อัศวินดำ - ตอนที่ 47
◆ นักปราชญ์ผมดำจิยูกิ
สาธารณรัฐอาเรียดิน่าตั้งอยู่ที่ชายแดนของระหว่างทวีปตะวันออกและตะวันตก ประเทศนี้ตั้งอยู่ในปากแม่น้ำคิชซึ่งเป็นแม่น้ำขนาดใหญ่ที่ไหลผ่านที่ราบมินอน
จำนวนประชากรมากกว่า 1 ล้านคน ซึ่งน่าจะเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้
เพราะจำนวนประชากรที่มากทำให้ประเทศนี้ร่ำรวยมาก
ที่ราบมินอนที่แพร่กว้างไปทางเหนือของอาเรียดิน่าทำให้อาเรียดิน่ามีพื้นที่การเกษตรมากและยังสามารถปลูกพืชผลได้มากอย่างเช่นข้าวสาลีขาว พื้นที่เพราะปลูกของอาเรียดิน่ายาวผ่านไปแม่น้ำคิชซึ่งไหลผ่านใจกลางที่ราบ
และเพราะอ่าวอลาร์ดเองก็สงบสุข เพราะอ่าวนี้มีน้ำไม่ลึกนัก พวกปีศาจจากทะเลจึงไม่ได้เข้ามาอาศัยอยู่กัน
ประเทศแห่งอ่าวคิชและที่ราบมินอนจึงได้จัดตั้งเป็นสาธารณณัฐดาเรียดิน่าและผู้คนสามารถเดินไปเข้าออกได้อย่างอิสระ
ทำให้มีผู้เดินทางมายังอาเรียดิน่ามากมาย
นอกจากนี้ทางตะวันออกเฉียงเหนือของที่ราบมินอนยังมีประเทศของเหล่าคนแคระซึ่งทางอาเรียดิน่าเองก็ส่งแร่ทองคำและแร่เงินผ่านแม่น้ำคิชไปยังประเทศของเหล่าคนแคระด้วย
อาเรียดิน่าออกสกุลเงินทูคัมซึ่งเป็นมาตรฐานเงินของโลกนี้ ด้วยเหตุนี้เศรษฐกิจของประเทศจึงก้าวหน้ากว่าประเทศอื่นอยู่มาก
ซึ่งเป็นสกุลเงินที่เป็นมาตรฐานของโลกใบนี้เหมือนสกุลเงินของอาณาจักรลีนาเรีย
นี่ล่ะประเทศแห่งความร่ำรวย สาธารณรัฐอาเรียดิน่า
ตอนนี้ฉันและเรย์จิอยู่ที่สำนักงานรัฐบาลใหญ่ของอาเรียดิน่า
ส่วนซาโฮโกะ ริเนะ และนาโอะแยกไปที่อื่น
ถ้าแค่ริโนะหรือนาโอะ ฉันก็คงไม่ลำบากใจหรอกนะ แต่เพราะมีซาโฮโกะไปด้วยกันกับสองคนนั้นเลยเป็นห่วงอยู่นิดหน่อย
[ กำลังคอยอยู่เลยครับ ท่านผู้กล้าแห่งแสง ข้ามียศเป็นนายพลของสาธารณรัฐอาเรียดิน่า มีนามว่าคลาส ]
พวกเราถูกนำทางไปและมีชายวัยกลางคนอายุประมาณ 40 ออกมาต้อนรับ
ชื่อของเขาคือคลาสและเป็นนายพลของอาเรียดิน่า
นายพลก็คือหัวหน้าระดับสูงที่คอยรักษาความปลอดภัยของอาเรียดิน่า
ตำแหน่งนายพลจึงหาได้ค่อนข้างยาก หากเป็นประเทศอื่น
ดังนั้นโดยปกติแล้วประเทศนี้นายพลจะคอยทำหน้าที่เหมือนราชา เป็นคนที่ใหญ่ที่สุดในที่แห่งนี้และยังคอยดูแลความมั่นคงและป้องกันประเทศด้วย
เพราะประชากรของอาเรียดิน่าที่มีมากและพื้นที่ที่มีมากทำให้ต้องป้องกันอย่างกว้างขวางและแยกกันไปรักษาความปลอดภัยให้ทั่วประเทศ
ในโลกนี้เองก็มีการเกณฑ์ทหารอยู่ในหลายๆ ประเทศ
แต่ไม่ใช่เพื่อต่อสู้กับมนุษย์ด้วยกัน จึงไม่มีสงคราม
เพราะศัตรูของมนุษย์ก็คือปีศาจ ในโลกนี้มีสัตว์ประหลาดและปีศาจอยู่มากมายหลายชนิด กล่าวได้ว่าไม่มีเวลาให้มนุษย์มาทำสงครามกันเองหรอก
แต่บริเวณพื้นที่แถบนี้ไม่มีปีศาจอยู่เท่าไหร่ งานทั่วไปจึงเป็นแค่การรักษาความปลอดภัยเท่านั้น
ไม่มีความขัดแย้งระหว่างประเทศ แต่ความขัดแย้งในประเทศกันเองน่ะมีเหมือนโลกเดิมของพวกเรา เพราะเป็นประเทศที่ค่อนข้างใหญ่เลยเด่นชัดขึ้น
ดูเหมือนคลาสซึ่งเป็นนายพลตรงหน้าฉันนี้ ก็เป็นอัศวินคนหนึ่งของประเทศนี้ แต่ดูเขาจะไม่ค่อยได้สู้กับพวกปีศาจเท่าไหร่
คลาสวางมือที่หน้าอกและกล่าวขอบคุณเรย์จิด้วยความสุภาพ
[ เรย์จิผู้กล้าแห่งแสงผู้นี้ จะพยายามแล้วกัน ]
เรย์จิดูจะไม่แยแสท่าทีสุภาพของคลาส
เหมือนตอนที่ไปประเทศอื่นๆ ท่าทีของเรย์จิไม่เคยเปลี่ยนไปเลย
นี่เขาจะทำให้เกิดการบาดหมางกับคนในประเทศสักกี่ครั้งกัน?
