CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

อัศวินดำ - ตอนที่ 55

  1. Home
  2. อัศวินดำ
  3. ตอนที่ 55
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

◆ นักปราชญ์ผมดำจิยูกิ

[ คุณนาโอะเป็นยังไงบ้างคะ? ]

[ ไม่ได้ค่ะ… ไม่มีทางหนีเลยค่ะคุณจิยูกิ… หาไม่เจอเลยเนอะรูบี้ ]

นาโอะตอบขณะที่ลูบหัวหนูที่อยู่บนหัวของเธอ

หนูตัวนั้นเชื่องมาก

นาโอะตั้งชื่อมันว่ารูบี้ โดยมาจากชื่อของอัญมณีสีแดงที่มีสีเดียวกับสีของมัน

ดูเหมือนรูบี้จะแสดงท่าทียอมแพ้เหมือนบอกว่าเอาเถอะ มองดูเห็นเป็นอย่างนั้นล่ะนะ

แต่แรกฉันก็ไม่ชอบมันนักหรอก แต่เดี๋ยวนี้ก็ชักจะชินแล้ว

[ งั้น…. แถวนี้ก็ไม่มีอะไรเลยสินะ? ]

นี่ก็ผ่านมาห้าวันแล้วนับตั้งแต่เรามาที่นี่

ฉันกับนาโอะออกสำรวจทุกวันเพื่อหาทางหนีจากชั้นใต้ดินชั้นห้า

ที่ชั้นห้ากว้างสุดลูกหูลูกตา

จนเราหาทางออกไม่เจอ

ฉันพยายามขุดอุโมงค์ด้วยเวทสปิริตของริโนะ แต่ดูเหมือนวัสดุที่ใช้ทำเขาวงกตจะพิเศษมากเลยหลุดไม่ได้

เดิมทีข้างในเขาวงกตสปิริตก็ไม่มีพลังอยู่แล้วจึงช่วยไม่ได้

ความสามารถในการตรวจสอบของนาโอะก็ถูกปิดกั้นด้วยบาเรียเวทที่มองไม่เห็น

เคยคิดจะทำลายเขาวงกตนี้ด้วยพลังของเรย์จิกับเวทมนตร์ของฉัน แต่มันก็แข็งแรงมากจนไม่เป็นอะไรเลย

แล้วถึงจะทำลายได้ขึ้นมา คนที่อยู่ข้างในจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้

สรุปเลยติดอยู่แบบนี้ล่ะ

ตอนที่เจอวงเวทเคลื่อนย้ายในตอนนั้น ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมตัวเองถึงได้เข้าไปในนั้นกันนะ

แม้ว่ามาเสียใจทีหลังมันก็ไม่ช่วยอะไร

ลองหาทางออกดีกว่า

[ เอายังไงดีคะคุณจิยูกิ? ]

[ ช่วยไม่ได้นะ เราลองกลับไปที่เมืองก่อนแล้วกัน ]

ฉันกับนาโอะกลับไปที่เมืองอุสึ

ฉันบินด้วยเวทมนตร์ ส่วนนาโอะใช้ปีกที่งอกที่หลังบิน

ปีกของนาโอะไม่ได้มีสีขาวบริสุทธิ์เหมือนปีกของชิโรเนะ ไม่มีแสงประกายและสีสีฟ้าเล็กน้อย ถ้าเป็นระยะทางตรงล่ะก็ช้ากว่าชิโรเนะอยู่

ขนาดนาโอะยังบอกว่าชิโรเนะขี้โกงเลยล่ะ แต่ฉันว่าปีกของนาโอะก็สวยดีอยู่แล้ว

หลังจากบินมาสักพักเราก็เห็นเมืองอุสึ

เมืองแห่งนี้ไม่มีกำแพงปราสาท

เพราะไม่มีมอนสเตอร์คอยคุกคามมนุษย์จึงไม่มีกำแพง ยังไงนี่ก็เป็นข้างในเขาวงกตชั้นห้าล่ะนะ

เราลงไปที่กลางจตุรัสเมือง

ทันทีที่ลงไปผู้คนที่เดินอยู่ก็ถอยห่างพวกเรากันหมด

ทุกคนกลัวเราและได้แต่มองจากไกลๆ

ไม่มีใครมาพูดคุยกับเราเลย

เหตุผลก็เพราะเราฆ่ามิโนทอร์ที่ปกครองเมืองนี้ไป

คนในเมืองอุสุกลัวว่าพวกมิโนทอร์จะมาเอาคืน จึงพยายามออกห่างจากพวกเรา

การใช้ชีวิตของคนที่นี่ดูเหมือนจะไม่ต่างจากคนที่อยู่ข้างนอกเลย

ทั้งที่เมืองนี้ตั้งอยู่ในเขาวงกตชั้นห้า

ที่ด้านล่างชั้นห้าดูเหมือนจะเป็นเมืองใต้ดินของเหล่ามิโนทอร์

เมืองเขาวงกตของมิโนทอร์ ชาวเมืองของอุสึเรียว่ามันเหล่ามิโนทอร์ว่าเลวิลรินทอร์

เมืองนี้มิโนทอร์ได้สร้างขึ้นเพื่อให้มนุษย์อาศัยอยู่

โดยมีประชากรประมาณ 40,000 คน ทุกคนคือผู้ที่ถูกมิโนทอร์ลักพาตัวมาจากภายนอกไม่ก็ลูกหลาน

พูดให้ถูกก็คือชาวเมืองที่นี่คือทาสของมิโนทอร์… ซึ่งถูกเป็นดั่งปศุสัตว์

โดยพวกเขาจะต้องมีการบูชายัญให้มิโนทอร์

บางคนที่เพิ่งมาใหม่เองก็ต่อต้านเช่นกัน แต่มนุษย์ธรรมดาจะต่อต้านมิโนทอร์ไปก็เท่านั้นจึงทำได้เพียงบูชายัญเท่านั้น

หากไม่ต่อต้านอะไร มนุษย์ธรรมดาก็สามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้

บ้านที่สร้างจากหินและแม่น้ำอันสวยงาม อาคารที่สร้างอาศัยกันอยู่ที่นี่เหมือนกับในสาธารณรัฐอาเรียดิน่าเลยล่ะ

