อัศวินดำ - ตอนที่ 66
◆ อัศวินดำคุโรกิ
งานเลี้ยงฉลองให้กับเรย์จิ ผู้กล้าแห่งแสงเริ่มขึ้นในช่วงบ่าย
ดังนั้นข้างนอกจึงยังสว่างอยู่
เมื่อมองไปข้างนอกก็มีหลังคาก็คุมบริเวณงานด้วยผ้าบางๆ
เรือขนาดใหญ่หลาบลำเชื่อมต่อกัน ผมกับคุนะก็อยู่บนเรือที่ห่างไกลออกไปเล็กน้อย
[ มู่~~~~ ]
คุนะส่งเสียงร้องขณะที่อยู่ข้างผม
[ มีอะไรงั้นเหรอคุนะ? ไม่อร่อยเหรอ? ]
อาหารมากมายวางเรียงรายอยู่ตรงหน้า
ทุกจานต่างเป็นอาหารที่ถูกเสิร์ฟในงานเลี้ยง
ตัวอย่างเนื้อของฮากิสนี่ ผมพูดได้เต็มปากเลยว่าไม่อร่อย
อากิสเป็นนกที่อาศัยอยู่แถบที่ราบสูง ทั้งร่างปกคลุมด้วยขนมีรูปร่างกลมและมีจะงอยปากเหมือนเป็ด
อากิสนั้นจับตัวได้ยากมากเพราะเคลื่อนไหวตัวเร็วด้วยสามขา
ผมรู้สึกว่ามันผิดปกติที่เนื้อของฮากิสถูกเสิร์ฟในงานปาร์ตี้อย่างนี้
ดูเหมือนคนที่เผลอกินเนื้อฮากิสเข้าไปก็คงรู้สึกแย่เป็นธรรมดา
ดูท่าทางที่คุนะอารมณ์บูดก็เพราะเรื่องนี้แน่
[ ไม่ใช่สักหน่อยคุโรกิ! ทำไมชิโรเนะถึงอยู่ที่นี่ด้วยล่ะ!!? ]
คุนะตอบขณะที่มองไปยังชิโรเนะที่อยู่ข้างๆ
ชิโรเนะกำลังเกาะติดแขนขวาผม
[ ขอโทษด้วยนะคะท่านคุนะ… พอดีท่านจิยูกิฝากให้ฉันคอยดูแลท่านชโรเนะน่ะค่ะ เลยต้องทำอย่างไม่มีทางเลือก ]
เรจิน่าก้มหัวขอโทษ
เดิมทีที่พวกเรามาที่นี่ก็เพราะได้รับคำเชิญให้ร่วมงานเลี้ยงจากเรจิน่า
ผมคิดแค่ว่าจะมาหาของอร่อยๆ กินกับคุนะเท่านั้นเอง
ตามกำหนดการ เรจิน่าจะมาพบเราหลังจากทักทายคนใหญ่คนโตของประเทศพร้อมกับเรย์จิก่อน
แต่ว่าก็เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น เพราะชิโรเนะเมาไปแล้ว ดังนั้นจึงถูกขอร้องให้ช่วยดูแลและต้องพามาที่นี่โดยไม่มีทางเลือก
[ ตาบ้าคุโรกิ… หายหัวไปอยู่ไหนกันย๊าา~ ฉันเป็นห่วงนะรู้มั้ย~ ]
ชิโรเนะหายใจออกมาขณะที่มีกลิ่นเหล้าหึ่ง
เหม็นจริงๆ แฮะ
ผมเองก็อยากดื่มอยู่หรอก
แต่ตัดสินใจดื่มที่น้ำผลไม้ดีกว่า ในแก้วของผมจึงมีแค่น้ำผลไม้
ที่จริงมันก็มีเหล้าที่ทำมาจากผลไม้อยู่หรอก แต่ผมรู้สึกไม่อยากดื่ม
จะว่าไป ที่โลกนี้มีเหล้ากลั่นด้วยนี่นา
เหล้ากลั่นส่วนมากจะทำโดยผู้ศรัทธาของเทพเนคเทอร์ แต่จะทำในวิหารของฟานาเคียซึ่งเป็นเทพแห่งยาและสมุนไพร
เพราะเหล้ากลั่นเองก็สามารถใช้เป็นยาได้
จึงกล่าวได้ว่าการแพทย์และอาหารมีความเชื่อมโยงกันในโลกนี้
เพราะสมุนไพรต่างใช้ในการทำอาหารและดื่มได้ด้วย
ทุกอย่างมีข้อดี แต่ก็ไม่ควรจะมากเกินไป
ถึงเหล้าจะเป็นยา แต่ก็ใช่ว่าจะดื่มเหล้ามากๆ แล้วจะดีเสมอไป
[ เดี๋ยวสิชิโรเนะ! เอามือออกห่างคุโรกินะ! คุโรกิกำลังหนักใจนะรู้มั้ย!! ]
คุนะจ้องมองชิโรเนะด้วบสายตาเย็นชา
จริงๆ แล้วคุนะเองก็พยายามจะดึงชิโรเนะที่กอดแขนขวาของผมออกไป
แต่มันแน่นเกินจนดึงไม่ไหว(ชิโรเนะแรงเยอะกว่าคุนะครับ)
เลยต้องพึ่งพาผม
แต่ผมเองก็ใช่ว่าจะรังเกียจอะไรที่ชิโรเนะมาเกาะแขน