ฉันมองไปที่คลาสและสงสัยว่าเขากำลังทำท่าใจไม่พอใจอยู่มั้ยนะ
[ ฮะฮ่าฮ่า ขอแค่มีท่านผู้กล้าแห่งแสง ประเทศของเราก็ปลอดภัยแล้วครับ ]
ฉันหัวเราะแห้งๆ ดูท่าว่าเขาจะไม่ได้สนท่าทีเสียมารยาทของเรย์จินะ
ฉันเองก็ชินแล้วล่ะ
ถ้าไม่รังเกียจท่าทีเสียมารยาทของเรย์จิก็คงจะคุยกันง่ายหน่อย
[ ฉันได้ยินเรื่องจากรองประธานสมาคมผู้ใช้เวททาราบอสมาบ้างแล้ว ยังไงช่วยบอกรายละเอียดจะได้มั้ยคะ? ]
ฉันถามเขาแทนที่เรย์จิ
การเจรจาคือหน้าที่ของฉัน นี่เองก็ถือเป็นงานของฉัน
[ ไม่ครับ ถ้ายังไงพวกเราไปที่ห้องประชุมกันดีกว่า เพราะข้าได้เตรียมเครื่องดื่มไว้ให้แล้ว ]
จากนั้นคลาสก็นำทางเราไปที่ห้องประชุม
ห้องประชุมมีขนาดกว้างขวางสมกับเป็นสำนักงานรัฐบาลของอาเรียดิน่าที่มีทั้งมีอำนาจและมันยังถูกตกแต่งอย่างสวยงาม
มีที่นั่งว่างมากมายเรียงรายกัน
พวกเราเลือกนั่งคนละจุด
จากนั้นคลาสก็ปรบมือและประตูก็เปิดขึ้นพร้อมกับมีคนเข้ามา
[ ก็อบลิน?! ]
ฉันพูดออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
มีก็อบลินเข้ามา ข้างหน้าของก็อบลินมีเครื่องดื่มวางอยู่บนรถเข็น
ก็อบลินดันรถเข้ามาทางพวกเราและยกเครื่องดื่มมาให้
[ เชิญครับโกบุ ]
ก็อบลินก้มหัวให้
เพราะปกติก็อบลินจะเป็นศัตรูที่เราต้องสู้ด้วยเสมอเลยสับสนอยู่นิดหน่อย
ฉันมองไปยังทาสก็อบลินของนายพลที่เข้ามาในห้อง
ดูเหมือนพื้นที่แถบนี้จะทำอุตสาหกรรมทาสที่ใช้ก็อบลินกันและดูเหมือนจะเฟื่องฟูมาก แต่ไม่ใช้ออร์คหรือปีศาจอย่างอื่นหรอกนะ ใช้แค่เพียงก็อบลินเพราะพวกมันเหมาะกับการเป็นทาส
ได้ยินว่าผู้ใช้เวทของซาเรียเองก็ทำให้ก็อบลินเป็นทาสได้เหมือนกัน
ดูเหมือนพวกเขาจะใช้เวทควบคุมไม่ก็อะไรที่คล้ายๆ กันทำให้ก็อบลินยอมเชื่อฟัง
โดยที่ราบมินอนนี้มีฟาร์มก็อบลินขนาดใหญ่อยู่ด้วย
ด้วยค่าแรงงานที่ถูกและอาหารถูกทำให้เป็นที่นิยมในแถบนี้มาก
เมื่อก็อบลินหยิบชาให้ทุกคนครบแล้วก็ก้มหัวและออกจากห้องไป
ฉันมองมันด้วยสีหน้าลึกลับ
[ โอ๊ะ นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นทาสก็อบลินเหรอครับ…. อ่ะ ข้ายังไม่ได้ลืมคำสอนของท่านเรน่าหรอกนะครับ ว่าทาสก็อบลินเป็นสิ่งต้องห้าม ข้าเลิ่นเล่อไปเองครับ ]
คลาสขอโทษ
เรน่าเป็นเทพแห่งชัยชนะและคอยคุ้มครองมนุษย์จากการคุกคามของเหล่าปีศาจ มีคติว่าปีศาจจะต้องถูกทำลาย
ด้วยเหตุนี้หากเป็นผู้ที่นับถือศาสนาเรน่าแล้วจะต้องฆ่ามันทันทีอย่างไร้ปราณีเมื่อเจอปีศาจ
แต่ทว่าเพราะที่อาเรียดิน่าไม่ค่อยมีภัยคุกคามจากปีศาจมากนัก ทำให้ศาสนาเรน่าไม่ค่อยมีผลกับอาเรียดิน่า
สิ่งที่นับถือที่สุดในประเทศนี้จึงเป็นราชาแห่งเทพโอดิน โอดินนั้นไม่ได้แนะนำเรื่องทาสนัก แต่ก็ไม่ได้สั่งห้าม
ดังนั้นที่นี่จึงมีทาสอยู่อย่างเปิดเผย
แต่สำหรับฉันกลับมองดูอย่างน่ารังเกียจ เพราะทาสเองก็เป็นสิ่งต้องห้ามในโลกของเรา ดังนั้นจึงรู้สึกไม่ค่อยดีนัก
ถ้าเมื่อกี้ไม่ใช่ปีศาจแต่เป็นมนุษย์ ฉันคงบอกให้เขาปลดปล่อยคนๆ นั้นจากการเป็นทาสแล้ว
[ ฉันเองก็รู้สึกไม่ค่อยชอบนักหรอกค่ะ เอาเป็นว่าเลิกคุยเรื่องนี้กันดีกว่า ว่าแต่ช่วยบอกเหตุผลที่จะขอยืมพลังของพวกเราได้มั้ยคะ? ]
ทาสนั้นถูกฝังรากลึกไปยังประเทศนี้ไปแล้ว ถ้าฉันพยายามไปฝืนให้พวกเขาหยุดจะเป็นการส่งผลให้เกิดการบาดหมางกับผู้คนในประเทศนี้ ดังนั้นเลี่ยงไว้จะดีกว่า
นอกจากนี้แม้จะปลดปล่อยพวกเขาจากการเป็นทาสได้แล้วปัญหาที่ตามมาก็คือจะทำยังไงกับก็อบลินพวกนั้น ดังนั้นมันค่อนข้างยุ่งยากมากเลยล่ะ
ดังนั้นฉันเลยบอกว่าเลิกคุยเรื่องนี้ดีกว่า
และก็ไม่ค่อยชอบด้วย ดังนั้นเปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่า
[ เรื่องนั้น…. เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ…. ]
คลาสเริ่มอธิบาย
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในคืนที่เราต่อสู้กับเพื่อนสมัยเด็กของชิโรเนะ
ในอาเรียดิน่าจะจัดงานเทศกาลตลอดทั้งอาทิตย์และในวันนั้นก็มีเกมต่อสู้ในสนามต่อสู้ตลอดห้าวัน
แต่กาดิเอเตอร์ไม่ใช่อย่างที่เรารู้จัก นี่ไม่ใช่เกมที่จะให้มนุษย์มาสู้กัน
แต่เป็นปีศาจกับปีศาจมาสู้กันต่างหาก
ดังนั้นจึงมีปีศาจจำนวนมากถูกจับได้และถูกพามายังอาเรียดิน่า
