อัศวินดำ - ตอนที่ 53
ตั้งแต่ตอนนี้ไป
เปลี่ยนชื่อ โอดิน ==>> โอดิส
ฉายาของชิโรเนะจากสาวบริสุทธิ์แห่งดาบ ==> สตรีแห่งดาบ
* ไม่ย้อนกลับไปแก้ตอนเก่านะครับ
◆ เทพธิดาแห่งปัญญาและชัยชนะ เรน่า
[ พวกชิโรเนะไปที่สาธารณรัฐอาเรียดิน่ารึยัง? ]
[ ค่ะ ท่านเรน่า ในตอนนี้ฉันได้ให้เหล่าลูกน้องคอยตามดูพวกชิโรเนะอยู่ค่ะ ]
ในห้องของฉันที่เอลีอัส เนียร์กำลังรายงานสถานการณ์ของพวกผู้กล้าให้ฟัง
สามวันก่อน เรวิลรุสมาที่เอลีอัส
จากนั้นเลวิลรุสก็ได้ทิ้งคริสตัลเวทมนตร์ไว้ให้กับนางฟ้าคนหนึ่ง
นางฟ้าผู้รับคริสตัลเวทมนตร์ไว้ไม่รู้จะทำยังไง จึงได้มอบมันให้กับโอดิส
โอดิสตัดสินใจไปถามเฮย์บอสผู้มีความสามารถในการตรวจสอบว่าคริสตัลนี้เป็นอันตรายหรือไม่
จากการตรวจสอบของเฮย์บอส คริสตัลนั้นมีภาพและข้อความเวทมนตร์อยู่และดูจะไม่ใช่ของอันตราย
เฮย์บอสพยายามดูภาพจากในคริสตัล
จากนั้นภาพเวทมนตร์ฏก็เผยออกมา ถึงเผ่าพันธุ์ต่างๆ ที่ถูกจับเอาไว้กระทั่งภาพของเรย์จิก็แสดงออกมา
และมีข้อความว่า ‘ข้าจับตัวผู้กล้าแห่งแสงไว้แล้ว จงส่งเรน่าให้มาเป็นภรรยาของข้าซะ เส้นตายเวลาคือหนึ่งเดือน’
โอดิสที่ได้รู้เนื้อหาในคริสตัลจึงได้มอบคริลตัลนั้นให้ฉัน
พอมาอ่านเนื้อหาของคริสตัลก็ยิ่งทำให้ปวดหัว
นี่ฉันควรทำยังไงดีล่ะเนี่ย
แถมข่าวนี้ยังแพร่สะบัดไปทั่วเอลีอัสแล้วด้วย
ในเมื่อโอดิสเห็นเนื้อหาในคริสตัลนี้แล้ว นอกจากเหนือนั้นยังมีกระทั่งเฮย์บอสและนางฟ้าคนอื่นๆ คอยรายงานให้เทพคนอื่นด้วย
แบบนี้มีหวังเทพทั่วเอลีอัสได้รู้เรื่องเนื้อหาในคริสตัลหมดแน่
ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้าโอดิสหัดหุบปากไว้บ้าง
ต้องขอบคุณต้องๆ ตอนนี้ฉันเลยถูกเทพธิดาคนอื่นจับตามองและหนีไปไหนจากเลวิลรุสไม่ได้
กระทั่งพวกนางฟ้าที่คอยตามฉันก็ยังน่ารำคาญ
แล้วทำไมฉันต้องไปเป็นภรรยาของเลวิลรุสเพื่อช่วยเรย์จิด้วยล่ะ?
ไร้สาระสิ้นดี… ฉันน่ะเกลียดเรย์จิจะตายไป
พูดตามตรงก็อยากจะฆ่าเขาด้วยซ้ำ ถ้าเห็นว่าเขาไม่มีประโยชน์ ฉันคงฆ่าเขาไปแล้ว
แต่หากเทพทั่วเอลีอัสรู้เรื่องไปทั่วขนาดนี้คงจะฆ่าพวกเขาไม่ได้ง่ายๆ
ในหมู่เทพทั่วเอลีอัสรู้กันว่าฉันเป็นเทพธิดาผู้อ่อนโยน ไม่ใช่เทพที่จะฆ่าชายผู้เรียกว่าผู้กล้าได้ลง
ดังนั้นฉันเลยต้องลงไปและแจ้งเรื่องของเรย์จิให้พวกชิโรเนะรู้
แน่นอนว่าไม่ได้บอกเรื่องคำขอของเลวิลรุสกับพวกเธอ
ถ้าพวกเธอทำสำเร็จ ฉันเองก็จะไม่ต้องเสียหาย
แต่ควรทำยังไงดีล่ะ
ในเอลีอัสตอนนี้มีเพียงโอดิสที่พอจะรับมือกับเลวิลรุสได้
เทพคนอื่นๆ รวมถึงฉันจัดการเลวิลรุสไม่ได้แน่
ความพยายามที่อยากจะช่วยก็ไม่มี จะจัดการก็ไม่ได้
ฉันได้แต่ถอนหายใจ
[ ท่านเรน่ากำลังเป็นห่วงเรย์จิอยู่งั้นรึคะ? ]
เพราะเห็นฉันถอนหายใจ เนียร์จึงได้ถาม
[ เห็นแบบนั้นเหรอเนียร์? ]
[ ค่ะ ตั้งแต่ที่ผู้กล้าถูกจับตัวไป ท่านก็อาการไม่ค่อยดีนักเลยนะคะ ]
[ งั้นเหรอ…. ]
ที่จริงฉันไม่ได้กังวลเรื่องของเรย์จิหรอก
เหตุผลจริงๆ ที่ฉันเศร้าใจก็เพราะเด็กสาวที่ชื่อคุนะต่างหาก
ในฝันของฉัน ฉันเห็นเด็กคนนั้นกำลังทำกับคุโรกิอย่างหนักหน่วงจนทำเอาฉันไม่กล้านอนเลยล่ะ
ร่างกายของฉันร้อนรุ่มไปหมด แม้แต่ตอนนี้ก็ยังจำความรู้สึกนั้นได้
เด็กคนนั้นนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ ที่หลอกให้คุโรกิทำกับเธอ
[ ท่านเรย์น่านี่รักเรย์จิจริงๆ เลยนะคะ? ]
คิดว่าคงได้ยินคำพูดของเนียร์แล้วนะ
เพราะอะไรไม่รู้ ถึงมีข่าวลือว่าฉันกับเรย์จิเป็นคนรักกันไปทั่วเอลีอัส
และมันยิ่งยุ่งยากเวลาโดนเทพธิดาคนอื่นถาม
อย่างมีเทพธิดาที่ขอให้แนะนำเรย์จิให้รู้จักบ้างล่ะ
นี่พวกเธอคิดได้ยังไงกันว่าหมอนั่นเป็นคนรักฉันนะ?
