อัศวินดำ - ตอนที่ 58
◆ สตรีแห่งดาบชิโรเนะ
[ แบบนี้มันจะดีจริงๆ เหรอ… ? ]
ฉันพูดออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
[ มีอะไรงั้นรึคะคุณชิโรเนะ? ]
คุณเคียวกะที่นั่งอยู่ข้างๆ ถามฉัน
คุณเคียวกะตอนนี้กำลังนั่งอยู่ในเก้าอี้ชายหาดในชุดวายน้ำบนดาดฟ้าเรือ
ราวกับคุณหนูที่มาพักร้อนในวันหยุดหน้าร้อน
ถึงจะบอกแบบนั้น แต่ฉันเองก็อยู่บนเก้าอี้ชายหาดและสวมชุดว่ายน้ำเช่นกัน นี่มันจะดีจริงๆ เหรอเนี่ย
ตอนนี้
ฉันอยู่ที่แม่น้ำคิช
พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อสำรวจเขาวงกตกัน
พวกเรากำลังล่องเรือขณะที่พวกลิซาร์ดแมนกำลังทำงานกันอยู่
ที่จริงก็อยากจะช่วยงานสำรวจเขาวงกตกับพวกลิซาร์ดแมนล่ะนะ
เพื่อตรวจสอบรายละเอียดรอบๆ ของเขาวงกต
คุโรกิได้ขอร้องให้พวกลิซาร์ดแมนช่วยเราสำรวจเขาวงกตไปด้วย
โดยมีเรจิน่าคอยออกคำสั่งพวกลิซาร์ดแมน
ไม่รู้เพราะอะไร แต่พวกลิซาร์ดแมนกลับเรียกเรจิน่าว่าท่านสาวกมังกร
สุดท้ายก็ไม่รู้และกลายเป็นว่าการตรวจสอบได้กลายเป็นของเรจิน่าไปแล้ว
แต่มันก็ยังไม่แน่ชัดอยู่ดี
เพราะปกติแล้วลิซาร์ดแมนไม่ทำตามคำสั่งหรอกนะ ถ้าเราไม่มีคุโรกิอยู่ด้วย เดิมทีก็ว่าจะช่วยตรวจสอบด้วยหรอกนะ
แต่หากพวกเราลงมือก็จะทำให้อีกฝ่ายรู้ตัว ดังนั้นให้พวกลิซาร์ดแมนออกหน้าดีกว่า
แถมถ้าไม่มีทหารรับจ้างหรืออัศวินเข้ามาปราบปราม พวกลิซาร์ดแมนก็จะไม่ก่อความเดือดร้อนโดยไม่จำเป็นด้วย
สุดท้ายเราเลยไม่มีงานให้ทำและมาล่องเรือตามแม่น้ำคิชอยู่นี่ล่ะ
แม่น้ำคิชเป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่เรือเล็กและใหญ่ใช้แล่นไปมา เป็นดั่งเส้นเลือดแดงของที่ราบมินอน
โดยที่ปากแม่น้ำคิชมีสาธารณรัฐอาเรียดิน่าอยู่
นี่เป็นเรือจัดส่งสินค้าของคุณคายะ ทำให้ทั้งกว้างและสะดวกสบาย
ใหญ่กว่าเรือลาดตระเวนของบ้านเรย์จิที่ฉันเคยนั่งซะอีก
เรือแล่นไปที่ริมฝั่งใกล้ๆ กับเขาวงกต
พวกเราเพลิดเพลินกับการล่องเรือขณะที่นอนแผ่ราบและชมวิว
ที่ราบมินอนที่แม่น้ำคิชไหลผ่านนั้นมีธรรมชาติสวยงามรายล้อม โลกนี้อุดมสมบูรณ์ยิ่งกว่าประเทศญี่ปุ่นที่พวกเราเกิดและโตมาซะอีก
[ คุณหนู ท่านชิโรเนะ เครื่องดื่มค่ะ ]
คุณคายะเอาเครื่องดื่มจากครัวบนเรือมาให้
คุณคายะสวมชุดเมดไม่ใช่ชุดว่ายน้ำหรอกนะ ฉันคิดว่าคงดีนะหากเธอจะพักผ่อนซะบ้างนะ
[ ขอบคุณนะ คุณคายะ ]
ฉันรับถ้วยที่ทำมาจากเครื่องปั้นดินเผาและยกดื่ม
เครื่องแก้วไม่ใช่ของธรรมดาที่จะหาได้ในโลกนี้ ส่วนใหญ่แล้วพาชนะจึงเป็นเครื่องปั้นดินเผา โลหะ ไม่ก็ไม้
[ ค่ะ ]
เมื่อฉันขอบคุณ คุณคายะก็ก้มหัวให้
น้ำผลไม้ที่คุณคายะเอามาเสิร์ฟมันทั้งสดชื่นและชุ่มคอดีมากเลยล่ะ
[ คายะเรื่องการสำเร็จเป็นยังไงบ้างคะ? แบบนี้มันน่าเบื่อจะตายไป…. เพราะไม่มีคนให้โชว์ชุดว่ายน้ำ ]
คุณเคียวกะพูดออกมาเพราะความเบื่อ
เราทั้งคู่ต่างใส่ชุดว่ายน้ำบิกินี่แบบเดียวกัน
แต่เพราะหุ่นของคุณเคียวกะค่อนข้างดีทำให้ดูเย้ายวน ถ้าฉันเป็นผู้ชายก็คงจ้องตาเขม็งเลยล่ะนะ
โดยวัสดุของผ้าทำจากผ้าไหมชนิดพิเศษ ที่ไม่ซึมซับน้ำ
คนที่ทำงานทางทะเลส่วนใหญ่ก็สวมชุดว่ายน้ำที่ทำจากผ้าไหมนี้ทั้งนั้น
โดยฝั่งตะวันตกของทวีปนั้นจะอุ่นกว่าฝั่งทวีปตะวันออก
เหล่าหญิงสาวจึงใส่ชุดที่โชว์ผิวหนังกัน จะมียกเว้นก็แค่ผู้ศรัทธาของเทพธิดาเฟย์เรีย
เพราะหลักคำสอนของเทพธิดาเฟย์เรียบอกไว้ว่าไม่ควรให้ชายอื่นเห็นผิวพรรณนอกจากสามีตัวเอง
ดังนั้นทางตะวันออกที่มีผู้ศรัทธาเทพธิดาเฟย์เรียอยู่มากจึงไม่ค่อยโชว์ผิวหนังกัน
แต่สำหรับเรา คำสอนของเทพธิดาเฟย์เรียที่ห้ามโชว์ผิวพรรณมันออกจะไร้สาระ
เพราะเราไม่ใช่ผู้ศรัทธาเทพธิดาเฟย์เรีย ดังนั้นถึงจะแต่งตัวแบบนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร
ถึงที่จริงในใจฉันจะไม่อยากโชว์ให้ใครเห็นก็เถอะ แต่คุณเคียวกะน่ะดูท่าจะไม่ใช่ล่ะมั้ง?