มีทั้งเผ่าออร์คและยังสัตว์ปีศาจเวทที่ดุร้าย ทั้งยังมีมนุษย์หมาป่าและสัตว์ประจำถิ่นอย่างเซนทอร์ คนครึ่งปลาเมอร์เมด และยังมีลาเรียซึ่งเป็นผู้หญิงที่มีร่างกายส่วนล่างเป็นงูด้วย
ปีศาจที่ถูกจับได้พวกนั้นถูกรวบรวมไว้นอกดินแดนของอาเรียดิน่าเพื่อฝึกก่อน
แต่ปัญหาคือพวกมันหนีไป
ตอนนี้กำลังตรวจสอบสาเหตุอยู่ว่าเป็นอุบัติเหตุหรือจากคนภายนอก
แต่อย่างไรก็ตามเรื่องที่ปีศาจบางส่วนหนีไปและยิ่งกว่านั้นพวกมันยังเอาพื้นที่แถบนี้เป็นที่อยู่ด้วย ดังนั้นการปล่อยพวกมันไว้เฉยๆ จึงอันตราย
คลาสที่เป็นผู้ดูแลความปลอดภัยของอาเรียดิน่าจึงได้รวบรวมคนเพื่อจัดการมัน
อาเรียดิน่าเป็นประเทศแห่งการค้าขาย หากกระแสการไหลเวียนสินค้าลดลงเพราะปีศาจพวกนั้น อาเรียดิน่าอาจจะพังทลายได้เลย
ตอนนี้ทางประเทศยังมีอาหารเหลืออยู่เยอะ จึงยังไม่มีการร้องเรียนจากประชาชนแต่อย่างใด
แต่หากอาหารหมดอาจจะทำให้เกิดการจราจลได้
เนื่องจากสินค้าที่ไม่มีมา จึงต้องหาทางทำอะไรสักอย่างโดยเร็ว นี่คือเหตุผลที่คลาสขอยืมพลังของพวกเรา
ฉันเหลือบมองไปทางเรย์จิ
[ ดีล่ะ ปล่อยให้ฉันจัดการเอง ]
เรย์จิพูดด้วยท่าทางโอ้อวด ดูท่าว่าเขาจะตัดสินใจแล้ว
[ ขอบคุณมากครับ ]
คลาสพูดขอบคุณ
[ นายพลคลาส เดิมทีก่อนที่เราจะมาช่วย…. ไม่ได้ส่งให้อัศวินหรือทหารออกไปจัดการเลยเหรอคะ? ]
สิ่งที่พวกเขาควรทำอย่างแรงก็คือส่งกำลังคนออกไปจัดการเองสิ
เมื่อได้ยินฉันพูด คลาสก็ทำสีหน้าลำบากใจ
[ สมเป็นท่านนักปราชญ์ผมดำช่างปราดเปรื่องจริงๆ …. จริงๆ ข้าก็ส่งอัศวินไปแล้ว… ]
คลาสทำสีหน้าพูดออกมาได้ยาก
[ หรือว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ? ]
[ ที่จริง… กองอัศวินที่ถูกส่งออกไปถูกปีศาจทำลายหมดเลยครับ… ]
เมื่อได้ยิน ฉันก็เผลออุทานไป
คลาสอธิบายต่อ
ในวันต่อมาหลังจากที่ปีศาจพวกนั้นหนีไป ว่ากันว่าประเทศพันธมิตรแต่ละแห่งได้ส่งทหารของตนและอัศวินของประเทศตนออกไป
ในวันนั้นกองอัศวินของอาเรียดิน่าดูเหมือนจะเจอกับเซนทอร์ที่หนีไปที่ราบมินอน
จำนวน 23 ตัว ในทางตรงกันข้ามอัศวินของอาเรียดิน่ามีถึง 300 คน
กองอัศวินเหนือกว่าด้านจำนวนเป็นธรรมดาที่จะคิดว่าต้องเซนทอร์ได้ แต่ดูเหมือนว่าอัศวินครึ่งนึงกลับโดนเซนทอร์จัดการแถมยังจัดการเซนทอร์ไม่ได้สักตัว
ฉันถึงกับกุมหัว การต่อสู้กับเซนทอร์ในที่ราบลุ่มนี่มันโง่เกินไปแล้ว
เซนทอร์ทุกตัวต่างมีฝีมือการใช้ธนูยอดเยี่ยม หากเป็นการต่อสู้ในที่ราบลุ่ม มนุษย์ธรรมดาไม่มีโอกาสชนะแต่แรกแล้ว
ไม่ว่าจะล่าอะไรเซนทอร์ก็ใช้ธนูล่า
เซนทอร์ที่มีร่างกายแข็งแรงกว่ามนุษย์ ลูกธนูที่ถูกปล่อยออกมาจากแรงแขนมหาศาลจึงสามารถยิงได้ไกลกว่าลูกธนูของมนุษย์และทะลุเกราะหรือโล่ได้ง่ายๆ หากไม่ใช่อุปกรณ์เวทมนตร์ล่ะนะ
และส่วนล่างของเซนทอร์ก็เป็นม้าที่มีความคล่องตัวสูง อัศวินที่มีแต่อุปกรณ์สวมใส่หนักๆ ไม่มีทางจับเซนทอร์ได้หรอก
นั่นคงเป็นผลทำให้อัศวินของอาเรียดิน่าไม่ได้แม้แต่จะสัมผัสตัวเซนทอร์ได้ ปกติแล้วในที่ราบมินอนน่ะไม่มีเซนทอร์อยู่หรอกนะ แถมฉันเองก็ไม่รู้พลังของเซนทอร์เลยประเมินได้แบบนี้
แต่ยังมีอัศวินของอาเรียรอดชีวิตมาได้อยู่
ในตอนนั้นที่กลางคืนแล้ว พวกเขาต่างเหนื่อยล้า มองอะไรไม่เห็นแล้ว
คลาสบอกการจะเดินทางกลับมาเป็นไปไม่ได้เลยในตอนนั้น
แถบนี้เองก็ไม่ค่อยมีมอนสเตอร์อยู่แล้ว พวกเขาเลยตั้งแคมป์โดยไม่คิดมาก จากนั้นเหล่าอัศวินที่เหลือส่วนใหญ่เลยถูกฆ่าตายกันหมด
จู่ๆ ฉันก็สงสัยขึ้นมา
[ กลุ่มออร์คมาโจมตีเหรอคะ? ]
ฉันถามคลาส
[ ใช่ครับ อัศวินที่เหลือรอดมาได้ถูกฆ่าตายหมด… ]
[ ถ้างั้นก็แปลว่ามีออร์คระดับสูงด้วยสินะคะ? ]
ปกติแล้วออร์คจะไม่จับกลุ่มกันยกเว้นเฉพาะมีออร์คระดับสูงสร้างฝูงขึ้นมา
โดยออร์คระดับสูงนั้นแข็งแกร่งจนง่ายที่จะทำลายประเทศของมนุษย์แห่งหรือสองแห่งได้เลย
ยังไม่ต้องพูดถึงปีศาจอื่นเลย เอาแค่จัดการออร์คให้ได้ก่อน
แต่เมื่อฉันถาม คลาสก็ส่ายหน้า
[ ข้าจึงไปขอร้องกับสมาคมผู้ใช้เวท เพราะไม่ใช่แค่ออร์คระดับสูงแต่ดูเหมือนจะไม่มีปีศาจตัวไหนเลยที่เราพอจะจัดการด้วยตัวเองได้… ]
[ งั้นเหรอคะ เข้าใจแล้วค่ะ… ]
ออร์คระดับสูงแข็งแกร่งกว่าออร์คธรรมดามาก การจะสร้างบาดแผลให้มันนั้นเป็นไปไม่ได้นอกจากจะเป็นอาวุธเวท เพราะร่างกายมันแข็งเหมือนเหล็ก
ยังไงคนธรรมดาก็จัดการมันไม่ได้แน่
