อัศวินดำ - ตอนที่ 64
◆ อัศวินดำคุโรกิ
พวกเราบินผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวมายังเมืองเขาวงกตของเลวิลรุส
แต่ตอนนี้ไม่มีเทพปีศาจเลวิลรุสอยู่ที่นี่อีกแล้ว
เทพปีศาจถูกราชินีอสรพิษพาตัวไปที่ไหนสักแห่ง
มิโนทอร์เองก็ตามเลวิลรุสไป จึงไม่เหลือมิโนทอร์อยู่เลยสักตัว
ผมมายังเขาวงกตที่ไร้เจ้าของ และให้โกเรียสร่อนลงที่จตุรัสกลางเมือง
เพราะที่นี่เหมาะจะให้โกเรียสที่ร่างกายใหญ่โตอยู่
[ งั้นคุนะ เราออกไปกันเลยมั้ย? ]
เมื่อได้ยินที่ผมพูด คุนะก็พยักหน้า
[ อือ คุโรกิ ]
ผมก้าวลงจากโกเรียส จากนั้นก็มีเงามากมายออกมาจากอาคารรอบๆ
[ ท่านคุนะ นายท่านกำลังรออยู่เลยค่ะ ]
เจ้าของเงานั้นก้มหัวให้ผม
เงานั้นก็คือเรจิน่านั้นเอง
[ ขอบคุณนะเรจิน่าที่มา ]
เรจิน่าเป็นสาวกของผม ทั้งจิตวิญญาณและจิตใจจึงเชื่อมโยงกันและสาวกสามารถติดต่อกับเจ้านายได้ทุกเมื่อ
ผมคิดจะไปเที่ยวชมเมืองอาเรียดิน่ากับคุนะ ดังนั้นเลยฝากโกเรียสให้เรจิน่าคอยดูแล
นั่นคือเหตุผลที่ผมมาที่นี่
ที่นี่เหมาะสมแล้วที่จะให้โกเรียสหลบซ่อนตัว
รอบข้างเรจิน่า มีพวกลิซาร์ดแมนมาด้วย
[ ตราบใดที่เป็นคำขอร้องของนายท่าน ไม่ว่าที่แห่งใดก็จะไปค่ะ ]
เรจิน่าพูดด้วยสายตาเปล่งประกายสีทอง
เมื่อเห็นดวงตานั้น ผมกลับรู้สึกผิด
อันที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจจะติดต่อเรจิน่าไปหรอก
เรื่องหาที่ซ่อนโกเรียสเองก็คงหาได้
แต่มันจะเย็นชาไปหน่อยหากไม่ติดต่ออะไรไปเลยทั้งที่อยู่ใกล้ๆ กัน
ดังนั้นผมเลยคิดว่าติดต่อเรจิน่าไปคงดีกว่า เธอยื่นข้อเสนอว่าจะคอยดูแลพวกเราให้ขณะที่เราอยู่ที่เมืองอาเรียดิน่า
ผมเองก็ลังเลเรื่องข้อเสนอนั้นเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ยอมแพ้เพราะคำพูดของเธอ
นอกจากนี้มันก็ยากล่ะนะที่จะได้ที่พักดีๆ หากไม่มีสถานะพลเมือง
ดังนั้นผมเลยตกลงยอมรับข้อเสนอของเธอ
[ ผมรู้สึกผิดจริงๆ นะเรจิน่าและยังมาขอร้องให้เธอคอยดูแลโกเรียสอีก ]
ผมก้มหัวให้เรจิน่ากับพวกลิซาร์ดแมน
เขาวงกตนี้ควรอยู่ในการควบคุมของเทพเฮย์บอส แต่ในตอนนี้จนกว่าการเตรียมการจะเสร็จสิ้น เขาวงกตนี้จึงอยู่ในการจัดการของพวกผู้กล้าแห่งแสง
มันก็ดีล่ะนะ ที่คนคอยควบคุมดูแลเป็นเคียวกะที่เป็นน้องสาวของผู้กล้าแห่งแสง
และเรจิน่าเองก็เป็นผู้จัดการคนสำคัญที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดูแลเขาวงกตนี้ตามคำสั่งของเคียวกะ
ดังนั้นหากไม่ได้รับอนุญาตจากเรจิน่า ใครก็เข้ามาที่นี่ไม่ได้
จึงไม่มีปัญหา หากจะซ่อนโกเรียสไว้ที่นี่
พวกลิซาร์ดแมนเองก็เคารพนับถือมังกรอยู่แล้วและยังเทิดทูนโกเรียสมาก
[ ค่ะ นายท่าน เรื่องของโกเรียสปล่อยให้เราจัดการเถอะค่ะ… ]
จากนั้นเรจิน่าก็มองไปทางลิซาร์ดแมนและลิซาร์ดแมนก็เอากล่องขนาดเล็กมาให้
เรจิน่าเปิดกล่องนั้นและในนั้นก็มีชุดสวยงามมากมายอยู่
[ นี่มัน? ]
[ ชุดของนายท่านและท่านคุนะค่ะ และยังมีเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับเพื่อท่านคุนะด้วยค่ะ ]
