทำเช่นนี้ต้องได้รับความเห็นชอบจากโมน่าก่อน เพราะเดิมทีโมน่าก็ดูจะไม่ค่อยชอบลอร์ดไดร์ฮาร์ดสักเท่าไหร่ แต่เธอกลับตอบรับอย่างง่ายๆ นั้นล่ะที่ข้าโล่งใจ
[ ข้าไม่สามารถปฏิเสธคำขอของท่านโมเดสได้หรอกค่ะ ]
โมน่ายิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ชิงเอาหัวใจของข้าไป
[ นิฟุฟุฟุฟุ ]
เสียงโมน่าหัวเราะ
[ แต่ยังไงเราก็ไม่ควรทำกัน… ในที่แบบนี้นะคะ… ]
[ นิฟุฟุฟุไม่ได้เหรอ? ]
จากนั้นก็มีเสียงดังขึ้นจากข้างนอกประตู
[ ฝ่าบาทท่านอยู่มั้ยครับ? ]
[ มีอะไรล่ะ? ]
ข้าพูดเช่นนั้นจากนั้นลูคัสก็เข้ามา
[ที่จริงแล้วข้ามีเรื่องอยากจะทูลฝ่าบาทครับ ]
ลูคัสพูดขึ้นขณะที่ก้มหัว
[ อันที่จริง ดูเหมือนนัคที่คอยตามสืบข้อมูลจากผู้กล้าจะถูกผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มผู้กล้าจับตัวได้ครับ ]
[ ว่าไงนะ!!! ]
นัคที่คอยทำงานให้โมเดสผู้นี้ ถูกจับได้งั้นเรอะ….
[ แล้วเกิดอะไรขึ้นต่อท่านผู้เฒ่าลูคัส ไม่ใช่ว่าเขาบอกเรื่องของท่านโมเดสไปจนหมดแล้วนะ? แต่ยังไงที่เจ้านั้นรู้ก็ไม่ใช่ข้อมูลที่สำคัญอะไร จะโยนมันทิ้งไปก็ได้! ]
โมนาพูดด้วยเสียงเย็นชา ดูเหมือนเธอจะอารมณ์ไม่ดีเพราะถูกขัดจังหวะ
[แน่นอนครับ… แต่ว่า… ]
ลูคัสพยักหน้า นัคไม่ได้มีตำแหน่งสูงอะไรในนากอล ดังนั้นจะโมน่าและลูคัสจึงคิดว่าควรทอดทิ้งเขาไปซะ
แต่สำหรับข้าแล้ว ข้าไม่ต้องการทอดทิ้งลูกน้องที่ทำงานรับใช้ข้า
[ เซอร์ลูคัส แล้วตอนนี้ผู้กล้าอยู่ที่ไหน? ]
[ เรื่องนั้น…. ดูเหมือนพวกเขาจะเข้าไปที่เขาวงกตที่มินอนครับ ]
[ อะไรนะ! เขาวงกตนั้นน่ะเหรอ?! ]
ลูคัสพยักหน้าให้ข้าอย่างรวดเร็ว
[ ถึงจะไม่รู้เหตุผลที่พวกเขาเข้าไปก็เถอะครับ ]
[ ฟังดูชักไม่ดีแล้วสิ… เจ้าเขาวงกตตัวปัญหานั้น ]
ข้ารู้จักเขาวงกตแห่งมินอนดี หากเข้าไปแล้วก็ยากที่จะออกมาได้แม้แต่ข้าที่เป็นราชาปีศาจก็ตาม
[ ฝ่าบาท… ข้าคิดว่าเราไม่ควรให้เกิดการสูญเสียโดยเปล่าประโยชน์เพราะหนูตัวเดียว ดังนั้นข้าจึงคิดว่าควรทอดทิ้งเขาค่ะ ]
โมน่าพูดออกมา หากข้าช่วยได้ ข้าก็อยากช่วยอยู่หรอก
แต่เพราะทำสัญญากับโอดินไว้แล้วจึงยากที่จะเคลื่อนไหวได้ แต่นอกจากข้าแล้วจะมีใครที่ทำได้บ้างล่ะ?