แต่ยังโชคดีที่พวกออร์คระดับสูงอาศัยอยู่แค่ในนากอลเท่านั้น จึงหาได้ยากที่มันจะออกมาที่โลกมนุษย์
เรียกได้ว่าไม่มีออร์คระดับสูงออกมาที่โลกมนุษย์เลยจะถูกกว่า
จากที่ได้ยินเขาเล่ามา ออร์คระดับสูงแกลนเดลตัวนี้ปรากฏตัวขึ้นที่ทางเหนือของสาธารณรัฐอาเรียดิน่า ดูเหมือนมันจะมีกองกำลังและทำลายประเทศของมนุษย์และจับมนุษย์มาเป็นทาสและสร้างอาณาจักรออร์คขึ้นที่นั้น
แต่แกลนเดลก็ถูกปราบลงได้โดยผู้กล้าที่มีสายเลือดครึ่งเทพ เบโอรอฟและตอนนี้เขาก็ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว
จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่คนธรรมดาจะจัดการได้นอกเสียจากจะเป็นผู้กล้าไม่ก็ลูกของเทพเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้เองทำให้ออร์คระดับสูงและเหล่าปีศาจหลบหนีไป
[ นี่มันดูจะเป็นฝีมือคนนอกมากกว่าจะเป็นอุบัติเหตุนะคะ เหมือนมีใครจงใจปล่อยให้ปีศาจพวกนั้นหนีไป]
เมื่อฉันพูด คลาสก็พยักหน้า
[ ทางสมาคมผู้ใช้เวทก็มีความเห็นตรงกันครับ ]
ถ้าคิดตามปกติก็คงสรุปได้แบบนี้ล่ะ
[ กลายเป็นเรื่องยุ่งยากแล้วสิ… ]
ฉันถายหายใจ
ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร แต่ยังไงเขาก็ทำให้ออร์คระดับสูงเชื่อฟังได้ มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นปีศาจระดับสูง
เพราะไม่รู้นี้สิ การจะเริ่มหาถึงได้ยุ่งยาก เป็นสถานการณ์ที่น่ารำคาญเลยทีเดียว
[ ครับ…. ตอนนี้สถานการณ์เกินกว่าที่เราจะรับมือไหวแล้ว… ]
จากที่คลาสเล่าไม่เพียงแต่อัศวินของอาเรียดิน่าแต่อัศวินจากประเทศต่างๆ เองก็ถูกปีศาจจัดการไปหมด
เพียงแค่อัศวินของแต่ละประเทศรับมือสถานการณ์นี้ไม่ไหวแล้ว
ด้วยเหตุนี้แต่ละประเทศจึงตัดสินใจยืมพลังโดยการติดต่อทหารรับจ้าง สภา และสมาคมผู้ใช้เวท
สมาคมผู้ใช้เวทที่ซาเรียจึงได้มาขอร้องกับฉันขณะที่ไปที่นั้นพอดี
และหากเป็นทหารรับจ้างชื่อดังพวกเขาก็จะยื่นข้อเสนอให้พิเศษด้วย
ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่ใช่แค่เรย์จิที่มาแต่ยังมีผู้กล้าคนอื่นมารวมตัวกันที่อาเรียดิน่าแห่งนี้ด้วย
คลาสบอกว่ามีทั้งผู้กล้าแห่งไฟและผู้ที่ถูกเรียกว่าผู้กล้าแห่งลมด้วย
ฉายาว่าผู้กล้าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีได้หรอกนะ แต่ต้องแข็งแกร่งในระดับหนึ่งทีเดียว
นอกจากนี้คลาสยังบอกอีกว่าผู้กล้าคนอื่นก็มีท่าที(เสียมารยาท)เหมือนเรย์จิ
ดังนั้นเขาถึงไม่ได้สนใจท่าทีของเรย์จิ
แต่เรย์จิดูไม่ได้สนใจว่าผู้กล้าคนอื่นจะเป็นยังไงนอกจากตัวเองเท่านั้น
[ ท่านเรย์จิ โปรดช่วยเหลืออาเรียดิน่าด้วยครับ! ]
คลาสพูดขณะที่ก้มหัวลงไปจนสุดพื้น
◆ ผู้กล้าแห่งไฟโนวิค
[ ฮึบ!! ]
ข้าลุกขึ้นและขยับร่างกาย
โดยไม่ปลุกผู้หญิงที่นอนอยู่ข้างๆ
ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้ขอร้องของข้าคราวนี้ เป็นม่ายและยังไม่มีลูก
และเธอยังรวยมากเพราะมีมรดกเดิมจากสามีที่ร่ำรวย
เธอขอร้องให้ข้าเป็นสามี แต่นั่นเป็นไปไม่ได้
หลังจากที่ข้ากลายเป็นผู้กล้า ก็มีคนอีกมากมายในโลกนี้ที่ต้องการพลังของข้า ตัวข้าจึงเป็นของคนๆ เดียวไม่ได้
จากนั้นข้าก็ออกมาจากบ้านนั้นอย่างเงียบๆ
[ จะไปที่ห้องน้ำสาธารณะดีมั้ยนะ ]
ข้าพูดขึ้นขณะที่เริ่มเดิน
ข้าเดินผ่านย่านโคมแดงของสาธารณรัฐอาเรียดิน่าไป
มันนานมากแล้วที่ข้ามาถึงประเทศนี้
เพราะแถบนี้ไม่ค่อยมีมอนสเตอร์ทำให้พลังของข้าไม่จำเป็นนัก
หากพูดถึงสถานที่ที่พลังของข้าจะมีประโยชน์ก็คงเป็นสนามต่อสู้ที่อยู่ข้างหน้านั้น
โดยทั่วไปแล้วมันจะเป็นการต่อสู้ของปีศาจด้วยกันเอง แต่บางทีก็จะมีบ้างที่จะให้มนุษย์ไปต่อสู้กับปีศาจ
ข้าเองก็รู้สึกอยากออกแรงอยู่บ้าง
แต่เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้สนามปิดลง ตอนนี้เลยเป็นไปไม่ได้ที่จะไปสู้
ซึ่งบังเอิญว่าถึงสนามต่อสู้จะปิดอยู่แต่ประเทศนี้ก็ยังมีสนามแข่งม้าและยังมีห้องอาบน้ำสาธารณะขนาดใหญ่อยู่
ดังนั้นการมาสนุกในประเทศนี้เองก็ไม่ได้แย่นัก
ห้องอาบน้ำสาธารณะอยู่ที่ย่านใจกลางเมืองคงต้องเดินไปอีกสักหน่อย
[ ทำอะไรดีน้า… ]
ข้าถูกเรียกมาให้ปราบปีศาจ แต่ตอนนี้ข้ายังไม่รีบร้อนออกเคลื่อนไหว
แต่เพราะมาถึงอาเรียดิน่าแล้ว ยังไงตอนนี้ก็ขอพักผ่อนสักหน่อยแล้วกัน