ด้วยเหตุนี้เทพของเอลีอัสบางคน รวมถึงโทรุสจึงได้ผันตัวกลายเป็นศัตรูของเรย์จิ
ฉันได้เล่าเรื่องให้เทพธิดาทั่วเอลีอัสฟังรวมถึงโทรุส เพื่อกันการขอแต่งงานจากเทพคนอื่น ดังนั้นตอนนี้เรย์จิเลยคิดว่าตัวเองได้รับความรักจากฉัน
แต่มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาแล้วล่ะ
การมีเรย์จิไว้จึงดีกว่าปล่อยให้ตาย
แต่หากช่วยเรย์จิให้รอดตาย สักวันเรย์จิกับโทรุสอาจจะสู้กันก็ได้
โทรุสคือลูกชายสุดรักของท่านเฟย์เรีย
มันคงไม่ดีนักหากไปทำร้ายโทรุสเข้า ดังนั้นฉันถึงไม่ปล่อยให้เรย์จิเข้าใกล้เอลีอัสเด็ดขาด
คนที่น่ากลัวที่สุดในเอลีอัสเห็นทีจะเป็นท่านเฟย์เรียนี่ล่ะ ท่านเฟย์เรียก็เหมือนราชาตัวจริงที่ให้ตำแหน่งกับโอดิส
ท่านเฟย์เรียไม่มีพลังด้านการต่อสู้ แต่รอบกายท่านเฟย์เรียก็มีเทพหลายองค์คอยอารักขาอยู่ มีเพียงไม่กี่คนหรอกที่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งเธอ
ฉันถูกท่านเฟย์เรียเลี้ยงดูมา แทนแม่ของฉันที่เสียไป-เมลฟิน่า นั่นคือเหตุผลที่ฉันไม่กล้าต่อต้านท่านเฟย์เรีย
ไม่เพียงแค่ฉัน เหล่าเทพรุ่นสองต่างเป็นลูกหลานที่เป็นลูกหลานของท่านมิน่า ต่างมีหนี้บุญคุณกับท่านเฟย์เรียกันทั้งนั้น
ดังนั้นเทพรุ่นสองจึงได้อิทธิพลจากท่านเฟย์เรียที่เกลียดนากอล
นั่นคือจุดเริ่มต้นโศกนาฎกรรมของโวลกาซ
โดยปกติแล้วท่านเฟย์เรียจะเป็นคนอ่อนโยนมีเมตตาแต่เมื่อพูดถึงนากอล บุคลิกของท่านเฟย์เรียจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
แม้จะอยูข้างกายโอดิสท่าทีนี้ของเธอก็ไม่เปลี่ยน แต่ยกเว้นเพียงคาซ่าคนเดียว
ท่านเฟย์เรียดูเหมือนจะทำใจเกลียดคาซ่าไม่ลง
แต่นอกเหนือจากนั้น เทพที่มีสายเลือดของนากอลและคนอื่นๆ ท่านเฟย์เรียต่างเกลียดพวกเขาทุกคน
โดยเฉพาะกับโมเดสแล้วยิ่งเกลียด ไม่สิ อาจพูดไม่ได้ว่าเกลียด คงเป็นกลัวจะถูกกว่า
ท่านเฟย์เลียกลัวนากอลมาก แล้วยิ่งโมเดสที่มีสายเลือดของนากอลเข้มข้นในตัวก็ยิ่งกลัว
ถ้าโมเดสเอาจริง อย่างน้อยก็คงสามารถทำลายเอลีอัสได้ง่ายๆ เลยล่ะ
บรรดาเหล่าเทพรุ่นแรกต่างพูดเช่นนั้นและบอกว่ามันเป็นความจริง ฉันเองก็เชื่อเช่นนั้นด้วย
แต่ทว่ามีหลายคนซึ่งเป็นเทพรุ่นเดียวกับฉันไม่เชื่อในพลังของโมเดส เพราะไม่เคยเห็นเขาต่อสู้ตรงๆ นั่นมันอันตรายมากเลยนะ
และการเป็นเพื่อนกับเทพที่ทรงพลังอย่างโมเดสก็จำเป็น เทพรุ่นแรกเองก็คอยระวังเรื่องนั้น รวมถึงท่านเฟย์เรียและคนอื่นๆ ด้วย
แต่ความน่ากังวลนั้นกำลังจะหายไป
เพราะคุโรกิเป็นของฉันแล้ว ทำให้ฉันไม่ต้องระวังอีกแล้ว
เขาหลงเสน่ห์ฉันแล้วแน่ๆ ตอนนี้
ถ้าเป็นคุโรกิจะต้องเอาชนะโมเดสได้แน่
เดิมทีถ้ามีคุโรกิอยู่ เรย์จิก็ไม่จำเป็นอีกแล้ว ตอนแรกที่มีข่าวลือว่าฉันกำลังหลงรักเรย์จิ ถึงกับคิดว่าไปว่า ‘ห๊ะ’ เลยล่ะ?
[ เรย์จิคือสหายที่ร่วมต่อสู้กับปีศาจ ไม่มีความสัมพันธ์มากหรือน้อยไปกว่านั้น ]
ฉันส่ายหัวและปฏิเสธคำพูดของเนียร์
[ แต่ท่านเรย์น่า… นั่นมัน… ]
เนียร์จ้องมองมาที่ท้องของฉัน
[ แน่นอน นี่เป็นเพราะ… นี่มันก็แค่ท้องโตขึ้นนิดหน่อยเท่านั้นเอง แต่มาห่วงฉันมันก็ไร้ประโยชน์ เพราะฉันคือเทพธิดาที่จะต้องต่อสู้กับราชาปีศาจ ]
ฉันตอบขณะที่ลูบที่ท้อง
ไม่มีทางที่ฉันจะคิดไปแบบนั้นได้หรอก
รู้สึกแย่ชะมัดเลย เรื่องนี้คุโรกิต้องรับผิดชอบ
เหล่าวาลคิเรีย รวมถึงเนียต่างคิดว่าเรย์จิคือสาเหตุที่ทำให้ฉันท้อง
แต่ตำแหน่งของฉันจะแย่ลง หากมีคนรู้ว่าฉันไปมีความสัมพันธ์แบบนี้กับอัศวินดำที่เป็นลูกน้องของโมเดส นี่จะถือเป็นการกบฏต่อเอลีอัสเลยก็ว่าได้ ดังนั้นเรื่องของคุโรกิจะบอกเนียร์ไม่ได้เด็ดขาด
[ ขอโทษด้วยนะคะท่านเรย์น่า ที่ทำให้คิดมากทั้งๆ ที่ตั้งท้องอยู่ ]
เนียร์ก้มหัวให้ฉัน เนียร์คอยรับใช้ฉันตั้งแต่ฉันยังเด็กแล้ว
และเธอก็เป็นห่วงฉันมาก
[ ดีแล้วล่ะเนียร์ แต่อย่าไปบอกเรื่องนี้กับใครเชียวล่ะ มันจะดีต่อฉันและดีต่อเรย์จิด้วย เก็บไว้เป็นความลับเข้าใจมั้ยเนียร์ ]
ถ้ามีเทพที่พยายามขอแต่งงานฉันรู้เรื่องนี้เข้า มีหวังได้เกิดการต่อสู้กับเรย์จิแน่ ดังนั้นคงดีกว่าที่ฉันจะเก็บไว้เป็นความลับ(เก็บเรย์จิไว้เป็นไม้กันหมา)
[ ค่ะ ฉันทราบแล้วท่านเรน่า เทพธิดาเป็นผู้นับถือของเหล่ามนุษย์… จะต้องไม่มีใครรู้เรื่องนี้แน่ค่ะ เพราะนี้เป็นความลับของเรากับท่านเรน่า ]