[ งั้นเหรอ… ขอบคุณนะเรจิน่าที่คอยจัดการทุกอย่างให้ งั้นคุนะช่วยใส่ชุดพวกนี้ทีนะ ]
ผมรับเสื้อผ้าไว้และมอบให้กับคุนะ
คุนะเองก็ดูสงบลงกว่าเมื่อก่อน
ตอนนี้ไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านเรจิน่าอีกแล้ว
ถือว่าเป็นพัฒนาการที่ดีขึ้นนะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
[ นี่คืออะไรเหรอคุโรกิ? ]
[ มันเป็นชุดสำหรับปลอมตัวนะ เพราะคุนะสวยมาก หากเดินกับผมคงจะเป็นจุดเด่นมากถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากเดินเที่ยวอาเรียดิน่าอย่างสงบและไม่อยากให้คนแปลกหน้ามามองคุนะหรอก ]
เช่นเดียวกับเรน่า คุนะเองก็น่ารักมากเพราะงั้นต้องปิดหน้าไว้ขณะที่เดินเที่ยวในอาเรียดิน่า
นี่คือเหตุผลที่เรจิน่าเตรียมชุดไว้ให้
[ คุนะสวยเหรอ… เข้าใจแล้วล่ะคุโรกิ งั้นคุนะจะใส่ชุดพวกนี้นะ ]
คุนะพูดด้วยความดีใจจากนั้นก็ใส่ชุดพวกนั้นโดยให้เรจิน่าช่วย
ซึ่งชุดที่คุนะใส่นั้นเป็นเครื่องแต่งกายของผู้ศรัทธาเทพธิดาเฟย์เรียนั่นเอง
หากเป็นชุดนี้ก็จะปิดได้กระทั่งหน้าของคุนะ
[ เคลื่อนไหวตัวยากจัง… ]
คุนะส่งเสียงบ่น
[ ขอโทษด้วยคุนะ เดี๋ยวผมจะให้จับมือตอนเดินแล้วกัน อดทนหน่อยนะ ]
หากเดินแบบไม่ปิดหน้าไว้ก็จะลำบากและเดินปิดหน้าเองก็เดินลำบากเหมือนกัน
[ ได้จับมือคุโรกิเหรอ? อือ ถ้างั้นก็ไม่มีปัญหา ]
คุนะพูดออกมาด้วยความเชื่อมั่น
[ เอาล่ะ… ผมเองก็ต้องเปลี่ยนชุดด้วย ]
ผมถอดเกราะอัศวินดำออกและเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ให้
ไม่เหมือนเสื้อผ้าของคุนะ ชุดของผมเป็นชุดของคนรับใช้
ถ้าสวมชุดนี้ก็จะเข้ากับคุนะเพราะจะเสมือนว่าผมเป็นคนรับใช้ของคุนะ
[ รู้สึกไม่ชอบรึเปล่าคะ? ]
เรจิน่าถามด้วยความไม่สบายใจ
[ ไม่หรอก ผมเองก็ไม่ได้ชอบชุดสีฉูดฉาดด้วย ]
ผมไม่ชอบเป็นจุดเด่นน่ะนะ
ชุดที่เรจิน่าเลือกให้ก็ดีแล้ว
ตอนที่อยู่นากอล เรื่องชุดเรจิน่าก็คอยจัดการให้ผม
จึงรู้ว่าผมชอบชุดแบบไหน
[ แล้วเรจิน่า พวกเขายังอยู่ที่อาเรียดิน่างั้นเหรอ? ]
ผมถามเรจิน่า
[ ค่ะ ผู้กล้าแห่งแสงยังอยู่ที่อาเรียดิน่าค่ะ ฉันคิดว่าอย่างน้อยก็คงอยู่จนถึงวันงานฉลองพรุ่งนี้นะคะ… ]
เพื่อเป็นเกียรติแด่ผู้กล้า ดูเหมือนจะจัดงานฉลองให้อย่างยิ่งใหญ่ให้ผู้กล้าที่ช่วยเหล่าคนที่ถูกลักพาตัวไปในเขาวงกตและยังมีการปรับตารางเวลาก็เพราะมีบุคคลสำคัญจากประเทศต่างๆ จะมาร่วมงานฉลองด้วย จึงทำให้ล่าช้าเล็กน้อย
แปลว่าเรย์จิยังอยู่ในประเทศนี้
[ งั้นเหรอ… เอาเถอะ จะกังวลไปก็ไม่ช่วยอะไร… แล้วปกติก็ใช่ว่าจะได้เจอกันง่ายๆ อยู่แล้ว ลืมมันไป แล้วไปเที่ยวเมืองอาเรียดิน่าดีกว่า ]
สาธารณรัฐอาเรียดิน่าเป็นประเทศใหญ่ ผมไม่คิดว่าจะเจอกันได้ง่ายๆ หรอก
[ ค่ะ นายท่าน และฉันยังได้เตรียมคฤหาสน์แยกต่างหากของโทรุนมาร์คุสไว้ให้แล้วในอาเรียดิน่าค่ะ หากเป็นที่นั้นพวกท่านชิโรเนะคงไม่สังเกตเห็นแน่ ]
[ ขอบคุณมากนะเรจิน่า ]
และแล้วพวกเราก็มุ่งหน้าสู่สาธารณรัฐอาเรียดิน่า
◆ นักเต้นเซนน่า
[ ไปเมาอยู่ที่ไหนกันละเนี่ย?!! ]
ฉันเดินอยู่บนถนนตอนกลางคืนเพื่อตามหามัลเชียส