เพราะที่แขนขวามันรู้สึกนุ่มมากเลยล่ะนะ
แต่ตามที่คาดไว้ คุนะกำลังอารมณ์บูด ดังนั้นผมเลยต้องดึงชิโรเนะออกแล้วล่ะ
[ นี่ๆ ชิโรเนะช่วยปล่อยทีเถอะ เดี๋ยวชุดสวยๆ ก็ยับหมดหรอก ]
ผมพยายามทำให้ชิโรเนะปล่อยมือ
[ อืมม… ชุดเหรอ…. เข้าใจแล้ว…. ฉ๊านนจะถอด~ ]
จากนั้นชิโรเนะพยายามถอดเสื้อผ้าออก
[ เดี๋ยวก่อนเลยชิโรเนะ! ผมไม่ได้หมายถึงให้ถอดชุดออก!! ]
ผมพยายามหยุดชิโรเนะ
แต่ในใจก็อยากเห็นแฮะ
แต่จะปล่อยให้เด็กผู้หญิงที่เมาปลิ้นขนาดนี้มาทำเรื่องน่าอายแบบนี้ไม่ได้ ต้องหยุดไว้
[ อะไรล๊าา~ คุโรกิ ]
ชิโรเนะที่ถูกห้ามทำสีหน้าบูดบึ้ง
[ เดี๋ยวเถอะชิโรเนะ นอนอยู่เฉยๆ เถอะน่า เธอนี่จะดื่มมากเกินไปจนคิดอะไรแปลกๆ แล้วนะ ]
ผมวางชิโรเนะบนโซฟานุ่มๆ
แต่เพราะเธอคงนอนไม่หลับ ผมเลยเอามือให้จับไว้
[ สายรัดผมนั่นมัน… ] (ดูตัวอย่างได้จากหน้าปก ผ้าสีแดงๆ ที่ผูกผมชิโรเนะนั้นแหละครับ)
ผมมองไปที่สายรัดผม
สายรัดผมที่ชิโรเนะติดเอาไว้อยู่
ผมถอดออกให้เธอก่อนจะวางนอนลงไป
นี่คือสายรัดผมที่ผมให้กับชิโรเนะที่โลกก่อน
ดูเหมือนเธอจะดูแลรักษาอย่างดีเลย
[ อืมมม~ ]
ชิโรเนะขยับเท้า
ทำให้เห็นกางเกงในสีฟ้า
ซึ่งเป็นกางเกงในของโลกนี้ นอกจากนี้โลกนี้ยังมีบราด้วย
แต่ว่ามันก็ขึ้นอยู่กับแถบพื้นที่ว่าจะใส่หรือไม่ใส่
และกางเกงในในโลกนี้ดูเหมือนจะทำจากผ้าขาวม้าแบบคาดเอวและแบบจีสตริง และยังมีแบบอื่นอีก
โดยส่วนมากผู้ชายจะใช้แบบผ้าขาวม้าและผู้หญิงจะใช้แบบจีสตริง
โดยจีสตริงนั้นจะเป็นแบบมีสายให้พันติดจากด้านข้าง
ชุดชั้นในที่เรน่าทำตกไว้น่าจะเป็นแบบมีเข็มกลัดไว้
และตอนนี้ก็ยังเก็บไว้อยู่
ที่ชิโรเนะใส่อยู่จะเป็นแบบสายรัดจากด้านข้าง
เพราะชิโรเนะอ้าข้าแบบไม่เกรงใจใคร ทำให้เห็นกางเกงในแบบเต็มตา
ผมล่ะอยากจะเข้าไปใกล้กว่านี้ แต่อดทนไว้
แม้ว่าเธอจะใส่ชุดดูสวย แต่มันก็ยับยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว
ปากเองก็เปิดแบบไม่เกรงใจ
ในโลกเดิมชิโรเนะไม่เคยแสดงด้านนี้ให้ใครเห็นเลย
ผมคิดว่าในโลกนี้ชิโรเนะเองก็คงเป็นเหมือนกัน
ดูท่าว่าการใช้ชีวิตของเธอจะไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
[ ขอโทษด้วยนะเรจิน่า ช่วยหาอะไรมาห่มให้ชิโรเนะหน่อยสิ ]
[ ค่ะ นายท่าน ]
จากนั้นเรจิน่าก้เอาผ้าสีขาวมาห่มให้ชิโรเนะตั้งแต่ส่วนคอลงไปถึงส่วนล่าง
เท่านี้ก็ไม่เห็นกางเกงในแล้ว
[ มู่! จะอะไรกันนักหนา! ยัยผู้หญิงคนนี้!! ]
คุนะมองชิโรเนะด้วยสีหน้าโกรธ
หน้าตอนโกรธของเธอก็น่ารักมาก
ผมโอบกอดคุนะ
[ ขอโทษนะคุนะ ช่วยทนกับพฤติกรรมของชิโรเนะหน่อยเถอะ ]
ผมขอโทษเพื่อให้คุนะหายโกรธ
[ คุนะจะพยายาม… ถ้ามีคุโรกิอยู่ข้างๆ คุนะจะทำเป็นไม่สนใจชิโรเนะแล้วกัน… ]
คุนะพูดออกมา ทำให้ผมวางใจได้เยอะ
เหมือนมีลูกสาวเลย ทำเอาผมซึ้งจนอยากจะร้องไห้
ผมโอบกอดและลูบหัวคุนะอย่างมีความสุข
[ ว๊ากกกกก!! ]