ฉันพยักหน้าให้เนียร์ มีเพียงวาลคิเรียและเมดเท่านั้นที่เชื่อได้ บางทีนี่คงคิดเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว
ฉันลูบที่ท้องอีกครั้ง
ตอนนี้มันยังไม่โตมากนัก แต่หากใส่เสื้อผ้าบางๆ ก็จะสังเกตเห็นได้ทันที
เพราะฉันใช้เวทมนตร์ด้วย เด็กคนนี้น่าจะเกิดได้ในหนึ่งเดือน
เดิมทีก็เป็นลูกของเทพดังนั้นจึงโตเร็วไม่เหมือนมนุษย์อยู่แล้ว จึงไม่น่ามีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร
[ ที่สำคัญก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรหรอก…. เกิดมาเร็วๆ นะ ผู้กล้าตัวน้อยที่น่ารักของแม่ ]
◆ ราชาปีศาจโมเดส
ข้างๆ บัลลังก์ของมีเหล่าเลขาอยู่
ปราสาทราชาปีศาจแห่งนี้ถูกสร้างโดยเฮย์บอสตั้งแต่ที่โวลกาซยังมีชีวิตอยู่
ปราสาทนี้ถูกสร้างจากหินอ่อนสีดำและประดับประดาอย่างอลังการไม่แพ้ราชวังของเอลีอัส
บัลลังก์นั้นมีความกว้างและงดงามมาก
ข้าอยากขอบคุณโวลกาซและเฮย์บอสอีกครั้งจริงๆ
และผู้ที่กำลังนั่งอยู่หน้าบัลลังก์ก็คือเซอร์ไดร์ฮาร์ด
เขาเองก็ไม่ได้อยู่ใต้ควบคุมตามคำสั่งของข้า แต่เขากลับเรียกข้าว่าองค์เหนือหัว
ทั้งที่เขาจะเรียกข้าว่าโมเดสเหมือนกับเฮย์บอสก็ได้แท้ๆ
แต่หากมองในมุมของผู้ใต้บังคับบัญชาแล้วมันคงไม่ดีเท่าไหร่และเขาเองก็ไม่อยากเจอเรื่องโต้เถียงไร้สาระด้วย
ข้าต้องขอบคุณเซอร์ไดร์ฮาร์ดจริงๆ ที่เขาคิดถึงเรื่องนั้นไว้และไม่อยากให้เกิดการทะเลาะไร้สาระ
[ นัคถูกพวกเรย์จิจับตัวได้งั้นเหรอครับ? ]
ข้าพยักหน้าให้กับคำถามของเซอร์ไดร์ฮาร์ด
ข้อมูลที่ว่านัคถูกจับนั้นข้าได้มันมาจากเฮย์บอส
เขาบอกว่ามีภาพของนัคโดนพวกผู้กล้าแห่งแสงจับตัวไว้ในคริสตัลเวทมนตร์
ดูเหมือนนัคจะโดนเพื่อนผู้หญิงคนนึงของผู้กล้าจับตัวได้ เป็นผลทำให้ถูกพาเข้าไปในเขาวงกตด้วยกัน
แต่นัคไม่มีอุปกรณ์เวทในการติดต่อสื่อสารตอนที่ถูกจับ แปลว่านัคคงจะกลัวและโยนมันทิ้งไป
ตอนที่ข้ามารู้เรื่องนี้มันก็สายเกินไปแล้ว
[ ถูกต้องเซอร์ไดร์ฮาร์ด จะไปช่วยนัคให้ข้าจะได้รึไม่? ]
[ แน่นอน ผมเป็นหนี้บุญคุณของนัค ถึงแม้จะไม่มีคำขอร้องจากองค์เหนือหัว ผมเองก็คิดจะไปช่วยอยู่แล้ว ]
เมื่อข้าได้ยินคำพูดของเซอร์ไดร์ฮาร์ด ข้าก็หัวเราะขึ้นมา
อย่างที่คาดไว้ เซอร์ไดร์ฮาร์ดจะต้องไปช่วยนัคแน่
ข้าเองก็ไม่อยากสูญเสียผู้ที่คอยทำงานรับใช้ตัวข้า ข้าเองก็อยากช่วยเขา
แต่เหล่าลูกน้องของข้าบอกว่าไม่ควรเสี่ยงเพื่อหนูตัวเดียว
โมน่าเองก็บอกว่าไม่ต้องไปช่วย
แต่เซอร์ไดร์ฮาร์ดนั้นแตกต่างกัน
เขาเป็นผู้มีศรัทธาแรงกล้าและมีความอ่อนโยนที่ไม่เลือกปฏิบัติกับใคร สมแล้วที่ข้าไว้วางใจ
โมน่าบอกว่าเซอร์ไดร์ฮาร์ดอาจจะทรยศได้ แต่ข้าไม่รู้สึกถึงความตั้งใจนั้นจากตัวเขาเลย
ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สนใจเรื่องยศถาบรรดาศักดิ์ของปีศาจด้วยซ้ำไป
[ เซอร์ไดร์ฮาร์ด ก่อนจะไปที่เขาวงกตให้ไปหาเฮย์บอสก่อนจะดีกว่า เพราะเขาได้สร้างบางสิ่งให้ ]
[ ครับผมจะไปตามนั้น ไม่ต้องห่วงผมจะช่วยนัคมาให้ได้ ]
[ ขอบคุณมากเซอร์ไดร์ฮาร์ด ที่เหลือต้องฝากท่านด้วย แต่อย่าฝืนตัวเองล่ะ ]
[ ครับใต้เท้า งั้นผมขอตัว ]
เมื่อพูดจบ เซอร์ไดร์ฮาร์ดก็ออกจากห้องไป
เหลือทิ้งไว้เพียงข้าและเลขาในห้อง
[ จะไม่เป็นไรรึครับ? บางทีเซอร์ไดร์ฮาร์ดอาจจะแพ้ก็ได้นะครับใต้เท้า? ]
เซอร์มิเลนเนสผู้มีปีกสีดำพูด
เขาเคยเป็นอดีตเผ่านางฟ้า แต่ถูกเนรเทศมายังนากอล ตอนนี้ปีกจึงได้ย้อมเป็นสีดำ
แต่เขาก็พ่ายแพ้ให้หนึ่งในพรรคพวกของผู้กล้าที่เรียกว่าหญิงแห่งดาบ จนถึงตอนนี้จึงได้รักษาตัวอยู่
[ ไม่ดียังไงล่ะเซอร์มิเลนเนส ถึงเซอรไดร์ฮาร์ดทำไม่สำเร็จ แล้วตายไปก็ดีแล้วนี่ ]
[ เซอร์เออร์บาล! เจ้าหมายถึงอยากให้ใต้เท้าตายรึไง!! ]
[ พูดอะไรกันเซอร์มิเลนเนส เซอร์ไดร์ฮาร์ดน่ะมีพลังมากเกินไป พลังนั้นมันอันตรายและเขาเองก็ไม่ใช่ปีศาจด้วย บางทีที่เขาให้ความภักดีต่อองค์เหนือหัวเพราะอาจจะเล็งชีวิตขององค์เหนือหัวอยู่ก็ได้ ]
[ เซอร์เออร์บาล! นี่เจ้ากล้าสงสัยเพียงเพราะใต้เท้าไม่ใช่ปีศาจงั้นเรอะ? ]
เซอร์มิเลนเนสและเซอร์เออร์บาลเริ่มโต้เถียงกัน
เซอร์เออร์บาลเป็นผู้ใช้เวทที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่เผ่าปีศาจ แต่ไรก็ตามออกจะมีนิสัยที่ยุ่งยากนิดหน่อย
เดิมทีเขาเป็นลูกน้องของลูคัสและงานส่วนใหญ่มีเพียงงานสามัญทั่วไป จนกระทั่งเขาได้กลายเป็นผู้บริหารทัพของลูคัส
