อัศวินดำ - ตอนที่ 61
◆ ราชินีอสรพิษเดียดอนน่า
วิหารบนภูเขาที่สูงที่สุดในโลกซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
วิหารนั้นมีคริสตัลสีฟ้าสวยงามและมีเสาหินที่ดูซับซ้อนรวมกันคล้ายกับรังนก
ที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อพบกับคาซ่า ผู้เป็นเจ้าของวิหารแห่งนี้
[ เดียดอนน่า ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมายังที่แห่งนี้ ]
คาซ่ามองมาที่ข้าขณะที่พูดออกมา
ดวงตาของเธอกำลังระวังข้าอยู่
คาซ่ากับข้าเป็นศัตรูกัน
ข้ายืนอยู่ข้างนากอลผูเป็นแม่และคาซ่ายืนอยู่ข้างโอกิสผู้เป็นพ่อ
[ ไม่จำเป็นต้องระวังตัวขนาดนั้นก็ได้คาซ่า ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาเรื่องเจ้าหรอก ]
ตอนนี้ทั้งท่านแม่และท่านพ่อก็ไม่อยู่แล้ว มันไม่ดีนักหรอกที่จะเป็นศัตรูกับคาซ่า
คาซ่ามีพลังในการทำนายแทนที่ดวงตาที่บอด
ถ้าเป็นไปได้ ข้าก็อยากเป็นเพื่อนกับเธออยู่หรอก
[ …. ถ้างั้นข้าขอฟังธุระของเจ้าหน่อยเดียดอนน่า ที่ถ่อมาถึงที่นี่คงไม่ใช่พูดเรื่องเล็กๆ ใช่มั้ยล่ะ? ]
[ คุยกันรู้เรื่องเร็ว ข้าก็ดีใจหน่อย งั้นข้าจะไม่อ้อมค้อม มาเป็นพวกเดียวกับข้ามั้ย? ]
[ ถ้าบอกให้ข้าเป็นพวกเดียวกัน แล้วใครล่ะเป็นศัตรู? ]
[ แน่นอน ก็พวกลูกหลานของมิน่าอยู่แล้ว ]
เมื่อข้าพูดออกไป คาซ่าก็มองมาที่หน้าของข้า
[ งั้นทำไมถึงพึ่งฉุกคิดอยากเป็นศัตรูกับพวกเขากันล่ะ? ]
[ เพราะลูกสาวของเมลฟิน่า เรน่าได้อัญเชิญผู้กล้าแห่งแสงมาจากโลกอื่นแล้ว เจ้าผู้กล้านั้นสามารถสร้างดวงอาทิตย์ขึ้นมาได้ ขืนปล่อยไว้มันจะอันตรายเกินไป ]
เดิมทีโลกนี้มีเพียงกลางคืนเท่านั้น
แต่โอกิสได้สร้างดวงอาทิตย์ขึ้นมาเพื่อมิน่า-เทพธิดาผู้มาจากอีกโลก เพราะอยากให้โลกนี้สดใสขึ้น
ข้าเองก็ไม่รู้ว่าโอกิสสร้างดวงทิตย์ขึ้นมาได้ยังไง
แต่มันก็เป็นความจริงที่ว่าดวงอาทิตย์นั้นฉายแสงไปทั่วโลกใบนี้
พ่อของข้าเป็นพวกโง่เขลา ถ้าสร้างดวงอาทิตย์ขึ้นมา การมีตัวตนของมิน่าก็จะถูกนากอลผู้เป็นแม่ล่วงรู้
สุดท้ายแล้วดวงอาทิตย์ก็แตกกลายเป็นสองส่วนทำให้มีครึ่งเดียวที่ส่องสว่างได้