[ พวกคุณสุภาพบุรุษตรงนั้นนะ คงรู้นะคะว่าหากมองจะเกิดอะไรขึ้น? ]
คายะพูดขณะที่มองไปยังด้านหลังเรือ
ที่ด้านหลังเรือมีเรจิน่าและโนวิคอยู่
มีทั้งโนวิค ผู้กล้าแห่งน้ำเนฟิมและผู้กล้าแห่งลมเซฟาร์อยู่
[ ไม่เอาน่าคายะ ผู้ชายที่อ่อนแอกว่าท่านพี่น่ะไม่เอาหรอก เดิมทีทำไมคนพวกนั้นถึงมาอยู่บนเรือได้ล่ะ ]
คุณเคียวกะพูดจาอย่างเย็นชาและยังบอกว่าต้องแข็งแกร่งกว่าเรย์จิเท่านั้น
ที่โนวิคมาอยู่บนเรือลำนี้
ก็เพราะเขาขอร้องเราว่า [ ได้โปรดพาข้าไปด้วยเถอะ ตัวข้าจะทำประโยชน์ให้ได้แน่ ]
เดิมทีก็ไม่ได้เต็มใจนัก แต่ก็ให้เขาขึ้นเรือมาด้วยเพราะต้องมีคนคอยคุมเรือหลายคนล่ะนะ
[ อีกสองคนไม่รู้หรอกค่ะ แต่เห็นว่าโนวิคยังไม่ยอมแพ้และอยากให้ท่านชิโรเนะสอนดาบให้ได้นะคะ ]
คุณคายะมองมาทางฉัน
[ เอ๋ แทนที่จะให้ฉันสอน ไปเรียนกับคุโรกิจะดีกว่าล่ะมั้งนะ ]
อยากให้หยุดตื้อสักทีนะ ฉันเองก็สอนไม่เก่งด้วยสิ เรื่องให้สอนดาบน่าจะให้คุโรกิจะดีกว่า
[ ถึงท่านชิโรเนะจะพูดอย่างนั้นก็เถอะค่ะ แต่ลืมไปแล้วเหรอคะว่าท่านคุโรกิกำลังปกปิดตัวจริงอยู่ จะไปสอนดาบได้ยังไงกันล่ะคะ? ]
[ น่า มันก็จริง… ]
คุโรกิตอนนี้กำลังรออยู่ที่เมืองเทสซาเซีย
ขณะเดียวกันลิซาร์ดแมนที่เป็นลูกน้องของคุโรกิก็กำลังทำงานอย่างเต็มที่
แต่เรน่าเห็นว่ามีเรื่องจะคุยกับคุโรกิที่เทสซาเซียสักหน่อย
ดังนั้นเลยให้เรจิน่าคอยสั่งพวกลิซาร์ดแมนไป
เรจิน่าดูเหมือนจะสามารถใช้เวทบางอย่างติดต่อกับคุโรกิได้ขณะที่ยังอยู่ที่แม่น้ำคิช
ทั้งล่องเรือและยังติดต่อกับลิซาร์ดแมนได้อีกด้วย
ทำไมถึงมีแค่เรจิน่าที่ทำได้ล่ะ? ให้ฉันบ้างสิ อย่ามาทำเหมือนฉันเป็นคนนอกนะ
[ จะว่าไปคุณชิโรเนะคิดว่ายังไงคะ? ]
คุณเคียวกะพูดขณะที่มองมาทางฉัน
[ อะไรงั้นเหรอคะคุณเคียวกะ? ]
[ ฉันได้ยินว่าคุณคุโรกิไม่เพียงแต่มีฝีมือดาบที่ยอดเยี่ยม แต่ด้านเวทมนตร์ก็ไม่แพ้กัน คิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้คะ? ]
[ ฟังดูก็ยอดไปเลยนะ… ว่าแต่ทำไมเหรอ? ]
ฉันไม่เข้าใจความหมายที่คุณเคียวกะกำลังถาม
[ ที่จริงฉันก็คิดอยากจะเรียนวิชาดาบบ้าง แต่คิดว่าอยากให้คุณคุโรกิสอนวิธีใช้เวทมนตร์ให้จะดีมั้ยคะ? ]
คุณเคียวกะพูดออกมาด้วยสายตาจริงจัง
[ คุณหนู… ]
คุณคายะมองคุณเคียวกะด้วยสีหน้าแปลกใจ
[ พอฉันมองโนวิค ฉันเองก็คิดว่าอยากแข็งแกร่งขึ้นบ้าง ไม่อยากเป็นตัวถ่วงอยู่แบบนี้ตลอดไป… ]
คุณเคียวกะพูดออกมาแบบช้าๆ
คนที่ไม่มีพรสวรรค์ในหมู่พวกเราก็มีแต่คุณเคียวกะ
แม้ว่าคุณจิยูกิจะสอนวิธีใช้เวทมนตร์ให้ แต่ก็ไม่ได้พัฒนาขึ้นเลย
เป็นผลทำให้เธอมักจะมีหน้าที่แตกต่างจากพวกเราเสมอ
ฉันไม่คิดเลยว่าคุณเคียวกะจะทุกข์ใจเรื่องนี้ถึงขนาดนี้
[ อย่างนี้นี่เอง แต่ทำไมต้องคุโรกิล่ะคะ? ]
น่าจะเรียนกับคุณจิยูกิอีกรอบไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงคุโรกิล่ะ?
[ เพราะฉันได้ยินจากคุณชิโรเนะว่าคุณคุโรกิสอนเก่ง ดังนั้นก็เลย… ]
[ อืมมม ที่ว่าคุโรกิสอนเก่งกว่าฉัน แต่นั้นหมายถึงเรื่องดาบนะ ]
บางครั้งก็จะมีเด็กๆ มาที่สำนัก
โดยให้ฉันและคุโรกิคอยสอนดาบให้
แต่สุดท้ายเด็กๆ ที่ฉันสอนก็หนีไปหาคุโรกิกันหมดเลย
ฉันเองก็ช็อคอยู่นิดนึงนะ ในตอนนั้น
[ หากยังมีโอกาสที่พอจะทำอะไรสักอย่างได้บาง ฉันก็อยากลองดูค่ะ! ]
คุณเคียวกะจับมือฉันแล้วพูดออกมา
แบบนี้มันยากจะปฏิเสธแล้วสิ
[ เข้าใจแล้วคุณเคียวกะ… จะลองคุยกับคุโรกิให้นะ ]
[ ขอบคุณมากค่ะคุณชิโรเนะ! พึ่งพาได้จริงๆ ]
คุณเคียวกะยิ้มอย่างมีความสุข
ถึงจะไม่รู้ว่าจะบอกคุโรกิว่ายังไงดี แต่คุโรกิก็เป็นคนอ่อนโยนตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว คงจะยอมสอนล่ะมั้งนะ
แต่ตอนนี้คุโรกิกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ?
ฉันนึกถึงคุโรกิซึ่งกำลังอยู่กับเรน่าที่เทสซาเซีย
◆ วาลคีเลียชิสุเฟย์
[ บัดซบ! ทำไมข้าถึงไปตรงนั้นไม่ได้กันล่ะ? ]
เซฟาร์ ผู้กล้าแห่งลมกำลังบ่น
ที่ด้านหน้าเรือมีท่านชิโรเนะและท่านเคียวกะในชุดว่ายน้ำอยู่
[ อย่าพูดอะไรงี่เง่าสิ … นี่นายอยากจะโดนท่านคายะฆ่ารึไง ]
พี่เคย์น่าเยาะเย้ยเซฟาร์
ท่านคายะเป็นคนที่น่ากลัวมากและได้ยินว่าเธอแข็งแกร่งพอๆ กับท่านจิยูกิ
ถ้าไปทำเธอโกรธเข้าศพไม่สวยแน่
ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องตลกหรอกนะ
ท่านชิโรเนะช่วยฉันไว้จากลิซาร์ดแมน
ถึงในตอนนั้นเราจะยังไม่ได้เจอกับลิซาร์ดแมนเลยก็เถอะนะ
ดังนั้นฉันจึงยอมไม่ได้ที่เซฟาร์จะมองผู้มีพระคุณของฉันด้วยสายตาน่ารังเกียจ
[ แต่การที่สาวสวยแต่งตัวแบบนั้น มันก็เหมือนจะบอกให้มองเลยไม่ใช่เหรอ นายเองก็ไม่คิดเหมือนกันงั้นเหรอผู้กล้าแห่งไฟ? ]
เซฟาร์คุยกับโนวิคที่อยู่ข้างๆ
[ มันก็… ต้องแน่อยู่แล้ว… ]
โนวิคพยักหน้า
[ โนวิค… นี่นาย… คิดจะทำให้ท่านชิโรเนะโมโหอีกครั้งงั้นรึไง? ]
ฉันพูดแบบโมโหใส่โนวิค
[ ถึงอย่างนั้นก็เถอะชิสุเฟย์… แต่การที่ไม่ได้เห็นผิวพรรณของท่านเคียวกะกับท่านชิโรเนะนี่มันเหมือนชีวิตเสียเปล่าเลยนะ… ]
โนวิคตอบขณะที่จมูกยื่น
[ พูดอะไรออกมา รู้ตัวบ้างไหมเนี่ย….? ]
ฉันกุมหัว เจ้าพวกบ้านี้น่าจะหัดสำนึกกันได้สักทีนะ
แน่นอนว่าฉันเข้าใจความรู้สึก
ท่านเคียวกะมีหน้าอกที่ใหญ่ เอวที่บางและหุ่นที่แสนจะสมส่วน
และถึงท่านชิโรเนะจะมีหน้าอกเล็กกว่าท่านเคียวกะ แต่ก็ใหญ่กว่าคนธรรมดาทั่วไป ขาเองก็เรียวยาว เป็นหุ่นที่ยอดเยี่ยมพอๆ กับท่านเคียวกะก็ว่าได้