จริงๆ แล้วลูคัสรู้ว่าเออร์บาลมีพลังเวทและพรรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ แต่ปัญหาคือด้านนิสัย
ดูเหมือนเขาจะเข้ากับคนอื่นๆ ไม่ค่อยได้
ในตอนที่ต่อสู้กับพวกของผู้กล้าแห่งแสง เขาก็ไม่ได้ขอความร่วมมือจากใคร
อีกอย่างเซอร์เออร์บาลเคยได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะการต่อสู้กับผู้ถูกเรียกว่านักปราชญ์ผมดำมาแล้ว ข้าเองก็พยายามรักษาเขาแล้ว แต่ดูเหมือนร่างกายจะยังแปลกๆ อยู่
และอีกข้อ เซอร์เออร์บาลกำลังเข้าใจผิด
เซอร์ไดร์ฮาร์ดน่ะแข็งแกร่งมาก ไม่แพ้เลวิลรุสหรอก
แต่นั่นคือด้านในเขาวงกต
แม้แต่เซอร์เออร์บาลเองก็ไม่รู้
และไม่มีใครรู้ทั้งนั้น
[ พวกเจ้าหยุดได้แล้ว! นี่อยู่ต่อหน้าองค์เหนือหัวนะ!! ]
เซอร์จิวิลรุส ผู้เป็นอัศวินปีศาจหญิงมาหยุดพวกเขาไว้
เธอคอยทำหน้าที่เป็นหัวหน้ากองอัศวินที่มีแต่อัศวินปีศาจหญิงและยังเป็นผู้ช่วยของโมน่า
หากปราสาทนี้ตกอยู่ในอันตราย ข้าก็คิดว่าจะให้เธอหนีไปกับโมน่า
นอกจากนี้เธอยังเคยต่อสู้กับนักบุญแห่งศักดิ์สิทธิ์แต่จากนั้นก็ถูกผู้กล้าแห่งแสงมาจัดการได้
[ ขอโทษด้วยเซอร์จิเวอร์รุส ]
[ ขออภัยเซอร์จิเวอร์ ]
ทั้งสองคนขอโทษ
แต่ดูเหมือนเซอร์เออร์บาลจะไม่ได้ขอโทษจากใจจริง
[ ใช่ๆ ถ้าแสดงท่าทีไม่น่าดูต่อเซอร์ไดร์ฮาร์ดนัก ระวังเซอร์รันฟิวจะโกรธเอานะคะ ]
เธอเอาเซอร์รันฟิวมาอ้าง ทำให้เซอร์มิเลนเนสและเซอร์เออร์บาลต่างสั่นไปด้วยความกลัว
แม้ทั้งสองคนจะเป็นคนในกลุ่มเดียวกัน แต่ก็ไม่ใช่ศัตรูของรันฟิว และเซอร์รันฟิวคงทำอย่างที่เธอพูดออกมาแน่
เซอร์รันฟิว เซอร์จิวิลรุส เซอร์มิเลนเนส และเซอร์เออร์บาลทั้งสี่คนนี้ถูกเรียกว่าสี่ราชาสวรรค์และครองตำแหน่งชั้นบนของกองทัพราชาปีศาจ
ภายใต้การดูแลของสี่ราชาสวรรค์ยังมีนายพลอยู่ด้วย
ในที่นี่ยังมี 6 นายพล แต่พวกเขาไม่ได้พูดอะไรออกมา ยกเว้นเพียงสี่ราชาสวรรค์เท่านั้น
[ เซอร์เออร์บาล ใต้เท้าคือคนที่องค์เหนือหัวได้เลือกมาแล้ว อย่าได้หยาบคายเด็ดขาด ]
ลูคัสที่อยู่ข้างๆ จ้อมมองไปยังเออร์บาล
[ ครับ ขออภัยอย่างสูงครับท่านรัฐมนตรี ข้าจะไม่พูดอะไรที่เป็นการเสียมารยาทกับใต้เท้าไดร์ฮาร์ดอีก ]
เซอร์เออร์บาลกล่าวขณะที่ก้มหัวลง
ข้าเองก็อยากให้เซอร์เออร์บาลละเว้นปากบ้างนะ หากเซอร์ไดร์ฮาร์ดเกิดโกรธขึ้นมาจริงๆ เพราะเซอร์เออร์บาล จนเขาหันคมดาบเข้าหาเราจะเป็นเรื่องใหญ่
ข้าต้องการบอกเช่นนั้น มันอาจจะซ้ำรอยเหมือนท่านแม่
ข้าจำเรื่องของแม่ได้
ทุกคนนั้นทำตามคำสั่งแม่แค่เพียงในนามเท่านั้น มีเพียงน้องสาวข้าเดียดอนน่าและซัลคิซิสเท่านั้นที่ทำตามคำสั่งท่านแม่ด้วยความยินดี
ข้าเองก็อยากไปเข้ากลุ่มกับเทพเป็นกลาง แต่เทพเหล่านั้นเป็นผู้ที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งท่านแม่และข้าเองก็ไม่อยากร่วมทำลายล้างโลก จึงได้ทิ้งระยะห่างมาแทน
เมื่อฆ่าท่านแม่ได้สำเร็จ ข้ารู้สึกโล่งใจมากกว่า
ส่วนมากผู้ที่ติดตามท่านแม่ก็เพราะกลัวจึงได้เชื่อฟัง ลูคัสเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
เทพหลายคนต่างรู้สึกยินดีที่ท่านแม่ตายแล้ว
แต่หัวใจข้ากลับดำมืด
ข้าได้ทำผิดครั้งใหญ่นั้นก็คือการทรยศต่อแม่ของตัวเอง ความผิดที่หาอะไรมาไถ่บาปไม่ได้
เหล่าเทพผู้มีสายเลือดของเทพธิดามิน่าเกลียดชังข้า
ในทางตรงกันข้าม ข้าถูกมองว่าเป็นตัวอันตรายและถูกขับไล่ออกมาด้วยความเกลียดชัง
จากนั้นยังโดนส่งผู้กล้ามาเพื่อฆ่าข้าให้ตาย
นี่อาจจะเป็นบทลงโทษที่ข้าทรยศต่อท่านแม่
แม้แต่ตอนนี้ข้าก็ยังเจ็บปวดจนถึงหัวใจ หากแม่โดนลูกชายแท้ๆ ของตัวเองทรยศจะรู้สึกยังไง?
สุดท้ายข้าก็เลยต้องประสบกับชะตากรรมเดียวกัน เมื่อข้าคิดเช่นนั้นหัวใจของข้าก็เจ็บปวด
ถูกหักหลังโดยเด็กที่เรียกว่าเป็นลูกของตน
แม้สิ่งที่โมน่าบอกจะไม่มีทางเป็นจริง
หากคิดเช่นนี้ การที่เซอร์ไดร์ฮาร์ดจะทรยศนั้นแทบเป็นไปไม่ได้
เพราะสถานการณ์ของเซอร์ไดร์ฮาร์ดตอนนี้แทบจะเหมือนกันกับข้าตอนที่อยู่ที่เอลีอัส แม้จะช่วยเหลือทุกคนได้แต่ทุกคนกลับคิดว่าเขาเป็นตัวอันตราย
สิ่งนั้นเองก็ไม่ควร สิ่งนั้นเองก็ห้าม ข้าเองก็ไม่อยากถามอะไรเขานักหรอก
แต่ว่าเช่นเดียวกับแม่ ข้าไม่สามารถถูกจัดการได้จากผู้ไร้พลัง
หากเซอร์ไดร์ฮาร์ดทรยศ ข้าก็แค่ให้เขาฆ่าข้าซะ
มันสมควรแล้วไม่ใช่เหรอ สำหรับผู้ที่ทรยศแม่ของตัวเอง?