โอดิสเองก็มีพลังแบบเดียวกับโอกิส เขาพยายามจะฟื้นฟูดวงอาทิตย์ แต่ดูเหมือนเพราะมันมีหนักหนาเกินไปจึงทำไม่สำเร็จ
และแล้วผู้กล้าแห่งแสงก็ปรากฏตัวขึ้น
ผู้กล้าแห่งแสงมีพลังแบบเดียวกับโอกิส
ถ้าโอดิสกับผู้กล้าแห่งแสงร่วมมือกันต้องทำให้ดวงอาทิตย์กลับมาเป็นอย่างเดิมได้แน่
ถ้าเป็นเช่นนั้นโลกใบนี้ก็จะกลายเป็นของลูกหลานของมิน่า
แน่นอน ข้าไม่ยอมให้เกิดขึ้นแน่
โลกนี้จะต้องเป็นกลางคืนที่มืดสนิท
[ แต่ผู้กล้าแห่งแสงคนนั้นก็แพ้อัศวินดำ ดังนั้นข้าไม่คิดว่าเขาจะอันตรายถึงขนาดนั้นหรอก… ]
[ แต่ผู้กล้าแห่งแสงก็ยังมีชีวิตอยู่ ตราบใดที่โมเดสยังมีอัศวินดำอยู่เขาก็คงไม่ตาย แต่จากข่าวลือที่ข้าได้ยินมา อัศวินดำคนนั้นทำหน้าที่เพียงป้องกันเท่านั้น ไม่ได้คิดจะฆาผู้กล้าแห่งแสงเลย ]
[ แต่ว่า… ตอนนี้ผู้กล้าแห่งแสงก็ถูกเลวิลรุสจับตัวอยู่ไม่ใช่เหรอ? เจ้าไม่จำเป็นต้องห่วงอะไรเลยนี่เดียดอนน่า ]
ข้าส่ายหัว
[ ไม่หรอก เพราะตอนนี้บาเรียที่ขังผู้กล้าแห่งแสงไว้ได้ถูกทำลายลงแล้ว ซัลคิซิสถึงได้รับร้อนกลับไป บางทีตอนนี้เลวิลรุสคงจะตกอยู่ในอันตราย เขาถึงได้รีบไปช่วย ]
อันที่จริงข้าต้องมาที่วิหารนี้กับซัลคิซิส แต่เขาสังเกตเห็นว่าบาเรียถูกทำลาย จึงรีบกลับไปที่เขาวงกตอย่างรีบร้อน
ข้าเองก็ว่าจะไปที่เขาวงกตเช่นกัน
แต่ก่อนหน้านั้นถ้าอยากจะเห็นหน้าคาซ่าสักครั้งก่อน
[ ไม่อยากเชื่อเลยนะ ว่ากระทั่งซัลคิซิสก็อยากช่วยเลวิลรุสด้วย ]
ข้าพยักหน้า
เลวิลรุสเป็นเทพปีศาจผู้มีแต่ความโลภและเกลียดชังเทพคนอื่นและข้าเองก็ไม่ได้อยากช่วยเขานักหรอก
[ มันก็ใช่ แต่ผู้กล้าแห่งแสงซึ่งเป็นคนรักของเรน่า ดังนั้นเลวิลรุสจึงคิดว่ายกโทษให้ผู้กล้าแห่งแสงไม่ได้ที่แย่งเรน่าไป ]
เลวิลรุสเป็นคนที่ซื่อตรงต่อความปรารถนาของตัวเองและไม่ยอมแพ้ที่จะเอาเรน่ามาเป็นภรรยา เขาจึงไม่ยอมยกโทษให้เด็ดขาดที่เรน่าโดนแย่งไป ตราบใดที่มีพลังล่ะนะ
[ หืม เพราะผู้กล้าแห่งแสงเป็นคนรักของเรน่า ไม่ใช่แค่เลวิลรุสที่ไม่พอใจผู้กล้าแห่งแสงคนนั้น แต่ยังมีเทพคนอื่นด้วยสินะ ]
ข้าพยักหน้าให้คำพูดของคาซ่า