ฉันล่ะอิจฉาพวกเธอจริงๆ ฉันเข้าใจความรู้สึก ฉันเองก็อยากดูเหมือนกัน
แต่ฉันจะปล่อยให้เจ้างี่เง่าพวกนี้ไปทำเรื่องเสียมารยาทกับท่านชิโรเนะที่เป็นผู้มีพระคุณของฉันไม่ได้เด็ดขาด
ฉันถูกช่วยชีวิตเอาไว้ ได้ยินว่าตอนที่ท่านชิโรเนะไปเจอฉันในเขาวงกตแต่ในตอนนั้นอัศวินดำก็หายไปแล้ว
ฉันไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไงถ้าเกิดท่านชิโรเนะมาช้ากว่านี้ นอกจากนี้ยังต้องขอบคุณท่านชิโรเนะที่ขอร้องให้เทพธิดาช่วยรักษาให้ฉัน
ฉันนี่ช่างโชคดีจริงๆ ที่มีเทพธิดาที่สวยขนาดนั้นมารักษาให้
ช่างเป็นเทพธิดาที่บริสุทธิ์ ผุดผ่อง ใจดีมีเมตา เมื่อได้เห็นความงามนั้น ฉันก็เชื่อว่าเธอเป็นตัวจริงไม่ผิดแน่
มันช่างสุดยอดที่เกิดมาได้เห็นเทพธิดาตัวจริงเสียงจริง
เรื่องนี้ฉันต้องขอบคุณท่านชิโรเนะจริงๆ
ดังนั้นฉันจึงอยากจะตอบแทนให้ได้
อย่างน้อยก็หยุดโนวิคไม่ให้ไปรบกวนท่านชิโรเนะด้วยการทำอะไรงี่เง่านี่ล่ะ
ที่จริงฉันคิดจะมาคนเดียว แต่พี่เคย์น่ายืนกรานว่าจะมาด้วย
แต่ฉันคำนวณผลาด เพราะไม่นึกว่าผู้กล้าแห่งลม-เซฟาร์และผู้กล้าแห่งน้ำ-เนฟิมจะมาด้วย ดูเหมือนพวกเขาจะคาดหวังบางอย่างจากพวกท่านชิโรเนะอยู่
จนสุดท้ายโนวิคก็มาด้วยกันซะอย่างนั้น
[ ย๊ากกก!! ]
ทันใดนั้นก็มีเสียงน้ำสาดกระเซ็น
ชายคนหนึ่งโดดลงไปจากดาดฟ้าเรือทำให้น้ำกระเซ็น
เขาคือผู้กล้าแห่งน้ำเนฟิม แม้ว่าจะอยู่ในน้ำเนฟิมก็ยังทำหน้าที่ได้ ราวกับเขากำลังร่ายรำกับเหล่าลิซาร์ดแมน
เนฟิมสบัดน้ำจากผม ผมสีฟ้าอ่อนของเนฟิมส่ายไปมาขณะที่สบัดน้ำและน้ำก็กระจายไปทั่ว
เพราะต้องอยู่ในแม่น้ำ เขาจึงอยู่ในชุดว่ายน้ำเช่นกัน เขามีร่างกายที่ดูหล่อเหลาไม่น้อยไปกว่าท่านเรย์จิ ก็เป็นพวกเด็กหนุ่มหน้าสวยนี่นะ ยังไงก็ดีกว่าโนวิคหรือเซฟาร์เยอะ
[ ฟู่… ]
เนฟิมหายใจออก ที่ตรงบริเวณเข่าของเนฟิมมีบันไดที่สามารถลงไปที่แม่น้ำได้อยู่
จากนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งโผล่มาจากเหนือผิวน้ำใกล้บันได
เธอคือคุณเรจิน่าที่เป็นหนึ่งในผู้รับใช้ของท่านเคียวกะและท่านชิโรเนะ
เธอกำลังดำน้ำเพื่อคอยสั่งการลิซาร์ดแมนในนามของท่านชิโรเนะอยู่
และดูเหมือนว่าคุณเรจิน่าจะเป็นเจ้าหญิงของประเทศไหนสักแห่ง
แล้วไหงถึงกลายเป็นคนรับใช้ได้? เจ้าหญิงตัวจริงเหรอ?
อย่างไรก็ตาม เธอก็ได้รับแต่งตั้งให้คอยเป็นคนออกคำสั่งพวกลิซาร์ดแมน ต้องเก่งต่างจากชายที่โดนโนวิคซัดหมอบไปแน่
ซึ่งที่จริงเธอยังมีความสามารถในการอยู่ใต้น้ำเหมือนกับเนฟิมอีกด้วย
คุณเรจิน่าเอื้อมมือไปที่บันไดอย่างช้าๆ
[ เรจิน่า จับมือข้าสิ ]
เนฟิมเอื้อมมือให้เธอ แต่เรจิน่าเมินเขาและจับบันไดและขึ้นไป
ไม่สนใจเนฟิมที่ยืนยิ้มแบบขมขื่นอยู่ตรงนั้นเลย
โนวิคและเซฟาร์ต่างหัวเราะเมื่อเห็นเนฟิมหน้าแตก พวกผู้ชายพวกนี้นี่มัน….
[ ใช้นี้สิค่ะ… ]
ฉันเอาผ้าเช็ดตัวให้เธอ
[ ขอบคุณ… ]
คุณเรจิน่าก้มหัวอย่างอ่อนน้อมให้ฉัน ดูจะใจดีเฉพาะกับฉันนะ
คุณเรจิน่ารับผ้าเช็ดตัวจากฉันและเช็ดร่างกาย เธอเป็นคนที่สวยจริงๆ
ผิวสีขาวกับผมสีเกาลัด แม้จะไม่ถึงขนาดท่านเคียวกะกะกับท่านชิโรเนะแต่หน้าอกก็ดูเต่งตึ้งและใหญ่พอควร
เพราะเธอใส่ชุดว่ายน้ำจึงเห็นเรือนร่างได้อย่างชัดเจน
ท่านเรย์จิมีคนที่สวยขนาดนี้เป็นคนรับใช้เชียวเหรอ?
เหมือนสูญเสียความมั่นใจในฐานะลูกผู้หญิงเลย
เพราะในเรือลำนี้ฉันมีขนาดหน้าอกเล็กที่สุด ถึงฉันจะไม่ใช่ผู้ศรัทธาของท่านเฟย์เรีย แต่ก็ไม่มั่นใจถึงขนาดกล้าใส่ชุดว่ายน้ำหรอก
[ นี่มันออก… ]
[ อืมม ]
เซฟาร์และโนวิคจมูกยื่น ขณะที่จ้องมองคุณเรจิน่าในชุดว่ายน้ำขณะกำลังเช็ดตัว
ฉันล่ะอยากโยนเจ้าพวกนี้ลงแม่น้ำจริงๆ แต่ต้องอดทนไว้
[ พวกนายหยุดมองเรจิน่าของฉันด้วยสายตาหื่นๆ ได้แล้ว ]
เนฟิมมายืนขวางตรงหน้าคุณเรจิน่าเพื่อบังจากสายตาของพวกโนวิค
[ อ๊าก! ถอยไปสิเนฟิม! กำลังถึงช็อตเด็ดเลยแท้ๆ ! ]
[ ก่อนอื่นเลย! คุณเรจิน่ากลายเป็นของนายตั้งแต่เมื่อไหร่กันฟะ! ]
ทั้งสองคนบ่นอุบอิบ
เนฟิมหัวเราะและมองทั้งสองคน
[ จะว่าไปเรจิน่า สนใจมาร่วมทานมื้อค่ำคืนนี้ด้วยกันมั้ยครับ? ]
เนฟิมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
เนฟิมเองก็ดูจะถูกเสน่ห์ของคุณเรจิน่าดึงดูดเช่นกัน
แต่คุณเรจิน่ามองเนฟิมกลับด้วยสายตาเย็นชา
[ เอ่อ… ต้องขอโทษด้วยค่ะแต่ฉันมีสามีคนสำคัญอยู่แล้วค่ะ คงตอบรับคำเชิญของคุณไม่ได้ ]
เมื่อเนฟิมได้ยินคำพูดของคุณเรจิน่าก็ทำหน้าหดหู่ทันใด
ไม่เพียงแต่โนวิคหรือเซฟาร์ที่ตกใจในคำพูดนั้น แม้แต่พี่เคย์น่าเองก็ด้วย
และฉันเองก็ด้วย
[ เอ๋… มีสามีอยู่แล้ว? คงเป็นคนที่สุดยอดมากเลยสินะครับ ]
พี่เคย์น่าและฉันต่างอึ้งขณะที่มองไปทางคุณเรจิน่า
นี่คุณเรจิน่าแต่งงานแล้วเหรอ? ทั้งๆ ที่ดูอายุเท่ากันแท้ๆ
ตกใจไปเลยนะเนี่ย
[ คุณเรจิน่า! สามีของคุณเรจิน่าเป็นคนแบบไหนเหรอคะ!? ]
ฉันถามเธอด้วยความตั้งใจของตัวเอง
เพราะท่านเรย์จิยังไม่ได้แต่งงาน ดังนั้นเป็นไปได้ว่าสามีของเธอจะไม่ใช่ท่านเรย์จิ แล้วเป็นใครกันล่ะ?
เพราะในฐานะผู้ศรัทธาเทพธิดาแห่งการแต่งงาน ฉันจึงกังวลเรื่องการแต่งงานมาก
[ เป็นคนที่อบอุ่นและใจดีมากค่ะ… ]
คุณเรจิน่าตอบด้วยรอยยิ้ม
เป็นรอยยิ้มที่สดใสมาก
ฉันพึมพำออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ น่าอิจฉาจังเลยอ่ะ
เมื่อเหลือบมองเนฟิมที่อยู่ข้างๆ ก็เห็นเขาซึมไปแล้ว
คิดว่าคงจะเศร้าล่ะนะ แต่ก็ทำให้เงียบไปได้ล่ะนะ
แต่ว่าสามีของคุณเรจิน่างั้นเหรอ? น่าสนใจจัง จะเป็นคนแบบไหนกันนะ?