ข้าจำใบหน้าอันแสนซื่อตรงของเขาได้ดีและกลิ่นที่เหมือนกับข้า หากเป็นเขาจะต้องปราบข้าลงได้แน่
ดังนั้นเซอร์ไดร์ฮาร์ด ท่านจะต้องรอดชีวิตและกลับมาให้ได้นะ เพื่อลงโทษตัวข้าผู้นี้
◆ อัศวินดำคุโรกิ
ผมอยู่บนทางเดินของปราสาทราชาปีศาจ
ทางเดินถูกตกแต่งอย่างสวยงามและกว้างขวาง
กำแพงและพื้นหินอ่อนที่ตกแต่งอย่างงดงามโดยอัญมณีสีดำ
ราวกับกำลังเดินอยู่ในทางช้างเผือก
ผมคิดว่าแทนที่จะเรียกว่าปราสาทจอมมาร เรียกว่าปราสาทดวงดาวยังจะเหมาะซะกว่าอีกมั้ง
จนทำให้ผมลืมถึงความรู้สึกไม่ดีเมื่อกี้ได้ เมื่อเดินในปราสาทนี้
ผมจำเหล่าคนที่อยู่ที่ตรงนั้นได้
เออร์บาลที่ไม่ได้ปกปิดความเกลียดชังที่มีต่อผมเลย
รันฟิวกับจิวิลรุสแสดงความเป็นศัตรูกับผม แต่ไม่ได้ถึงขนาดเออร์บาล
มีเพียงมิเลนเนสเท่านั้นที่ไม่ได้เป็นศัตรูของผมในหมู่พวกเขา
เขาไม่ใช่ปีศาจ แต่เป็นเผ่านางฟ้าที่ทรยศต่อเอลีอัสจึงแตกต่างจากคนอื่นๆ ในนากอล ดังนั้นเขาจึงไม่มีปัญหาอะไรถึงผมจะไม่ใช่ปีศาจก็ตาม
สี่ราชาสวรรค์ทุกคนเป็นปีศาจระดับสูงหมดยกเว้นเพียงมิเลนเนสคนเดียว
เผ่าปีศาจเกลียดชังผม ดูเหมือนจะรับความจริงไม่ได้ที่เจ้าหน้าใหม่อย่างผมได้หน้าและได้รับความวางใจจากโมเดส
อัศวินหญิงที่อยู่ใต้อาณัติของพวกเธอเองก็เริ่มหันเหและเกลียดชังผมเช่นกัน
เพราะพวกเธอเดิมอยู่ใต้อาณัติของโมน่า
และโมน่าก็เกลียดผม ดังนั้นพวกเธอจึงได้รับอิทธิพลทำให้เกลียดผมไปด้วย
พูดถึงกุโน่ ผมคิดว่าเธอคงได้รับคำสั่งจากโมน่าให้มาสอดแนมตัวผม
แต่แผนการนั้นกลับผิดพลาดเพราะกุโน่สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อผม เรื่องนี้ต้องขอบคุณโมน่ากับจิเวอร์รุสเลยนะที่ทำให้ผมไม่โดนพวกอัศวินหญิงเกลียดอีกแล้ว
แต่ผมเองก็ส่งตัวกุโน่ไปคืนกุโน่ให้โมน่าไม่ได้ด้วยสิ ทำยังไงดีล่ะ
[ กรุณาคอยก่อนใต้เท้า ]
ผมถูกเรียกจากข้างหลัง
เมื่อผมหันหลังกลับไปก็เจอกับผู้หญิงคนหนึ่ง
[ นั่นนายพลพูจิน่านี่ครับ มีอะไรงั้นรึครับ? ]
ชื่อของเธอคือพูจิน่า รูปร่างภายนอกเป็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 10 ปี แต่ตัวจริงคือมนุษย์หมี
ผมไม่ได้เห็นเองหรอก แต่ดูเหมือนรูปร่างจริงๆ ของเธอจะใหญ่ถึง 10 เมตร
เธอเป็นสัตว์เวทมนตร์ที่สามารถสื่อสารกับมอนสเตอร์ได้ด้วยเพียงคำพูดไม่กี่คำ
นอกจากนี้เธอยังสามารถบริหารกองทัพมอนสเตอร์ได้จึงถูกขานว่า นายพลเหล็กพูจิน่าและเป็นนายพลผู้รับคำสั่งจากโมเดสโดยตรง
ซึ่งกองทัพก็เหมือนกองทัพที่ถูกสร้างโดยอยู่ใต้คำสั่งของโมเดสผู้เป็นราชา
ดินแดนนี้ถูกปกครองแบบทหาร ระบบต่างๆ ของนากอลเป็นแบบศักดินาโดยมีโมเดสเป็นผู้อยู่ศูนย์กลาง ความสัมพันธุ์ระหว่างเจ้านายกับผู้รับใช้ ราชาปีศาจ ลอร์ด และข้าบริหารนั่นเอง
ยกตัวอย่างอาณาจักรคารอนเป็นตัวอย่าง
อาณาจักรคารอนมีดาเทียเป็นราชินี แต่มีความเกี่ยวโยงกับโมเดส แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นข้าบริวารโดยตรง
กล่าวก็คือเป็นข้าบริวารที่ไม่ใช่ข้าบริวาร อาณาจักรคารอนจะมีการเมืองภายในเป็นอิสระโดยสมบูรณ์
โมเดสจะไม่เข้าไปก้าวก่ายกับการจัดการภายในอาณาจักรคารอน
และยังมีอาณาจักรอื่นๆ อีกหลายเผ่าในนากอลและอาณาจักรของโทรลหรือออร์คที่มีกองทัพของตัวเองและเป็นเมืองอิสระ
มีประมาณ 30% ในนากอลเท่านั้นที่คอยรับคำสั่งโดยตรงจากโมเดส
แต่อำนาจของโมเดสก็ใช่ว่าจะอ่อนแอลง
เพราะมีพลังของโมเดสอยู่ ปีศาจมากมายจึงไม่มีการก่อกบฏ
ดังนั้นกองทัพที่ขึ้นตรงกับโมเดสจะมีอำนาจมากกว่ากองทัพหรือของเซอร์อื่นๆ
อย่างกลุ่มกองอัศวินที่สร้างจากเผ่าปีศาจที่มีพลังเวทระดับสูง แต่กองทัพของนายพลทั้งแปดจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่ด้อยกว่า
โดยกองอัศวินดำจะถูกนำโดยผู้ที่เรียกว่าสี่ราชาสวรรค์
ส่วนกองทหารทั่วไปของเผ่าพันธุ์ระดับต่ำกว่าจะนำโดยนายพลที่เลือกมาจากเผ่าต่างๆ
พูจิน่าเป็นนายพล
เดิมทีแม่ของเธอเป็นผู้รับตำแหน่งนี้ แต่แม่ของเธอเสียชีวิตเพราะการต่อสู้กับเรย์จิ ทำให้ลูกสาวต้องมารับตำแหน่งแทน
[ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่จะมาขอบคุณสำหรับของหวานนะคะ ]
[ อ่อ เรื่องนั้นไม่ต้องใส่ใจหรอกครับนายพลพูจิน่า นั่นเป็นคำขอบคุณต่างหาก ]
เรจิน่าเคยมาขออาหารจากพูจิน่า เธอเลยให้น้ำผึ้งกับราชินีแซลมอนไป