และผลึกคริสตัลขนาดใหญ่ยังสว่างและมืดลงเหมือนการสร้างกลางคืน กลางวัน นอกจากนี้พืชที่นีน่ยังอุดมสมบูรณ์และน้ำใสสะอาด

เนื่องจากพลังเวทในที่ราบมินอนรวมกับพลังของผืนดินอันอุดมสมบูรณ์จึงสามารถทำให้ปลูกพืชต่างๆ ได้

มนุษย์ใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขในชั้นห้านี้ หากปิดตาเรื่องบูชายัญที่จะมีแค่บางปีก็ถือว่ามีความสุขกันมาก

บางทีอาจจะมีชีวิตอยู่ดีกินดีกว่าตอนที่อยู่บนพื้นดินซะอีก

อาศัยอยู่ที่นี่มันดีกว่าเมื่อก่อนซะอีก

และไม่มีภัยคุกคามใดๆ ยกเว้นแค่เพียงมิโนทอร์ ทำให้ปลอดภัยกว่าบนดิน

คิดว่านะ ฉันส่ายหัว

ไม่ว่าจะปลอดภัยยังไง แต่ความจริงก็ยังเป็นปศุสัตว์ ฉันยอมรับเรื่องนั้นไม่ได้

ฉันขอสัญญาว่าจะช่วยผู้คนจากอาณาจักรพิซิเพียร์กลับไปและคนอื่นๆ ก็ด้วย

ผู้คนจากอาณาจักรพิซิเพียร์ที่ถูกพาตัวมานั้น

แต่ไม่ใช่ว่ามิโนทอร์จะพามาทุกคน บางคนก็ถูกฆ่าระหว่างทาง บางคนก็อยู่ในชั้นที่ต่ำกว่าที่นี่

ยิ่งกว่านั้นยังไม่มีราชินีของพิซิเพียร์ซึ่งเป็นแม่ของยูเลียอยู่ที่ไหนเลย บางทีคงจะยังมีชีวิตอยู่แต่อยู่ที่ชั้นล่าง

ในเมืองนี้มีคนจากอาณาจักรพิซิเพียร์เพียง 3,000 คนเท่านั้น นี่มันน้อยกว่าจำนวนคนที่ถูกลักพาตัวมามากเลยนะ

ฉันเองก็ไม่อยากคิดมากอะไร

แต่ตอนที่ได้เจอกับคนของอาณาจักรพิซีเพียร์ในเมืองนี้ ทุกคนต่างดูมืดมนไปหมด ทำให้ไม่รู้เรื่องอะไรจากพวกเขาเลย

ถึงกระนั้นก็เถอะ คนที่เคยกดขี่พวกก็อบลิน กลับกันมาที่นี่กลับกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของพวกมัน ช่างน่าสนุกดีนะ

ฉันกับนาโอะไปที่วิหารใจกลางเมือง

ที่ประตูวิหารมีสัญลักษณ์ขวานที่มีใบมีดด้านซ้ายและขวา

เป็นตราประทับของเลวิลรุสผู้ชั่วร้าย

และขวานสองคมแบบนี้ยังเป็นอาวุธที่เป็นสัญลักษณ์ประจำตัวมิโนทอร์ด้วย

ดูเหมือนขวานนี้จะมีเฉพาะมิโนทอร์ที่เป็นชนชั้นปกครอง

[ คุณจิยูกิ ]

เมื่อฉันกำลังจะเดินเข้าไปในวิหาร

ก็โดนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่ยืนอยู่เรียก

เธอเป็นเด็กอายุน่าจะน้อยกว่า 10 ขวบและมีใบหน้าน่ารัก

[ อะไรเหรอ? ]

ฉันพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเท่าที่ทำได้

[ เอ่อ… หนูเอาผักกับขนมปังมาให้… ]

สาวน้อยเอามือล้วงเข้าไปในตะกร้าของเธอ

[ อืม ขอบคุณมากนะจ๊ะ ]

เมื่อฉันรับมา สาวน้อยก็ก้มหัวจากนั้นก็วิ่งหนีไป

ถึงคนส่วนใหญ่จะกลัวเรา แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่

อย่างสาวน้อยคนเมื่อกี้

พี่สาวของเธอถูกตัดสินให้เป็นเครื่องบูชายัญหลังจากนี้อีกหนึ่งเดือน

แต่พวกเรามาและช่วยพี่สาวเธอไว้ได้ทัน

ตั้งแต่นั้นมา เธอจึงเอาอาหารมาให้เรา

ยังมีคนที่คอยสนับสนุนเราอยู่ หากมีคนที่ยังต้องการให้ช่วยอยู่ฉันก็จะช่วย

ฉันไม่เคยคิดจะช่วยเลยหากเป็นก็อบลินที่ถูกกดขี่ แต่หากเป็นมนุษย์แล้วฉันยอมไม่ได้

ฉันกับนาโอะไปที่ด้านหลังวิหาร

ที่ด้านหลังของแท่นบูชามีรูปปั้นขนาดใหญ่กว่า 10 เมตร เป็นรูปปั้นมอนสเตอร์ที่มีร่างกายเป็นมนุษย์และมีหกแขน

นั่นคือรูปปั้นของเลวิลรุส

มีคนยืนอยู่ด้านหน้ารูปปั้น

เขาคือมิโนทอร์ที่สูงประมาณ 2 เมตร

[ นั่นมันท่านนาโอะกับท่านจิยูกินี่ครับ ยินดีต้อนรับกลับ มอ ]

มิโนทอร์ตัวนั้นมองฉันแล้วก้มหัวลง

[ กลับมาแล้วซูน แล้วพวกเรย์จิล่ะ? ]