[ ช่วย… ช่วยปล่อยฉันทีเถอะค่ะ… ]
เสียงร้องของเด็กผู้สาวดังขึ้นเบาๆ
ข้ารีบวิ่งไปตามทิศของเสียงนั้น
ที่ตรงนั้นมีผู้ชายสองคนและมากกว่านั้น กำลังล้อมเด็กสาวอยู่
มือของเขาจับแขนของเด็กสาวไว้
[ เฮ้ๆ ก็บอกว่าเรากำลังตามหาเพื่อนที่หลงทางอยู่เท่านั้นเอง ถ้ายอมเชื่อฟังดีๆ จะไม่ต้องเจ็บตัวนะว่าไง ]
ถึงผู้ชายคนนั้นจะพูดออกมาแบบนั้น แต่สีหน้าไม่ได้บอกตามที่พูดเลยสักนิด
ข้ามองไปที่ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น ข้าถึงกับลืมหายใจ
เธอเป็นสาวสวยที่เรียกได้ว่าสวยจนบ้าบอ ใบหน้าที่ขาวดูเรียบเนียนและงดงาม เส้นผมที่ยาวตรง ดวงตาที่มีน้ำตาอยู่เล็กน้อยที่มีความรู้สึกอยากปกป้อง
แต่สายตาข้ากลับจับจ้องสิ่งที่นูนออกมาจากนอกเสื้อผ้าของเธอต่างหาก
มันใหญ่มาก
ผู้หญิงคนนั้นขอร้องให้ชายคนนั้นปล่อยมือแต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย
น่า พวกมันคงไม่ยอมปล่อยให้สาวสวยหลุดไปล่ะนะ
ผู้คนรอบๆ เองต่างก็ไม่ขยับตัวกันเลย
เพราะผู้ชายที่ล้อมรอบชายคนนั้นอยู่ดูเหมือนจะเก่งกันทั้งนั้น การจะไปช่วยจึงกลัวว่าตัวเองจะถูกทำร้ายซะเปล่าๆ
ดังนั้นข้าต้องช่วยเธอ
นี่คือหน้าที่ของข้าในฐานะผู้กล้าแห่งไฟ
บางทีเธออาจจะมาขอบคุณข้าทีหลังก็ได้
เมื่อนึกภาพข้าก็หัวเราะร่า
[ ปล่อยเธอซะ! ลุง! ]
ข้าก้าวออกไปด้านหน้า
[ แกรู้มั้ยว่าข้าน่ะเป็นใคร! ข้าคือโกดอนผู้กล้าแห่งดินนะเว้ย? ]
[ จะผู้กล้าหรืออะไรก็ช่าง! ปล่อยมือเธอซะ! ]
ผู้ชายคนนี้อ้างตัวว่าเป็นผู้กล้าเนี่ยนะ ข้าอยากหัวเราะ เดี๋ยวข้าจะแสดงพลังที่แท้จริงของผู้กล้าให้ได้ชมเอง
[ เอ๋ พูดถึงเรื่องอะไรกัน? พวกเราก็แค่จะให้คุณผู้หญิงคนนี้ช่วยตามหาเพื่อนเท่านั้นเอง! ]
[ ถ้าแกต้องการอย่างนั้นจริง… ทำไมต้องมาล้อมเธอแล้วทำไมต้องพยายามพาเธอไปในซอกซอยมืดๆ นั้นด้วย ไม่ว่าจะคิดยังไงมันก็ไม่ใช่ว่ามั้ย? ]
[ นี่แก!! ]
หนึ่งในลูกน้องของมันเดินมาหาข้า
แต่ข้าไม่ให้มันเข้าใกล้หรอก จากนั้นก็มีเปลวไฟลุกขึ้นจากในอากาศที่ไม่มีอะไรเลย
[ อะไรกัน?!! ]
ทันใดนั้นที่เปลวไฟปรากฏขึ้นต่อหน้าข้า ชายคนที่เดินมาหาข้าก็ดูตกใจ
เปลวไฟนั้นห่อหุ้มร่างข้าราวกับกำลังปกป้อง
[ นักดาบเวท…. ]
[ เขาเป็นใครกันแน่…. ]
[ ข้ารู้จักเขา เขาคือผู้กล้าแห่งไฟ ]
[ ข้าเองก็เคยได้ยินมา โนวิค ผู้กล้าแห่งไฟที่สามารถควบคุมเปลวไฟได้อย่างอิสระ ]
ผู้คนที่เฝ้าดูอยู่รอบๆ กำลังพูดถึงเรื่องของข้า
ก็นะ ข้าเองก็มีชื่อเสียงพอดู
ต้องขอบคุณความสามารถในการควบคุมไฟได้อย่างอิสระ ทำให้ข้ากลายเป็นผู้กล้า
แต่แน่นอน ไม่ใช่ว่าเพราะแค่ข้ามีพลังไฟถึงกลายเป็นผู้กล้าได้
เพราะข้าเองก็มั่นใจในฝีมือดาบและร่างกายที่เหนือมนุษย์นี่อยู่พอตัว
ถึงแม้เจ้าผู้กล้าแห่งดินจะมั่นใจในกำลังของตัวเองแต่มันก็ไม่มีความหมายหากโจมตีไม่โดน
ข้าจัดการเจ้าลูกน้องของผู้กล้าแห่งดินและสไตล์ไปข้างๆ
[ คลื่นระเบิด!! ]
ข้าใช้เวททำให้เกิดคลื่นกระแทกขนาดเล็ก
ทำให้ชายคนนั้นขยับเขยื้อนไม่ได้
ข้ามองไปที่โกดอล
สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลง
ทันใดนั้นข้าก็โดนคลื่นกระแทกจากด้านข้าง
[ อั๊กก!! ]
ตัวข้าปลิวเพราะแรงกระแทก
[ ขอโทษด้วยนะเจ้าผู้กล้าแห่งไฟ แต่ข้าโกดอนผู้กล้าแห่งดินผู้นี้เก่งกว่าวะ ]
โกดอนหัวเราะ
[ บ้าเอ้ย!! ]
ข้าพยายามลุกขึ้น
ข้าประมาทเกินไป ดูเหมือนเขาจะเป็นผู้กล้าจริงๆ ซะด้วย
[ โอ๊ะ ยังขยับได้อีกเหรอ! ]
ผู้กล้าแห่งดินตั้งท่า
[ มันแน่อยู่แล้วเฟ้ย!! ]
ข้าพยายามยืน แต่ไม่ได้ดึงดาบออกมาหรอก เพราะการดึงดาบออกมาถือเป็นเรื่องผิดกฏหมาย
และถึงจะเป็นผู้กล้าแต่เราก็ยังทำตามกฏหมายอยู่
แต่หากด้วยมือเปล่าข้ารู้สึกเหมือนว่าจะชนะผู้กล้าแห่งดินไม่ได้เลย
ไม่มีทางเลือก นอกจากต้องใช้คลื่นระเบิดโจมตีอีกหลายครั้งซะแล้ว
ข้าเพิ่มพลังเวท แต่ด้านข้างสะโพกของข้าเจ็บมากจนไม่มีแรง
[ ได้โปรดหยุดเถอะค่ะ! เลิกสู้กันได้แล้ว!! ]
เด็กสาวที่ถูกผู้กล้าแห่งดินจับอยู่พยายามสะบัดมือและห้ามผู้กล้าแห่งดิน
[ ฮึ หากเจ้ายอมไปกับข้าดีๆ ตั้งแต่เมื่อกี้ก็คงไม่ต้องมาสู้กันหรอก ]
ผู้กล้าแห่งดินพูดขณะที่พยายามจะลดแขนไปจับเด็กสาว
มือนั้นกระทบกับหน้าอกใหญ่ๆ หญิงเด็กสาว
ดึ้ง!