อยากเจอสักครั้งจัง
◆ อัศวินดำคุโรกิ
[ แบบนี้มันจะดีจริงๆ เหรอ… ? ]
ผมพูดออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
[ มีอะไรงั้นเหรอคุโรกิ? ]
เรน่าถามผมขณะที่กำลังควงแขน
ตอนนี้เรน่ากำลังปิดหน้าอยู่
ก็แน่ล่ะนะ บนถนนสายหลักของอาเรียดิน่า ถ้าคนสวยๆ อย่างเรน่ามาเดินในที่โจ่งแจ้งแบบนี้มีหวังเกิดเรื่องเอะอะแน่
แต่ถึงแม้เธอจะปิดหน้าไว้ ในโลกนี้มีผู้ศรัทธาของเทพธิดาเฟย์เรียอยู่มาก การที่เรน่าปิดซ่อนใบหน้าขณะที่เดินไปมาอยู่มาก จึงไม่แปลกอะไร
[ ก็แบบ… ผมสงสัยว่าเรามาที่แบบนี้จะดีเหรอ ทั้งที่พวกชิโรเนะกำลังออกไปตรวจสอบพื้นที่กันอยู่นะ? ]
ตอนนี้พวกชิโรเนะน่าจะไปตรวจสอบที่แม่น้ำคิชอยู่
แล้วพวกเรามาเที่ยวเล่นแบบนี้มันจะดีจริงๆ เหรอ?
นอกจากนี้ผมยังกังวลเรื่องลิซาร์ดแมน ด้วยการบังคับ ผมบอกให้พวกลิซาร์ดแมนเลิกไปแก้แค้นมนุษย์
แต่มันก็ยังคาใจ
พวกเขานับถือผมเหมือนกับเทพ แต่ผมก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เมื่อคิดดูก็เจ็บปวดอยู่
ผมรู้ดีว่าไม่ควรไประแวงพวกเขา แต่ก็รู้สึกไม่ดีที่เขาเปลี่ยนท่าทีไปถนัดตา
[ ไม่เป็นไรหรอกน่า ปล่อยให้พวกชิโรเนะจัดการไปเถอะและที่นั้นก็มีสาวกของคุโรกิอยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ? ]
เรน่าพูดขณะที่หัวเราะ
แล้วนี่เรน่ารู้ว่าเรจิน่าเป็นสาวกของผมได้ยังไง? ขนาดชิโรเนะยังไม่ทันสังเกตเลยนะ ผมชักกังวลเรื่องนี้นิดหน่อย
เรจิน่าตอนนี้กำลังสั่งการพวกลิซาร์ดแมนในนามของสาวกของผม
[ หืม… มันจะไม่เป็นไรจริงเหรอ? ที่เรน่าออกมากลางฝูงชนแบบนี้นะ ]
ตามปกติแล้วเรน่าจะมีคนคอยอารักขาตลอด แต่ตอนนี้ไม่มี
ทำไมเราถึงมาอยู่ที่นี่น่ะเหรอ ก็เพราะเรน่าบอกว่าอยากเห็นโลกมนุษย์น่ะสิ
นอกจากนี้หากมีคนคุ้มกันจะทำให้ยิ่งเด่นขึ้น
แม้ว่าจะคนคุ้มกันแค่คนหรือสองคนจะกำลังดีในสถานการณ์นี้ แต่เรน่ากลับปฏิเสธ
แน่นอนว่าเหล่าคนคุ้มกันไม่ยอมรับแน่ เรน่าจึงแอบออกมาแบบเงียบๆ แทน
[ เอาล่ะ ในเมื่อวันนี้ฉันไม่มีคนคุ้มกันใช่มั้ยล่ะ? ถ้างั้นก็ฝากเป็นอัศวินให้ฉันวันนี้ด้วยนะ ]
เรน่าเอาตัวมาแนบชิดผมขณะที่พูดออกมา
ตอนนี้ผมไม่ได้สวมเกราะดำอยู่ แต่เป็นเพียงเสื้อผ้าธรรมดา ทำให้รู้สึกถึงหน้าอกอันอ่อนนุ่มของเรน่าที่กระทบแขนซ้าย
[ ก็เข้าใจหรอกว่าวันนี้ผมต้องเป็นอัศวินให้… แต่จะไม่ดีกว่าเหรอที่เอาคนคุ้มกันมาด้วยนะ? ]
เรน่าแอบมาโดยไม่พูดอะไรกับคนคุ้มกันเลยสักนิด
ถ้าไปคุยกันให้ถูกต้องมันจะไม่ดีกว่าเหรอ
และเพราะผมไปขอร้องเรน่าให้ช่วยเด็กสาวที่ชื่อชิสุเฟย์
ทำให้ต้องมีการแลกเปลี่ยน โดยการไปเดินเที่ยวถนนในเมืองมนุษย์ในฐานะคนคุ้มกันให้เธอแทน
ไม่รู้หรอกนะว่าเรามาอยู่กันสองต่อสองได้ยังไง แต่ผมก็ไม่ได้เกลียดอะไรหรอกที่ต้องมาอยู่กับเรน่า ด้วยเหตุนี้เองเราต้องคนเลยมาเดินเที่ยวด้วยกัน
[ ดีแล้วน่า ทางเดินมันผิดกับเมื่อกี้นะ ที่นี่มีอะไรเหรอ? ]
เรน่าถามผมด้วยความสงสัย
ผมพูดไม่ได้นะถ้าเธอเอาหน้าอกกดแขนผมอยู่นะ
เพราะหน้าอกที่กดทับแขนส่วนหนึ่งทำให้ร่างกายผมแข็งเหมือนหินและเดินยาก…
[ ไม่มีอะไรหรอก… ว่าแต่จะไปไหนเหรอ? ]
อาเรียดิน่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก จึงมีสถานที่ให้เที่ยวเล่นอยู่หลายที่ แล้วเรน่าอยากไปที่ไหนกันล่ะ?
[ อืมมม นั่นสิ ให้คุโรกิตัดสินใจแล้วกันนะ คงตรวจสอบมาแล้วใช่มั้ยล่ะ? ]
[ เอ๋… ทำไมล่ะ? ]
แน่นอนว่าเมื่อผมมาที่อาเรียดิน่าก็ต้องตรวจสอบไว้ก่อน
เพราะมันเป็นเมืองใหญ่ต้องมีสถานที่เที่ยวเล่นอยู่เยอะแน่ ดังนั้นผมเลยมีหนังสือเล่มนี้ นี่เป็นหนังสือที่สร้างจากคนแคระที่อาศัยอยู่ในอาเรียดิน่า เป็นหนังสือคู่มืออย่างง่าย
แต่ทำไมเรน่าถึงรู้ว่าผมมีหนังสือนำเที่ยวล่ะ?
[ ทำไมถึงรู้สินะ? ก็ตอนที่ฉันเดินเข้าไปในห้องของคุโรกิ บังเอิญไปเจอหนังสือนำเที่ยวเข้านะ ]
เรน่าพูดออกมาราวกับเป็นเรื่องธรรมดา
[ เอ๊ะ งั้นเหรอ…. เดี๋ยวนะเข้าไปในห้องของผมเหรอ? ]
[ ใช่แล้ว เข้าไปไม่ได้เหรอ? ]
[ ปกติแล้วมันไม่น่าได้… ]
นี่ผมไม่มีความเป็นส่วนตัวเลยเหรอ? ไม่คิดเลยว่าเธอจะแอบเข้าในห้องตอนที่ผมเผลอ
[ น่า ไม่จำเป็นต้องไปกังวลเรื่องรายละเอียดยิบย่อยหรอก… แล้วจะไปที่ไหนกันก่อนดีล่ะ? ]
เรน่าพูดด้วยเสียงอ่อนหวาน
เมื่อนึกถึงใบหน้าสวยๆ ของเรน่า ผมก็รู้สึกตื่นเต้นไปด้วยเลยไม่มีอะไรจะบ่น
ลองเข้าไปในซอยมืดแล้วทำอะไรลามกกันดีมั้ยล่ะ
… แน่นอนผมล้อเล่น เลิกคิดเรื่องงี่เง่าดีกว่า
[ นั่นสินะ… ไปไหนดีล่ะ? ]
หากตามความคิดของผม
สถานที่แรกที่นึกถึงก็คือโรงอาบน้ำสาธารณะ
โรงอาบน้ำสาธารณะที่อาเรียดิน่า ไม่ใช่แค่จะได้อาบน้ำเท่านั้นแต่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายและมีสิ่งบันเทิงต่างๆ คอยให้บริการด้วย
แต่มันมีปัญหาอยู่ก็เพราะโรงอาบน้ำนั้นเป็นสิ่งที่อุทิศให้กับเทพธิดาเฟย์เรีย จึงมีการแยกเพศอย่างเคร่งครัด แม้ว่าจะไป ผมก็ต้องแยกชายหญิงกับเรน่า ดังนั้นจึงเป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะที่ชายหญิงจะไปกัน
นอกจากนี้สนามต่อสู้ก็ยังปิดและโรงละครก็ยังไม่เปิด
จะไปไหนดีล่ะคราวนี้?