เรน่าเป็นเทพธิดาที่สวยยิ่งกว่าอิชเทีย ผู้เป็นเทพธิดาแห่งความรักและความงามซะอีก
เรน่าคงจะสวยที่สุดในบรรดาเทพธิดาทั้งหมดแล้ว
ไม่เพียงแต่ในเอลีอัสเท่านั้น แต่มีเทพมากมายที่อยากแต่งงานกับเรน่าเช่นกัน
แต่ว่าจนถึงตอนนี้เรน่าก็ยังไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้น
แต่เพราะเธอเติบโตขึ้นมาพร้อมกับอัลฟอส เทพหนุ่มที่หล่อเหลาที่สุดในโลก เลยไม่มองหนุ่มคนอื่นเลยก็เป็นได้
ทว่าเหล่าเทพที่หลงรักเรน่านั้นก่อความวุ่นวายไปมากมายเลยล่ะ
[ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเธอดียังไง… แน่นอนนิสัยเองก็ไม่ได้ดีเลย ]
[ ใช่ เรน่านี่ช่างน่ารังเกียจจริงๆ ]
คาซ่าเห็นด้วยกับข้า
นิสัยของเรน่าก็แย่มาก แถมยังมีสายเลือดของเมลฟิน่าอีก
ทุกคนต่างก็สวย ไม่ใช่แค่เรน่า แต่เทพธิดาทุกคนที่มีสายเลือดของมิน่าต่างก็สวยทั้งนั้น
ข้าถึงได้รังเกียจและอยากทำลายพวกมันให้หมด
[ ไว้ข้าจะมาใหม่คาซ่า ไปคิดเรื่องที่จะมาอยู่ฝั่งข้ารึไม่ไว้ด้วยล่ะ ]
ข้าหันหลังให้คาซ่าและพูด
จากนั้นข้าก็ออกจากวิหารของคาซ่าเพื่อไปช่วยเลวิลรุส
◆ นักปราชญ์ผมดำจิยูกิ
[ จงออกมา บอนนาคอน!! ]
ตามการเรียกของเลวิลรุส จากนั้นก็มีวัวเพลิงออกมาเจ็ดตัว
บอนนาคอนคือสปิริตไฟระดับกลางที่จะใช้ไฟกับก้นที่ชี้มาโจมตีเรา เป็นการโจมตีที่เลวร้ายสุดๆ
[ ริโนะ!! ]
ฉันตะโกนด้วยเสียงตื่นตระหนก
[ เข้าใจแล้วค่ะคุณจิยูกิ! เคลฟี! ช่วยปกป้องทุกคนด้วย! ]
ริโนะอัญเชิญเคลฟีซึ่งเป็นสปิริตระดับกลางออกมา
เคลฟีสามารถอัญเชิญน้ำออกมาเพื่อป้องกันไฟได้
บอนนาคอนเองก็ไม่ถูกกับเคลฟีนักหรอก
จากนั้นบอนนาคอนและเคลฟีก็ปะทะกันและหายไป
[ เอานี้ไปกิน!! ]
นาโอะใช้บูมเมอแรงโจมตี
แต่ถึงบูมเมอแรงจะโจมตีโดนแขนของเลวิลรุสแต่มันก็ไม่ระคายผิวเลวิลรุสเลย
ร่างกายของเลวิลรุสเหมือนเกราะเวทและผิวนั้นยังแข็งเหมือนเหล็ก
การโจมตีของนาโอะคงไม่สามารถทำอะไรเลวิลรุสได้
[ มู่ การโจมตีของนาโอะไม่ได้ผลเลย ]
นาโอะพูดและกลับมา
[ คุณนาโอะช่วยปกป้องคุณซาโฮโกะที! เรื่องโจมตีให้ฉันกับเรย์จิคุงจัดการเอง! ]
ฉันพูดขึ้น จากนั้นก็ใช้หอกน้ำแข็งหลายอันให้พุ่งใส่เลวิลรุส