มีเสียงร้องดังมาจากไกลๆ
[ เสียงร้อง? มันเกิดอะไรขึ้น… ]
ข้างนอกนั้นดูเหมือนจะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น
◆ นักปราชญ์ผมดำจิยูกิ
เมื่อมาถึงสถานที่ที่มีเสียงร้อง ก็เห็นชายที่แต่งกายด้วยชุดของเซเทอร์
พวกเขาคือเหล่าคนที่ได้รับคำเชิญให้มาร่วมงานนี้
โดยชายที่เล่นดนตรีหลังการแสดงละครเองก็แต่งตัวเช่นั้น
หากพูดถึงว่าทำไมเขาถึงมีชุดนั้น คงเพราะแต่เดิมโรงละครแห่งนี้เป็นของเผ่าเซเทอร์แต่ต้นแล้ว
ถึงได้มีเครื่องแต่งกายของเผ่าเซเทอร์
เซเทอร์ว่ากันว่าเป็นคนของเผ่าที่ชื่นชอบการร้องเพลงและการเต้น
ไม่ได้มีความเป็นศัตรูถึงขนาดมิโนทอร์ แต่ก็มีพลังเวทและบทเพลงที่ทำให้หลงเสน่ห์ได้
ทุกคนในเผ่าชอบเด็กชายและเด็กาวที่หล่อเหลาและงดงาม
โดยจะโจมตีและเชื้อเชิญหญิงสาวให้มาติดกับด้วยเวทมนตร์ ดังนั้นควรระวังให้ดี
นอกจากนี้เซเทอรนั้นจะอาศัยอยู่เฉพาะที่นากอลและค่อนข้างน่ากลัว
ลักษณะของเซเทอร์เหมือนแพะแถมยังมีพลังเวทสูง
บางครั้งปีศาจพวกนี้ก็จะมาที่ประเทศของมนุษย์และเกลี้ยกล่อมหญิงสาวมนุษย์ว่าจะทำให้ความหวังเป็นจริง
ลักษณะดูเหมือนสะบาโต(พิธีกรรม)
ว่ากันว่าหญิงสาวที่ถูกเซเทอร์รักจะกลายเป็นแม่มด
แต่เพราะชายคนนั้นเป็นแค่ชายที่แต่งชุดเซเทอร์ จึงไม่น่าจะทำให้หญิงสาวเป็นแม่มดได้
[ จิยูกิ! ปู! นั่นมันปูยักษ์!! ]
เรย์จิตะโกน
ปูตอนนั้นกระโดดขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือ
มันเป็นปูที่มีขนาดตัวถึง 5 เมตรและมีขาซ้ายและขวาเป็นกรรไกรที่ยาวถึง 1 เมตร
เจ้าปูนั้นถูกเรียกว่าคาคินอส
คาคินอสคายฟองอากาศออกมา
ซึ่งฟองอากาศพวกนั้นมีความเหนียวมากทำให้เมื่อโดนเข้าขยับไม่ได้
[ ย๊า!! ]
เรย์จิเรียกดาบมาและฟันคาคินอสตัวหนึ่ง
แต่คาคินอสมีอยู่ถึงห้าตัว
แต่ละตัวต่างพยายามโจมตีเรือลำอื่นอยู่
[ ใครก็ได้ช่วยด้วยค่ะ!! ]
ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงคนหนึ่ง
คิดว่าเธอน่าจะเป็นนักเต้น
เมื่อมองไปก็เห็นเธอคนนั้นยืนอยู่และชี้ไปทางทะเล
[ เกิดอะไรขึ้น?!! ]
เรย์จิและฉันรีบวิ่งไปหานักเต้นคนนั้น
[ เพื่อนฉันตกลงไปในทะเลค่ะ!! ]
เมื่อมองไปที่ทะเลก็เห็นชายที่สวมชุดเซเทอร์หล่นลงไปในทะเลแล้ว
[ อะไรกัน ผู้ชายเหรอ…. จิยูกิฝากเรื่องของเขาด้วย ฉันจะไปจัดการปูตัวอื่น ]
จากนั้นเรย์จิก็เปลี่ยนทิศไปจัดการปูตัวอื่น
[ อีกแล้วเหรอ…. เอาแต่ใจจริงๆ ]
ฉันใช้มือเวทมนตร์ดึงชายคนนั้นขึ้นมาขณะที่บ่น
ชายคนนั้นสลบอยู่ จากนั้นฉันก็เอาตัวเขาไปวางไว้บนดาดฟ้าเรือ
[ นี่! มัลเชียสทำใจดีๆ ไว้!! ]
สาวนักเต้นวิ่งไปหาชายคนนั้น
[ เซนน่า! ปลอดภัยใช่มั้ย!! ]
เดคิอัสที่วิ่งมาจากด้านหลัง รีบวิ่งไปหานักเต้นคนนั้น
[ พี่!! ]
นักเต้นคนนั้นเรียกเดคิอัสว่าพี่ชาย
เป็นมันเรื่องแปลกนะ นักบุญของท่านโอดิสกับนักเต้น เป็นพี่น้องกันงั้นเหรอ?