[ น้ำพุไทรส์เป็นยังไง? ]
[ น้ำพุไทรส์? ]
[ ใช่แล้ว มันเป็นน้ำพุที่สร้างขึ้นเหมือนกับตาน้ำของประเทศนี้ ว่ากันว่ามีรูปปั้นประติมากรรมของเทพแห่งท้องทะเลไดรเด็นที่งดงามรายล้อมด้วยเหล่าเมอร์เมดอยู่ด้วย ]
มันคือนำพุที่เป็นเป็นดั่งประปาของอาเรียดิน่าที่สร้างโดยเหล่าคนแคระ
น้ำพุไทรส์จะนำน้ำนั้นไหลไปสู่ปลายทาง
ซึ่งเป็นสิ่งที่อุทิศให้แก่เทพแห่งท้องทะเลไทรเด็น
[ หืม น้ำพุที่อุทิศให้ไทรเด็นเหรอ… ที่จริงก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอกนะ… แต่ถ้าได้ไปกับคุโรกิก็ไม่รังเกียจหรอก ]
จากนั้นเราสองคนก็เริ่มเดิน จนกระทั่งถึงน้ำพุไทรส์
น้ำพุไทรส์สวยงามมาก นี่คือน้ำพุที่เป็นแหล่งน้ำดื่มของเมืองอาเรียดิน่า ใจกลางน้ำพุมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 เมตรและรอบๆ น้ำพุก็รายล้อมไปด้วยรูปปั้นของเทพแห่งท้องทะเลไทรเด็น
เป็นประติมากรรมที่ออกแบบโดยเหล่าคนแคระและสร้างโดยคนแคระชื่อดัง
มีผู้คนมากมายที่ไม่ใช่คนของอาเรียดิน่ามาชมน้ำพุไทรส์กันมากมาย แม้แต่คนของประเทศข้างเคียงก็ยังมา
[ นี่คุโรกิ… คนพวกนั้นกำลังทำอะไรนะ? ]
เรน่ามองไปยังกลุ่มนักเดินทาง
นักเดินทางกำลังขวางปาอะไรบางอย่างเข้าไปในน้ำพุ
[ อ่อ นั่นคงเป็นการขอพรนะ? ]
[ ขอพร? ]
[ เขาเชื่อกันว่าความปรารถนาจะเป็นจริงหากโยนเงินเข้าไปในน้ำพุนะ ]
ผมพูดจบ จากนั้นก็เอาเหรียญทองแดง 1 ทูคัมออกมาจากอก
เงินทูคัมเป็นสกุลเงินที่ออกโดยอาเรียดิน่า ซึ่งไม่ใช่เพียงใช้ได้ในประเทศนี้ แต่ลีนาเรียที่เป็นพันธมิตรของอาเรียดิน่าก็ใช้ได้เหมือนกัน
และยังมีประเทศอื่นๆ ที่ใช้สกุลเงินทูคัมอยู่ด้วย
[ มนุษย์นี่แปลกจังนะ ที่อยากให้ความปรารถนาของตัวเองสมหวังด้วยการขว้างปาเหรียญแบบนั้นนะ ]
เรน่าดูเหมือนจะเกิดความสงสัย
สำหรับเรน่าการมีตัวตนของเงินถือว่าเป็นเรื่องแปลก
เพราะเทพไม่ใช้เงินซื้อขายกัน
ดังนั้นถ้าเป็นการขอพรจากเทพจะง่ายกว่าหากไม่ใช้เงิน แถมอีกอย่างเทพก็ไม่ได้มีราคาถูกขนาดนั้น
[ ผมคิดว่ามันก็น่าสนใจดีนะ อย่างผู้ชายกับผู้หญิงตรงนั้นขอพรว่าขอให้ได้อยู่ด้วยกันตลอดไปนะ ]
เมื่อได้ยินที่ผมพูด เรน่าก็ส่งเสียงประหลาดใจ
[ ไม่เคยได้ยินเวทมนตร์แบบนั้นมาก่อนเลย… ]
เรน่าส่ายหัวราวกับไม่เชื่อ
[ มันไม่ใช่เวทมนตร์หรอก จะว่ายังไงดีล่ะ…. ก็เป็นคำพูดที่มนุษย์พูดกันนะ ]
ผมไม่รู้จะอธิบายออกมายังไง คำพูดเลยดูแปลก
[ ไม่เห็นเข้าใจเลย… ]
เรน่าดูเหมือนจะไม่เข้าใจ
[ เอ่อ ก็… มันเป็นความเชื่อของมนุษย์นะ น่า จะพูดว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็ไม่ใช่ซะทีเดียวหรอก ]
ฉันเก็บเหรียญใส่กระเป๋า ผมเองก็ไม่ได้อยากบังคับอะไรเธอหรอก แต่รู้สึกเศร้านิดหน่อย
[ เดี๋ยวคุโรกิ ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจก็เถอะ แต่ลองดูก่อนแล้วกัน ]
เรน่าจับมือผมไว้
[ งั้นเหรอ… ]
ผมหัวเราะนิดหน่อยและหยิบเหยียญออกมา ที่จริงก็ไม่คิดจะเธอจะสนใจ
ควรทำยังไงดีล่ะ
[นี่ ไม่ใช่ว่าถ้าโยนโดยใช้เหรียญทองมันจะดีกว่าเหรอ? ]
[ เอ๊ะ? ]
ผมแปลกใจ เพราะคำอธิบายเมื่อกี้เหรอ?
เรน่าถึงได้มีแรงกระตือรือร้นผิดปกตินะ?
ผมเปลี่ยนเป็นเหรียญทองแทน
[ โยนมันไปด้วยกันนะคุโรกิ ]
มือของเรน่าจับเหรียญทองร่วมกับผม
[ เอ่อ เรน่า…? ]
แม้ผมจะสับสนแต่ก็โยนเหรียญออกไปพร้อมกับเรน่า
เหรียญทองตกในบริเวณใจกลางน้ำพุและเกิดวงน้ำขึ้น
[ ฟุฟุ เลียนแบบมนุษย์นี้ก็สนุกดีเหมือนกันนะ ]
ผมมองไปที่ใบหน้าของเรน่า ดูท่าทางเธอจะกำลังสนุก
รู้สึกโล่งใจไปล่ะนะ
เพราะผมไม่มั่นใจเธอจะสนุกมั้ยที่มากับผม เมื่อเห็นเธอยิ้มผมก็ค่อยโล่งใจหน่อย
แต่ถึงยังไงเรน่าก็เป็นคนรักของเรย์จิไม่ใช่เหรอ?
ถึงแม้จะกังวลอยู่นิดหน่อย แต่เธอพอใจผมก็พอแล้ว อย่าไปคิดถึงเรื่องนั้นเลยดีกว่า
[ งั้นคุโรกิ… ต่อไปไปที่ไหนดี? ]
[ อืม นั่นสิ… ]
จากนั้นผมก็นึกถึงสถานที่ที่จะไปแห่งถัดไป
◆ อัศวินดำคุโรกิ
[ เรน่า จู่ๆ ก็ทำอะไรนะ? ]
หลังจากดูน้ำพุไทรส์ พวกเราก็ไปที่ท่าเรือของอาเรียดิน่า
ที่ท่าเรือมีคลังเก็บความเย็นขนาดใหญ่ซึ่งใช้เวทมนตร์เพื่อเก็บวัถุดิบที่ขนส่งมาจากทางเรือ
หลังจากกินไอศรีมกันสองลูก เรน่าก็พาผมเข้าไปในซอยที่ไร้ผู้คน
เมื่อเข้าไปในซอยเรน่าก็ถอดฮู้ดออก
[ ฟู่… ก็ใช้ฮู้ดปิดหน้าอยู่ตลอดมันอึดอัดนี่นา ]
เพราะตั้งแต่เรน่ามาที่นี่ก็ต้องใช้ฮู้ดปิดหน้าอยู่ตลอดเวลา มันคงจะอึดอัดล่ะนะ
แต่ถ้าเธอไม่ปิดหน้าไว้เดี๋ยวมันจะมีปัญหาตามมาหรอก
ทั้งที่ปกติซ่อนใบหน้าไว้ เรน่าก็ยังเป็นจุดเด่นเพราะอะไรบางอย่างอยู่แล้ว
สงสัยว่าแค่การใช้ฮู้ดปิดหน้าไว้มันจะไม่พอ
เพราะเป็นเทพธิดาเลยมีตัวตนที่เด่นกว่าคนอื่นรึไงนะ
[ จะไม่เป็นไรเหรอเรน่า? ]
ที่ผมเป็นห่วงเรน่าก็เพราะวันนี้ผมต้องทำหน้าที่เป็นอัศวินให้เธอ ก็คือต้องปกป้องเธอนั้นล่ะ
[ ฟุฟุ มันเหนื่อยนิดหน่อยนะ ]
ดังนั้นเรน่าถึงได้มาหลบที่นี่
ดวงตาที่ชื้นของเรน่า ริมฝีปากสีชมพู ลมหายใจร้อนๆ ที่หายใจออกมา
ท่าทางของเรน่าดูไม่ดีเลย
ไม่ดีจริงๆ นั้นล่ะ…
ใบหน้าแบบนั้นยิ่งทำให้เหมือนกระตุ้นผมเป็นร้อยเท่า
และที่นี่ยังเป็นซอยเปลี่ยว มันเป็นโอกาสแล้ว!!