มิโนทอร์ตัวนั้นมีชื่อว่าซูน

เขาเป็นหนึ่งในมิโนทอร์ที่ครอบครองเมืองนี้

แต่ว่าซูนนั้นถูกมิโนทอร์ตัวอื่นๆ รังแก

มิโนทอร์กำหนดฐานะกันด้วยความแข็งแกร่ง

ซูนที่อ่อนแอที่สุดในหมู่เลวิลรินทอร์ซึ่งอยู่ระดับล่างสุด

ตอนที่เรามาถึงเมืองนี้เราได้ต่อสู้กับมิโนทอร์ที่ปกครองเมืองนี้ 

ในตอนนั้นมีเพียงซูนที่ร้องขอชีวิต ดังนั้นฉันเลยไม่ได้ฆ่าเขา

และริโนะก็ใช้ได้เวทมนตร์เสน่ห์เพื่อรีดข้อมูลแล้ว

ตามที่ซูนบอกที่นี่ไม่มีใครเข้าและออกได้

และซูนยังเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟังอีกมากมาย

มิโนทอร์นั้นถูกกำหนดจากความแข็งแกร่ง คนอ่อนแอจึงต้องเชื่อฟังคนที่แข็งแกร่งกว่า

บางทีก็จะฆ่าและกินกันเอง

ดูเหมือนมิโนทอร์จะเป็นพวกกินสายเลือดตัวเอง

แม้แต่ในตำนานของมิโนทอร์ในโลกเดิมของเรามันก็ยังกินมนุษย์ ทั้งๆ ที่ตัวมันเกิดมาจากมนุษย์ผู้หญิงเช่นกัน ในโลกนี้ก็คงเป็นเหมือนกัน

ดูเหมือนซูนจะไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะกินมนุษย์ได้ เว้นเสียแต่จะเลี้ยงดูมนุษย์ได้ดีเท่านั้น

การจัดการควบคุมคนในอุสึก็ไม่ค่อยดีนักเพราะใช้แต่ความรุนแรงกัน

ถ้าเปรียบตัวเขาก็เหมือนพนักงานของโรงงานบริษัทสีดำล่ะนะ(ให้ค่าแรงถูก) และเศร้ามากที่ได้มาอยู่ตำแหน่งล่างสุดแบบนี้

ดังนั้นการเอาซูนเอาไปเป็นตัวประกันจึงไม่มีประโยชน์

เพราะมิโนทอร์ในชั้นล่าง มันไม่สนใจว่าซูนจะเป็นหรือตายแม้แต่นิดเดียว

[ ขอโทษด้วยท่านจิยูกิ…. วันนี้ข้ายังไม่พบเขาเลยมอ… บางทีอาจจะยังหลับอยู่ก็ได้มอ ]

ซูนพูดด้วยความเสียใจพร้อมเสียงมอๆ มันน่าขนลุกอยู่นะ เพราะเขาเองก็มีใบหน้าเป็นวัว

แล้วจะทำอะไรดีล่ะตอนนี้? ฉันคิดระหว่างที่จะไปกินมื้อเที่ยง

 

 

 

◆ นักปราชญ์ผมดำจิยูกิ

อาหารกลางวันพร้อมแล้วและทุกคนก็มารวมกันที่ห้องอาหารรวมถึงซูน

มีขนมปัง ผักอะไรสักอย่าง และเนยตรงหน้า

สำหรับขนมปังในโลกนี้ปกติแล้วจะเป็นแผ่นบางๆ 

เป็นขนมปังธรรมดาๆ ที่ทำจากธัญพืช น้ำ แต่ไม่มียีสต์

ที่นี่ไม่มียีสต์กัน ความจริงที่ลีนาเรียมีขนมปังที่ใช้ยีสต์ขายอยู่นะ

การกินขนมปังนี้จึงเป็นเรื่องธรรมดาเพราะเก็บรักษาได้และยังใช้เชื้อเพลิงน้อย

ซึ่งปกติจะกินคู่กับผักไม่ก็เนื้อสัตว์

แม้แต่ในโลกเดิมของเราการกินอะไรสักอย่างคู่กับขนมปังก็เป็นที่นิยมเหมือนกัน

ฉันทาเนยแข็งและผักลงบนขนมปัง

เนยนี้ได้มาจากนมแพะที่เลี้ยงในชั้นห้า

และที่ชั้นห้ายังมีเกลือที่หาจากได้หินเกลืออยู่ด้วย เรื่องเกลือจึงไม่มีปัญหา แต่ฉันไม่รู้ว่าน้ำมาจากไหนนี่สิ 

ดังนั้นถึงแม้จะต้องอยู่ที่นี่ตลอดชีวิต คนธรรมดาถึงไม่ได้เดือดร้อนอะไร

[ ไม่เลย มันไม่มีช่องโหว่ที่ไหนเลย ]

ขณะที่กำลังกินอาหารกลางวัน ฉันรายงานทุกคนถึงผลการสำรวจของฉันกับนาโอะ

[ เช่นนั้นเหรอคะ? ขอโทษด้วยนะจิยูจิ ทำยังไงดีล่ะค๊าท่านเรย์จิ~ ]

ยูเลียพูดกับเรย์จิขณะที่อ้อน

ริโนะกับนาโอะมองด้วยสายตาอิจฉา ขณะที่ซาโฮโกะดูจะไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

[ คุณยูเลีย… ตอนนี้เรากำลังพูดเรื่องจริงจังกันอยู่นะ ช่วยอย่าติดกันขนาดนั้นจะได้มั้ยคะ? ]

ฉันจ้องมองยูเลียแต่เธอกลับตีสีหน้าเย็นชาใส่

[ ไม่ค่ะ ก็อยู่ข้างๆ ท่านเรย์จิมันปลอดภัยกว่านี้ค่ะ ดังนั้นไม่ไปไหนเด็ดขาด ]

เธอพูดจากนั้นก็กอดเรย์จิ

ยูเลียตามเรย์จิมาเมื่อสองวันก่อนและถูกมิโนทอร์จับมาที่นี่

เลยตัดสินใจให้เธออยู่ในวิหารนี้ด้วย

เพราะขืนปล่อยไว้เธออาจจะเป็นอันตราย

แต่ทำไมเธอถึงได้ดูไม่เป็นห่วงเลยที่หาแม่ของเธอไม่พบ

สิ่งที่น่ากังวลอีกอย่างก็คือเมดที่มาด้วยกันกับเธอ

แม้จะในสถานการณ์นี้ก็ปฏิบัติกับยูเลียไม่ต่างไปจากเดิมเลย

พวกเมดเองก็อาศัยอยู่ที่นี่และคอยดูแลยูเลียด้วย

นอกจากนี้ยังช่วยทำความสะอาด ทำอาหารให้ เตรียมน้ำให้อาบ และอื่นๆ อีกมากมาย นี่พวกเธอไม่มีความกังวลที่ตกในสถานการณ์นี้เลยรึไง?