ในตอนนั้นเอง ข้าก็คิดถึงคนๆ นึงขึ้นมาได้ การดำรองอยู่ที่เรียกว่าอัศวินดำผู้มีพลังทัดเทียมกับโมเดสผู้นี้
มีเพียงคนเดียวที่จะช่วยนัคได้
[ คงต้องไปร้องขอร้องท่านผู้นั้น…. ]
◆ สตรีแห่งดาบ ชิโรเนะ
พวกเรากลับมาที่สาธารณรัฐศักดิ์สิทธิ์ลีนาเรียกัน
เพราะจากนี้ต้องเตรียมตัวเพื่อให้คุณเรจิน่ามาอยู่ด้วยกัน
ฉันเองก็ยังไม่อยากกลับนักหรอก แต่เพราะคุณคายะบอกเรื่องที่คุยกับคุโรกิให้ฟัง เลยพอรู้สภาพของคุโรกิมาบ้างแล้ว ดูเหมือนเขาจะยังไม่โดนล้างสมองโดยสมบูรณ์แบบ ถ้าอย่างนั้นก็พอมีโอกาสที่จะทำให้เขากลับมาได้สติอยู่
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในปัจจุบันตอนนี้
[ คายะ ติดต่อพวกท่านพี่ไม่ได้เลยงั้นเหรอคะ? ]
คุณเคียวกะถามคุณคายะ
[ ค่ะ คุณหนู ติดต่อกับพวกท่านเรย์จิไม่ได้เลย สงสัยว่าจะมีอะไรสักอย่างเกิดขึ้นค่ะ ]
จากที่คุณคายะบอก ดูท่าทางพวกเขากำลังมีปัญหากัน
ฉันอยากจะคุยกับคุณจิยูกินะ แต่นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย
[ นี่ คุณคายะ พวกเขาไปที่สาธารณรัฐอาเรียดิน่ากันใช่มั้ยคะ? งั้นถ้าเราลองตามไปดูล่ะ? ]
ถ้าในเมื่อติดต่อไม่ได้ก็ไปหาถึงที่ซะเลย
[ ค่ะ ฉันเองก็คิดว่าควรไปที่สาธารณรัฐอาเรียดิน่าเพื่อบอกเรื่องเรจิน่าด้วย ]
คุณเคียวกะเห็นด้วย
[ จริงด้วยนะคะ… จะรออยู่อย่างเดียวก็ใช่ที่นะคะ ]
ขณะที่พวกเรากำลังคุยกัน
ประตูก็ถูกเคาะขึ้น
[ มีอะไร? เข้ามาได้ ]
เมื่อคุณเคียวกะอนุญาต ก็มีผู้หญิงซึ่งเป็นนักบวชของวิหารเรน่าเข้ามา
[ ท่านเคียวกะ ท่านชิโรเนะ ท่านคายะ ท่านมหาปุโรหิตสั่งข้าให้มาเรียกค่ะ ]
ผู้หญิงคนนั้นก้มหัวลงให้เรา
[ เรียกพวกเรา? มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ? ]
ฉันถามสาวนักบวช
มหาปุโรหิตก็คือตำแหน่งสูงสุดของนักบวช เป็นผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของนักบวชนั้นเอง
มหาปุโรหิตคือตำแหน่งสูงสุดที่จะมีได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
เพื่อคอยชี้นำวิหารเรน่าที่อยู่ทั่วโลก ด้วยเหตุนี้หน้าที่ของมหาปุโรหิตจึงสำคัญมาก
มหาปุโรหิตเรียกเรางั้นเหรอ มีเรื่องอะไรกันนะ?
[ ฉันเองก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ… แต่ท่านสั่งให้มาเรียกพวกท่านเพียงเท่านั้น…. ]
สาวนักบวชตอบด้วยท่าทางลำบาก เพราะตัวเธอนั้นมีตำแหน่งต่ำที่สุด เขาจึงไม่ได้บอกอะไรมาเลยนั้นเอง
[ มีอะไรกันนะ? ]
[ ลองไปดูมั้ยคะ? ]
[ คงมีแต่ต้องไปล่ะนะ ]
จากนั้นนักบวชหญิงก็นำทางพวกเราไป
[ ที่นี่… เหรอ… ]
ฉันส่งเสียงเพราะไม่คาดว่าจะเป็นที่นี่
นั้นคือห้องหนึ่งในวิหารที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้าไปได้
ห้องที่เทพธิดาเรน่าและคุณจิยูกิพูดคุยกันนั้นล่ะ
[ เชิญทางนี้ค่ะ ]
สาวนักบวชก้มหัวและเปิดประตู
เมื่อเราเข้าไปประตูก็ถูกปิด
[ ดูเหมือนว่าในที่สุดก็มากันแล้วนะคะ ]
ตรงนั้นมีคนที่น่าตกใจยืนอยู่ ไม่สิ เทพยืนอยู่ต่างหาก
[ เทพธิดาเรน่า! ]
อะไรพาให้เทพธิดาเรน่ามาที่นี่ ทั้งที่ปกติเธอไม่ค่อยมาที่นี่เลยแท้ๆ
เกิดอะไรขึ้นรึไงนะ?
[ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะท่านเรน่า? ]
คุณคายะก้มหัวและถามคุณเรน่า
[ ชิโรเนะ เคียวกะ คายะ พวกเธอทั้งสามคนฟังให้ดีล่ะ พวกเรย์จิกำลังตกอยู่ในอันตราย ]
พวกเรารู้สึกตกใจมากกับคำพูดของเธอ
[ ท่านเทพธิดาเรน่า… มันเกิดอะไรขึ้นกันคะ? ]
[ พวกเรย์จิถูกจับอยู่ในเขาวงกรแห่งมารร้ายในที่ราบมินอน สถานการณ์ตอนนี้จะเป็นยังไงก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว ]
คุณเรน่าด้วยคำถามของคุณเคียวกะด้วยท่าทีจริงจัง
จากน้ำเสียงของเรน่าทำให้เรารู้ว่าพวกเรย์จิคุงกำลังตกอยู่ในอันตรายจริงๆ
◆ เจ้าชายแห่งอาณาจักรอัลโกลี่ โอมิรอส
[ ยอดเลย…. ]
ข้ามองไปยังทิวทัศน์นอกกำแพงแล้วพึมพำออกมา
ก่อนหน้านี้มาคิลเชียสจังเป็นห่วงว่าเขาจะล้มยักษ์ร้อยมือได้แน่เหรอ
จากเดิมเนินเขาที่ว่างเปล่า ตอนนี้กลายเป็นหลุมดำขนาดใหญ่ที่ไหม้เป็นสีดำซะแล้ว
หลุมดำขนาดใหญ่เกิดขึ้นหน้าอาณาจักรอัลโกลี่
[ พลังของอัศวินดำ…. ช่างน่ากลัวจริงๆ … ]
หลุมดำนั้นเกิดจากการที่เขาต่อสู้กับยักษ์ร้อยมือ ข้าเองก็คิดว่าเขาเป็นคนที่ล้มผู้กล้าได้ก็น่าจะแข็งแกร่ง แต่ไม่นึกว่าจะขนาดนี้
และแม้ว่าโอเกอร์หรือก็อบลินโจมตีเมือง แต่อาณาจักรอัลโกลี่ก็ไม่มีความเสียหายใดๆ เลย
ต้องขอบคุณนักรบเขี้ยวมังกรที่อัศวินดำเรียกออกมาปกป้องอาณาจักรเรา พวกก็อบลินจึงได้หายไปหมดจนไม่เห็นวี่แวว
นี่เขามีพลังมากขนาดไหนกันแน่นะ?