เสียงเมื่อมือไปกระทบหน้าอก
[ กรี๊ดดดดด!! ]
เด็กสาวกรี๊ดขณะที่พยายามโยนผู้กล้าแห่งดินออกไป
[ เฮ้ยยย!! ]
ผู้กล้าแห่งดินถูกโยนไปไกล
[ อ้าว… ได้ยังไงกัน!! ]
ผู้กล้าแห่งดินปลิวไปไกล
และบินไปกระแทกกับกำแพง
ตู๊มม เสียงนั้นดังขึ้นเมื่อตัวขาไปกระแทกกับกำแพง
บางทีอาจจะกระดูกหักก็ได้
มีเลือดไหลออกมาจากปากเขาแล้ว
ข้าและผู้กล้าแห่งดินต่างมัวเธอด้วยความรู้สึกทึ้ง
[ พลังอะไรกัน ]
[ สามารถ… โยนผู้กล้าแห่งดินที่จัดการผู้กล้าแห่งไฟได้… ]
[ สาวสวยคนนั้น…. ยอดไปเลย… ]
[ ล้มโกดอลได้ด้วย ]
ข้าได้ยินเสียงคุยกันของผู้คนรอบข้าง
[ ขะ ขอโทษด้วยค่ะ ไม่ได้ตั้งใจหรอกนะคะ! ]
เด็กสาวคนนั้นตะโกนแล้วรีบวิ่งมา
[ เดี๋ยวจะใช้เวทรักษาให้เดี๋ยวนี้ค่ะ… ]
จากนั้นก็มีแสงเปล่งออกมาจากมือของเธอและน้ำเสียงอันอ่อนโยน
◆ นักปราชญ์ผมดำจิยูกิ
หลังจากประชุมกับคลาสเสร็จ พวกเราก็ว่าจะไปร่วมกลุ่มกับพวกซาโฮโกะ
เห็นว่าริโนะจะไปที่โรงอาบน้ำสาธารณะของประเทศนี้รอ ระหว่างที่ฉันกับเรย์จิไปคุยกับนายพลคลาส
ตามที่ได้ยินมา ดูเหมือนโรงอาบน้ำสาธารณะจะถูกสร้างให้เพื่อเทพธิดาเฟอร์เรียจึงมีขนาดใหญ่ราวกับราชวัง
จากที่รู้มาโรงอาบน้ำนั้นมีขนาดกว้างเท่ากับ 50 อ่าง
ไม่เพียงแค่อ่างน้ำเท่านั้น ยังมีบริการนวดและคาเฟ่อยู่ด้วย เป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจอย่างดีสำหรับการอาบน้ำ
หากไม่ใช่ประเทศใหญ่ๆ แบบนี้ก็คงไม่งี่เง่าผลาญเชื้อเพลิงโดยเปล่าประโยชน์ไปทำโรงอาบน้ำสาธารณะหรอก
แต่ว่าของโรงอาบน้ำของที่นี่ดูเหมือนจะต้มน้ำให้ร้อนได้ด้วยเตาเวทของคนแคระ
เมื่อฉันได้ยินเรื่องเตาเวทนี่ตกใจไปเลยล่ะ เพราะในโลกเดิมของเราไม่มีของแบบนี้
เนื่องจากเป็นโลกแห่งเวทมนตร์ ระดับอารยธรรมจึงยากจะเข้าใจหน่อย
แต่จากที่ฉันสังเกต ระดับอารยธรรมของโลกนี้เองก็ไม่ได้สูงมาก
ดูเหมือนจะต่ำกว่าของโลกพวกเราล่ะนะ
ตัวอย่างเช่นหากไม่มีเทคโนโลยีจากคนแคระ หรือเครื่องมือของเหล่าคนแคระ
มนุษย์ก็ทำอะไรแทบจะไม่ได้เลย
หากไม่มีความสามารถทางเวทก็ทำไม่ได้ การเตรียมการ เตาเวทมนตร์อะไรก็ตาม มนุษย์ก็ทำไม่ได้ทั้งนั้น
แน่นอนว่ามันอาจจะมีเทคนิคอยู่ แต่สำหรับผู้ที่ไม่มีพลังเวทจะเรียนรู้เวทมนตร์ไปทำไมละ ถ้าใช้เวทไม่ได้จะเรียนรู้เทคโนโลนีเวทมนตร์ไปเพื่ออะไร หากไม่มีพลังเวทก็สร้างอุปกรณ์เวทไม่ได้
มันคงจะยากหากให้เปรียบกับโลกเดิมของพวกเรา
มันก็เป็นโลกที่น่าสนใจดีล่ะนะ
โรงอาบน้ำไว้ค่อยไปทีหลัง
เพราะริโนะบอกว่ามีเรื่องเกิดขึ้นและจะคุยด้วย
[ เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น? ]
ฉันมองไปทางซาโฮโกะ
ดูเหมือนซาโฮโกะจะโดนตามจีบ
ในสาธารณรัฐลีนาเรยและแถบประเทศเพื่อนบ้านไม่มีใครมาตามจีบเราเลย บางครั้งก็เพราะกลัวเรย์จิและบ้างก็เพราะกลัวเจ็บตัว
แต่ในอาเรียดิน่ามีคนไม่มากนักที่จะรู้จักเรา จึงไม่น่าแปลกใจหากจะมีผู้ชายตามจีบ
นอกจากนี้ซาโฮโกะเองก็ดูเป็นสาวสวยที่มีความรู้สึกอยากจะปกป้อง อยากเก็บไว้ข้างกาย นั้นล่ะเหตุผลที่เธอโดนตามจีบ
[ คุณซาโฮโกะทำดีแล้วล่ะค่ะ ]
[ ใช่แล้วค่ะคุณซาโฮโกะ แค่หยุดพวกเขาก็ดีแล้ว ]
[ ริโนะจัง นาโอะจัง ถ้ามองอยู่ก็มาช่วยกันบ้างสิค่ะ…. ]
ในดวงตาของซาโฮโกะเต็มไปด้วยน้ำตา
พวกเขามองซาโฮโกะด้วยสภาพโซเซเมื่อหันหลังกลับไปก็ยังเห็นพวกเขามองกลับมาอีกที ดูเหมือนจะสนใจแล้วก็ทำเป็นลับๆ ล่อๆ แล้วเดินจากไป
[ ไม่นะๆ พวกเราเองก็พยายามแล้วนะคะ ]
[ ใช่ๆ ]
ริโนะกับนาโอะยิ้มให้กัน
[ นี่พวกคุณทำอะไรกันเนี่ย…? ]
ฉันเอามือกุมหน้าผาก
ดูเหมือนว่าซาโฮโกะจะพยายามห้ามการต่อสู้กันระหว่างผู้กล้าแห่งไฟและผู้กล้าแห่งดิน แต่ผู้กล้าแห่งดินดันมาแตะหน้าอกของซาโฮโกะเข้านะสิ
อะไรกันละเนี่ย? น่าปวดหัวจริงๆ
คงดีกว่านี้หน่อยล่ะนะ ถ้าซาโฮโกะหัดรู้จักวิธีคุยกับผู้ชายให้มากกว่านี้สักหน่อย คุณเองก็ควรเรียนรู้ด้วยนะริโนะ
เพราะซาโฮโกะใช้เวทมนตร์ไม่ได้เหมือนเคียวกกะ ความเสียหายเลยน้อยหน่อย แต่ถ้าเกิดเธอใช้เวทมนตร์ได้ขึ้นมาได้เกิดหายนะแน่ บ้านแถวนี้คงหายไปเป็นแถบๆ เหมือนเคียวกะแน่ๆ