[ เอาน่าจิยูกิ ทำตัวตามสบายกันดีกว่า ]

เรย์จิพูดขณะที่กำลังกัดผลไม้ที่คล้ายกับแอปเปิ้ล

[ นี่เรย์จิคุงคิดจะอยู่ที่นี่ตลอดไปเลยรึไง!? ]

ฉันตะโกนใส่ แต่เรย์จิกลับมองฉันและยิ้มอ่อนให้

[ ไม่เป็นไรน่าจิยูกิ พวกมิโนทอร์คงไม่ปล่อยเราไว้เฉยๆ หรอก เดี๋ยวค่อยหาทางทำอะไรสักอย่าง หรือไม่ก็รอให้พวกชิโรเนะกับคายะที่อยู่ข้างนอกมาช่วยก็ได้ ง่ายนิดเดียวเอง ]

แต่ก็กลายเป็นว่าถูกขัง ไปไหนไม่ได้อยู่ดีนั้นล่ะ

ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ เรย์จินี่เหลือเกินจริงๆ

ทั้งที่ฉันกำลังอารมณ์เสียเพราะมาติดกับดักพรรค์นี้ คนธรรมดาใครก็ต้องโกรธแบบนี้กันทั้งนั้น

แต่ไหงมีแค่ฉันคนเดียวที่ลำบากใจล่ะเนี่ย

ไม่ใช่แค่ยูเลีย แต่ซาโฮโกะ ริโนะ และนาโอะก็ดูสงบกันดี

ซึ่งฉันเป็นคนเดียวที่กำลังกระวนกระวายใจอยู่ นี่ฉันแปลกเหรอเนี่ย? 

เพราะทุกคนเชื่อว่าเรย์จิคงทำอะไรสักอย่างแน่

หรือบางทีอาจจะคิดว่าถึงจะติดอยู่ที่นี่ก็ไม่มีปัญหาอะไร ขอแค่ได้อยู่ข้างๆ เรย์จิ ซึ่งดูเหมือนซาโฮโกะจะคิดแบบนี้อยู่แน่

แม้ว่าฉันจะเจอยูเลียไม่กี่วัน แต่เชื่อว่าคงมีความคิดแบบเดียวกันแน่เลย

ไม่อยากเชื่อเลยว่าอิทธิพลของเรย์จิจะมากขนาดนี้

ฉันได้แต่ถอนหายใจ ถึงคนอื่นจะไม่เป็นไร แต่ฉันร้อนใจจะแย่แล้ว นี่มันผ่านไปห้าวันแล้วนะ ไหงมี… แค่ฉัน… 

ฉันผลุบนอนบนโต๊ะ

[ จิยูกิ ]

มีเสียงใครบางคนจากข้างหู

เมื่อเงยหน้ามองก็เห็นเจอกับเจ้าของเสียง เรย์จิมาอยู่ข้างๆ ฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

[ ไม่ต้องห่วงจิยูกิ เชื่อฉันสิ เชื่อในตัวพวกชิโรเนะที่อยู่ข้างนอกสิ ]

เรย์จิเอาหน้ามาใกล้ฉัน

ฉันรู้สึกตกใจที่เขาเอาใบหน้าหนุ่มหล่อนั้นเข้ามาใกล้ ผู้ชายคนนี้นี่เป็นตัวปัญหาจริงๆ แฮะ

ถ้าฉันไปเผลอมองอาจจะต้องตกหลุมรักจริงๆ แน่

จะมาทำหน้าจริงจังอะไรตอนนี้กันยะ งั้นทำไมไม่หัดทำสีหน้าจริงจังแบบนี้ตลอดเวลาหน่อยล่ะ

ใบหน้าของเรย์จิจ้องมองฉันแบบตัวต่อตัว

นี่มันชักจะไม่ดีแล้ว

ในหัวฉันกำลังส่งสัญญาณเตือนว่าอันตราย

[ เข้าใจแล้ว เรย์จิคุง! ฉันจะพยายามร่าเริงแล้วกัน! ]

ฉันดันเรย์จิออกไป

ต้องรีบดันออกไป นี่มันอันตราย อันตรายมากเกินไป!

ถึงแม้ความร้อนใจของฉันจะหายไปแล้ว

แต่หัวใจยังเต้นแรงอยู่

ขณะที่ถูกฉันผลักไปเรย์จิก็ยิ้ม เจ้าผู้ชายคนนี้นี่มัน…. 

[ ใช่แล้วจิยูกิ ไปพรุ่งเราไปปิกนิกกันดีกว่าดูเหมือนจะไม่มีฝนด้วยสิ ไปกันนะทุกคน!! ]

[ ค่า!! ]

เมื่อได้ยินเสียงเรย์จิ ริโนะก็ตอบกลับอย่างไว

ที่ชั้นห้านี้กว้างมาก มีทั้งเนินเขาและดอกไม้ตามทะเลสาบด้วย

และแสงที่ปล่อยจากคริสตัลยังอบอุ่นเหมาะกับการปิกนิก

[ งั้นฉันจะทำอาหารให้นะคะ นาโอะจังมาช่วยทีนะ ]

[ ค่า คุณซาโฮโกะ!! ]

ซาโฮโกะกับนาโอะคุยกันจากนั้นก็มองมาทางฉัน

ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่เรย์จิที่เป็นห่วงฉัน แต่ซาโฮโกะกับนาโอะก็ดูจะเป็นห่วงฉันด้วย

จะทำเศร้าอยู่ก็ไม่ช่วยอะไรล่ะนะ

ผ่อนคลายไว้ดีกว่า

[ งั้นคุณซาโฮโกะ ฉันจะช่วยอีกแรงแล้วกันค่ะ ]

[ ขอบคุณมากนะคุณจิยูกิ ]

คุณซาโฮโกะตอบด้วยรอยยิ้ม สมกับเป็นรอยยิ้มของนักบุญ เยียวยาจิตใจของคนที่มองดูจริงๆ รวมถึงฉันด้วย