[ คุณจิยูกิบาดเจ็บรึเปล่าคะ? ]
ซาโฮโกะวิ่งมาทางนี้
[ ค่ะ ฉันไม่เป็นไรหรอก แต่ช่วยรักษาให้เขาทีค่ะ ]
จากนั้นซาโฮโกะก็ใช้เวทรักษาให้มัลเชียส
มัลเชียสลุกขึ้นด้วยใบหน้านิ่งเฉย
ฉันมองไปรอบๆ
เห็นเรย์จิจัดการคาคิทอสจนหมดแล้ว
[ ทำไมคาคินอสถึงได้โผล่มาแถวนี้… ? ]
เดคิอัสพึมพำ
[ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะคุณเดคิอัส… แต่ตอนนี้พูดได้อย่างเดียว ]
ทุกคนต่างมองมาที่ฉัน เมื่อได้ยินคำพูดนั้น
[ มื้อเย็นวันนี้เป็นปูค่ะ ]
◆ นักปราชญ์ผมดำจิยูกิ
เราเอาคาคินอสมาวางบนเรือ
แต่มันใหญ่มากคงกินกันไม่หมดแน่ น่าจะฝากพ่อครัวของเรือให้เก็บเอาไว้เผื่อทำอาหารคราวหน้าด้วยนะ
ปกติโลกในโลกนี้ก็กินอาหารทะเลกันเหมือนกัน
ดังนั้นการกินปู กุ้ง ปลาหมึกจึงเป็นเรื่องปกติบนโต๊ะอาหาร
ใบหน้าของพ่อครัวดูจะสนใจเจ้าปูยักษ์-คาคินอสมาก
แต่โลกนี้ดันไม่มีซอสถั่วเหลืองนี้สิ
จะมีก็แค่น้ำปลา
ถ้าใช้น้ำปลาก็ยังสามารถได้รสชาติเหมือนอาหารญี่ปุ่นได้อยู่
ซาโฮโกะนั้นทำอาหารเก่ง ปกติแล้วจะใช้น้ำปลานี้ล่ะ ทำอาหารญี่ปุ่นให้พวกเรากิน
แต่ในโลกนี้ไม่มีวัตถุดิบแบบตะวันตกอย่างมันฝรั่งหรือมะเขือเทศเลย แต่ก็มีผักกาดที่รสชาติคล้ายมันฝรั่งอยู่
เนื้อผัดมันฝรั่งของซาโฮโกะน่ะอร่อยมากเลยล่ะ
คาคินอสเองก็น่าจะอร่อยหากเอาไปอบน้ำปลา
[ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? แล้วปูพวกนี้มาจากไหนกันคะ? ]
เคียวกะพูดขณะที่มองดูปูพวกนั้น
ที่นี่มีพวกชิสุเฟย์ ยูเลีย และเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ กระทั่งพี่น้องเดคิอัสกับเซนน่า แต่มีแค่ชิโรเนะที่ไม่อยู่
คลาสไปหาคนที่รับผิดชอบเรื่องความปลอดภัย
นาคิอัสไปดูพวกแขก
และทูเรียจู่ๆ ก็ออกจากงานไป
[ บางทีคาคิทอสพวกนี้อาจจะเป็นปีศาจที่หนีออกมาจากสนามต่อสู้ก็ได้ หากไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ก็ไม่รู้แล้วล่ะว่าทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ]
ในรายชื่อปีศาจที่หนีออกจากสนามต่อสู้ก็มีคาคินอสอยู่ด้วย
จำนวนเองก็เท่านั้น
ดังนั้นต้องไม่ผิดแน่
แต่ว่าคาคินอสออกมาโจมตีตอนที่งานเลี้ยงเริ่มเนี่ยนะ
นี่มันน่าสงสัยว่าอาจจะเป็นแผนการของใครสักคน
[ ท่านเรย์จิ ข้าได้พาคนของวิหารไทรเด็นมาแล้วครับ ]
นายพลคลาสพานักรบที่คอยรับใช้เทพแห่งทะเลไทรเด็นมา
เขาเป็นชายวัยกลางคนที่ถือหอกและสมกับเป็นนักรบของไทรเด็น
ดูเหมือนกับเนฟิมที่ถูกเรียกว่าผู้กล้าแห่งน้ำ แต่นักรบของไทรเด็นหรือนักบุญนั้นปกติแล้วก็จะใช้หอกและตาข่ายเป็นปกติอยู่แล้ว
การต่อสู้จะเป็นการใช้ตาข่ายยับยั้งการเคลื่อนไหวของศัตรูจากนั้นก็ใช้หอกสามง่ามแทง นี่คือวิธีต่อสู้ของนักรบแห่งไทรเด็น
ชายคนนั้นถือตาข่ายมาพร้อมบนไหล่