เลวิลรุสมีพลังป้องกันสูงมาก ไฟเองก็ไม่ได้ผล สายฟ้าก็ไม่ได้ผล
งั้นถ้าเป็นน้ำแข็งล่ะ
[ ฮึ่ม!! จะได้ผลรึเปล่านะ!! ]
แต่เวทมนตร์ของฉันก็ทำความเสียหายกับเลวิลรุสไม่ได้
แม้ใกล้จะถึงตัวเลวิลรุส
เวทมนตร์ของฉันก็ร่วงลงพื้นหมด
เป้นไปตามที่คาดไว้
ที่จริงแล้วเวทมนตร์ของฉันมีไว้เพียงบังตาของเลวิลรุสเท่านั้นเอง
เรย์จิคุงวิ่งไปจากทางด้านข้าง
[ เจอนี่หน่อยเป็นยังไง ประกายแสง!! ]
[ ฮึ! ]
เลวิลรุสตั้งโล่เวทมนตร์และเกิดกำแพงเวทขึ้น
มีสองนัดที่ผ่านและโจมตีเลวิลรุสได้
กำแพงเวทที่ล้อมรอยโล่หายไป
[ บัดซบ!! ]
เรย์จิเริ่มสังหรณ์ไม่ดี
[ ถ้างั้นเจอนี้ซะ!! ]
เลวิลรุสยกขวานยักษ์ขึ้นและฟันจนเกิดคลื่นกระแทกโจมตีพวกเรา
[ แสงจงปกป้องทุกคน!! ]
ซาโฮโกะร่ายเวททำให้มีกำแพงแสงปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเรา
แต่คลื่นกระแทกก็ทำให้กำแพงนั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ จนพวกเรากระเด็น
ถ้าโดนเข้าจังๆ อาจจะตายก็ได้
[ ไม่เอาแล้ว~~!!! ]
ริโนะพูดทั้งๆ ที่น้ำตาซึม
พลังทำลายของขวานนั้นทรงพลังมาก
ไม่คิดเลยว่าจะถึงขนาดทำลายเวทป้องกันของซาโฮโกะได้
[ อย่าบังอาจมาทำร้ายผู้หญิงของฉัน!! ]
เรย์จิที่หลบคลื่นกระแทกของเลวิลรุสได้ เข้าท้าท้ายเลวิลรุสตรงหน้า
[ ฮึ!! ]
เลวิลรุสฟาดดาบใส่เรย์จิ
เรย์จิหมุนตัวหลบดาบของเลวิลรุสและใช้ดาบฟันเท้าของเลวิลรุส
แต่ในตอนนั้นในห้องก็เรืองแสงขึ้นและแผลของเลวิลรุสก็หายไปอย่างรวดเร็ว
[ แค่คันๆ นิดหน่อย! แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอกน่า! ]
เกิดสายฟ้าขึ้นระหว่างเขาทั้งสองข้างของเลวิลรุส
ไฟฟ้านั้นเข้าช็อตเป็นบริเวณกว้างและทำให้เรย์จิหลบไม่ได้
เรย์จิโดนไฟฟ้าช็อตและหยุดเคลื่อนไหว
ในตอนนั้นเลวิลรุสก็พยายามใช้ขวานโจมตีใส่
เรย์จิกระเด็นไปด้วยแรงของขวาน
แต่ก็ลดแรงกระแทกเพราะร่างกายที่เหมือนสปริงก่อนจะชนเข้ากับกำแพงได้ทัน
[ ศรแสง!! ]
เรย์จิเตะกำแพงและใช้ลูกศรแสงโจมตี
[ มออออ!! ]
เลวิลรุสกระเด็น
[ สำเร็จแล้วเหรอ?!! ]
เรย์จิมองไปยังเลวิลรุส
แต่จากนั้นเลวิลรุสก็ลุกขึ้น