หดหู่ไปก็ไม่ช่วยอะไร เป็นตัวของตัวเองดีที่สุด

ฉันต้องเข้มแข็งไว้

[ อ่า อืม… หลังจากไม่ได้กินอาหารของจิยูกิมานาน ไว้จะเจอแล้วกัน ]

เรย์จิพูดด้วยสีหน้าอึดอัด

[ อย่าคาดหวังนักเลย ยังไงก็ไม่อร่อยเหมือนคุณซาโฮโกะหรอก ]

ฉันพูดขณะที่จ้องเขม็งนิดหน่อย

[ ถึงจะทำอาหารรสชาติแบบไหนมา ฉันก็จะกิน ]

อาหารของฉันรสชาติแย่จริงๆ นั้นแหละ

ทำเอาขนาดเรย์จิที่ต้องกัดฟันพูดเลยล่ะ

[ ท่านเรย์จิ เราไปด้วยได้มั้ยคะ? ]

[ ได้สิยูเลีย ไปด้วยกันแเถอะ ]

[ ขอบคุณมากค่ะท่านเรย์จิ!! ]

จากนั้นยูเลียก็กอดเรย์จิ

ทุกคนต่างทำหน้าอิจฉากันใหญ่

เพราะนี้ไปปิกนิกสิน้า

แบบนี้คงต้องหวังพึ่งพวกชิโรเนะที่อยู่ข้างนอกแล้วล่ะ

จากนั้นฉันก็กินมื้อกลางวันต่อ

 

 

 

 

◆ เทพแห่งความตายซัลคิซิส

[ ทำไมกันเลวิลรุส! ทำไมไม่ให้พวกผู้กล้ากับข้า! ]

ข้ากำลังพูดกับเลวิลรุสที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ในเขาวงกตชั้นที่ 13 

[ เจ้าหมายถึงอะไรกันซัลคิซิส ข้าจำไม่เห็นได้เลยว่าสัญญาว่าจะมอบผู้กล้าให้เจ้า เพราะนี่เป็นผลงานของลูกสาวของข้ายูเลีย เป็นธรรมดาที่ข้าจะให้รางวัลยูเลีย ]

เลวิลรุสหัวเราะ

[ หน๊อย… ]

ข้าได้เพียงส่งเสียงคร่ำครวญ

มันก็จริงที่ลูกสาวของเขาเป็นคนล่อพวกผู้กล้าแห่งแสงมาที่เขาวงกต

และตอนนี้ลูกสาวของเขา-ยูเลียก็อยู่กับพวกผู้กล้า

จะได้แจ้งได้ทันทีหากมีอะไรเกิดขึ้น

ฉันยอมรับว่าผลงานของยูเลียนั้นยอดเยี่ยม

แต่ว่าบาเรียที่ชั้นห้านั้นเป็นสิ่งที่เลวิลรุสสร้างขึ้นจากความรู้ของข้า เป็นเรือนจำที่มาจากความรู้ของข้า

และข้าซัลคิซัสผู้นี้ยังช่วยเปลี่ยนจากวังใต้ดินให้เป็นเขาวงกตให้ แต่เขากลับลืมน้ำใจในครั้งนั้น…. 

แต่ถึงจะเกลียดเลวิลรุสไปก็ช่วยอะไรไม่ได้

[ ถ้าเป็นผู้หญิงของผู้กล้าคงได้สินะ… ]

[ ถึงเด็กพวกนั้นจะไม่สวยถึงขนาดเรน่า แต่ก็ถือว่าสวยอยู่ ข้าให้เจ้าก็ได้ ]

เขาตอบกลับมา เป็นคำตอบตามที่ข้าต้องการ

เลวิลรุสหัวเราะ

[ แต่เลวิลรุส เจ้าจะทำอะไรยังไงล่ะหากเรน่าไม่มาที่นี่? จะมอบให้ลูกสาวหรือจะฆ่าผู้กล้า? ]

นี่เองก็เป็นเรื่องที่ข้ากังวลอยู่

เพราะดูเหมือนเลวิลรุสตั้งใจจะล่อผู้กล้าออกมาด้วยผู้กล้า แต่อย่างทางเอลีอัสไม่น่าจะอนุญาตให้เธอทำตามใจ

หลังจากนั้นจะยังไว้ชีวิตผู้กล้าอยู่งั้นเหรอ?

[ พอถึงเวลานั้นข้าจะฆ่ามันและส่งหัวของเจ้าผู้กล้าไปให้เรน่า เรน่าจะได้รู้ว่าหากปฏิเสธคำขอของข้าจะเป็นยังไง ]

เลวิลรุสตอบราวกับเป็นเรื่องปกติ

[ แล้วลูกสาวของเจ้าจะไม่เป็นไรรึ? ]

ลูกสาวของเลวิลรุส-ยูเลีย ชอบผู้กล้ามาก

และราชินีของพิซิเพียร์ที่กำลังเปลือยกายอยู่ข้างๆ เขาก็เป็นคนโปรดของเขา 

มีอาณาจักรหลายแห่งในมินอนที่เลวิลรุสคอยครอบงำจากในเงามืดอยู่

พิซิเพียร์เองก็เป็นหนึ่งในนั้น

ข้าได้ยินว่าราชินีพิซิเพียร์ ถูกนำมาบรรณาการให้เลวิลรุสโดยราชาของพิซิเพียร์ตั้งแต่ที่เธอยังเป็นเจ้าหญิง

[ ทำไมข้าต้องแคร์ยูเลียด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนอื่นไม่สำคัญทั้งนั้น ตราบเท่าที่ข้าได้ตัวเรน่ามา ]

เมื่อได้ยินคำพูดเย็นชาของเลวิลรุส ราชินีพิซิเพียร์ที่อยู่ข้างๆ ก็สั่นกลัวเล็กน้อย

ราชินีพิซิเพียร์รู้ดีว่าตัวเองเป็นแค่ของที่มาบรรณาการให้เลวิลรุส

แต่ดูเหมือนลูกสาวของเธอจะยังไม่เข้าใจเรื่องนั้น ทั้งที่ข้าเห็นว่าใบหน้าโลภมากของเธอนั้นเหมือนกับเลวิลรุสไม่มีผิด