[ เป็นธรรมดาที่พวกเราจะเทียบไม่ติด ดังนั้นยอมแพ้เถอะเพื่อน นะ… โอมิรอส ]
[ นายหมายถึงเรื่องอะไรมาคิลเชียส? ]
[ อีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป อย่างนายก็น่าจะหาผู้หญิงดีๆ ได้ล่ะน่า ]
มาคิลเชียสหัวเราะ
[ แม้จะเป็นการปลอบที่ไม่รู้สึกดีใจ… แต่ก็ขอบคุณมากที่ช่วยให้กำลังใจแล้วกัน ]
ตัวข้าปกป้องเรจิน่าไม่ได้ ดังนั้นข้าน่ะแพ้อัศวินดำอย่างหมดรูปเลยล่ะ
เป็นไปไม่ได้เลยที่ข้าจะปกป้องเรจิน่าได้ นอกเสียจากจะเป็นอัศวิน
ข้าเทียบกับเขาไม่ติด
และเพราะความแข็งแกร่งนั้นทำให้เรจิน่าไปอยู่กับเขา แต่ยังไงซะตอนนี้เธอก็รู้ว่าเธอไม่ได้ถูกพวกก็อบลินจับตัวอยู่ ได้รู้เรื่องนี้ข้าก็โล่งใจแล้ว
ข้าจับโล่เวท ข้าเองก็อยากจะแข็งแกร่งให้ได้เหมือนเขา
[ พี่โอมิรอส!! ]
เฮนเรียกับมนุษย์หมาป่าวิ่งมา
สุดท้ายมนุษย์หมาป่าก็คิดจะอาศัยในอาณาจักรนี้
ดูเหมือนเขาจะถูกส่งจากอัศวินดำให้มาปกป้องอาณาจักรนี้และยังสัญญาว่าจะไม่กินใครด้วย
พอมองไปที่อีธีกอสที่กำลังรักษาตัวอยู่ในอาณาจักรนี้ด้วย บางทีพวกอาจจะกลายเป็นเพื่อนที่เหนือความคาดหมายของข้าก็ได้
และมนุษย์หมาป่าคนนั้นก็เอ็นดูเฮนเรียมาก
[ กำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่เหรอคะ? ]
เฮนเรียถาม
[ อ่า เรื่องของอัศวินดำน่ะ ]
[ อ่อ คุณนักดนตรีนั้นเอง ไม่นึกเลยนะคะว่าเขาจะเป็นอัศวินดำ ]
[ ฮะฮะฮ่า จริงด้วยล่ะนะ ]
[ ใครจะไปรู้ล่ะว่าคนที่พวกเราจับตัวได้จะเป็นอัศวินดำ… ใช่ๆ น่าจะไปโม้ได้นะ ว่าครั้งนึงพวกเราเคยจับอัศวินดำที่เคยล้มผู้กล้าได้นะ? ]
[ ใครมันจะไปเชื่อล่ะมาคิลเชียส? ]
[ ก็จริงล่ะนะ ]
มาคิลเชียสทำให้ข้ารู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ
พวกเราหัวเราะเพราะคุยเรื่องตลกกัน
หลังจากหัวเราะพักนึง เฮนเรียก็มองมา
[ นี่ พี่โอมิรอส… เราจะได้เจอเขาอีกมั้ยคะ….. ]
[ อา… เราจะต้องได้เจอกันอีกครั้งแน่ ]
ข้ามองไปยังท้องฟ้าขณะที่ตอบเฮนเรีย
ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ใต้ผืนฟ้าเดียวกัน ข้ารู้สึกว่าเราต้องได้เจอกันอีกครั้งแน่
◆ อัศวินดำคุโรกิ
[ ล๊าลาล๊า ♪ ]
คุนะกำลังชงชาให้ผม
ดูท่าทางคุนะจะอารมณ์ดีมากที่เรจิน่าไม่อยู่แล้ว
เรจิน่าไปที่สาธารณรัฐลีนาเรียตั้งแต่เมื่อวาน
ดังนั้นในคฤหาสน์ที่ถูกสร้างขึ้นใกล้ๆ กับบริเวณปราสาทราชาปีศาจ จึงมีเพียงผมกับคุนะและคนรับใช้ซึ่งที่มีหน้าเหมือนหมีอยู่คนหนึ่ง
แต่จะเรียกว่าหน้าเหมือนหมีนี่ก็หยาบคายไปหน่อยรึเปล่านะ เพราะเธอเป็นเด็กสาวซึ่งเป็นมนุษย์หมี ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยให้เห็นร่างมนุษย์ของเธอนักและยังดูจะไม่ค่อยชอบผมเลยด้วย ขนาดที่ไม่ได้บอกชื่อมาด้วยซ้ำ
เธอดูจะเศร้าที่เรจิน่าไม่อยู่แล้วต่างจากคุนะลิบลับ ตอนนั้นเธอมองเรจิน่าทั้งที่น้ำลายไหลเลยด้วยซ้ำ หรือว่าเธอจะอยากกินเรจิน่ากันนะ?