[ เจ้างี่เง่านั้นบังอาจเอื้อมมือมาแตะผู้หญิงของฉัน ครั้งหน้าที่เจอกันฉันฆ่ามันแน่ ]
เรย์จิโกรธ เมื่อซาโฮโกะเห็นเรย์จิโกรธก็สงบใจลงได้บ้าง
มันก็สมควรที่เขาจะโกรธล่ะนะ
เพราะชีวิตของเด็กสาวก็เปรียบดั่งแสงของเรย์จิ เขาคงไม่ลังลที่จะฆ่าเลยก็ว่าได้
[ เรย์คุงไม่ได้นะ…. เพราะฉันเองก็ผิดด้วย… ]
ซาโฮโกะขอโทษ
[ ถึงอย่างนั้น…. ก็น่าเวทนาพวกเขาอยู่นิดหน่อยนะ… ทั้งที่เป็นผู้กล้าเหมือนกับเรย์จิ… ]
ซาโฮโกะอ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเรา
ถ้าแพ้แม้แต่ซาโฮโกะก็คงเรียกได้ยากว่าจะเป็นผู้กล้าล่ะนะ
[ จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกนะคะคุณจิยูกิ เพราะเรย์จิคุงเป็นคนพิเศษนี่ค่ะ ]
นาโอะพูดออกมา
เราไม่ควรเอาเรย์จิป็นบรรทัดฐานเทียบกับใคร แม้แต่ในโลกนี้หรือโลกเดิมก็ตาม
ฉันเองก็ยอมรับว่าเรย์จิน่ะพิเศษ
ฉันมองไปทางนาโอะ นาโอะกำลังอุ้มหนูตัวหนึ่งอยู่ในมือ
ดูเหมือนนาโอะจะจับมันได้ตอนที่มันหลงเข้ามาในกระเป๋าของเรา
จากที่มองดูก็เป็นหนูธรรมดา มีขนมีแดงเข้มที่ส่องแสงเหมือนไฟ ดูๆ ไปก็น่ารักดีเหมือนหนูแฮมสเตอร์ ถ้าเป็นหนูธรรมดาฉันคงจะจัดการโยนมันทิ้งแล้ว แต่เพราะมันน่ารักดีหรอกนะเลยปล่อยให้เลี้ยง
[ นี่นาโอะเราจะไปกินอาหารกันนะ ไม่วางหนูเอาไว้ใต้โต๊ะก่อนล่ะ? ]
[ อ่ะ! ]
นาโอะพูดจากนั้นก็วางหนูลงไป มันจะดีกว่านะถ้าผูกอะไรติดมันไว้เพื่อกันหนีด้วยนะ
ดูเหมือนหนูตัวนั้นจะไม่ค่อยอยากให้ผูกมันไว้ เลยตั้งใจจะอยู่เฉยๆ ไว้
ดูเหมือนมันจะเข้าใจภาษามนุษย์? หรือมันจะมีความคิดด้วย?
นาโอะวางหนูลง จากนั้นประตูห้องก็เปิดขึ้น
[ ทุกท่าน กำลังรออยู่เลยครับ ]
มีชายวัยกลางอายุตัวอ้วนอายุประมาณ 50 เข้ามาในห้อง
เขาคือโทรุนมาร์คุส ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้
และยังเป็นสามีของอโทราน่าที่เราช่วยเอาไว้เมื่อตอนบ่าย
เขาสนิทสนมกับคลาสและอยากจะขอบคุณพวกเราที่ช่วยอโทราน่า
ยังไงพวกเราก็ต้องการที่พักและอาหารอยู่แล้ว ต้องขอบคุณเธอจริงๆ ที่ช่วยเราได้มากเลย
ตอนนี้เราอยู่ในห้องโถง
[ ขอบคุณที่เชิญมานะคะ คุณโทรุนมาร์คุส ]
ฉันอามือวางไว้ที่หน้าอกและลดหัวในนามตัวแทนของทุกคน
โทรุนมาร์คุสคือหนึ่งในคนที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศนี้และแต่เดิมเขาเองก็ไม่ใช่คนในประเทศนี้
แต่เพราะความสามารถในการทำธุรกิจและบริจาคเงินมากมายแก่สาธารณะ ตอนนี้เขาจึงกลายเป็นสมาชิกวุฒิสภาของประเทศ
[ ไม่เลยๆ ข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณที่ช่วยภรรยาของข้าไว้ ที่จริงภรรยาข้าก็อยากมาร่วมโต๊ะอาหารด้วย แต่น่าเสียดายที่ยังมีงานบนโต๊ะเหลืออยู่ โปรดยกโทษให้ภรรยาข้าด้วยเถอะนะ ท่านเรย์จิ ]
เขาพูดจากนั้นก็ก้มหัวขอโทษ
สีหน้าเรย์จิดูผิดหวังเมื่อรู้ว่าอโทราน่าจะไม่มาร่วมโต๊ะด้วย
เฮ้ อย่าไปยุ่งกับคนที่แต่งงานแล้วสิ
[ วันนี้ข้าสั่งให้พ่อครัวทำอาหารสุดฝีมือเลย ]
เมื่อโทรุนมาร์คุสให้สัญญาณ ประตูก็เปิดออกและมีคนเดิมเข้ามาพร้อมกับอาหาร
ทั้งสองเป็นมนุษย์และเป็นชายหนุ่มและหญิงสาวธรรมดา
ฉันรู้สึกโล่งใจนิดหน่อยที่ไม่ใช่ทาสก็อบลิน
เพราะโทรุนมาร์คุสองก็รวยอยู่แล้วคงใช้แรงงานราคาแพงอย่างมนุษย์จะดีกว่า
ตัวเขาเองก็ไม่ได้เกิดมาในประเทศนี้ แต่ก็รวยพอตัวในประเทศอาเดียดิน่า
ชายคนนั้นมาเสิร์ฟอาหารให้ฉัน ซาโฮโกะ ริโนะ และนาโอะ ส่วนผู้หญิงนั้นไปทางเรย์จิ
ทั้งชายและหญิงต่างมีใบหน้าที่ค่อนข้างดูดี ไม่น่าเกลียดเลย
ดูท่าว่าจะไม่ใช่แค่คนรับใช้ธรรมดา แต่จ้างมาเพื่อใช้บริการทางเพศด้วย
แต่สำหรับเราไม่จำเป็นหรอก จะพูดได้ว่ายิ่งให้ผลเป็นลบกับซาโฮโกะด้วยซ้ำ เพราะเธอไม่คุ้นกับชายแปลกหน้า
พูดตามตรง ถ้าเปลี่ยนเรย์จิให้เป็นผู้หญิงแล้วเอาผู้ชายที่อยู่ข้างๆ ซาโฮโกะไปคงจะดีมากเลยล่ะ
เรย์จิหัวเราะร่าเพราะเด็กสาวเสิร์ฟ เรย์จิเนี่ยไม่เบื่อเลยนะ
[ เอาล่ะครับทุกท่าน ]
ฉันมองไปในจาน
ในนั้นมีสลัดที่มีไข่ปลาและชีส เนื้อวัวคั่วด้วยตับนก ซุปเห็ดหอม พายที่ห่อด้วยผักและหมูกับแป้ง ปลานึ่งสมุนไพร
ขนมเค้กชิ้นบางๆ ที่มีน้ำผึ้งราดหน้าอยู่หลายชั้น
และยังมีจานอาหารหรูๆ อีกมากที่ทำจากวัตถุดิบราคาแพงทั้งนั้น