ต้องขอบคุณอาหารเหล่านั้นทำให้เรจิน่ารอดมาได้
หลังจากที่เรจิน่าไปกับชิโรเนะแล้ว เรจิน่าก็ได้ทำขนมจากน้ำผึ้งที่เหลือส่งมาให้พูจิน่า ซึ่งดูเหมือนพูจิน่าจะชอบมากเลยล่ะ
[ ถ้าฉันส่งน้ำผึ้งไปให้อีก เธอจะทำมาให้อีกมั้ยคะใต้เท้า? ]
[ แน่นอนครับ นายพลพูจิน่า ]
[ เย้! ขอบคุณมากค่ะใต้เท้า! ]
พูจิน่าพูดแล้วมากอดผม
ผมจึงลูบหัวเธอ
เพราะพูจิน่าเป็นมนุษย์หมี ผมจึงไม่รู้ว่าอายุจริงๆ ของของเธอคือเท่าไหร่กันแน่
แต่หากเป็นในร่างนี้ พูจิน่าก็ดูเป็นสาวน้อยน่ารักไร้เดียงสาที่ชอบขนมเท่านั้นเอง
ดังนั้นเธอจึงน่ารักมาก
สำหรับผมที่คนอื่นๆ ไม่ค่อยเป็นมิตรด้วยถือว่าดีแล้ว
เผ่าพันธุ์ที่ต่ำกว่าก็ไม่ชอบผมนัก เพราะกลัวผม
แต่หากเป็นเธอผมคงเปิดใจให้ได้ ผมลูบหัวอย่างอ่อนโยน
[ ใช่แล้ว! พูจิน่าจะไปด้วยค่ะ ฉันอยากไปช่วยใต้เท้าด้วย! ]
พูจิน่ายิ้ม
[ ไม่เป็นไรเหรอ? นายพลพูจิน่าเป็นคนของกองทัพราชาปีศาจนะครับ มันจะไม่มีปัญหางั้นเหรอครับ? หากออกจากนากอลโดยไม่ได้รับอนุญาตน่ะ ]
ถึงเธอจะมีตำแหน่งต่ำกว่าสี่ราชาสวรรค์อย่างรันฟิว แต่ก็ยังเป็นผู้บริหารระดับสูง การจะออกจากนากอลโดยไม่ได้รับอนุญาตคงไม่ดีนัก
[ ไม่ดีเลยนะคะ อย่าพูดอะไรยากๆ แบบนั้นสิ ~ ]
พูจิน่าพูดขณะที่ยิ้ม
แต่หากเธอยังไม่ได้รับอนุญาต ผมก็พาไปด้วยไม่ได้หรอก
ขณะที่ผมกำลังคิดจะปฏิเสธก็สังเกตเห็นใครบางคนเดินเข้ามาใกล้
[ เดี๋ยวสินายพลพูจิน่า อย่าไปทำให้ใต้เท้าลำบากใจสิค่ะ ]
เธอคนนั้นเป็นดาร์คเอลฟ์ ก็อยากพูดแบบนั้นอยู่หรอกนะ
แต่ปัญหาคือชุดเกราะบิกินี่สีดำนี่สิ
ชื่อของเธอคือนายพลชาร์ลี่ เป็นนายพลที่ถูกรับเลือกมาจากเผ่าดาร์คเอลฟ์
เผ่าเอลฟ์เป็นพวกชอบเวทมนตร์ หลังจากโดนขับไล่มา จึงมาตั้งรกรากอยู่ในนากอลและเพิ่มประชากรขึ้น
และเพราะดาร์ดเอลฟ์มีสายเลือดของเผ่าปีศาจจึงมีผิวสีน้ำตาล
แต่ยังมีความเป็นเอลฟ์จึงสามารถควบคุมสปิริตได้ด้วย
แต่ตอนที่ต่อสู้กับพวกเรย์จิ เหล่าสปิริตดันไม่ยอมเชื่อฟัง พวกเขาเลยแทบจะไร้ค่าไปเลย
บางทีอาจจะเพราะในหมู่พรรคพวกของเรย์จิมีคนที่ใช้สปิริตอันแข็งแกร่งอยู่ สปิริตจึงไม่อยากทำร้ายพวกเรย์จิ
เช่นเดียวกันกับพูจิน่า เธอก็แบ่งอาหารให้เรจิน่าเช่นกัน
ดาร์ดเอลฟ์ได้รับหน้าที่ให้ดูแลสวนผลไม้ตามคำสั่งโดยตรงของราชาปีศาจ ชาร์ลี่จึงมีทั้งผลไม้และพืชผักจำนวนมาก
ผมเองก็ลองใช้ผักพวกนั้นทำอาหารดูแล้วเอาไปแลกกัน ดูเหมือนเหล่าดาร์ดเอลฟ์จะดีใจมากเลยล่ะที่ได้กินอาหารที่ไม่รู้จัก
[ ชาร์ลี่! คิดจะมาก่อกวนความสัมพันธ์ของฉันกับใต้เท้าเหรอคะ? ]
พูจิน่าทำท่าทางขู่ชาร์ลี่และมีสีหน้าพร้อมรบ จนทำให้ชาร์ลี่รู้สึกตึงเครียด
[ ไม่ใช่นะคะนายพลพูจิน่า… เพราะยังไงเราก็เป็นนายพล ควรจะรายงานให้องค์เหนือหัวทราบไว้ หากทำอะไรตามอำเภอใจจะทำให้เซอร์รันฟิวโกรธเอาได้นะคะ ]
เมื่อใช้ชื่อของรันฟิว พูจิน่าก็หยุดท่าทางขู่
[ อู่… ก็ได้ รันฟิวน่ากลัว ]
พูจิน่าดูจะกลัวรันฟิวมาก
รันฟิวคงจะเศร้าใจน่าดูที่เห็นพูจิน่ากลัวขนาดนี้
เพราะที่เขาทำก็แค่เพื่อเพิ่มระเบียบวินัยของกองทัพราชาปีศาจเท่านั้นเอง เขาไม่ใช่คนไม่ดีหรอก
[ ถ้าเช่นนั้นใต้เท้า งั้นฉันจะส่งผู้หญิงที่อยู่ใต้อาณัติของฉันไปกับท่านด้วยในคืนนี้ หวังว่าพวกเธอคงจะมีประโยชน์นะคะ ]
ชาร์ลี่ก้มหัวให้ผม
ทำไมต้องเป็นตอนกลางคืนล่ะ? ช่วยไม่ได้
แม้ว่ามันจะดูยุ่งยาก
หากผมพูดจาเอาแต่ใจก็ไม่ดีต่อท่านนายพลด้วย ถึงจะคิดในใจว่าให้คนของเธอไปด้วยมันออกจะไม่ดีเท่าไหร่
แต่เพราะกุโน่เองก็คอยตามสอดแนมผมอยู่ การจะให้เธอให้มาช่วยงานคงจะไม่ได้ และหากเป็นดาร์ดเอลฟ์ก็สามารถต่อสู้ได้ด้วย
เมื่อผมหันหลังกลับไป
[ ไม่ดีเหรอคะใต้เท้า? ]
ขณะที่ผมกำลังขบคิด ผมก็เผลอมองไปที่ร่องหน้าอกของชาร์ลี่
[ นะ นายพลชาร์ลี่!! ]
[ ก๊าซซซ ! ชาร์ลี่!! หยุดเลยนะคะ คุณกำลังทำให้ใต้เท้าลำบากใจอยู่นะ!! ]
พูจิน่ากอดผมแรงขึ้น
สถานการณ์ท่าจะแย่แล้วมั้ง
เพราะโดนพูจิน่ากอดทั้งรอยยิ้ม
และยังชาร์ลี่อีก หน้าอกสีเกาลัดนั้นมัน…
มันเริ่มแข็งๆ ทีละน้อยแล้ว! ตัวผมเริ่มร้อนรุ่มขึ้นเรื่อยๆ
ใช่ ต้องเลิกคิดเรื่องอกุศลโดยการนับจำนวนเฉพาะ 4 6 8 10 ……. นั่นใช่จำนวนเฉพาะที่ไหนกันฟะ
[ เอ่อ กำลังทำอะไรอยู่กันนะ? พวกคุณน่ะ ]
ขณะที่ผมกำลังเจอปัญหาใหญ่ ก็มีอีกคนกำลังเดินมา
[ เฟลตัน!! เกเด้ ]
[ นายพลเฟลตัน!! นายพลเกเด้ !!]