มัลเชียสเป็นคนในคณะการแสดงของ [ หูลา ] ซึ่งอยู่คณะเดียวกับฉัน
พรุ่งนี้ฉันต้องไปเต้นต่อหน้าผู้กล้า
แต่เจ้าบ้านั้นยังไม่กลับมาเลย
ดังนั้นมิดัส-หัวหน้าคณะเลยสั่งให้ฉันออกตามหามัลเชียส
[ เซนน่า ออกไปตามหาตัวมัลเชียสซะ ]
ฉันนึกถึงคำพูดของมิดัส
ฉันคิดว่ามันผิดพลาดมาตั้งแต่ที่ให้มารุสเชียสมาอยู่ในคณะแล้วล่ะ
แต่เพราะเจ๊ไอนอยเป็นคนแนะนำมัลเชียสให้มิดัสด้วยตัวเอง เขาถึงได้ร่วมคณะเราหรอกนะ
มัลเชียสเป็นคนมีปัญหา
เพราะเคยเป็นโจรมาก่อน
ชอบเล่นการพนันและดื่มเหล้าจนเมาเสมอ
ดังนั้นน่าจะไล่เขาออกจะยังดีซะกว่า
แต่มิดัสก็หัวแข็งไม่ยอม
เพราะคณะเรากำลังขาดคน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะของนักร้องประสานเสียงและนักดนตรีเบื้องหลังน่ะกำลังขาดคนมาก
ซึ่งมัลเชียสมีพรสวรรค์เรื่องขลุ่ยจนไม่มีใครจากคณะไหนจะเอาชนะเขาได้
มัลเชียสคุยโวว่าตัวเองเก่งยิ่งกว่าเทพอัลฟอสซะอีก
แม้ว่าฉันจะบอกเขาว่าให้กลับคำพูดจะดีกว่า แต่เขาก็ไม่ได้แก้ไขเลย
ยังไงฝีมือขลุ่ยของมัลเชียสก็ไม่ถึงขนาดท่านเทพอัลฟอสหรอก
นี่เป็นเหตุผลที่มิดัสทำเป็นมองไม่เห็นการกระทำของมัลเชียส
ฉันถอนหายใจ
มิดัสเป็นคนที่รักในเสียงเพลงและการเต้นมาก
เขานับถือท่านเทพธิดาอิชเทียซุ่งเป็นเทพแห่งการเต้นรำและท่านเทพอัลฟอสก็คือเทพแห่งเสียงดนตรีเป็นดั่งอาจารย์
ขอแค่มีพรสวรรค์ก็พอ นี่ล่ะปัญหาหนึ่งของหัวหน้าคณะ
เพราะหากมัลเชียสไปก่อปัญหา อาจจะทำให้โรงละครถูกแบนก็ได้
ฉันเข้าใจดีว่าเรากำลังขาดคน แต่ทำไมหัวหน้าไม่คิดถึงปัญหาที่จะตามมาสักหน่อยนะ?
นอกจากนี้เจ๊ไอนอย-ภรรยาของเขา ไปพามัลเชียสมาจากไหนล่ะเนี่ย?
ขณะที่ฉันคิดเรื่อยเปื่อยก็เดินไปถึงปลายทาง
นี่คือโซนที่ห่างจากจุดกลางเมืองค่อนข้างไกล
มีทั้งผู้อพยพ พวกอาชญากรมากมาย ความปลอดภัยจึงต่ำมาก
ไม่เหมาะให้ผู้หญิงมาเดินที่นี่เลย
ฉันเดินไปจนถึงร้านที่มีป้ายรูปแก้วแขวนอยู่มากมาย
เครื่องหมายแก้วนั้นคือตราประทับศักดิ์สิทธิ์ของเทพแห่งเหล้า
ซึ่งสัญลักษณ์นั้นปกติแล้วจะแขวนอยู่ในผับไม่ก็โรงแรม
มัลเชียสน่าจะอยู่ที่ไหนสักแห่งในร้านแถวนี้แน่
คงกำลังดื่มเหล้าอยู่ในร้านไหนสักร้านนี่ล่ะ
ฉันเดินตามถนนที่มีผู้คนสัญจรไปมามากมาย
หน้าร้านต่างๆ มีบริกรหญิงคอยชักชวนนักเดินทางอยู่
พวกเธอเป็นบริกรของร้านในขณะเดียวกันก็เป็นโสเภณีด้วย
ที่ชั้นหนึ่งนั้นจะเป็นโรงอาหารและที่ชั้นสองจะเป็นห้องนอนเพื่อเอาไว้ใช้นอนกับลูกค้า
โสเภณีเป็นเรื่องต้องห้ามในประเทศนี้ จึงต้องทำแบบแอบซ่อน
แน่นอน ไม่ได้หมายถึงว่าฉันส่งเสริมการกระทำของพวกเขาหรอกนะ
ถึงเราจะเป็นผู้ศรัทธาท่านเทพธิดาอิชเทียเหมือนกัน แต่ก็ต่างกัน
ท่านเทพธิดาอิชเทีย เปิดเสรีเรื่องความรักและยังเป็นเทพแห่งการเต้นรำ ขณะเดียวกันก็เป็นเทพของเหล่าโสเภณี
ฉันคิดขณะที่ตามหามัลเชียสในซอยด้านหลัง
บางทีเขาเองก็ง่วงจนพล็อยหลับในซอยเหมือนกัน
เมื่อฉันเข้าไปในซอย ด้านหน้าก็เจอชายสามคนยืนอยู่
ฉันเริ่มเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีและพยายามกลับไปทางเดิม
แต่เมื่อมองย้อนกลับไปก็เจอกับชายร่างใหญ่ยืนขวางอยู่
[ ไงน้องสาว กำลังตามหาใครอยู่ล่ะ? ]
ชายร่างยักษ์ถาม
[ ตามหาคนอยู่ก็ใช่หรอก แล้วมันยังไงเหรอ? ]
ฉันจ้องมองชายร่างยักษ์
[ แหม ข้าก็แค่จะช่วยอีกแรงแค่นั้นเอง ]
[ ไม่เป็นไรค่ะ… ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือหรอก ]
[ อย่าพูดอย่างนั้นสิ ]
ชายคนนั้นยื่นมือมาออกมา
[ อย่ามาแตะนะ!! ]
ฉันปัดมือเขาออกไป
[ หืม เป็นผู้หญิงที่แข็งแรงดีนี่ ดีเลย…. ไปเดทกันสักหน่อยจะเป็นไรไป ]
ชายคนนั้นแสยะยิ้ม
ฉันถอนหายใจ
และแตะที่ดาบตรงเอวซ้าย
ฉันเองก็มั่นใจในฝีมืออยู่พอตัวและคนพวกนี้ยังไม่น่าจะเก่งเท่าไหร่ คงเอาชนะได้
แต่มันจะมีปัญหาตามมาทีหลังได้
[ ขอโทษด้วยนะ แต่อย่างเธอทำอะไรเราไม่ได้หรอก ]
บางทีคนพวกนี้คงเป็นทหารรับจ้างแต่ดันไม่มีเงินจ่ายค่าจ้างโสเภณีในผับ
เพราะพวกเขาเคยต่อสู้กับปีศาจมาบ่อยครั้ง สำหรับการต่อสู้กับมนุษย์จึงไม่คณามืออีกแล้ว
งั้นคงลำบากหน่อยถ้าจะสู้กันล่ะนะ
ฉันวิ่งไปที่ผนังด้านข้าง
[ คิดจะทำอะไร!? ]
เพื่อนของชายคนนั้นตะโกน แต่ฉันไม่สนใจ
ฉันเตะกำแพงจากนั้นก็อาศัยจังหวะตีลังตาข้ามหลังชายร่างใหญ่
จากนั้นก็วิ่งหนีไป
[ รอเดี๋ยว!!! ]
ใครจะไปรอให้โง่ล่ะยะ
ฉันวิ่งไปตามถนนของเมืองตอนกลางคืนและหนีไป
ถ้ามาจนถึงที่นี่คงปลอดภัยแล้ว ฉันพักหายใจ
[ เซนน่า ]
จู่ๆ ก็มีเสียงคนเรียกฉัน
ที่ตรงนั้นมีชายคนหนึ่งยืนอยู่
ชายคนนั้นสวมเกราะและที่หน้าอกของเกราะมีตราสัญลักษณ์ของท่านเทพโอดิสอยู่
เขาเป็นอัศวินของวิหารโอดิส เป็นอัศวินที่ขึ้นตรงตามกฏหมายและเป็นคนที่คอยสืบสวนอาชญากรและรักษาความปลอดภัยของเมือง
[ พี่เดคิอัส ]
อัศวินคนนั้นคือพี่ชายของฉัน เดคิอัส
◆ นักเต้นเซนน่า
ฉันเดิมไปตามถนนบริเวณคลองน้ำกับพี่เดคิอัส
เรื่องการตามหามัลเชียสคงต้องยอมแพ้แล้วล่ะ
โซนนี้จะมีความปลอดภัยมากกว่าเมื่อกี้อยู่มาก
ฉันนึกถึงโซนเมื่อกี้
มีทั้งโรงแรมรายล้อมอยู่เต็มไปหมด
อาเรียดิน่าเป็นศูนย์กลางที่เชื่อมต่อระหว่างทวีปตะวันออกและตะวันตกจึงมีนักเดินทางมากมายจากประเทศต่างๆ
โดยเฉพาะช่วงนี้จะมีนักเดินทางมาเยอะมาก
เหตุผลก็เพราะผู้กล้าแห่งแสง ชาวเมืองจากประเทศเพื่อนบ้านของอาเรียดิน่าต่างมาที่นี่เพราะอยากเห็นผู้กล้าแห่งแสงกันสักครั้ง
ดังนั้นเหล่านักเดินทางจึงกลายเป็นเป้าของพวกโจร
ด้วยเหตุนี้พี่ชายของฉันซึ่งเป็นอัศวินจึงต้องเดินทางไปมา
ถนนและทางน้ำที่มีไฟอยู่กี่ดวง แต่เพราะวันนี้มีพระจันทร์เต็มดวงทำให้มองเห็นรอบๆ ได้อย่างชัดเจน แม้จะไม่ต้องใช้เวทแสงสว่างก็มองเห็น
[ พี่เหมาะกับชุดนั้นดีนะคะ ฉันเองก็อยากเป็นอัศวินของท่านโอดิสจัง ]
ฉันมองที่ชุดของพี่
ฉันและพี่เดคิอัสเติบโตมาในวิหารอิชเทียของเทสซาเซีย
แม่ของฉัน-อิทพาเซียเป็นนักเต้นที่มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นผู้ศรัทธาของท่านเทพธิดาอิชเทีย
ในตอนนั้นแม่ได้พบกับพ่อ นาคิอัส ・เพริเคทอส ซึ่งเป็นอัศวินของท่านโอดิสและตกหลุมรักกัน