โล่ของเลวิลรุสกำลังส่องแสง
การโจมตีครึ่งนึงของเรย์จิดูเหมือนจะถูกโล่ป้องกันไว้ได้
[ บัดซบ… แกไอ้ผู้กล้าแห่งแสง มันเจ็บนะเว้ย แต่ระดับนี้ยังเอาชนะข้าไม่ได้หรอก! เพราะเขาวงกตนี้ทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้น!! ]
แสงจากทั้งห้องเปล่งประกายและมารวมกันที่ตัวของเลวิลรุส
ความรู้สึกนี้มันเหมือนกับตอนที่ต่อสู้กับโกเล็มที่ชั้นสี่เลย
บางทีเลวิลรุสคงกำลังฟื้นตัวเอง
[ ตราบใดที่ข้าอยู่ในเขาวงกตนี้ ข้าก็เป็นอมตะ แกชนะข้าไม่ได้หรอกเว้ย! ]
เลวิลรุสหัวเราะ
[ นี่มันแย่แล้วนะ! เราถอยกันเถอะเรย์จิคุง!! ]
ฉันตะโกน
[ เข้าใจแล้ว! ทุกคนไปรวบตัวกัน!! ]
เราทุกคนมารวมกลุ่มกันตามคำพูดของเรย์จิ
จากนั้นฉันก็ใช้เวทเคลื่อนย้าย
[ โกหกน่า?! ใช้ไม่ได้!! ]
ฉันตกใจมาก
เราใช้เวทเคลื่อนย้ายไม่ได้
[ น่าเสียดายนะ ตั้งแต่ชั้นที่ 11 มานี้พวกแกก็ไม่สามารถหนีข้าไปไหนได้อีกแล้ว ]
เลวิลรุสหัวเราะเมื่อเห็นพวกเราที่กำลังแตกตื่น
[ ดูท่าว่าพวกเราจะแย่แล้วล่ะค่ะ… ]
อย่างที่นาโอะบอก ขืนเป็นแบบนี้พวกเราอาจจะต้องตายจริงๆ ก็ได้
◆ เทพธิดาแห่งปัญญาและชัยชนะ
ฉันและเหล่าวาลคีเรียต่างมาที่เขาวงกตเพื่อรอต้อนรับเรย์จิ
[ ท่านเรน่า เรย์จิจะไม่เป็นไรจริงๆ เหรอคะ? ]
เนียร์มองลงไปจากเรือเหาะลอยฟ้าด้วยความกังวล
[ กังวลเรื่องอะไรล่ะเนียร์? ]
[ ไม่ค่ะ มันก็ต้องกังวลเป็นธรรมดานี่ค่ะ ]
เนียร์ส่งเสียงตื่นตระหนก
ท่าทีของเนียร์นี่เข้าใจง่ายดีจังนะ
[ ไม่เป็นไรหรอกเนียร์ เพราะเขา(คุโรกิ)แข็งแกร่งจะต้องปลอดภัยแน่ ]
ฉันพูดและมองไปยังเนียร์
[ ท่านเรน่านี่เชื่อใจเขาจังเลยนะคะ… ]
การแสดงออกของเนียร์ดูออกจะมืดมน
[ แน่นอน เพราะเขาเป็นอัศวินของฉันนี่นา ]
ตอนนี้คุโรกิเองก็อยู่ในเขาวงกตแล้ว
ดังนั้นฉันเลยไม่ห่วงอะไร
แตกต่างจากเนียร์
เหล่าวาลคีเรียคนอื่นๆ ต่างมองลงไปด้วยความกังวล
นี่ฉันควรจะกังวลด้วยเหรอ?
ฉันมองไปยังเหล่าวาลคีเรียที่กำลังมองลงไปข้างล่าง
[ ทุกคนไม่ต้องห่วงหรอก เรย์จิจะต้องกลับมาได้แน่ ]
เมื่อได้ยินคำพูดของฉัน เหล่าวาลคีเรียก็หัวเราะนิดหน่อย
คงดีขึ้นแล้วล่ะมั้ง?