พอนึกถึงตัวตนของมนุษย์หมีการให้เรจิน่าออกไปจากนากอลคงดีแล้วล่ะ นากอลเองก็ไม่ใช่สถานที่ที่มนุษย์จะมาใช้ชีวิตอยู่ ถึงจะช่วยไม่ได้ที่ต้องเหงานิดหน่อยก็เถอะนะ
[ เป็นไงล่ะคุโรกิ ถึงจะไม่มีเรจิน่าแล้ว แต่คุนะเองก็ชงชาได้เหมือนกันนะ ]
คุนะพูดพร้อมกับวางชาไว้ตรงหน้าผม ตอนที่เธอโน้มตัวลงทำให้ผมเห็นหน้าอกใหญ่ๆ ของคุนะส่ายไปมา
เสื้อผ้าที่คุนะใส่ตอนนี้คือชุดเมดที่เรจิน่าเคยใส่
หากถามว่าทำไมผมถึงมีเสื้อผ้าแบบนี้เหรอ? ก็เพราะผมเคยไปขอร้องพวกคนแคระให้สร้างชุดสำหรับทำงานให้เรจิน่านะสิ
ดูเหมือนคนรับใช้ผู้กล้าเองก็ใส่ชุดแบบนี้อยู่แล้ว พวกเขาเลยสร้างขึ้นเลียนแบบซะเลย อ่ะ สาวมนุษย์หมีเองก็ใส่ชุดเมดเหมือนกันนะ
เมื่อผมมองไปยังชุดเมดที่แต่เดิมเป็นของเรน่า สายตาของผมก็เลื่อนลอย
พลังทำลายล้างของคุนะในชุดเมดก็พอๆ กับเรจิน่าเลยล่ะ ขอบอก
หน้าอกคุนะใหญ่กว่าเรจิน่า ดังนั้นจึงทำให้ชุดเมดนี้อันตรายขึ้นมาก แม้ว่าจะมีสิ่งสุดยดแผล่บออกมา แต่ผมต้องไม่มอง…
[ มีอะไรเหรอคุโรกิ? ไม่ดื่มเหรอ? ]
คุนะมองผมด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น
ดูเหมือนเพราะผมมัวแต่ไปมองหน้าอกของคุนะเลยไม่รู้ตัวเลย
[ ไม่มีอะไรหรอกคุนะ ขอบคุณสำหรับชานะ ]
ผมพูดแล้วหยิบชามาดื่ม
มันเป็นชาที่หวานและอร่อยมาก ถึงจะเป็นครั้งแรกที่ผมดื่มชาแบบนี้แต่มันอร่อยมากเลยล่ะ
[ เป็นยังไงบ้างคุโรกิ? ]
คุนะมองผมราวกับกำลังคาดหวังบางอย่าง
[ อืม มันอร่อยมากเลยล่ะ เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้ดื่มชานี้ ใครให้ชานี้มางั้นเหรอ? ]
[ อือ ดาเทียเป็นคนให้มานะ ]
คุนะระเบิดเสียงดีใจแบบไม่ได้ตั้งใจออกมา
ดาเทีย… นั่นคือชื่อของราชินีก็อบลิน
มันก็จริงล่ะนะที่คุนะเพิ่งจะแวะไปหาดาเทียที่อาณาจักรคารอนเมื่อไม่นานนี้ แต่จนถึงตอนนี้เราก็ยังไม่ได้เบาะแสเลยว่าโกสุหายไปไหนแล้ว
ในตอนนั้นก็ได้ยินจากดาเทียว่าตอนนี้โกสุกำลังถูกขังอยู่ในคุกของอาณาจักรคารอนเป็นการลงโทษที่แอบนำสิ่งล้ำค่าที่โมเดสให้ดาเทียไปใช้
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเรจิน่าจะไม่ต้องระแวงโกสุอีกแล้ว เมื่อเธอได้ยินเรื่องนี้ก็ดูจะดีใจมากและกลับไปยังโลกมนุษย์อย่างมีความสุข
ผมเองก็ดีใจเหมือนกัน แต่ที่น่ากังวลคือตอนที่กำลังคุยกับดาเทียสายตาของเธอจ้องมองมาที่หว่างขาของผมนะสิ ผมเลยพยายามหนีบขาไว้
มันเป็นลางสังหรณ์ไม่ดีราวกับเธอกำลังโลมเลีย