แต่ว่าก็ไม่ได้แต่งงานกันอย่างเป็นทางการ เพราะเป็นอัศวินของท่านโอดิสกับผู้ศรัทธาของท่านอิชเทีย ทั้งสองจึงตัดสินใจเลิกกัน
แต่แล้วพ่อของฉันก็เลิกเป็นอัศวิน พี่ชายของฉันจึงกลายเป็นผู้สืบทอดของพ่อแทน
เราไม่ค่อยได้พบหน้ากันนักหรอก แต่บางครั้งเขาก็จะมาที่วิหารเพื่อมาหาฉันเหมือนกัน
[ ฮะฮะ พี่เองก็ยังอยู่ในระหว่างการฝึกฝนตัวเองนะ…. ชอบชุดแบบนี้งั้นเหรอ? แต่เซนน่าไม่ควรทำอะไรอันตรายหรอกนะ? ]
พี่เตือนฉันเพราะเรื่องก่อนหน้านี้
[ ฉันไม่ได้ทำเรื่องอันตรายขนาดนั้นสักหน่อย ]
ฉันถอนหายใจ
ผู้ศรัทธาของท่านโอดิสแตกต่างจากท่านอิชเทียตรงที่ห้ามโกหก
[ เป็นความจริงเหรอ? ที่ว่าเซนน่าขายตัวนะ…. ]
[ ไม่ใช่สักหน่อยค่ะ พี่เองก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันอยู่ในคณะโรงละคร และในอนาคตก็น่าจะได้เป็นนักแสดงนำแล้วนะ ]
ฉันหันหลังกลับไปตอบพี่
เด็กๆ ที่เติบโตที่วิหารอิชเทีย เมื่อโตขึ้นต้องออกไปทำมาหากินเองข้างนอก
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นโสเภณีกัน แต่ก็ใช่ว่าต้องเป็นโสเภณีเท่านั้น
ตัวฉันเลือกเส้นทางนักแสดง
ท่านเทพธิดาอิชเทียเป็นเทพแห่งการเต้นด้วย ดังนั้นการที่ฉันเลือกเส้นทางของนักแสดงก็ถือเป็นการส่งเสริมท่านเทพธิดาอิชเทียเช่นกัน
ฉันเข้าร่วมคณะ [ หูลา ] ด้วยความสามารถในการเต้นจึงได้รับการยอมรับจากมิดัส
ตอนนี้เลยยังได้รับมอบหมายบทนำการแสดงในอาเรียดิน่า นี่ถือเป็นโอกาสครั้งใหญ่
มันไม่ดีต่อเจ๊ไอนอย แต่ฉันอยากจะได้รับบทนำครั้งนี้
[ รู้แล้วล่ะ เรื่องอัลเฟเรียสินะ ไว้จะไปดูนะ ]
โดยครั้งนี้เราจะเล่นละครเรื่องอัลเฟเรีย
เป็นเรื่องราวของเจ้าหญิงผู้กล้าหาญซึ่งไปช่วยคนรักที่ถูกแม่มดลักพาตัวไป
แต่การแสดงถูกเลื่อนไปเพราะงานฉลองของผู้กล้า แต่ฉันเองก็อยากให้พี่มาดูอยู่นะ
[ ค่ะ ต้องมาให้ได้นะคะพี่ ]
พี่ชายพยักหน้า
[ แต่เซนน่า ช่วยบอกคำตอบก่อนหน้านี้หน่อยได้มั้ย? ]
ฉันมองพี่
[ เรื่องนั้นอีกแล้วเหรอคะ? ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอกค่ะ ฉันยังเคารพบูชาท่านอิชเทีย ดังนั้นฉันยังไม่คิดจะแต่งงานหรอกค่ะ ]
พี่เป็นห่วงฉันในฐานะที่ฉันเป็นผู้ศรัทธาท่านเฟย์เรีย
แต่ว่าฉันไม่ได้วางแผนที่จะแต่งงาน
ฉันเองก็เหมือนแม่ ฉันภูมิใจที่ตัวเองได้เป็นผู้ศรัทธาของท่านอิชเทีย
นั่นคือเหตุผลที่ฉันไม่คิดจะแต่งงานอย่างจริงจัง
[ แต่ขืนเป็นแบบนี้… น้องอาจจะโสดไปตลอดชีวิตก็ได้… ]
พี่ของฉันดูท่าทางจะไม่สบายใจ
เพราะพี่เป็นผู้ศรัทธาของท่านโอดิสจึงไม่รู้ ชายหญิงน่ะไม่ได้ขึ้นอยู่กับการแต่งงานเสมอไปหรอกนะ
ฉันถึงพูดได้
[ พี่บอกแค่ฉัน แล้วพี่ไม่แต่งงานบ้างเหรอ? ได้ยินว่ามีคนส่งคำขอแต่งงานมาเยอะเลยนี่ ]
ฉันถามพี่
พี่ชายของฉันเองก็หล่อใช่ย่อย ถึงแม้จะเป็นในมุมมองของน้องสาวอย่างฉันก็เถอะ
มีเจ้าหญิงจากหลายๆ ประเทศส่งคำขอแต่งงานมาหาพี่เยอะมากเลยล่ะ
แต่พี่ดูเหมือนจะปฏิเสธทุกคนจนหมด
[ เรื่องนั้นไม่เอาหรอก…. พี่ยังอยู่ระหว่างการฝึกฝนน่ะนะ ดังนั้นตอนนี้ยังไม่คิดถึงเรื่องการแต่งงานหรอก ]
เมื่อได้ยินฉันก็ถอนหายใจ