พูจิน่าและชาร์ลี่มองไปยังผู้ที่กำลังเดินเข้ามาใกล้
ที่ตรงนั้นมีนายพลสองคนอยู่ ซึ่งก็คือนายพลเฟลตันและนายพลเกเด้
[ กำลังคุยเรื่องสนุกๆ กันอยู่สินะ งั้นขอข้าร่วมวงด้วยสิ ]
เฟลตันพูดขณะที่ยิ้มและขณะที่มองไปยังพูจิน่าและชาร์ลี่
แต่ทว่าใบหน้าของเฟลตันกลับไม่ได้ยิ้มตามไปด้วยเลย
ถึงจะยิ้มอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้ยิ้มจริงๆ
เฟลตันเป็นเผ่าเคล
เผ่าเคลนั้นเป็นปีศาจระดับเช่นเดียวกับอิมส์และเอมพูซ่า มีปีกค้างคาวขนาดใหญ่ที่หลังและมีผิวสีดำ บนหัวมีสองเขา รูปร่างใกล้เคียงกับเผ่าปีศาจ
เฟลตันเป็นนักรบเวท จึงสวมเสื้อคลุมสีแดงสลับดำและมีดาบแนบไว้ที่เอว
นอกจากนี้เหล่าลูกน้องของเฟลตันยังเป็นปีศาจระดับต่ำที่ถูกสร้างขึ้น ซึ่งเฟลตันเป็นนายพลที่คอยนำทัพปีศาจเหล่านั้น
ตอนที่สู้กับพวกเรย์จิ เขาต้องให้รันฟิวหนีไปได้จึงต้องต้านไว้ แต่ก็ต้องบาดเจ็บสาหัสและถอนตัวมายังปราสาท
ในตอนนั้นกองทหารของเขาถูกทำลายโดยพวกเรย์จิจนหมด แต่ด้วยเหตุนี้กองอัศวินดำถึงได้หนีรอดมาได้
ส่วนคนที่อยู่ข้างๆ เขาก็คือนายพลเกเด้ซึ่งเป็นอันเดด
ตัวเขาได้ทุ่มเทให้กับการเรียนเวทของปีศาจเพื่อเพิ่มพลังของตัวเองจนกลายเป็นอันเดด
เพราะตัวเขาถูกซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมมิดชิด มีเพียงเงาหมอกดำๆ เท่านั้นที่มองเห็น
ทำให้การโจมตีทางกายภาพไม่ได้ผลกับเขา แต่เพราะร่างกายดูไม่เสถียรจึงดูเบาะบางในขณะเดียวกันด้วย
เขาเป็นนายพลซึ่งมีอันเดดในอาณัติถึงกว่าล้านตัว
แต่ว่ากองทัพนั้นถูกทำลายลงในพริบตาด้วยฝีมือของพวกเรย์จิ แต่กองทัพเหล่านั้นก็ใช่ว่าจะหายไปหมด คงได้แต่รอให้โมเดสคืนชีพให้ด้วยเวทมนตร์แล้วล่ะ
เพราะเกเด้เองก็มาจากเผ่าพันธุ์เคล(ก่อนจะกลายเป็นอันเดด)จึงได้สนิทกับเฟลตัน
[ นายพลชาร์ลี่ นายพลพูจิน่าไม่ใช่ว่าพวกคุณกำลังก่อปัญหาหนักใจให้ใต้เท้าอยู่งั้นรึครับ? ]
เฟลตันยิ้ม
[ ถ้าต้องการขนาดนั้นจะให้ข้าเป็นคู่ขาให้แทนจะดีมั้ย? ]
เมื่อได้ยินคำพูดของเฟลตัน พูจิน่าและชาร์ลี่ก็ทำหน้าขยะแขยง
[ ฮุฮุฮุ ในเมื่อเข้าใจกันแล้วก็ไว้พบกันใหม่นะครับ ]
[ …. ค่ะ งั้นก็ขอตัวก่อน ]
จากนั้นพูจิน่ากับชาร์ลี่ก็หนีไป
เฟลตันดูเหมือนจะเก่งเรื่องการรับมือกับพวกเธอดีนะ แต่เพราะแบบนี้แหละ หลายๆ คนถึงได้ไม่ค่อยชอบเขา
ยังไงก็น่าจะคิดถึงเรื่องสามัญสำนึกและเอาใจใส่มากกว่านี้นะ
สำหรับผมไม่ชอบนักหรอกที่โดนคนอื่นเกลียด เลยคิดว่าจะไล่ไปแบบเบาๆ ตามระเบียบกองทัพเท่านั้นเอง
[ ช่วยไว้ได้ทันพอดีเลยครับ นายพลเฟลตัน ]
ผมก้มหัวให้เฟลตัน
[ ไม่ครับ นี่เองก็ถือเป็นการห้ามปรามตามปกติเท่านั้นเองใต้เท้า ]
[ ครับ ถึงยังไงก็อยากขอบคุณ ]
ใช่ มันจะเป็นปัญหาได้หากทำอะไรโดยพลการ
ตอนแรก ผมก็ตัดสินใจไว้ว่าจะหาเพื่อน ไม่อยากอยู่ท่ามกลางความเกลียดชังแบบนี้
ผมเองก็อยากพยายามอยู่หรอกนะ แต่มันจะยิ่งเป็นการทำให้เกิดเรื่องบาดหมางกันมากขึ้นมากกว่า
หากเกิดเรื่องบาดหมางขึ้น ทุกคนก็จะแสดงความเป็นศัตรูกับผม
ผมเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นเพื่อนกับทุกคนได้หรอก แต่ก็อยากเลี่ยงการทะเลาะกันเท่าที่ทำได้
ดังนั้นต้องขอบคุณเฟลตันที่มาช่วยไว้
เฟลตันเองก็ดูเหมือนจะไม่ได้เกลียดอะไรผมเพียงเพราะไม่ใช่เผ่าปีศาจ แต่กลับเกเด้ด้านหลังนี่สิ ผมกลับรู้สึกไม่ดีเลย ถึงจะไม่ขนาดเออร์บาล แต่ก็รู้สึกถึงความเป็นศัตรูที่เขาส่งมาได้
แต่ทำไมเขาถึงต้องมาช่วยผมไว้ด้วยนะ?