ปีศาจและนางฟ้าในตัวผมกำลังทะเลาะกัน
ปีศาจในตัวคุโรกิ [ ดีไม่ใช่รึไง ที่นี่ไม่มีใครเห็นด้วย เธอมาในซอยเปลี่ยนแบบนี้ก็เหมือนเธอต้องการเอง ถอดเสื้อเธอออกเลยเพื่อนเอ่ย !! ]
นางฟ้าในตัวคุโรกิ [ อย่าไปเชื่อเจ้าปีศาจนะ ห้ามไปถอดเสื้อผ้าเด็กผู้หญิงเด็ดขาด เราต้องถอดเสื้อผ้าก่อนสิเฟ้ย!! ]
นี่มันนางฟ้าตกสวรรค์รึไง ทุกคนครับนางฟ้าในตัวผมตกสวรรค์ซะแล้ว!!
สามัญสำนึกของผมกำลังเตือนภัย นี่มันอันตราย
ถ้าผมปล่อยตัวไปตามอารมณ์ รู้สึกได้เลยว่ามันต้องแย่แน่
เดิมทีเรน่าก็เชื่อไม่ได้อยู่แล้ว
เรน่าหัวเราะ
ยิ่งทำให้ความเหตุผลของผมปั่นป่วน ไม่ได้ ผมจะปล่อยตัวเองไปตามความปรารถนา(เงี่ยน)ไม่ได้
ในตอนนั้นเอง
อากาศก็สั่นไหว
[ นี่มันบาเรีย… ]
พื้นที่รอบๆ นี้ถูกปิดกั้นไว้ด้วยบาเรีย
และผมยังรู้สึกได้ว่ามีใครกำลังเดินเข้ามาใกล้
[ มาในที่ที่ไม่มีใครเลยแบบนี้… แปลว่าอยากโดนฉันฆ่ามากเลยสินะ เทพธิดาเรน่า ]
เธอคนนั้นเดินเข้ามา
ทั้งผมและเรน่าต่างตกใจกับเสียงพูดของเธอคนนั้น เธอคงเป็นคนที่ขังผมกับเรน่าไว้
และผมยังจำได้อีกว่าเธอคนนั้นเป็นใคร
[ คุณรู้สึกว่าจะเป็นคุณอโทราน่า? ]
ผู้หญิงคนนั้นคืออโทราน่า ภรรยาของโทรุนมาร์คุส ซึ่งคอยส่งอาหารให้กับวิหารเรน่าที่ผมเคยเจอมาแล้วครั้งนึง
และเธอยังเป็นผู้จัดการของโรงแรมที่ผมพักอยู่
[ ฮุฮุ ฉันต้องคอยปิดบังหน้าไว้ เธอจะต้องเสียใจเรน่าที่ทำให้ฉันเจ็บปวดมาตลอดหลายปี ]
อโทราน่าชี้ไปที่เรน่าขณะที่แสยะยิ้ม อโทราน่ารู้ถึงตัวตนของเรน่า
เธอเป็นใครกันแน่?
[ เรน่า… เธอคนนั้นเป็นใครกันแน่? แล้วคิดจะทำอะไร? ]
ดูจากคำพูดแล้ว แปลว่าเธอจะต้องไม่พอใจอะไรสักอย่างกับเรน่าอยู่
[ ไม่รู้เหมือนกัน เธอเป็นใครกันแน่? ]
เรน่าส่ายหน้าให้ผมและถามอโทราน่า
[ ฟุฟุ… จำฉันไม่ได้งั้นเหรอ…. ถ้าเป็นรูปลักษณ์จะยังกล้าพูดแบบนั้นได้อีกมั้ยเรน่า! ]
ร่างกายส่วนล่างของอโทราน่าเปลี่ยนไปพร้อมกับเสียงคำราม
[ แมงมุม! ]
ผมตะโกนออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
ส่วนล่างของอโทราน่ากลายเป็นแมงมุมตัวใหญ่ แม้แต่ปากของเธอก็มีเขี้ยวงอกออกมาและใบหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเหมือนหนอนผีเสื้อ
อโทราน่าไม่ใช่มนุษย์
ผมเหงื่อแตกพลั่ก
ผมไม่ได้สังเกตมาก่อนเลยว่าเธอไม่ใช่มนุษย์
เธอสามารถปลอมตัวได้อย่างแนบเนียนมาก เลยไม่มีใครสังเกตการปลอมตัวที่สมบูรณ์แบบนั้นได้
[ ไม่จริง… นี่เธอ… ]
เรน่ารู้สึกตกใจหลังจากเห็นอโทราน่าเปลี่ยนร่าง ดูเหมือนจะเป็นใครสักคนที่เรน่ารู้จัก
[ ดูจะตกใจมากเลยสินะเรน่า ใช่แล้ว ฉันเอง ]
[ …. ใครอ่ะ? ]
เราทั้งคู่ต่างสะดุดกับคำพูดของเรน่า
อโทราน่าถึงกับลื่นล้มทีเดียว
[ นี่เธอจำฉันไม่ได้รึไง… เทพธิดา! เทพธิดาไงล่ะ! นี่เธอคงไม่ได้ลืมอโทราคัวผู้นี้ไปแล้วหรอกนะเรน่า! ]
อโทราน่าที่กลับตัวขึ้นมา บอกว่าตัวเองแท้จริงแล้วชื่ออโทราคัวกับเรน่า
[ แค่มุขตลกเองน่าอโทราคัว ถึงอยากลืมฉันก็ไม่ลืมเธอหรอก…. แล้วมีอะไรจะบ่นอีกล่ะ? ]
เรน่ากับอโทราคัวดูเหมือนจะรู้จักกัน เป็นความสัมพันธ์แบบไหนกันนะ?
[ อะ ไอ้ท่าทางแบบนั้นมันอะไรกัน! ทั้งที่เธอบังอาจล่อลวงสามีของฉัน! ]
อโทราคัวตะโกน
[ สามีของเธอ…? อา พวกเทพน่ารำคาญนั้นน่ะเหรอ ที่จริงฉันก็ไม่ได้จำมาตั้งแต่แรกหรอกนะ เพราะเจ้าพวกนั้นมันจูจี้น่ารำคาญจะตายไป ]
เรน่าพูดออกมาราวกับเคยชินกับเรื่องแบบนี้แล้ว
[ สามีของฉันไม่ทำเรื่องพรรค์นั้นแน่! เธอจะต้องล่อลวงเขา! ด้วยหน้าตาสวยๆ นั้นล่ะสิ! ]
ใบหน้าของอโทราคัวเหมือนกับแมลงผสมกับมนุษย์ ถ้าเป็นผู้ชายก็คงจะชอบแบบเรน่าซะมากกว่า
และสเป็คของสามีเธอนี่มันยังไง? ผมชักจะสังหรณ์ไม่ดี
[ ถ้าจะพยายามเอาชนะฉันก็ให้มันใสสะอาดกว่านี้สักหน่อยสิ แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามยังไงฉันก็ไม่แพ้หรอก ]
[ ว่าไงนะยะ!! ]
เรน่าหัวเราะขณะที่อโทราคัวกำลังหัวเสีย
สรุปเรื่องราวก็คืออดีตสามีของอโทราคัวดูเหมือนจะนอกใจไปหาเรน่าทำให้อโทราคัวโกรธ
ยิ่งฟังยิ่งปวดหัวแฮะ
ที่สำคัญเลย…. ผมสนที่ไหนเล่า
[ แบร่ แบร่!! ]
[ หน๊อยยย!!! ]
เรน่ามาแอบที่ข้างหลังผมหลังจากทำท่าล้อเลียนอโทราคัว
การต่อสู้ระดับต่ำตรงหน้าผมนี่มันอะไร
แล้วมันน่าเศร้านะที่เห็นอิมเมจแบบนี้ของเรน่านะ
[ ฟังให้ดีเรน่า! ฉันนี่แหละที่เป็นคนหลอกหล่อผู้กล้าแห่งแสงของเธอไปที่เขาวงกต!!! ฮุฮุฮุ ตอนนี้เขาคงกำลังมีความสุขกับลูกสาวของเลวิลรุสในเขาวงกตไปแล้ว ต้องขอโทษด้วยนะเรน่า! ]
อโทราคัวหัวเราะราวกับชนะแล้ว
[ งั้น… เรจิก็… ]
น้ำเสียงของเรน่าราวกับมีจิตสังหาร เธอยักคิ้วขึ้นขณะที่มองไปยังอโทราคัว
หัวใจของผมรู้สึกเจ็บปวดเมื่อเห็นเรน่าแสดงออกแบบนั้น(โกรธเพื่อเรย์จิ)
ทุกครั้งเวลาที่เรน่าพูดถึงเรย์จิ…
บางทีเธออาจจะเป็นห่วงเรย์จิมาตลอด แต่เพียงอดทนไว้ อดทนไว้ได้ดีเลยไม่ใช่เหรอ?