จากที่คลาสบอก ดูท่าเขาจะเป็นคนที่คอยรักษาความปลอดภัยในงานคราวนี้
เพราะงานเลี้ยงนี้จัดขึ้นบนเรือ จึงต้องขอความร่วมมือจากนักรบของวิหารไทรเด็นมาช่วยคอยระวัง
[ ขอโทษด้วยครับ! ที่พวกเราเลินเล่อกันเกินไป!! ]
ชายคนนั้นก้มหัว
โดยนักรบของไทรเด็นนั้นแข็งแกร่งพอๆ กับนักรบของวิหารโทรุส
[ ไม่ต้องใส่ใจหรอกค่ะ ฉันเข้าใจสถานการณ์ของพวกคุณดี ]
นักรบของวิหารไทรเด็นในอาเรียดิน่ากำลังขาดคน เพราะส่วนใหญ่ถูกเมอร์แมนฆ่าตายกันหมด
ดังนั้นจะเขาไม่ต้องสำนึกผิดหรอก
และถึงแม้จะมีคนเพียงพอ ก็ใช่ว่าจะทำอะไรคาคินอสได้
อีกฝ่ายคือคาคินอส ฉันไม่คิดหรอกว่ามนุษย์ธรรมดาจะทำอะไรมันได้
[ ไม่ได้หรอกครับท่านนักปราชญ์ผมดำ ]
ชายนักรบก้มหัวให้อีกครั้ง
[ งั้นช่วยเล่าเรื่องของคาคินอสให้ฟังได้มั้ยคะ? ที่ฉันรู้ก็แค่ว่ามันเป็นปูยักษ์เท่านั้นเอง ]
[ คาคินอสเหรอครับ? เรื่องนั้นข้าเองก็ไม่รู้สักเท่าไหร่ แต่ในทะเลตะวันตกข้าได้ยินว่าเมอร์แมนสามารถควบคุมคาคินอสได้… ]
นักรบคนนั้นพูดออกมา
ได้ยินว่าเมอร์แมนถูกเรียกว่าชาวใต้ทะเลเพราะสามารถควบคุมสัตว์เวททรงพลังในทะเลได้
ในอดีต เมอร์แมนเคยควบคุมมอนสเตอรืนี้และทำลายอาณาจักรแอทตี้จนทะเลกลายเป็นสีเลือดมาแล้ว
[ ค่ะ ฉันเองก็คิดว่าปูพวกนี้อาจโดนควบคุม ถึงได้มาโจมตีตอนที่งานเลี้ยงเริ่มก็ได้? ]
[ ข้าคิดว่าอาจจะไม่ใช่ครับ…. เพราะข้าเองก็ดำน้ำจนถึงก้นทะเลแล้วแต่ก็ไม่เจออะไรเลย(ทะเลแถวนี้ตื้น) ]
นักรบคนนั้นส่ายหัว
[ งั้นเหรอคะ แต่ฉันคิดว่าไม่ผิดแน่ คาคินอสจะต้องถูกใครบงการอยู่ เป็นไปได้ว่ามันอาจจะไม่ได้ขยับตัวเลยไม่ได้สังเกตและซ่อนอยู่ใต้ทราย เมื่อถึงเวลาพวกมันถึงได้ปรากฏตัวออกมา ]
ฉันยืนยันออกไป
[ งั้นเหรอ เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นพวกที่เหลือของเทพปีศาจและเป็นศัตรูของเราก็ได้ ]
เรย์จิพยักหน้าขณะที่พูด
[ ไม่ต้องสงสัยเลย ดังนั้นพวกเขาถึงได้ใช้คาคินอสที่หนีออกมาจากสนามต่อสู้ ]
ถึงฉันจะไม่รู้เป้าหมาย แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า คนร้ายพยายามเล็งเป้าหมายมาที่พวกเรา
ฉันมองไปทางยูเลีย
[ เอ่อ… อะไรคะ? ]
ยูเลียมองฉันด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
[ คุณยูเลียพอจะทราบอะไรมั้ยคะ? ]
ยูเลียส่ายหัว
[ ไม่รู้จริงๆ ค่ะ อาจจะเป็นฝีมือของอโทราน่าก็ได้นะคะ ]
ยูเลียพูดออกมา
อโทราน่าก็คือเทพธิดาคนหนึ่ง ชื่อที่แท้จริงของเธอคืออโทราคัวและมีร่างเป็นแมงมุม
แต่เธอก็โดนคุโรกิ เพื่อนสมัยเด็กของชิโรเนะจับตัวไปที่นากอลแล้ว
[ คายะ พอจะรู้อะไรมั้ยคะ? ]
คายะส่ายหัวให้กับคำถามของฉัน
[ ไม่เลยค่ะ… แต่เป็นไปได้ว่าท่านคุโรกิอาจจะปิดบังอะไรอยู่ถึงไม่ให้ตัวอโทราคัวกับพวกเรา ]
[ กำลังปิดบังอะไรงั้นเหรอ? ]