[ เป็นอาหารที่น่าอร่อยมากเลยค่ะ เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เห็นอาหารหรูๆ แบบนี้ ]
ฉันหยิบเหล้าที่ทำจากผลไม้แห้งขึ้นมา จากนั้นก็ยกขึ้นดื่ม รสชาติมันอร่อยมาก
[ เพราะที่อาเรียดิน่าอุดมไปด้วยวัตถุดิบจากทั่วโลกนี้ครับ ]
โทรุนมาร์คุสพูดอย่างมีความสุขด้วยความสุภาพ แต่ฉันไม่โง่หลงคารมหรอก
จากที่ชายคนนั้นอธิบาย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหรือปลา แท้จริงแล้วก็ต่างถูกนำมาจากประเทสอื่น
ซึ่งทางประเทศอื่นๆ ก็มีเหมือนกัน
แต่ในอาหารที่เรากิน ไม่มีอาหารชนิดไหนเลยที่เป็นของที่ผลิตในอาเรียดิน่า
ทำให้เห็นว่าอัตราการพึ่งพาตัวเองด้านอาหารของอาเรียดิน่าเป็นศูนย์
เพราะเดิมทีก็มีคนจากประเทศมากมายเดินทางมาที่ประเทศนี้ เหตุผลนึงก็เพราะมอนสเตอร์มันน้อย ทำให้พวกเขาไม่มีการพึ่งพาตัวเองด้านการหาอาหารเลย
ฉันเองก็คิดมาตลอดเวลาทำไมประเทศของโลกนี้ถึงได้เล็กนัก
เหตุผลนั้นก็เพราะมีปีศาจอยู่ พวกปีศาจคอยขัดขวางการขยายประเทศไว้
มนุษย์ในโลกนี้อ่อนแอมาก แม้กระทั่งพวกก็อบลินอ่อนแอหรือแม้แต่เวลากลางคืนก็เป็นภัยคุกคามของมนุษย์ได้แล้ว
ในโลกนี้จึงต้องสร้างระบบหมุนเวียนเพื่อไม่ให้ชะงักขึ้นในประเทศของตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาอาหารจากประเทศอื่น
เป็นผลทำให้ต้องมีการจำกัดประชากรอย่างพอเพียง เมืองๆ หนึ่งจะต้องพึ่งพาตัวเองทั้งเรื่องอาหาร เสื้อผ้า ที่พัก และคอยป้องกัน
นั่นคือระบบปกติของประเทศในโลกนี้
แต่ในหมู่ประเทศมากมาย อาเรียดิน่าเป็นข้อยกเว้น
อาเรียดิน่าเป็นประเทศแห่งการค้าหายจึงทำการค้าขายกับเพื่อนบ้านตลอด
หากไม่มีใครผ่านทางลวงอลาร์ดที่เป็นทางหลวงของอาเรียดิน่าได้
ในกรณีนี้ประเทศนี้ก็คงตกอยู่ในวิกฤต
ในพื้นที่แถบนี้บ้างก็มีก็อบลินที่ออกมาที่ทางหลวงไม่ก็ฮาร์ปี้ที่บินมาจากเทือกเขากลาง
ตอนนี้ยังมีมนุษย์ป่าที่โจมตีอ่าวอลาร์ดอยู่ทำให้การค้าขายทางเรือหยุดชะงัก
และในที่ราบมินอนยังมีเซนทอร์ที่คอยดักปล้นขโมยของบนทางหลวงอีก
สามเผ่านี้ไม่ใช่เผ่าที่แต่เดิมมีอยู่ในอาเรียดิน่า ถึงความเสียหายจะตีเป็นตัวเล็กได้น้อยอยู่แต่ว่า
แต่เพราะมันจับมนุษย์ผู้หญิงไปเพราะหวังจะผสมพันธ์ด้วยนะสิ
คลาสบอกว่าหากไม่มีออร์คชั้นสูงก็พอจะดิ้นรนต่อสู้เองได้อยู่ แต่เพราะมันมีออร์คชั้นสูง มันถึงได้รวมกลุ่มกันนี่ล่ะ
นอกจากนี้ปกติแล้วออร์คแถบนี้ไม่ค่อยเข้ามาบุกเมือง นอกเสียจากจะเป็นบนทางหลวงเท่านั้น
และหากมันเจอผู้หญิงมนุษย์ก็จะจับตัวไปทำให้พวกมันเพิ่มจำนวนขึ้นจนกลายเป็นภัยคุกคามต่อมนุษย์ยิ่งขึ้น
หากเป็นในหลายๆ ประเทศที่พึ่งพาตัวเองด้านอาหารได้คงไม่เป็นไร
แต่หากอาเรียดิน่ามีการไหลเวียนของสินค้าช้าลงอาจจะล้มสลายได้เลย ตราบเท่าที่ไม่มีอะไรมาที่ประเทศนี้เร็วๆ นี้ก็คงจะอยู่ไม่ได้ แล้วนี่เราเหลือเวลาอยู่เท่าไหร่กัน?
แต่ที่คลาสมาขอร้องพวกเรา ก็แปลว่ากำลังลำบากและเหลือเวลาไม่มากแล้ว บางทีคงต้องรีบทำอะไรกับสถานการณ์ในตอนนี้ซะแล้ว
[ ทั้งที่… ตอนนี้มีพวกปีศาจกำลังลุกลามประเทศ… แต่พวกเขากลับ… ]
ฉันพูดเสียงเบาๆ เพื่อไม่ให้ใครได้ยิน ฉันคิดว่าอาหารที่อาเรียดิน่าจะหรูเกินไปแล้ว
ขนาดอาหารของผู้ชาย(คนใช้)คนที่อยู่ข้างๆ พวกเรายังหรูเลย
แต่การจะบอกให้พวกเขาเลิกสิ้นเปลืองก็ไม่ได้
โทรุนมาร์คุสหัวเราะ ราวกันไม่รู้สึกถึงวิกฤตเลย เขาเป็นพ่อค้าน่ะ น่าจะรู้สิว่าเส้นทางการค้าของตัวเองกำลังถูกปิดไว้นะ
นี่มันไม่ตลกแล้วนะ ขนาดฉันที่ทำการค้าไม่เก่งยังดูออกเลย
บางทีที่เขาประสบความสำเร็จอาจจะเพราะภรรยาของเขา อโทราน่าที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย
แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?
บางทีอาจจะคุยกันเรื่องสำคัญกับพ่อค้าคนอื่นๆ เรื่องการรับมือกับปีศาจอยู่ก็ได้
เพราะมีคนมากมายออกเคลื่อนไหวเพื่อจัดการปีศาจครั้งนี้
จะให้ดีพวกเราเองก็ควรเริ่มเคลื่อนไหวตั้งแต่พรุ่งนี้ด้วย
บางทีผู้กล้าคนอื่นก็คงจะออกไปทำหน้าที่ของตัวเองกันแล้ว
จากนั้นฉันก็ดื่มเหล้าเข้าไป อร่อยจริงๆ ล่ะนะ