[ ต้องกลับมาได้แน่… เพราะผู้หญิงคนนั้นก็กำลังมาทางนี้แล้ว ]
ฉันบ่นพึมพำขณะที่มองไปยังทิศที่คุนะกำลังมุ่งหน้ามา
◆ แม่มดสีเงินคุนะ
[ เกือบจะถึงแล้วโกเรียส จะถึงที่ที่คุโรกิอยู่แล้ว ]
ตอนนี้ฉันกำลังขี่โกเรียสอยู่
เพราะแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายทำให้คุนะรู้ว่าคุโรกิอยู่ที่ไหน
คุนะไม่ได้เจอคุโรกินานจนแทบทนไม่ไหวแล้ว
รอก่อนนะ คุนะกำลังจะไปหาแล้ว
[ รอก่อนนะคุโรกิ ]
◆ นักปราชญ์ผมดำจิยูกิ
[ ถึงขีดจำกัดแล้วคุณจิยูกิ ]
ริโนะพูดด้วยสีหน้าเหนื่อย
ฉันไม่เคยคิดเลยว่าริโนะที่กระปรี้กระเปร่าอยู่ตลอดเวลาจะมีใบหน้าที่อ่อนแรงได้ขนาดนี้
เพราะเป็นในเขาวงกตนี้ทำให้การใช้เวทมนตร์ยากขึ้น ยกเว้นตัวเลวิลรุสคนเดียว
ฉันต้องใช้พลังเวทมากกว่าปกติเพื่อใช้เวทแต่ละครั้ง
ซาโฮโกะเหนื่อยล้าเพราะต้องใช้เวทรักษาและเวทป้องกันซ้ำไปซ้ำมา
มีเพียงเรย์จิคนเดียวที่ยังเหลือพลังอยู่
มีเพียงเรย์จิที่พอจะต่อสู้กับเลวิลรุสได้ในตอนนี้
แต่ฉันไม่รู้ว่าเรย์จิจะรั้งไว้ได้นานแค่ไหน
เพราะเลวิลรุสได้รับพลังจากเขาวงกตนี้ตลอดเวลาทำให้ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย
สถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายมาก
ริโนะกับซาโฮโกะพยายามยืนขึ้นเพื่อต่อสู้ร่วมกับเรย์จิ
[ ยืนขึ้นสิ คุณริโนะ คุณซาโฮโกะ… เราต้องช่วยเรย์จิคุงสู้นะ! ]
ฉันพยายามลุกขึ้น
แต่ฉันเองก็ถึงขีดจำกัดแล้วเหมือนกัน
เรย์จิและเลวิลรุสกำลังต่อสู้อยู่ตรงหน้า
ฉันเองก็ไม่ยอมแพ้เรย์จิหรอกน่า
จะต้องต่อสู้จนถึงที่สุดแม้สถานการณ์จะแย่แค่ไหนและจะต้องชนะให้ได้
ดังนั้นฉันต้องไม่ยอมแพ้
ริโนะและซาโฮโกะเองก็พยายามลุกขึ้นยืนเหมือนกับฉัน
[ ทำไมถึงยังคิดจะสู้ต่ออีกล่ะ? ]
เลวิลรุสตะโกน
เลวิลรุสคงคิดว่าเราน่าสมเพซและเกะกะน่ารำคาญ
[ ใช่ เพราะพวกเรายังไม่แพ้!! ]
เรย์จิตั้งท่าดาบสองเล่ม
และมองไปเลวิลรุสที่กำลังอารมณ์บูดบึ้ง
[ งั้นข้าจะบอกอะไรให้รู้ไว้! ที่จริงแล้วข้ายังไม่ได้เอาจริง! เพราะมันจะลำบาก หากข้าใช้พลังเต็มที่!! ]
ร่างกายของเลวิลรุสเปลี่ยนเป็นสีแดง
[ ไม่จริงน่า จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้เอาจริงเลยเหรอ!!! ]
นาโอะส่งเสียงตกใจ
ฉันเองก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน ไม่นึกว่าเขายังมีไพ่ตายอยู่อีก