อย่างพี่ฉันคงเป็นไปไม่ได้สินะ
ดูเหมือนว่าหลายๆ สิ่งจะเพราะสภาพแวดล้อมและได้รับผลกระทบจากแม่
นั่นคือเหตุผลที่พี่ไปเป็นผู้ศรัทธาของท่านโอดิส
นอกจากนี้ฉันเองก็คิดว่าพี่ชายที่เงียบขรึมเหมาะกับเป็นเทพโอดิสด้วย
ฉันล่ะอยากเห็นคนที่พี่คนนี้ตกหลุมรักจริงๆ เลย
น่า ก็แค่คิดล่ะนะ
ฉันเดินไปตามถนนบริเวณคลองน้ำ
และมองไปตรงหน้า
ที่ตรงนั้นมีชายและหญิงอยู่คู่หนึ่ง
เดิมทีก็คิดว่าพวกเขาเป็นคนรักกัน แต่ฝ่ายหญิงนั้นน่าจะเป็นผู้ดี แต่ฝ่ายชายน่าจะเป็นคนใช้ ดูจากชุดที่ใส่ล่ะนะ
พวกเขาคงเป็นคนที่ประเทศอื่นที่มาเพื่อดูผู้กล้าแห่งแสง
[ เป็นนักเดินทางจากประเทศอื่นรึเปล่านะ? งั้นแล้วพวกเขามาทำอะไรในที่แบบนี้? ถึงโซนแถวนี้จะปลอดภัย แต่ตอนกลางคืนมันก็ยังอันตรายอยู่ดี ]
ฉันพูดขึ้นขณะที่มองไปยังพวกเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ
เพราะที่แถวคลองน้ำนี้อันตรายมากหากจะมาเดินเล่นตอนกลางคืนแบบนี้ เพราะผู้คนที่สัญจรไปมาจะน้อยกว่าตอนกลางวัน
บางทีเธอเป็นลูกสาวขุนนางของสักประเทศซึ่งอาศัยอยู่แต่ในสถานที่หรูหราแน่ๆ
เพราะบรรยากาศมันบอกแบบนั้น
คงไม่ใช่ว่าเป็นเจ้าหญิงของสักประเทศที่หนีมาเที่ยวข้างนอกหรอกนะ
แต่นี่มันก็ดึกมาแล้ว ยังไงก็ควรจะไปเตือนบ้าง
[ บางทีคงต้องไปเตือนพวกเขาสักหน่อย… เซนน่ารออยู่ที่นี่ได้มั้ย? ]
พี่หันกลับมาถามฉัน ฉันเองก็คิดแบบเดียวกัน
[ เข้าใจแล้วค่ะพี่ ]
จากนั้นพี่ก็เดินเข้าไปใกล้สองคนนั้น
ทั้งสองเดินอยู่ริมทางขณะที่จ้องมองดวงจันทร์
[ คนตรงนั้นนะ ขอถามนิดหน่อยได้มั้ย? ]
เมื่อพี่เข้าใกล้สองคนนั้นก็เรียกพวกเขา
ผู้หญิงคนนั้นหันหน้ามาตามเสียงเรียก
[ เอ๊ะ…? ]
ฉันส่งเสียงประหลาดใจ
เพราะผู้หญิงคนนั้นสวยมาก
เพราะแสงจันทร์ส่องไปที่ใบหน้าของเธอ ทำให้ฉันเห็นหน้าเธอได้อย่างชัดเจน
ผิวสีขาวอมชมพู ใบหน้าที่สมส่วนและดูดี
ริมฝีปากสีแดงอวบอิ่ม
ดวงตาที่งดงามเหมือนดวงดาว
และผมสีเงินที่งดงามสะท้อนแสงจันทร์
ทำเอาฉันละสายตาไม่ได้เลย
[ อะไร…? ]
หญิงสาวที่ปิดหน้าพูดและจากนั้นชายที่ดูเหมือนคนรับใช้พยายามปกป้องเธอคนนั้น
[ มีเรื่องอะไรเหรอครับ? ]
ชายที่เหมือนคนรับใช้ถามขึ้น
พี่จับจ้องไปที่เธอคนนั้น
[ เอ่อ… คือ… ]
พี่พยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ดูจะพูดไม่เป็นประโยค
เพราะมีสาวสวยขนาดนั้นอยู่ตรงหน้า คงกำลังตะลึงอยู่ล่ะนะ
ฉันเข้าใจความรู้สึกของพี่
[ เอ่อ… คุณอัศวินงั้นเหรอ? แต่เราแค่มาเพื่อดูผู้กล้าแห่งแสง ไม่ใช่คนน่าสงสัยหรอกครับ ]
คนที่ดูเหมือนคนใช้พูดออกมาแต่พี่ก็ยังอ้ำๆ อึ้งๆ พูดไม่ออกเหมือนเดิม
คงละสายตาจากเธอคนนั้นไม่ได้
เขามองเธอคนนั้นมองด้วยสีหน้าแปลกๆ
บางทีในใจคงฟุ้งซ่านไปหมดแล้ว
[ พี่คะ!! ]
ฉันตะโกนใส่หูของพี่
ในที่สุดเขาก็กลับมาได้สติสักที
[ เอ่อ.. อ่ะ ]
[ เรื่องที่จะเตือนพวกเขาล่ะ! ]
[ อา… ใช่แล้ว! ตอนกลางคืนมันอันตราย ดังนั้นโปรดอย่าออกมาเดินเล่นข้างนอกจะดีกว่าครับ! ]
เสียงของพี่ดังขึ้น
และมองดูปฏิกิริยาจากเธอ