ผมนี่มันช่างน่าสมเพซที่ไม่ทันรู้สึกตัว ยังไงผมก็เป็นพวกรับรู้ความรู้สึกของผู้หญิงไม่เก่งอยู่แล้ว
ในกรณีนี้คงดีกว่าหากทำให้เรน่าสงบลง
[ โฮะ โฮะ โฮะ เสียใจเข้าไปสิเรน่า เสียใจให้มากกว่านี้อีก… อย่างเธอมันก็เหมาะกับเจ้าคนธรรมดาถือสัมภาระนั้นแล้ว!! ]
อโทราคัวชี้มาทางผมขณะที่หัวเราะ
เธอพูดและบอกว่าผมเป็นคนธรรมดา
ธรรมดา…? งั้นเหรอ? ก็นะ ผมมันเป็นพวกไร้ค่าที่ไม่รู้จักจิตใจผู้หญิงนี่นา
[ แล้วมันยังไงต่อ! บอกมาสิยะ!! ]
เรน่าตะโกนออกมา
[ โฮะโฮะโอะ ก็ได้ ฉันจะพูดให้ฟังอีกครั้ง! เธอน่ะเหมาะสมกับเจ้าคนอ่อนแอนั้นดีแล้ว แม้เจ้านั้นจะแต่งตัวดูดียังไงก็ยังสะบักสะบอม จงใช้ชีวิตที่เหลือกับเจ้าคนถือกระเป๋านั้นก็ถือว่าดีถมไปแล้วยะ!! ]
อโทราคัวชี้มาทางผม
ไม่เห็นต้องพูดกันขณะนั้นก็ได้
ผมอาจจะไม่ได้รู้ตัว แต่พอมาโดนพูดตรงหน้ามันก็เจ็บชะมัด
ผมเองก็พยายามแต่งตัวให้ดูดีแล้วนะ
ทั้งที่ทำความอาบน้ำสม่ำเสมอ สระผมก็แล้ว หมั่นฝึกร่างกายเพื่อไม่ให้อ่อน แต่แค่นั้นมันยังไม่พออีกเหรอ?
[ เธอบอกว่าเราเหมาะสมกัน… ?]
ไหล่ของเรน่ากำลังสั่น
ดูท่าเธอคงจะไม่ชอบที่โดนจับคู่กับผม ถึงจะอยู่ห่างไกลจากเรย์จิ แต่เธอก็ยังมีสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับเขาสินะ
ผมเป็นห่วงเลยมองไปที่ใบหน้าของเรน่า
…. เธอกำลังหัวเราะ?
[ เอ่อ… เรน่า? ]
ทำไมถึงได้ดูมีความสุขล่ะ
[ เดี๋ยวก่อนสิเรน่า! ทำไมเธอถึงได้หัวเราะกัน! รู้ตัวมั้ยว่าฉันลักพาตัวชายที่รักของเธอไป!! ]
[ อา ฉันเองก็เสียใจกับเธออยู่หรอกนะ แต่อโทราคัว… เธอยังกำลังเข้าใจผิดมหันต์ เสียใจจริงๆ ที่ตัวเองเกิดมาสวยและสามีเธอยังนอกใจด้วย ]
เรน่าพูดออกมาอย่างเย็นชาและหัวเราะ
[ หน๊อยย! งั้นก็ได้! ฉันจะฆ่าเธอในตอนนี้ที่เธอไม่มีผู้คุ้มกันอยู่นี่ล่ะ! ]
[ ไม่มีคนคุ้มกัน…. เธอแน่ใจเหรอ? ถ้าเป็นอัศวินประจำตัวของฉันละก็อยู่ตรงนี้แล้วนี่ไง ]
เรน่าชี้มาที่ผม
ทั้งๆ ที่ผมไม่อยากมีส่วมร่วมกับการทะเลาะงี่เง่านี้เลยแท้ๆ
[ เฮอะ เจ้าคนคุ้มกันที่ดูอ่อนแอนั้นน่ะเหรอ! งั้นฉันจะฆ่าชายคนนั้นก่อนให้เธอดูเป็นขวัญตา! จงออกมา! ]
อโทราคัวยกมือขึ้น
จากนั้นก็มีเงาสองเงาโผล่มาจากด้านหลังของอโทราคัวและด้านหลังของพวกเรา
[ โกเล็ม? ]
มันเป็นโกเล็มเหล็ที่มีดาบถือไว้ในแขนทั้งสี่ข้าง ขนาดตัวประมาณ 2 เมตร
[ ใช่แล้ว นี่คือโกเล็มสำหรับต่อสู้ที่เทพเฮย์บอสสร้างขึ้นในฐานะผู้พิทักษ์เขาวงกต แต่โกเล็มพวกนี้แข็งแกร่งกว่าแม้จะใช้วัสดุแบบเดียวกันกับโกเล็มในเขาวงกตซะอีก ไม่ว่าพวกเธอสองคนจะดิ้นรนยังไงก็ไม่มีทางชนะแล้ว เทพธิดาแห่งสงคราม ]
อโทราคัวหัวเราะ
[ คิดว่าแค่นี้จะชนะฉันแล้วเหรออโทราคัว? ]
ใบหน้าของเรน่าไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
[ ทำไม! ทำไม! ทำไมเธอถึงได้ไม่กลัว! ทั้งที่ไม่มีคนคุ้มกันสักคน มีแต่ชายที่ดูท่าทางไร้ประโยชน์อยู่คนเดียว แม้กระทั่งจะเรียกให้คนช่วยก็มีบาเรียอยู่! ทำไมถึงได้ไม่กลัวเลย ก็ช่างมันเถอะ พวกแกฆ่าผู้หญิงคนนั้นซะ! ]
โกเล็มสี่ตัวพุ่งเข้ามา
[ ช่วยไม่ได้นะ… ]
ผมบ่นอุบอิบขณะที่เรียกเกราะและดาบออกมา เกราะดำและดาบต้องสาปเชื่อมโยงกับตัวผมอยู่
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนผมก็เรียกมันมาได้
[ อะไรกัน! อัศวินดำ!? ]
เมื่ออโทราคัวเห็นผมในเกราะอัศวินดำก็ส่งเสียงตกใจ
ผมตรงไปหาศัตรูตรงหน้าโดยไม่สนใจ
ผมใช้ดาบต้องสาปฟันโกเล็มตัวนึงแล้วจัดการอีกตัวต่อมา
ความแข็งของโกเล็มจะขึ้นอยู่กับวัสดุและความสามารถของผู้สร้าง ถึงนี่จะเป็นโกเล็มที่สร้างโดยเทพเฮย์บอสแต่ผมกลับไม่รู้สึกถึงความแข็งของมันเลย
นอกจากนี้โกเล็มยังเชื่องช้าทำให้อ่านการเคลื่อนไหวของดาบได้ง่าย จึงจัดการได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อยืนยันแล้วว่าโกเล็มตรงหน้าสองตัวคงขยับไม่ได้ไปสักพัก ผมก็กระโดดไปที่ด้านหลังอย่างรวดเร็วและจัดการโกเล็มที่ด้านหลังอีกสองตัว
โกเล็มใช้ดาบทั้งสี่ฟันจากด้านทะแยงมุมด้านบน
นั่นคงจะเป็นดาบเวทมนตร์แต่สำหรับดาปีศาจที่ได้มาจากโมเดส ตัดมันได้สบายๆ อยู่แล้ว
จากนั้นผมก็ขยับตัวไปที่โกเล็มที่ข้างหลังด้านขวาของเรน่า
โกเล็มใช้ดาบทั้งสี่ของมันฟันใส่เมื่อเห็นผม ผมตัดแขนทั้งสี่ข้างและหัวของมันออก
จากนั้นโกเล็มจากด้านหน้าสองตัวก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง
เพื่อหลีกเลี่ยงการเปลืองแรงเลยใช้ดาบฟันกวาดมันรวดเดียวสองตัว
และแล้วโกเล็มทั้งสี่ตัวก็กลายเป็นเศษโลหะ
โดยเรน่านั้นไม่ได้ขยับแม้แต่ก้าวเดียว นี่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมไม่คอยปกป้องเธอล่ะเนี่ย?