ถึงจะไม่ดีต่อดาเทีย แต่ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากเจอเธออีกแล้ว
งั้นทำไมดาเทียถึงเอาชาให้กับคุนะล่ะ? ทั้งยังดูเหมือนทั้งคู่จะสนิทกันดีอีกต่างหาก
[ อร่อยใช่มั้ยคุโรกิ? ]
คุนะถามขณะที่ยิ้ม
มันเป็นชาที่คุนะพยายามชงให้ผม ดังนั้นไม่มีทางแย่อยู่แล้ว
ผมดื่มชา
[ อร่อยมากเลยล่ะคุนะ ]
ผมยิ้มแล้วตอบไป
[ งั้นเหรอ คุโรกิดื่มเข้าไปแล้ว สงสัยว่าจะต้องใส่เพิ่มเข้าไปอีก เพราะคุโรกิมีความต้านทานสูงมากเลยทำให้ไม่ได้ผล แต่คราวนี้ล่ะคุนะจะทำให้ได้ ]
คุนะชงชาให้ผมดื่มอีกครั้ง
ต้านทานสูง? เรื่องอะไรล่ะนั้น? แต่ผมรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
เพราะเหตุการณ์ตอนโอเกอร์ ทำให้ผมคิดว่าคงดีกว่าถ้าผมไม่ปล่อยให้คุนะหลุดจากสายตา
[ อ่ะ จริงด้วยสิคุนะ ผมมีของขวัญจะให้ ]
ผมพูดอย่างนั้นแล้วก็เอากล่องออกมาจากอก
[ นั่นมัน…? ]
ข้างในกล่องก็คือแหวน ผมเอาแหวนออกมาและใส่ที่นิ้วก้อยข้างซ้ายของคุนะ
[ แหวนนี้คือแหวนเวทมนตร์ที่จะทำให้ทั้งคู่ที่ใส่แหวนอยู่สามารถรู้ตำแหน่งของกันและกันได้นะ ]
จากนั้นผมก็ชูแหวนที่สวมอยู่ที่นิ้วนางข้างซ้ายให้เธอดู
[ แบบนี้ผมจะได้อยู่กับคุนะตลอดไป ] (คุโรกิมันสื่อว่ารู้ตำแหน่งกันตลอดเวลานะครับ)
เมื่อผมพูดอย่างนั้นสายตาของคุนะก็ชื้นขึ้น
[ คุโรกิ!! ]
คุนะกอดผม
[ คุโรกิ! คุโรกิ! รักที่สุดเลย~ คุโรกิ!! ]
[ ฮ่าๆ ดีใจนะที่เห็นคุนะดีใจ ]
ขณะที่ผมลูบหลังคุนะ ผมก็รู้สึกผิดอยู่นิดหน่อย
ที่ผมบอกไปก็คืออยากรู้ว่าคุนะทำอะไรที่ไหน แต่เหตุผลที่แท้จริงก็เหมือนการบังคับกันเพื่อไม่ให้คุนะหนีไปไหนซะมากกว่า
แต่ผมก็พูดออกไปไม่ได้
ถึงอย่างนั้นกลิ่นของคุนะนี้หอมจังนะ
ก๊อก ก๊อก
ประตูถูกเคาะระหว่างที่ผมกำลังกอดคุนะอยู่ ดูเหมือนจะมีคนมา
[ ใครกัน!! ]
คุนะตะโกนออกไป ดูเหมือนเธอจะอารมณ์เสียนิดหน่อยที่ถูกรบกวน
[ ขออนุญาตค่ะ ฉันเองค่ะนายท่าน ]
ผมแปลกใจกับคนที่เปิดประตูเข้ามา
[ เรจิน่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ!? ]
คุนะพูด
หินเวทที่ได้มาจากชิโรเนะนั้นมีแค่ก้อนเดียวและเธอน่าจะใช้เพื่อกลับไปที่ลีนาเรียไปแล้ว
[ ค่ะแต่ว่า… อันที่จริงแล้วฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องนายท่านเป็นเรื่องสุดท้ายค่ะ มันเป็นเรื่องเดียวที่คาใจฉันอยู่ ]
เรจิน่าก้มหัวให้
[ อะไรล่ะเรจิน่า เรื่องที่จะขอร้องคุโรกิน่ะ? ]
คุนะเร่งเร้าให้เธอรีบบอกมา