[ คงเป็นปีศาจที่สนามต่อสู้ค่ะ เพราะท่านคุโรกิเห็นใจพวกปีศาจพวกนั้นนะคะ ]
คายะตอบอย่างสุภาพ
[ อย่างนี้นี่เอง… ]
เพราะปีศาจบางส่วนหายตัวไปจากสนามต่อสู้ หากเราถามอโทราคัวก็อาจจะรู้ว่าอยู่ที่ไหน
เป็นไปได้ว่าเขาตั้งใจจะซ่อนปีศาจพวกนั้นไว้
[ ฟุฟุ นี่ก็เพราะคุณคุโรกิเป็นคนใจดีไงล่ะค่ะ ]
เคียวกะที่อยู่ข้างๆ พยักหน้า
นี่เคียวกะชื่นชมเขาขนาดไหนกันล่ะเนี่ย
[ แต่ว่าก็มีบางคนที่ได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นไม่ควรปล่อยพวกปีศาจจากสนามต่อสู้ไว้ เพราะเป็นไปได้ว่าพวกมันจะก่อความเดือดร้อนที่อื่นๆ อีก ]
เรย์จิที่อยู่ข้างๆ พูด
ไม่น่าแปลกใจ เพราะหากก่อความเดือดร้อนก็จะเป็นภาระของเรย์จิ
แต่ถ้าชิโรเนะได้ยินจะเสียใจเอาได้
แต่ส่วนที่เรย์จิพูดก็มีส่วนถูกอยู่
พวกปีศาจที่หลบซ่อนตัวจะทำร้ายผู้คน ดังนั้นควรจะกำจัดมันซะให้หมดจะดีกว่า
[ น่า มันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ช่วยอะไรไม่ได้หรอก แต่เรามีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำอยู่ ]
ฉันเปลี่ยนหัวข้อคุย เพราะฉันเองก็ได้เขาช่วยชีวิตไว้ เลยไม่อยากไปว่าร้ายเขามากนัก
และถึงเขาจะอยู่ฝ่ายเดียวกับราชาปีศาจแต่ก็ยังมาช่วยฉันเอาไว้
บางทีเขาคงไม่ได้โดนควบคุมโดยสมบูรณ์แบบอย่างที่ชิโรเนะบอก ดังนั้นคงต้องดูสถานการณ์ของทางเขาซะก่อน
[ ก็จริงล่ะนะ เรื่องการจัดการพวกปีศาจที่เหลือไว้หลังจากงานเลี้ยงก็ได้ ]
เรย์จิหัวเราะ
แต่หลังจากนี้ฉันคงต้องเจอเรื่องปวดหัวอีกแล้ว
[ เรย์จิ แล้วจะหาคนร้ายได้ยังไงล่ะ? เพราะไม่มีเบาะแสอยู่เลยสักนิด ]
นาโอะและริโนะไปตรวจสอบพื้นที่ในทะเลแล้ว แต่ก็ไม่พบหลักฐานอะไรเลย
นอกจากนี้ฉันยังตรวจร่างกายของคนที่อยู่แถวงานหมดแล้ว ซึ่งพวกเขาก็เป็นมนุษย์กันหมด
ต้องขอบคุณริโนะและนาโอะที่เหน็ดเหนื่อยจริงๆ ซึ่งตอนนี้ซาโฮโกะกำลังคอยดูแลพวกเธออยู่
ถ้าตรวจสอบละเอียดเกินไป คนร้ายก็จะไหวตัวทันและหนีไปได้
และฉันก็ไม่คิดว่าอโทราคัวจะมีปีศาจมากมายนักหรอก
บางทีคนร้ายอาจจะหนีไปแล้ว หลังจากเคลื่อนย้ายคาคินอสมาที่นี่ก็ได้
ดังนั้นคนร้ายไม่น่าจะอยู่ที่นี่แล้ว
[ เป็นไปได้ว่าคนร้ายจะหนีจากอาเรียดิน่าไปแล้ว… ]
[ แต่อาเรียดิน่าเป็นประเทศใหญ่และมีประชากรเยอะ ฉันคิดว่าคนร้ายน่าจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งมากกว่า… ]
ฉันปฏิเสธคำพูดของเรย์จิทันที
บางทีในประเทศนี้หรือประเทศเพื่อนบ้าน อาจจะมีพรรคพวกที่เหลือของเทพปีศาจซ่อนตัวอยู่ก็เป็นได้
เพราะในกำแพงเมืองสามารถซ่อนตัวได้ง่ายกว่าจะไปข้างนอกอยู่แล้ว ถ้าแปลงร่างเป็นนนุษย์ได้น่ะนะ
โดยเฉพาะอาเรียดิน่ามีประชากรเยอะมากที่ไม่ได้มีสถานะพลเมืองก็สามารถเข้าไปอยู่ได้
ดังนั้นมันจึงง่ายหากจะซ่อนตัว