บางทีเธออาจจะไว้ใจผม แต่อย่างน้อยก็น่าจะขยับสักหน่อยนะ
[ บ้าน่า… จัดการโกเล็มได้ในพริบตา… โกหก ]
เสียงของอโทราคัวกำลังสั่น
ถึงจะไม่ดีต่ออโทราคัว แต่พวกโกเล็มมันอ่อนแอเกินไปจริงๆ
[ น่าเศร้าจังนะอโทราคัว แต่อัศวินของฉันน่ะแข็งแกร่ง ]
เรน่าหัวเราะฟุฟุฟุ
[ บัดซบ! งั้นเจอเส้นใยของฉันที่ตัดได้แม้แต่เหล็กหน่อยเป็นไง! ]
ขณะที่อโทราคัวแกว่งแขน กำแพงจากอาคารรอบๆ ก็แตกออกเป็นชิ้นๆ
ผมเข้าใจดีว่าเธอใช้ใยแบบพิเศษดักเอาไว้
[ โกหกใช่มั้ย!? แม้แต่เส้นใยของฉัน?!! ]
[ ขอโทษด้วยนะ พอดีมันขวางทางนะ … ]
ผมตัดเส้นใยเพื่อไม่ให้เรน่าได้รับบาดเจ็บ
ถึงเรน่าจะขยับเส้นใยที่มือยังไง ก็ทำไม่ได้หรอก
[ อะไรกัน… ผู้ชายที่ดูอ่อนแอคนนั้น จะเป็นอัศวินดำไปได้ยังไง! ]
จะบอกอ่อนแอก็ไม่ได้หรอกนะ แต่เราก็รอดมาได้เพราะความเข้าใจผิดของเธอ
อโทราคัวคงไม่เห็นผมเป็นศัตรูเลยสักนิด เธอเลยไม่ระวังตัวคิดว่าผมไม่ใช่คนที่ต้องระมัดระวังอะไร
แต่มันสายไปแล้ว ผมใช้เปลวไฟสีดำ
เผาเส้นใยจนหมด
อโทราคัวดูเหมือนกำลังจะหนี
[ ขอโทษด้วยนะ! แต่ไม่ยอมให้หนีได้หรอก! พันธนาการโลหิตดำ!! ]
จากนั้นก็มีเวทมนตร์กุหลาบสีดำปรากฏขึ้นและรัดร่างกายของอโทราคัวไว้
[ บ้าน่า! นี่มันเวทมนตร์ของซัลคิซิส!! ]
อโทราคัวบอกว่านี่เป็นเวทมนตร์ที่ซัลคิซิสเคยใช้ตอนที่อยู่ในอาณาจักรร็อก
แต่ผมเรียนเวทนี้มา
และยิ่งอโทราคัวรู้จักซัลคิซิสผมยิ่งปล่อยให้เธอหนีไปไม่ได้เด็ดขาด
[ ฉันชนะแล้วอโทราคัว ]
เรน่าก้มลงมองอโทราคัว
[ นี่มันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด… อย่างเธอจะไปร่วมมือกับราชาปีศาจ… ]
แม้อโทราคัวจะคร่ำครวญยังไงก็หนีไปจากหนามกุหลาบของผมไม่ได้
แน่นอนเรน่าไม่ได้รวมมือกับโมเดสหรอก แต่มันออกจะอธิบายลำบากหน่อย
[ โชคไม่ดีเลยนะอโทราคัว ตอนนี้การคุ้มกันตัวฉันน่ะปลอดภัยยิ่งกว่ามีนางฟ้านับพันรายล้อมซะอีก ]
เรน่าหัวเราะ
◆ สตรีแห่งดาบชิโรเนะ
เมื่อเราพบกับพวกคุโรกิ เราก็ได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในอาเรียดิน่า
[ นั่นมันเรื่องจริงเหรอ… ที่ว่าเธอไม่ใช่มนุษย์… ไม่ทันสังเกตเลยสักนิด ]
[ ค่ะ ดูเหมือนผู้หญิงคนนั้นจะปลอมตัวมาค่ะคุณหนู… ]
[ งั้นก็แปลว่า… เรื่องของพวกเราโดนอีกฝ่ายรู้ทันหมดเลย… ]
เราพยักหน้าให้กับคำพูดของคุณเคียวกะ
อโทราคัวปลอมตัวได้อย่างแนบเนียนมาก จนไม่ได้สังเกตเลยว่าเธอไม่ใช่มนุษย์
เป็นอันตรายหากจะปล่อยเธอไว้ จึงดีกว่าหากจับตัวไว้
[ แต่เรน่ารู้สินะ? ถึงได้บอกให้คุโรกิอยู่ด้วยกันที่เทสซาเซีย? ]
เรน่าไม่เหมือนเรา เธอคงจะรู้ตัวอยู่แล้ว เลยบอกให้คุโรกิอยู่ด้วยกัน
ใช้ตัวเองเป็นตัวล่อเพื่อหลอกล่ออโทราคัวที่ซ่อนตัวอยู่ออกมา เป็นแผนที่ดีจริงๆ
ถ้าไม่ทันสังเกตอโทราคัวก็จะแอบซ่อนตัวอยู่ต่อไป
ถ้ารู้ตัว อโทราคัวก็อาจจะหนีไปก่อนก็ได้
ดังนั้นเพื่อหลอกศัตรูจะต้องหลอกพรรคพวกให้ได้ก่อน อย่างนี้เองสินะ
[ เอ๋? ]
เมื่อฉันพูดอย่างนั้น เรน่าก็ทำสีหน้าแปลกใจ
[ เอ๊ะ? ]
หรือมันจะไม่ใช่? แล้วทำไมเรน่าถึงอยากอยู่กับคุโรกิสองต่อสองล่ะ?
[ ชะ ใช่แล้วค่ะ! ถูกต้องที่สุดเลยชิโรเนะ! ]
[ ว่าแล้วเชียว ]
ฉันพยักหน้า
เท่านี้เหตุผลที่คุโรกิกับเรน่าอยู่ด้วยกันก็ไขกระจ่างแล้ว
ก็คนสวยอย่างเรน่าไม่มีทางไปออกเดทกับคุโรกิได้หรอกเนอะ
ฉันนี่งี่เง่าจัง ที่เผลอคิดแบบนั้นไปนิดหน่อย
[ แล้วผลการตรวจสอบเป็นยังไงบ้างล่ะ? ]
[ เรื่องผลการตรวจสอบคงต้องไปฟังกับคุณเรจิน่าค่ะ แต่ตอนนี้เธอน่าจะอยู่กับคุโรกิกับพวกลิซาร์ดแมนน่ะ ]
ตอนนี้คุณเรจิน่ากำลังรายงานผลการตรวจสอบให้คุโรกิในห้องแยกกับพวกลิซาร์ดแมน
ลิซาร์ดแมนทำตามคำสั่งของคุโรกิเท่านั้น
จึงยากที่จะมารายงานตอนที่อยู่กับพวกเรา ดังนั้นพวกเขาเลยไปคุยกันในห้องที่แยกออกไป
ฉันไม่ได้ยินรายละเอียดจากเรจิน่าหรอก แต่ดูเหมือนเธอจะพบวิธีเข้าไปในเขาวงกตได้แล้ว
คนมากมายกำลังออกเคลื่อนไหวเพื่อช่วยพวกเรย์จิ แม้แต่เรย์น่าที่เป็นเทพธิดาก็พยายามเต็มที่เพื่อช่วยเรย์จิ
และคุโรกิเองยังมา แบบนี้พวกเรย์จิจะต้องปลอดภัยแน่
[ รอก่อนนะทุกคน ฉันจะไปช่วยเดี๋ยวนี้แล้ว ]
◆ อัศวินดำคุโรกิ
[ พยายามได้ดีมากเรจิน่า พวกนายด้วยนะ ]
[ ไม่เลยค่ะ แม้จะยากลำบากเพียงใดก็ขอแค่ได้รับใช้นายท่านก็พอแล้ว ]
[ เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ ]
เรจิน่าและลิซาร์ดแมนก้มหัวให้ผม
ต้องขอบคุณเรจิน่าที่ทำให้ผมเข้าใจภูมิศาสตร์รอบๆ เขาวงกตแล้ว
เขาวงกตชั้นที่ห้านั้นไม่สมบูรณ์เพราะไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อเป็นคุกตั้งแต่แรก
ถ้าเอามารวมกับแบบแปลนที่ได้จากเทพเฮย์บอสและข้อมูลที่ได้จากอโทราคัวก็พอจะจับทางได้แล้ว
[ นี่ อัศวินดำ! ฉันเองก็บอกเรื่องที่รู้ไปหมดแล้ว ปล่อยฉันไปได้แล้ว! ]
อโทราคัวตะโกนเพื่อขู่ผม
อโทราคัวเองก็บอกอะไรมาจนหมดเปลือกแล้ว
ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ให้คำสัญญาว่าจะจงรักภักดีกับเทพที่คุมเขาวงกตนี้อยู่เลย
[ ต้องขอบคุณที่บอกข้อมูลมาอย่างซื่อตรงแล้วกัน แต่ผมปล่อยคุณไปไม่ได้หรอก เพราะต้องส่งคุณไปที่นากอล ]
เมื่อได้ยินคำพูดของผม อโทราคัวก็ดูกังวล
ผมไม่ส่งตัวเธอให้เรน่าหรอก จงขอบคุณซะเถอะ ไม่งั้นอโทราคัวอาจจะต้องเจอกับเรื่องโหดร้ายก็ได้
และผมก็ไม่คิดว่าโมเดสจะทำอะไรโหดร้ายหรอก ดังนั้นจึงตัดสินใจจะส่งเธอไปที่นากอล
ดีล่ะ รวบรวมข้อมูลเสร็จแล้ว พรุ่งนี้เข้าไปในเขาวงกตกันเลย
ถึงในใจผมจะไม่อยากช่วยเรย์จิเลยก็ตามเถอะ
ผมคิดอยู่ในใจ