ดูเหมือนเธอคงจะตั้งใจจะอ้อนพ่อ แต่เลวิลรุสน่ะไม่สนใจหรอกหากเป็นคนที่ไม่จำเป็น

เช่นเดียวกับมิโนทอร์ที่เป็นส่วนหนึ่งของเลวิลรุส

เผ่าพันธุ์มิโนทอร์นั้นเกิดจากมนุษย์เพศหญิงกับเลวิลรุส

ดังนั้นจึงพูดได้ว่ามิโนทอร์คือลูกหลานของเลวิลรุส

เขาปฏิบัติกับมิโนทอร์เหมือนเป็นทาส

แม้ว่าจะเป็นลูกหลานก็ฆ่าได้ นั่นล่ะคือเลวิลรุส

ดังนั้นจะพูดอะไรกับเลวิลรุสไปก็ไม่มีประโยชน์

[ มีอะไรอยากจะพูดอีกรึซัลคิซิส? ]

[ … ไม่มี ขอบคุณที่เมตตา ]

ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตอบไปเช่นนั้น

ดูท่าว่าข้าคงต้องคิดหาวิธีอื่นมาฟื้นฟูร่างกายซะแล้ว

[ จะว่าไปยูเลียบอกว่าจะมีพรรคพวกนอื่นของผู้กล้าตามมาทีหลัง เจ้าจะจับผู้หญิงพวกนั้นไปก็ได้ ]

เลวิลรุสพูดขณะที่หัวเราะ เป็นคนที่เอาแต่ใจจริงๆ 

[ ไม่เป็นไร ข้าได้ฝากให้อโทรันคัวจัดการแล้ว ]

[ หืม ยัยแมงมุมน่าเกลียดนั้นน่ะเหรอ ก็นะ ข้าพอเดาได้ ]

ข้าบอกให้อโทราคัวตรวจสอบวิหารเรน่าที่อาเรียดิน่าไว้แล้ว

หากมีการเคลื่อนไหวอะไร เธอน่าจะติดต่อมา

เพราะดูท่าว่าซัลคิซิสผู้นี้ต้องลงมือเอง

ข้าคิดเช่นนั้น แล้วหันหลังกลับให้เลวิลรุส

[ เจ้าจะไปไหนล่ะซัลคิซิส? ]

[ ไปทำธุระข้างนอกสักเดี๋ยว ]

[ อืม แล้วมันอะไรล่ะ? ]

[ ข้าโดนคนของเดียดอนน่าเรียก ไว้เร็วๆ นี้จะกลับมา ]

[ โฮ่… ราชินีงูคนนั้นจะมา? ]

ราชินีงูเดียดอนน่าเองก็เป็นคนของนากอลเหมือนกับข้า

ตอนนี้เพื่อหนีจากน้ำมือของโมเดสจึงได้ซ่อนตัวอยู่ในเกาะแยกตัวออกไปในนันไก

[ เจ้าสนใจด้วยรึเลวิลรุส? ]

[ มันเป็นธรรมดา เพราะผู้หญิงคนนั้นเอาแต่ซ่อนตัวอยู่จนถึงตอนนี้ทำให้ข้าต้องสนใจอยู่แล้ว ตอบข้ามาซัลคิซิส เดียดอนน่าคิดจะทำอะไรกัน? ]

[ ข้าเองก็ไม่รู้ ถึงได้กำลังจะถามนี่ไง ]

[ งั้นเหรอ… ]

เมื่อได้ยินคำพูดของข้า เลวิลรุสก็หมดความสนใจ

ตรงหน้าของเขามีภาพเวทมนตร์ลอยอยู่ตรงหน้า

และในนั้นก็มีภาพผู้กล้าอยู่ด้วย

แต่เจ้านั้นยังไม่รู้เรื่องข้าซัลคิซิส

ดังนั้นข้าจะต้องออกไปจากที่นี่

 

 

 

 

◆ อัศวินดำคุโรกิ

[ ขอบคุณมากคุโรกิ! ขอบคุณมากที่อุตส่าห์มา!! ]

ทันใดนั้นชิโรเนะก็โผล่พรวดมากอดผม ทันทีที่ผมเดินทางมาถึงอาเรียดิน่า

ผมโดนเรน่าคว้าแขนและลากไปที่อาเรียดิน่าด้วยกัน แม้ว่าจะรู้ดีว่าหากไปที่อาเรียดิน่าจะมีชิโรเนะรออยู่

หน้าอกใหญ่ๆ ของเรน่ากดลงเป็นแขนของผม ทำให้เหตุผลในหัวผมหายไปหมด

ผมเองก็รู้หรอกว่าตัวเองหนีไม่พ้นรู้จากเรจิน่ามาล่วงหน้าแล้ว

ที่เรจิน่ามาหาผมก็เพราะชิโรเนะต้องการติดต่อกับผม เมื่อผ่านประตูเคลื่อนย้ายไปเลยเจอกับชิโรเนะตรงหน้า

แม้ขนาดหน้าอกของชิโรเนะจะไม่ใหญ่เท่าเรน่า แต่เวลามันกดที่ใบหน้าก็ใหญ่ดีนะ

นานแล้วนะที่ไม่ได้โดนชิโรเนะกอดแบบนี้

เพราะตอนนี้ไม่ได้ใส่หมวกเกราะอยู่ ใบหน้าของผมจึงสัมผัสเข้ากับหน้าอกของชิโรเนะเต็มๆ

นี่ขนาดมันใหญ่ขึ้นกว่าเมื่อตอนเด็กเท่าไหร่กันนะ?