หากเป็นในประเทศเล็กๆ การที่มีคนน่าสงสัยเข้ามาในประเทศจะสังเกตได้ทันที แต่อาเรียดิน่าไม่ใช่
ลำพังแค่พวกเราไม่สามารถตรวจสอบทั้งอาเรียดิน่าได้
แน่นอนว่ายิ่งเป็นไปไม่ได้หากจะไปค้นหาจากประเทศโดยรอบ
นอกจากนี้หากเราพยายามสืบมากเท่าไหร่ คนร้ายก็อาจจะหนีไปเลยก็ได้
เรย์จิอยากจะรีบเร่งตรวจสอบ แต่ฉันก็อยากเลี่ยงปัญหากับประชาชนในประเทศนี้ล่ะนะ
[ รอเดี๋ยวครับ พวกท่านผู้กล้า ]
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น
[ เซอร์เดคิอัส? มีอะไรงั้นรึคะ? ]
คนที่เรียกพวกเราก็คือเดคิอัส
[ เรื่องการสืบสวนคดีนี้ปล่อยให้เราเป็นคนค้นหาคนร้ายได้มั้ยครับ? ]
เดคิอัสก้มหัว
โดยปกติแล้วผู้ตรวจการจะมีอยู่สองประเภท ผู้ตรวจการปกครองและผู้ตรวจการกฏหมาย
แต่ผู้ตรวจการประเทศอื่นๆ จะคอยป้องกันอาชญากรรมจนถึงรักษาความปลอดภัย สืบสวนคดี และอื่นๆ อีกมากมาย
แต่ผู้ตรวจการในประเทศนี้จะแบ่งเป็นกองกำลัง ซึ่งมีนายพลคลาสและวิหารเรน่าคอยชี้นำ
ทั้งกองกำลังดับเพลิงที่คอยป้องกันไฟไหม้ในวิหารไทรเด็นและกองกำลังที่คอยตรวจพฤติรรมน่าสงสัยยามวิกาลอย่างวิหารเคย์ร่า
และผู้ตัดสินการกระทำผิดที่เป็นคนของวิหารโอดิส ซึ่งมีทั้งนักบุญและอัศวินที่คอยรับใช้
ในญี่ปุ่นองค์กรศาสนาจะไม่มีอำนาจอะไรมากมาย แต่นี้ถือเป็นเรื่องปกติในโลกนี้
ดังนั้นการที่เดคิอัสเสนอว่าจะสืบคดีนี้ให้จึงเป็นเรื่องปกติ
นอกจากนี้เดคิอัสยังเป็นผู้รับใช้ของเทพโอดิส จะต้องสืบสวนคดีนี้อย่างเป็นธรรมแน่
[ เรื่องนั้นก็ได้หรอกค่ะ ถ้าเป็นอัศวินผู้ตรวจการกฏหมายคงง่ายจะสืบคดีนี้ และยังสามารถติดต่อวิหารโอดิสในแต่ละประเทศได้… เรย์จิคุง ฉันว่าเรื่องนี้ให้เดคิอัสจัดการเลยก็ได้นะ? ]
ฉันมองไปทางเรย์จิ
อันที่จริง ฉันก็อยากตรวจสอบด้วยตัวเองหรอก
[ แต่ว่า… ]
เรย์จิทำสีหน้าเย็นชา
[ แน่นอนว่าจะมีส่วนช่วยในการสืบสวนก็ได้อยู่ แต่ฉันคิดว่าคนที่ควบคุมคาคินอสได้ หากไม่ใช่พวกเราก็คงจัดการเขาไม่ได้ คุณคิดจะทำยังไงเหรอคะ? ]
ฉันพูดจากนั้นเดคิอัสก็พยักหน้า
[ ครับ เรื่องนี้เองก็ต้องคิดหนักเหมือนกัน เพราะศัตรูเป็นถึงคาคินอส… เมื่อถึงเวลานั้นคงต้องขอให้พวกท่านผู้กล้าช่วยครับ ]
เดคิอัสยอมรับ
เป็นเป็นคนที่ไม่ทำอะไรให้เกิดการสูญเสียโดยเปล่าประโยชน์ ทัศนคติแบบนี้เองก็น่าชื่นชม
[ ก็ตามที่ว่าล่ะเรย์จิคุง! ]
ฉันมองไปทางเรย์จิ
[ งั้นก็ช่วยไม่ได้… ]
เรย์จิเองก็เห็นด้วย
แต่การสืบคดีคงเป้นไปไม่ได้หากมีแค่เขาคนเดียว
[ งั้นพวกคุณชิสุเฟย์ ช่วยให้ความร่วมมือในการสืบสวนด้วยได้มั้ยคะ? แน่นอนว่าจะมีรางวัลให้ทีหลัง ]
ฉันมองไปทางชิสุเฟย์
[ ค่ะ คิดว่าทำได้ ทุกคนก็ตกลงใช่มั้ย? ]
ชิสุเฟย์มองไปที่ด้านหลังและทุกคนก็พยักหน้า
[ เท่านี้ก็สรุปได้แล้ว เราจะเริ่มการสืบสวนกันพรุ่งนี้เลยนะ? ]