[ ไฟที่สถิตในร่างข้า! จงแผดเผาเหล่าคนที่อยู่ที่นี่ให้สิ้น!! ]
เมื่อเลวิลรุสพูดจบ ร่างของเลวิลรุสก็ห่อหุ้มด้วยเปลวไฟ
เปลวไฟจากร่างเลวิลรุสกระจายไปทั่วห้อง
[ โล่แสง!! ]
ซาโฮโกะร่ายเวทและปลดปล่อยพลังเต็มที่เพื่อป้องกัน
ร่างกายของเราถูกห่อหุ้มด้วยแสงเพื่อป้องกันเปลวไฟที่ลุกลามไปทั่วห้อง
[ ขอบคุณมากนะคุณซาโฮโกะ !! ]
ฉันมองไปที่ซาโฮโกะ
เรื่องนี้ต้องขอบคุณเธอจริงๆ
ดูเหมือนเธอจะใช้พลังเวทไปมากน่าดู
[ กรี๊ดดดด!! ]
[ อ๊ากกก!! ]
เสียงร้องดังมาจากข้างหลังของเลวิลรุส
ดูเหมือนเปลวไฟนั้นจะโดนกระทั่งผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังของเลวิลรุส
พวกเธอพยายามหนีแต่ก็โดนเปลวไฟเผาจนหายไป
[ นี่แก ฆ่ากระทั่งผู้หญิงของตัวเองเลยงั้นเหรอ? ]
[ ฮึ! มีผู้หญิงอีกมากมายมาแทนที่พวกมันอยู่แล้ว! พวกมันก็แค่ขยะ! ]
เลวิลรุสมองดูอย่างเบื่อหน่าย
[ หน๊อยแก!! ]
ฉันจ้องมองเลวิลรุส
อภัยให้ไม่ได้เด็ดขาด
[ ยูเลีย!! ]
เรย์จิวิ่งไปหายูเลีย
ยูเลียนั้นถูกปกป้องเอาไว้ได้เพราะเรย์จิ
จากนั้นเรย์จิก็พายูเลียมาหาพวกเรา
[ ทำไมกัน? ท่านเรย์จิ… ก็ฉัน ]
ยูเลียมองเรย์จิด้วยสีหน้าแปลกใจ
[ ฉันจะไม่ทอดทิ้งผู้หญิงของตัวเองเด็ดขาด วางใจเถอะยูเลีย ]
เรย์จิหัวเราะ
[ ท่านเรย์จิ… ]
ฉันเห็นยูเลียกำลังมองเรย์จิด้วยสายตาเปล่งประกาย
แต่ฉันกลับมองเธอด้วยสายตาเย็นชา
นี่มันจะเป็นการเพิ่มภาระให้ซาโฮโกะนะ เพราะเป็นการเพิ่มการป้องกันของบาเรียให้มากขึ้น
นี่นายรู้ตัวบ้างมั้ย?
[ ไฟของข้าจะไม่มีทางหายไป ดูสิ ว่าพวกเจ้าจะทนได้อีกสักกี่น้ำ? ]
เลวิลรุสเดินเข้ามาใกล้
จากนั้นเรย์จิก็วางยูเลียลงและไปเผชิญหน้ากับเลวิลรุส
ฉันเองก็พยายามจะช่วยด้วยการใช้หอกน้ำแข็ง แต่เวทมนตร์กลับไม่ออกมา
เมื่อมองไปที่ริโนะ เธอเอง็ไม่สามารถใช้สปิริตได้เหมือนกับฉัน
บางทีคงเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะใช้เวทมนตร์น้ำแข็งหรือสปิริตป้องกันไฟของเลวิลรุส
แค่เรย์จิเอาชนะเลวิลรุสไม่ได้หรอก
[ ไม่มีใครให้แกหวังพึ่งอีกแล้วผู้กล้า!! ]
[ แล้วมันยังไง! ฉันจะสู้คนเดียวเอง! ]
เรย์จิและเลวิลรุสเริ่มต่อสู้กัน
พวกเราทำได้แค่มองเท่านั้น
ช่างน่าสมเพซตัวเองจริง
[ ทำไม! ทำไมเจ้าถึงยังสู้ต่อ! ทั้งที่สถานการณ์กำลังจนมุม ทำไมเจ้าถึงยังไม่สิ้นหวัง! ]
[ เพราะพวกผู้หญิงของฉันยังอยู่ที่ด้านหลัง! ดังนั้นถึงจะเลวร้ายยังไงฉันก็จะสู้!! ]