ผมรู้สึกประทับใจกับการเติบโตของเพื่อนสมัยเด็กอยู่ในใจ

แต่ในตอนนั้น เรน่าก็มาจับชิโรเนะแยกออกจากตัวผม ขณะที่ผมกำลังปลื้มกับการเติบโตของเพื่อนสมัยเด็ก

[ เดี๋ยวเถอะ เทพธิดาเรน่า! ทำอะไรกันคะ!? ]

เรน่าไม่ยอมขยับถึงแม้จะมีเสียงทักท้วงจากชิโรเนะ

[ ชิโรเนะ… นี่ไม่ใช่เวลาจะมาทำอะไรแบบนี้นะคะ เราต้องไปช่วยเรย์จิให้เร็วที่สุดสิ ]

เรน่าพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย แต่ผมกลับรู้สึกได้ถึงความโกรธจากคำพูดของเธอ

เพราะเธอคงกำลังกังวลเรื่องของเรย์จิอยู่ล่ะนะ

เรย์จิกำลังเผชิญหน้ากับเรื่องอันตรายอยู่ เป็นธรรมดาที่เธอจะโกรธชิโรเนะ

[ มันก็จริงที่เรย์จิคุงกำลังอยูในอันตราย…. แต่เพราะดีใจที่ได้เจอคุโรกิอีกครั้ง… ขอโทษด้วยค่ะเทพธิดาเรน่า ]

ชิโรเนะขอโทษ

[ ขอบคุณมากนะคุโรกิที่มา ฉันดีใจจริงๆ ]

ผมถอนหายใจให้รอยยิ้มของชิโรเนะ

ไหงเรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ล่ะ….

ผมยังไม่ได้บอกสักคำเลยนะว่าจะช่วย

แต่ดูเหมือนชิโรเนะจะตัดสินไปแล้วว่าผมจะไปช่วยเรย์จิ

[ ท่านเทพธิดาเรน่า จะไม่เป็นไรเหรอคะ? ]

เสียงของเด็กสาวที่ชื่อคายะพูด

ในห้องนี้มีผม เรน่า ชิโรเนะ เรจิน่า และผู้หญิงที่ชื่อเคียวกะกับคายะ รวมเป็นหกคน

[ อะไรเหรอคะคายะ? ]

[ ทำไมท่านถึงได้อยู่กับท่านคุโรกิล่ะ? เดิมที ฉันไม่นึกว่าท่านเรย์น่าจะมาขอให้เขาช่วยเหลือท่านเรย์จิด้วยซ้ำ ตอนที่ได้รับการติดต่อจากคุณเรย์จิน่าทำเอาตกใจมากเลยค่ะ ]

เด็กสาวที่ชื่อคายะจ้องมองเรน่า

[ นั่นเป็นการเข้าใจผิดแล้วค่ะคายะ เพราะฉันกังวลเรื่องของเรย์จิ ถึงได้พาตัวอัศวินดำมาช่วย การจะพาเขามาได้นี่มันยากมากเลยนะคะ ถ้างั้นเคียวกะ คายะ ชิโรเนะ เรื่องที่อัศวินดำของนากอลจะมาช่วยขอให้เก็บเป็นความลับด้วย เข้าใจใช่มั้ยคะ? ]

เมื่อเรน่าพูด ชิโรเนะก็พยักหน้า

ที่จริงการที่ศัตรูของเอลีอัสอย่างผมมาอยู่กับเรน่านี่มันเรียกว่าเป็นไปไม่ได้เลยล่ะ

เหมือนอย่างเฮย์บอสกับโทโทน่า แต่เรน่านี่จะเด่นชัดกว่า

ดังนั้นจะต้องจำใส่ใจว่านี่เป็นความลับ

เรน่าเองก็อยากให้มันเป็นความลับกับพวกเรย์จิเรื่องที่ผมเป็นอัศวินดำ

ดังนั้นเรื่องที่ผมคืออัศวินดำจึงอยากจะขอให้รู้กันเฉพาะคนในห้องนี้

[ งั้นเหรอคะ… ถึงมันจะน่าสงสัยอยู่บ้าง แต่ยังไงท่านคุโรกิก็มาแล้ว จะยอมรับตามนั้นแล้วกันค่ะ ]

เด็กสาวที่ชื่อคายะแสดงท่าทีไม่อยากเชื่อออกทางสีหน้าอยู่พักนึง แต่หลังจากก็โน้มน้าวตาม

ขนาดผมเองก็ยังสับสนเลยล่ะ นี่มันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง?

[ คุณคุโรกิ… ขอขอบคุณมากค่ะ เท่านี้ท่านพี่ก็รอดแล้ว ]

เด็กสาวที่ชื่อเคียวกะก้มหัวให้ผม

[ นอกเหนือจากนั้น…. ตัวฉัน…. ]

นี่ผมยังไม่ได้บอกว่าจะช่วยเลยนะ

แต่ผมจะพูดไปว่าไม่ช่วยก็ไม่ได้ด้วยสิ เพราะโดนสาวสวยขนาดนี้มาขอบคุณด้วยแล้ว

เคียวกะมองหน้าผมตรงๆ หัวใจของผมเต้นระส่ำไปหมดเพราะโดนสาวสวยจ้อง

เป็นเพื่อนกับสาวสวยนี่มันก็คือสิ่งที่ผมต้องการนั้นแหละ แต่จิตใจของผมมัน… 

[ จะมาใจเต้นอะไรอยู่ยะคุโรกิ ]

เมื่อผมมองไปข้างๆ ก็เห็นชิโรเนะอยู่

ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา ผมไม่เคยเจอประสบการณ์เจอกับสาวสวยจนถึงตอนนี้

ผมมันไม่เหมือนเรย์จินี่

[ เคียวกะ… คุณกำลังทำให้อัศวินดำเขาลำบากใจนะคะ ถอยไปอีกนิดได้มั้ย? ]

เรน่าพูดออกมาแล้วแยกผมกับเคียวกะออกจากกัน

เธอยิ้ม แต่มีสีหน้าที่ไม่พอใจเล็กน้อย

ที่ต้องถูกแยกกับเคียวกะผมเองก็ผิดหวังเล็กๆ อยู่หรอกนะ

[ คุณหนู ฉันคิดว่าจะขอบคุณที่เขาจะช่วยท่านเรย์จิก็ได้อยู่หรอกค่ะ แต่ตอนนี้ควรไปเตรียมตัวไปที่เขาวงกต ]

[ อา เข้าใจแล้วคายะ ถ้างั้นคุณคุโรกิ… ฉันขอตัวก่อนค่ะ ]

จากนั้นเคียวกะกับคายะก็ออกจากห้องไป

[ ฉันเองก็ต้องไปเหมือนกันคุโรกิ เพราะต้องไปคุยกับลีเรียนะ ]

เธอพูดเช่นนั้นจากนั้นก็ออกจากห้องไป

[ คุโรกิ ฉันเองก็ต้องไปพบกับหัวหน้านักบุญที่นี่ ไว้ค่อยคุยกันทีหลังนะ ]