เธอมองกลับมาสายตาเย็นชา ฉันล่ะไม่มีอะไรจะพูดกับผู้ชายคนนี้เลยจริงๆ
[ งั้นเหรอครับ… ขอบคุณมากสำหรับคำเตือนครับ ]
ชายคนนั้นพูด จากนั้นก็กลับไปพร้อมกับเด็กสาวผมสีเงินคนนั้น
[ เธอสวยสุดยอดไปเลยเนอะพี่ ขนาดฉันยังเผลอหลงไปแว่บหนึ่งเลยล่ะ… ]
ฉันพูดกับพี่จากด้านหลัง
แต่เขาไม่ตอบ
[ นี่ พี่คะ? ]
แม่ว่าฉันจะเรียกยังไง เขาก็ยังเฝ้ามองทิศทางที่สองคนนั้นเดินจากไป
[ เทพธิดา…. เทพธิดาแห่งแสงจันทร์… ]
พี่พึมพำ
ด้วยใบหน้าหลงใหล
ดูเหมือนพี่ชายฉันจะตกหลุมรักเธอคนนั้นเข้าแล้วสินะ
◆ อัศวินดำคุโรกิ
[ ยินดีต้อนรับกลับค่ะ นายท่าน ท่านคุนะ ]
เมื่อผมกลับไปที่คฤหาสน์ ที่นั้นก็มีเรจิน่ายืนต้อนรับอยู่
ผมไปเดินดูเมืองตอนกลางคืนกับคุนะมา
เพราะมันยังเร็วไปที่จะนอนล่ะนะ เลยไปออกเดินเล่นสักหน่อย
[ ลำบากหน่อยนะเรจิน่า ]
คุนะพูดออกมา
เธอดูเป็นสุภาพสตรีขึ้นเยอะ
[ ขอบคุณที่อุตส่าห์มาต้อนรับนะเรจิน่า ]
แม้จะดึกแล้วเรจิน่าก็ยังมาคอยต้อนรับผม
[ แล้วนายท่านคะ ไปเดินเล่นตอนกลางคืนเป็นยังไงมากคะ? ]
[ ก็ดีนะเรจิน่า เทียบกับประเทศอื่นแล้ว อาเรียดิน่าดีกว่าเยอะเลยล่ะ ]
สาธารณรัฐอาเรียดิน่า เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดของมนุษย์ที่ผมเคยเห็นเลยล่ะ
ในประเทศเล็กๆ นั้นตอนกลางคืนจะมืดสนิท แต่อาเรียดิน่ากลับมีแสงสดใสแม้จะเป็นตอนกลางคืนอยู่หลายแห่ง
แต่มันก็มีเรื่องต้องห้ามอย่างสถานที่ไม่ดีอยู่ ผมเลยไม่กล้าพาคุนะไป
จากที่ผมพบกับตัว โรงแรมในโลกนี้ชั้นหนึ่งจะเป็นห้องอาหาร
เจ้าของโรงแรมส่วนมากจะเป็นผู้ศรัทธาเทพเนคเทอร์-เทพแห่งเหล้า โดยมีเครื่องหมายศักดิ์สิทธิ์ของเนคเทอร์ติดอยู่ที่หน้าร้าน
ที่ชั้นหนึ่งจะเป็นสถานที่สำหรับให้ลูกค้าดื่ม ทานอาหาร และเล่นการพนัน
ส่วนชั้นสองนั้นบริกรหญิงจะคอยชวนไปนอนด้วยกัน บริกรหญิงส่วนใหญ่จึงเป็นโสเภณี
ในโลกนี้ความบันเทิงของผู้ชายส่วนใหญ่จึงเป็นการดื่มเหล้าและการซื้อบริการ
แต่ว่าเพราะประเทศนี้มีความศรัทธาต่อเทพธิดาเฟย์เรียอย่างมาก จึงไม่อาจทำแบบเปิดเผยได้
แต่มันก็ระงับความอยากของมนุษย์ไม่ได้อยู่ดีล่ะนะ การพนันและการค้าประเภณีจึงต้องทำแบบลับๆ
และผมก็พาคุนะไปที่นั้นไปไม่ได้ด้วย เลยเดินผ่านไป
ดวงจันทร์วันนี้สวยมาก ดังนั้นมองดูดวงจันทร์ก็ดีเหมือนกัน
เมื่อแสงจันทร์ส่องมาที่คุนะทำให้คุนะยิ่งสวยขึ้นไปอีก
ดูเหมือนคุนะจะดูเป็นประกายกว่าที่แล้วๆ มา
ทำให้ผมจับจ้องคุนะ
จนตัวเองไม่ได้ทันสังเกตอะไรเลย
ในตอนนั้นผู้ชายที่ดูเหมือนอัศวินก็ร้องเรียกพวกเรา คุนะในสภาพน่าหลงใหลมองพระจันทร์อยู่ หันไปมองเขา
ผมจำไม่เห็นได้เลยว่าเคยรู้จักเขามาก่อน
คุนะจ้องเขม็งไปที่อัศวินคนนั้น
อัศวินคนนั้นคงไม่ได้สังเกตเลย ว่าคุนะกำลังคิดจะใช้เวทฆ่าเขา
เขาคงตายไปแล้ว ถ้าผมไม่ห้ามเอาไว้
อัศวินคนนั้นพาสาวสวยคนนึงมาด้วย
เขาคงจะเป็นพี่ชายของเธอรึเปล่านะ? เพราะผมได้ยินเธอเรียกเขาว่าพี่ชาย
เพราะดูไม่เหมือนพวกเขาเป็นคนรักกันเลย
[ จะว่าไปเรจิน่า… พร้อมรึยัง? ]
จู่ๆ คุนะก็ถามเรจิน่าขึ้น