[ ถ้ามีเรื่องอะไรอีกโปรดพึ่งพาเฟลตันผู้นี้ได้เลยใต้เท้า ]
[ ขอบคุณมากครับนายพลเฟลตัน ]
ผมพูดเช่นนั้น จากนั้นก็หันหลังกลับแล้วเดินไปต่อ
ในกองทัพราชาปีศาจมีคนอยู่หลายประเภท
ผมเองก็ใช่ว่าจะถูกทุกคนเกลียดสักหน่อย ผมไม่อยากทรยศต่อคนเหล่านั้น
ดังนั้นผมจะช่วยนัคให้ได้
และผมก็เดินออกจากปราสาทราชาปีศาจ
◆ นายพลปีศาจสวรรค์ เฟลตัน
[ เจ้านี่แปลกจริงๆ เลยนะเฟลตัน? ]
[ เรื่องอะไรกันเหรอ เกเด้? ]
[ แน่นอนก็เรื่องท่านไดร์ฮาร์ดนะสิ ดูก็รู้ว่าเขาเป็นอันตรายต่อองค์เหนือหัวขนาดไหน ทำไมถึงต้องไปห่วงใยเขาด้วยล่ะ? ]
เมื่อข้าได้ยินคำพูดของเกเด้ ข้าก็หัวเราะออกมา
[ ใต้เท้าคือคนที่เอาชนะผู้กล้าแห่งแสงได้ หากเราเอาใจใส่เขาก็เป็นธรรมดาที่ได้จะรับความน่าเชื่อถือกลับมาใช่มั้ยล่ะ? ]
[ เหรอ? แล้วเหตุผลจริงๆ ล่ะ …. ]
ดูเหมือนตาของเกเด้จะไม่เชื่อว่าข้ากำลังพูดความจริง
[ …เพราะเขาดูเหมือนองค์เหนือหัว ]
เกเด้หันมาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
[ เหมือนกับองค์เหนือหัว? … นี่เจ้าหมายถึงเรื่องอะไรกัน? ]
[ ลองคิดดูสิเกเด้ ครั้งนึงองค์เหนือหัวก็เคยเป็นเทพของเอลีอัสแต่ถูกมองว่าเป็นตัวอันตรายจากเทพของเอลีอัสเช่นกัน แม้ว่าองค์เหนือหัวจะช่วยชีวิตพวกเขาไว้ เจ้าไม่คิดเลยเหรอว่าสถานการณ์ของเหนือหัวกับใต้เท้านั้นคล้ายกัน? ]
ขณะที่คิดดูแล้วก็เจ็บปวด เพราะทั้งที่องค์เหนือหัวอุตส่าห์ช่วยชีวิตไว้ทั้งที่ควรขอบคุณ พวกมันกลับคิดว่าองค์เหนือหัวเป็นตัวน่ารำคาญ
เจ้าพวกเอลีอัสที่เนรเทศคนที่ข้านับถือ ข้าไม่อภัยให้อย่างเด็ดขาด
สักวันหนึ่งข้าจะทำให้ในสายตาพวกมันมีแต่ความเจ็บปวด จนกว่าจะถึงเวลานั้นข้าจะภักดีตลอดไป
ดังนั้นข้างตัวองค์เหนือหัวจึงต้องมีใต้เท้าอยู่
เจ้าพวกหน้าโง่ที่หันหน้าเป็นศัตรูกับใต้เท้าเพราะความอิจฉาน่ะงี่เง่าชัดๆ
ข้าอธิบายให้เกเด้ฟัง
[ เข้าใจล่ะ… ]
[ ใช่แล้วล่ะ เกเด้ … กล่าวอีกนัยนึงก็คือ คนที่ไล่ผู้กล้าออกไปเป็นใคร ฝีมือใต้เท้าชัดๆเลยไม่ใช่ไง? แต่เรากลับมองว่าเขาเป็นตัวอันตราย… ทั้งที่ควรขอบคุณเขาที่ทำให้เรารอดพ้นจากอันตรายด้วยซ้ำ นอกจากนี้ใต้เท้ายังดูสนิทกับองค์เหนือหัวดีด้วย มีแต่เจ้าพวกโง่นั้นล่ะที่หันหน้าเป็นศัตรูกับใต้เท้า ]
[ เพราะเช่นนั้น เจ้าถึงได้เป็นห่วงเป็นใยใต้เท้าสินะ… ? ]
ข้าพยักหน้าให้กับคำพูดของเกเด้
บางทีองค์เหนือหัวก็คงคิดแบบเดียวกันกับข้า
ตอนนี้องค์เหนือหัวมอบหมายงานบางอย่างให้เซอร์ไดร์ฮารด เขาจึงไปที่ไหนสักแห่ง
[ มันก็ถูก ข้าเองก็ไม่ได้เห็นว่าใต้เท้ากับองค์เหนือหัวเหมือนกันหรอก แต่ข้าจะไม่ทำผิดพลาดเหมือนเจ้าพวกเอลีอัสแน่ ]
ก็แค่นั้นล่ะ เราจะต้องไม่ถูกความโง่เขลาครอบงำเหมือนเจ้าพวกเทพของเอลีอัส
ไม่จำเป็นต้องมองว่าองค์เหนือหัวกับใต้เท้าเหมือนกันก็ได้
[ ข้าเข้าใจความคิดของเจ้าแล้ว… จะว่าไปเฟลตัน เจ้าวางแผนจะทำลายล้างพวกมนุษย์อีกครั้งงั้นรึ? ]
ข้าพยักหน้าให้กับคำพูดของเกเด้
[ แน่นอน ถึงองค์เหนือหัวจะไม่ทำอะไรเจ้าพวกเอลีอัส แต่ข้าน่ะต่างออกไป ข้ารู้สึกไม่ดีที่มันมาทำร้ายคนที่ข้านับถือ ]
ข้าได้ส่งลูกน้องของข้าไปแฝงตัวในหมู่มนุษย์ไว้แล้ว ก็เพื่อทำให้พวกมันทุกข์ทรมาน
จากนั้นพิษก็จะแพร่กระจายไปทั่วในประเทศของเหล่ามนุษย์
นี่ไม่ใช่คำสั่งจากองค์เหนือหัวโดยตรงข้าจึงทำอะไรโจ่งแจ้งไม่ได้
เพราะเจ้าพวกเอลีอัสต้องการความมั่งคั่งของมนุษย์ ดังนั้นข้าจะทำลายมันซะ
โลกนี้จะต้องเป็นของท่านราชาปีศาจ
เมื่อถึงเวลา พวกเราก็จะไปทำลายเจ้าพวกเอลีอัสให้หมด
เมื่อคิดถึงเรื่องในอนาคต ข้าก็เผลอหัวเราะออกมา
◆ ราชินีแห่งความมืด โมน่า
[ ว่าไงนะจิวิล กุโน่พลาดงั้นเหรอ? ]
[ ขอโทษด้วยค่ะท่านโมน่า ดูเหมือนกุโน่จะหลงรักเซอร์ไดร์ฮาร์ดไปแล้ว นี่มันเป็นความผิดพลาดของฉันเอง ฉันยอมรับการลงโทษทุกอย่างค่ะ ]
จิวิลซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ราชาสวรรค์กำลังรายงานฉันขณะที่ก้มหัว
ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเรื่องของเซอร์ไดร์ฮาร์ด
ฉันสั่งให้กุโน่ไปสืบเรื่องจุดอ่อนของเซอร์ไดร์ฮาร์ดมา ถึงเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหนก็ต้องมีจุดอ่อนบ้าง
เพราะบางทีเซอร์ไดร์ฮาร์ดอาจจะกลายเป็นศัตรูของท่านโมเดส ข้าต้องหาทางกำจัดเขาให้เร็วที่สุด
แต่ท่าทีของเขาไม่มีช่องโหว่เลย
กุโน่เองก็หลงรักเซอร์ไดร์ฮาร์ด หลังจากที่ส่งเธอไปสอดแนมได้เพียงวันเดียว
[ ผู้หญิงที่เหลือล่ะ…. เพราะเป็นผู้หญิงคงไร้ค่าอีกสินะ ]
เมื่อได้ยินคำพูดของข้า จิวิลก็สั่นไปหมด
ข้าจ้องมองจิวิลด้วยสายตาเย็นชา
หากเป็นไปได้หากก็อยากลงโทษด้วยความตาย
แต่ทำเช่นนั้นไม่ได้
เพราะจิวิลคือคนที่ท่านโมเดสส่งมาเพื่อปกป้องฉัน
หากจะลงโทษเธอก็จำเป็นต้องขออนุญาตท่านโมเดสก่อน ซึ่งมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
[ เข้าใจแล้ว เจ้าไปได้จิวิล ]
จากนั้นจิวิลก็ออกไปเหลือทิ้งไว้เพียงคำขอโทษ
พวกปีศาจนี่ไม่ไหวเลย ฉันเห็นขณะที่มองไปยังประตูที่จิวิลออกไป
ข้าควรทำยังไงดี ชายคนนั้นอันตราย ถึงขนาดทำให้หญิงสาวมากมายหลงรักได้ภายในไม่กี่วัน
หากชายคนนั้นกลายเป็นศัตรู โมเดสที่รักของข้าจะต้องมีอันตรายแน่
ตอนนี้อาจจะยังไม่เป็นไร แต่ข้าไม่รู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าก็ต้องปกป้องท่านโมเดสให้ได้
ท่านโมเดสเองก็ต้องเข้าใจความรู้สึกนี้ของข้าแน่
[/canvas]