เรน่าออกจากห้องไป

หัวหน้านักบุญของวิหารนี้เป็นสาวกของเรน่า

ซึ่งเป็นคนที่คอยต่อสู้ให้เรน่าในฐานะนักรบ 

ในกรณีที่สาวกเป็นมนุษย์จะไม่ค่อยมีความเปลี่ยนแปลงนัก

เรน่าดูเหมือนจะมาหลบซ่อนตัวที่นี่ เพราะในวิหารจะมาเผ่านางฟ้ามาคอยดูแลจะไม่เหมาะ จึงต้องให้สาวกจะดีกว่า

หลังจากเรน่าออกจากห้องไป ก็เหลือเพียงผมกับเรจิน่าในห้อง

[ เรจิน่า… เป็นยังไงบ้าง? ]

ผมถามเธอด้วยลำบากใจ

[ ค่ะ แข็งแรงดี ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เท่านี้ฉันเองก็สามารถตอบสนองนายท่านได้แล้วค่ะ… ]

เรจิน่าพูดขณะที่ก้มหัว

บนหัวทั้งซ้ายและขวาของเรจิน่ามีเขาที่เหมือนเขามังกรอยู่

ดวงตาของเรจิน่ากลายเป็นประกายสีทอง มันไม่ใช่สายตาของมนุษย์ แต่เป็นสายตาของมังกร

เมื่อผมมองเธอ ผมก็รู้สึกผิดขึ้นมา

เรจิน่ากลายเป็นสาวกของผม

เพราะเรจิน่ากลายเป็นสาวกจึงได้รับอิทธิพลจากพลังมังกรในตัวผม ทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์มังกรเมลูซีน่า

เมลูซีน่าปกติแล้วจะอยู่ในร่างมนุษย์ แต่ก็สามารถเปลี่ยนร่างเป็นมังกรได้

แต่หากเปลี่ยนมังกรแล้วจะไม่สามารถกลับเป็นมนุษย์ได้อีก

ยังไงความจริงที่ทำให้เธอกลายเป็นมอนสเตอร์ก็ทำให้ผมรู้สึกผิด แต่ผมก็ดีใจอยู่ที่เธอกลายเป็นสาวกของผม

ที่ผมทำให้เรจิน่าเป็นสาวกก็เพราะต้องการจะช่วยชีวิตเธอไว้

ในตอนนั้นที่ผมดื่มชาของคุนะลงไป ทำให้ผมกระปรี้กระเปร่าและเจ้าหนูตั้งขึ้นเต็มตัว

แต่เรน่าเป็นเพียงคนธรรดาจึงอ่อนแอที่สุดในหมู่คนในนั้น ทำให้ชีวิตของเธอตกอยู่ในอันตรายเพราะทนไม่ไหว

ผมเองก็ใช้เวทมนตร์ไม่ได้และคุนะในตอนนั้นก็อยู่ในสภาพชักกระตุกและสะบักสะบอมไปหมดจนใช้เวทมนตร์ไม่ได้

ดังนั้นจึงเหลือแค่ผมที่ช่วยเรจิน่าได้

ผมคิดหาวิธีอื่นแต่ก็ไม่เจอเลย

เมื่อมองดูเรจิน่า 

เธอกำลังมีความสุขขณะที่มองมายังผม

ผมเองก็รู้สึกดีใจหรอกนะ แต่ในใจลึกๆ ก็รู้สึกผิด

หัวใจของผมเจ็บปวดมาก

 

 

 

◆ สตรีแห่งดาบชิโรเนะ

[ ท่านชิโรเนะ ]

ฉันถูกคุณคายะหยุดไว้

[ มีอะไรเหรอคะคุณคายะ? ]

ฉันมองย้อนกลับไป

ที่ตรงนั้นมีคุณเคียวกะกับคุณคายะอยู่

[ นี่เป็นโอกาสแล้วนะคะท่านชิโรเนะ เพราะแม่มดสีเงินคนนั้นก็ไม่อยู่ด้วย นี่เป็นโอกาสที่จะทำให้ท่านคุโรกิได้สติแล้ว เช่นนั้นอย่าพลาดจังหวะนี้จะดีกว่านะคะ ]

แต่ฉันส่ายหัว

คุโรกิไม่ได้มากับแม่มดสีเงิน แต่มากับเรน่าแทน

ฉันก็ไม่รู้ทำไม เหมือนคุณคายะ ฉันเองก็ตกใจอยู่เหมือนกัน

แต่ฉันไม่สนใจหรอก คุโรกิมาช่วยฉันแล้ว แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

นอกจากนี้ยังหมายความได้ว่าเขาไม่ได้โดนควบคุมโดยสมบูรณ์แบบ เพราะเขายังอุตส่าห์มาช่วยฉันอยู่

ถึงนี่จะเป็นโอกาสที่จะฟื้นคืนสติของคุโรกิก็เถอะ… 

[ ไม่ดีกว่าคุณคายะ ฉันเองก็อยากฟื้นคืนสติของคุโรกิ… แต่ตอนนี้เรย์จิคุงกำลังอยู่ในอันตราย ]

ฉันจะทำให้คุโรกิได้สติแน่

แต่ตอนนี้ชีวิตของเรย์จิกำลังตกอยู่ในอันตราย

และเหตุผลก็คือ… ไม่งั้นเรน่าจะโกรธอีก ดังนั้นต้องให้ความสำคัญกับการช่วยเรย์จิก่อน

[ ฉันก็ดีใจนะคะที่คุณชิโรเนะทำตามหน้าที่และให้ความสำคัญกับการช่วยท่านพี่ก่อน แต่เรื่องของคุณคุโรกิไว้ทีหลังจะดีเหรอคะ? ]

คุณเคียวกะพูดเสริมคุณคายะ

[ ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณเคียวกะ ฉันจะต้องฟื้นคืนสติของคุโรกิให้ได้แน่ แต่ตอนนี้ต้องให้ความสำคัญกับเรย์จิก่อน ]

คุโรกิจะต้องกลับมาหาฉันแน่นอน ฉันถึงบอกว่าไม่เป็นไร

ฉันเริ่มเดินไปพร้อมกับบอกตัวเองเช่นนั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 55"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์