[ งั้นข้าจะข้าผู้หญิงพวกนั้นทิ้งซะ ]
เลวิลรุสเลี่ยงเรย์จิและมุ่งหน้ามาหาพวกเรา
[ ทุกคนแยกกันหนีเร็ว!! ]
ฉันตะโกนเพื่อบอกให้ทุกคนแยกกันหนีไปคนละทิศ
คนที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือซาโฮโกะแต่หากอยู่กับนาโอะคงไม่เป็นไร
[ ไม่นะーーーーー! ท่านพ่อ! ]
ยูเลียกรีดร้อง
เพราะเห็นว่าเลวิลรุสกำลังมุ่งตรงมาทางยูเลีย
[ เล็งที่ลูกสาวตัวเองงั้นเหรอ!! ]
เรย์จิไปยืนขวางหน้ายูเลียด้วยความเร็วในพริบตาเพื่อป้องกันการโจมตีของเลวิลรุส
ตอนนี้ยูเลียขยับไม่ได้เพราะข้อเท้าแพลง
แต่เพราะยูเลียอยู่ด้านหลังทำให้เรย์จิต้องรับการโจมตีและขยับไปไหนไม่ได้
เรย์จิตกอยู่ในอันตรายและป้องกันการโจมตีด้วยดาบคู่
[ วะฮ่าฮ่าฮ่า ]
ดาบเล่มหนึ่งของเรย์จิหักและกระเด็นไปที่ด้านหลังยูเลีย
[ เรย์จิคุง!! ]
ฉันใช้กระสุนเวทโจมตีเลวิลรุสด้วยพลังทั้งหมด
เพื่อดึงความสนใจจากเรย์จิ
จากนั้นก็ปล่อยกระสุนเวทรอบต่อไป
[ ยัยผู้หญิงนั้น! น่ารำคาญชะมัด!!! ]
เลวิลรุสถอยห่างจากพวกเรย์จิและตรงมาทางฉัน
ฉันต้องรีบหนี
[ อ่ะ… ]
ฉันพยายามลุกขึ้นเพื่อหนีไป แต่ไม่มีแรงพอจะลุกขึ้นยืน
[ พลังเวทหมดแล้ว… ]
ฉันใช้พลังเวทจนหมด
แม้แต่ขาก็ยังไม่ยอมขยับ
[ คุณจิยูกิ!!! ]
ฉันมองเห็นนาโอะจากไกลๆ กำลังวิ่งมาทางนี้ แต่ไกลขนาดนั้นจะวิ่งมาก็ไม่ทันแล้ว
เลวิลรุสยกขวานขึ้น
ขวานนั้นกำลังเคลื่อนไหวมาที่ตัวฉันอย่างช้าๆ
นี่ฉันกำลังจะตายงั้นเหรอ?
น้ำตาฉันไหลออกมา ไม่มีใครช่วยได้อีกแล้ว ฉันคงไม่รอดแล้ว
ฉันหลับตาลง
[ มอออออ!! ]
ทันใดนั้นเสียงร้องของเลวิลรุสก็ดังขึ้น
ขวานนั้นไม่มาถึงตัวฉันสักที
เมื่อฉันลืมตาก็เจอกับชายชุดดำยืนอยู่
พอมองหาเลวิลรุสก็เห็นเขากระเด็นอยู่ไปไกล
เขาคงซัดเลวิลรุสจนกระเด็นไป
[ ไม่เป็นไรใช่มั้ย? ]
ชายชุดดำถามฉันที่อยู่ข้างหลัง
ฉันเคยได้ยินเสียงนี้มาก่อน เขาคือคนที่ช่วยฉันที่ห้องใต้ดินในอาณาจักรร็อก
เขามองย้อนกลับทำให้ฉันเห็นใบหน้าของเขา
[ คุณคือ…. ]
ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?
ทำไมเขาถึงได้ช่วยฉันกันล่ะ?
ไม่เห็นเข้าใจเลย
[ จากนี้ให้ผมจัดการเอง ถอยไปก่อน ]
จากนั้นร่างของเขาก็ถูกห่อหุ้มด้วยเปลวไฟสีดำ
เมื่อเปลวไฟสีดำหายไป ที่ตรงนั้นก็ปรากฏอัศวินเกราะดำ
ฉันเพิ่งจะรู้ตัว
ว่าเขาคือคนที่ช่วยฉันไว้ในอาณาจักรร็อก