[ ค่ะ ท่านคุนะ ฉันเตรียมอ่างอาบน้ำไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ ]
[ เหรอ งั้นคุโรกิไปด้วยกันนะ ]
จากนั้นคุนะก็ดึงผม
[ ไม่… ไม่ดีหรอกนะรู้มั้ย และยังมีเรจิน่าอยู่ด้วย ]
ขืนเป็นแบบนี้แย่แน่ เพราะร่างกายส่วนล่างของผมมันจะตื่นเอานะสิ
[ ถ้ากับคุโรกิไม่เป็นไรหรอก วันนี้คุนะอารมณ์ดี จะยอมให้เรจิน่าร่วมด้วย ดังนั้นไม่มีปัญหาแล้วล่ะ ]
คุนะพูดออกมาขณะที่หัวเราะ
ดูเหมือนนี่จะเป็นความคิดของคุนะ แต่มันจะเป็นปัญหา
เดิมทีเรจิน่าอาจจะไม่ชอบก็ได้
[ ขอบคุณมากค่ะ! ขอบคุณจริงๆ ท่านคุนะ! งั้นฉันจะร่วมด้วยนะคะ!! ]
ขัดกับความคาดหวังของผม เรจิน่าดูดีใจซะอย่างนั้น
แม้กระทั่งเรจิน่าก็ดึงมือผมไปอาบน้ำด้วย
ผมที่โดนคุนะและเรจิน่าดึงไปต้องปล่อยตัวไปตามแรง
ถึงผมจะแข็งแกร่งขนาดไหนก็ต้านทานไม่ได้เลย
◆ ชายผู้เป็นวายร้ายคนหนึ่ง มัลเชียส
ข้าเดินในถนนใต้ดินมืดๆ
ไม่ว่าจะมากี่ครั้งก็ยังรู้สึกแย่ไม่เปลี่ยน
หลังจากเดินมาสักพัก ข้าก็มาห้องยังห้องที่ถูกเปิดไว้
ที่นั้นมีหญิงสาวอยู่หลายคน
พวกเธอแต่งกายด้วยชุดสีดำ
สุดทางของห้องมีรูปปั้นที่มีหัวเป็นแพะอยู่
ที่นี่ก็คือแท่นบูชาและพวกเธอกำลังบูชาสิ่งนั้นอยู่
[ มาแล้วรึมัลเชียส ]
ผู้หญิงคนหนึ่งมองมาที่ข้า
เธอเป็นสาวสวยที่อายุประมาณ 20
แต่ข้ารู้ว่าเธอไม่ได้ดูดีเหมือนภายนอก
[ ฮะฮะ เจ๊ไอนอย จู่ๆ ก็เรียกมาในที่แบบนี้มีอะไรรึ? พรุ่งนี้ข้าต้องไปแสดงต่อหน้าพวกผู้กล้านะ ]
ข้ายิ้มแบบแข็งๆ
[ มันก็เรื่องนั้นแหละมัลเชียส วันพรุ่งนี้เจ้ากับยัยนั่นต้องไปแสดงต่อหน้าพวกผู้กล้าใช่มั้ยล่ะ? ดังนั้นข้าถึงได้เรียกมาที่นี่ไงล่ะ ]
ไอนอยพูด
น่าจะเป็นเรื่องของเซนน่า
เธอเป็นคนที่คอยเอาใจเจ้าของคณะ
ไอนอยเกลียดเซนน่ามาก
จนกระทั่งเมื่อไม่นานนี้ เซนน่าถูกยกย่องให้เป็นดอกไม้แห่งคณะละคร [ หูลา ]
ตัวเซนน่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
แต่มีเพียงตัวเซนน่าคนเดียวเท่านั้นที่ไม่คิดว่าตัวเองจะถูกผู้กล้าเรียกไปให้แสดงต่อหน้าพรุ่งนี้
ข้าเองก็ถูกเรียกตัวไปเหมือนกัน แต่ข้าก็แค่ตัวแถม
พรุ่งนี้เซนน่าต้องไปเต้นรำ ส่วนข้าก็แค่คนเป่าขลุ่ย เหมือนเป็นตัวตลกนั้นแหละ
[ ไม่มีทางเลือก แล้วนั่นมันเป็นงาน ]
ข้ายกมือทั้งสองข้างขึ้นและส่ายหัว
[ งั้นก็ดี เอาล่ะมัลเชียสรับสิ่งนี้ไปสิ ]
ไอนอยเอาบางอย่างออกมา
[ นี่มัน… ขลุ่ย? ]
ข้ามองของสิ่งนั้นและพูดออกมา
[ ใช่แล้ว เมื่อเจ้าเป่าขลุ่ยั้นเจ้าจะสามารถควบคุมปีศาจได้ ข้าอยากให้เจ้าฆ่ายัยเด็กนั้นซะ ]
ไอนอยพูดออกมาโดยไม่ลังเล
[ ฆ่าเซนน่า….?? ]
ข้าไม่คิดเลยว่าไอนอยจะเกลียดเซนน่าถึงขนาดนั้น
[ ทำเหมือนเป็นลูกหลงไปก็ได้… แสร้างทำเป็นว่าพวกปีศาจเล็งเป้าหมายไปที่แขกที่มาร่วมงานฉลอง แค่นั้นก็ไม่มีใครเอาผิดได้แล้ว ]
คำพูดของไอนอยทำให้ข้าตะลึง
เธอเสียสติไปแล้ว
หญิงสาวที่อยู่รอบๆ ต่างหัวเราะคิกคัก
พวกเธอทุกคนที่นี่คือแม่มด
พวกเธอต่างเป็นผู้บูชาเซเทอร์-เทพจึงได้มาร่วมมือกัน
ส่วนตัวข้าก็คือแกะที่ถูกบูชายัญ
ข้ามองไปที่ขลุ่ยนั้น
มันมีตราประทับสีดำของแพะสีดำสลักอยู่ตรงนั้น