[ ช่วยเอ็นดูฉันในฐานะผู้หญิงกับฉันด้วยค่ะนายท่าน ]
[ เอ๊ะ? ]
[ !!! ]
ตาของเรจิน่าจับจ้องผมอย่างตรงไปตรงมา
[ เอ็นดูในฐานะผู้หญิง… ? รอเดี๋ยวก่อนคุนะ! หยุดเคียวนั้นก่อน!! ]
ผมสั่งให้คุนะที่กำลังจับเคียวยักษ์หยุดก่อน
[ เรจิน่า! ดูนี้สิ หน้าอกเธอน่ะมันน่าสมเพซขนาดไหน! แล้วดูขนาดของคุนะซะสิ!! ]
[ ก็ใช่หรอกค่ะ… แต่บางครั้งนายท่านเองก็มองก้นฉันเหมือนกันนะคะ… ]
ผมถึงกับพ่นชาออกไปเมื่อได้ยินคำพูดของเรจิน่า
ขอโทษนะที่ผมแอบมองไปที่ก้นเธอไปเวลาทำความสะอาดน่ะ…. ก็เห็นมันส่ายไปมานี่นา…
[ ไม่ได้! ไม่ได้! คุโรกิน่ะมีคุนะอยู่แล้ว ขนาดเมื่อกี้เขายังจ้องหน้าอกคุนะด้วยสายตาโลมเลียเลยนะ! ดังนั้นอย่างเรจิน่าน่ะไม่จำเป็น!! ]
ผมถึงกลับล้ม ’โคร้ม’ จากเก้าอี้เพราะคำพูดนั้น
นี่สังเกตด้วยเหรอ…? ขอโทษคร๊าบบบ ที่ผมเอาแต่จ้องหน้าอก
[ ฝ่าบาท! ฝ่าบาทอยู่ที่นี่มั้ย!? ]
ผมได้ยินเสียงฝีเท้าหลายคนกำลังเดินตรงมายังห้องนี้
อัศวินปีศาจหญิงติดอาวุธเต็มรูปแบบ เดินเข้ามาในห้อง
[ ตามคำสั่งของท่านราชาปีศาจทำให้จากนี้พวกเราจะมาคอยรับใช้ฝ่าบาทค่ะ หลังจากนี้ก็ขอฝากตัวด้วยค่ะ ]
ผู้หญิงเผ่าปีศาจก้มหัวลงให้ผม
จะว่าไปผมขอลูกน้องกับโมเดสไปนี่นา?
แต่ไม่ได้คาดว่าจะได้ผู้หญิงมาแทน
คนของเผ่าปีศาจแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ 2 กลุ่ม คือปีศาจระดับสูงที่รูปร่างหน้าตาไม่ต่างจากมนุษย์และมีผู้มีพลังต่ำที่รูปร่างจะต่างจะมนุษย์อยู่มาก โดยระดับสูงนั้นจะต่างจากมนุษย์ก็แค่มีเขาเท่านั้นเอง
และสาวปีศาจตรงหน้าผมก็เป็นสาวสวยซึ่งไม่แพ้เผ่านางฟ้าเลย
ดูเหมือนพวกเธอจะเป็นปีศาจระดับสูงเหมือนรันฟิวและยังเป็นพวกเธอยังเป็นสาวสวยทุกคนด้วย
[ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้—!!! ]
คุนะกุมหัว ที่จะมีผู้หญิงอยู่รอบตัวผมมากขึ้น
ผมเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้อัศวินหญิงมาเหมือนกันล่ะน่า เดิมทีอัศวินหญิงนี่จะเป็นคนที่อยู่ภายใต้อาณัติของโมน่า
ที่พวกเธอมาอยู่ที่นี่ก็แปลว่าได้รับอนุญาตจากโมน่าแล้ว
ผมประหลาดใจมาก นึกว่าเธอจะเกลียดผมซะอีก
คุนะกุมหัวอยู่ข้างๆ ผม
แต่ทันใดนั้นวันอันแสนวุ่นวายก็กำลังจะเริ่มขึ้น
ขณะที่ผมกำลังดื่มชาและเฝ้ามองท้องฟ้าของนากอลผ่านหน้าต่างนั้นเอง
ร่างกายของผมก็รู้สึกร้อนขึ้น
และยังมีกลิ่นหอมจากตัวผู้หญิงที่อยู่ในห้องมากมาย ทำให้สติของผมค่อยๆ จางหายไป