◆ อัศวินดำคุโรกิ
[ คาคินอส…? ]
ผู้หญิงชื่อทูเรียพยักหน้า เมื่อได้ยินคำถามของผม
[ ค่ะ ถูกต้องแล้ว ท่านเทพพายุคุโรกิ ]
เธอเรียกผมว่าเทพพายุคุโรกิ
พักนี้พวกคนแคระเองก็เรียกผมด้วยชื่อนี้
ผู้หญิงที่ชื่อทูเรียมาที่เรือของพวกเราและรายงานให้ผมกับคุนะฟังว่าเกิดอะไรขึ้น
คุนะไม่สนใจและงีบหลับโดยใช้ตักของผมเป็นหมอน
ผู้หญิงที่ชื่อทูเรียคือคนที่คุ้นเคยกับคนแคระ-ดาริโอ้
และเธอได้รู้จักผมผ่านทางดาริโอ้
สามีของเธอเป็นคนแคระและเธอก็มีลูกสาวเป็นคนแคระด้วย
ผู้หญิงที่แต่งงานกับคนแคระนั้นจะได้รับทรัพย์สมบัติมากมายจากเหล่าคนแคระ
ตอนนี้เธอกลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศเพราะธุรกิจ
นอกจากนี้เธอยังมีส่วนช่วยจัดการเขาวงกตกับพวกคนแคระด้วย
ผมไปติดต่อโมเดสผ่านทางเทพเฮย์บอส ว่าผมจะอยู่ที่อาเรียดิน่าสักพัก
ในตอนนั้นจึงได้รู้จักกับทูเรีย
ทูเรียรู้ว่าผมเป็นอยู่ในประเทศนี้ก็เพราะดาริโอ้ซึ่งเป็นผู้ช่วยของเทพเฮย์บอสเป็นคนบอกมา
จึงได้มาติดต่อกับผม
เพราะเธอทำให้การใช้ชีวิตในอาเรียดิน่าของผมสะดวกสบายขึ้นมาก
[ คาคินอสพวกนั้นเดาว่าคงหนีออกมาจากสนามต่อสู้สินะ ขอบคุณสำหรับข่าวนะทูเรีย เป็นปีศาจที่เหลืออยู่ของอโทราน่าสินะ ]
อโทราน่าเป็นคนปล่อยปีศาจพวกนั้นให้หนีจากสนามต่อสู้
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเหตุการครั้งนี้เกิดจากปีศาจที่เหลืออยู่ของอโทราคัว
[ ค่ะ ฉันเองก็ไม่เชื่อว่าอโทราน่าจะเป็นปีศาจและยังเป็นลูกน้องของเทพปีศาจ แถมยังมีพรรพคพวกเหลืออยู่ในอาเรียดิน่า… นี่มันน่ากลัวจังเลยนะคะ ]
ทูเรียส่ายหัวราวกับไม่อยากเชื่อ
อโทราน่าเป็นสมาชิกของสมาคมพ่อค้า
เป็นธรรมดาที่ทูเรียจะรู้จัก
แน่นอนว่าทูเรียไม่ได้รู้ตัวจริงของอโทราน่าเลยสักนิด
[ เกี่ยวกับพรรคพวกที่เหลืออยู่ของอโทราคัว ผมคิดว่าน่าจะพอมีเบาะแส ]
เมื่อได้ยินคำพูดของผม ทูเรียก็มองมา
[ เป็นความจริงเหรอคะท่านเทพพายุคุโรกิ? ]
ผมพยักหน้าให้คำพูดนั้น
เพราะจับตัวอโทราคัวได้ทำให้ได้ข้อมูลมามากมาย ในหมู่ข้อมูลพวกนั้นก็มีเรื่องที่ไม่ได้บอกพวกชิโรเนะไปด้วย
ที่ผมไม่พูดออกไปเพราะมันเกี่ยวข้องกับนากอล
[ อา ไว้ผมจะไปดูเองว่าพวกเขากำลังวางแผนอะไรกันอยู่ ]
[ ขอบคุณมากค่ะ ท่านเทพพายุคุโรกิ ]
[ มีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจจะทิ้งฐานไปแล้วก็ได้… แต่เรื่องนี้ปล่อยให้ผมจัดการเองเถอะคุณทูเรีย ]
เมื่อได้ยินคำพูดของผม ทูเรียก็ทำสีหน้าโล่งใจ
แต่แตกต่างจากทูเรีย ผมกำลังหนักใจ
พอคิดถึงคนที่ทำให้เกิดเรื่องแล้วก็ปวดหัวขึ้นมา
ผมถอนหายใจขณะที่ลูบหัวคุนะที่นอนอยู่บนตัก
◆ นักเต้นเซนน่า
เมื่ออำลาท่านผู้กล้า ฉันกับพี่ก็เดินไปหาท่านพ่อ
ท่านพ่อน่าจะอยู่ที่ไหนสักแห่งบนเรือนี้
[ แต่พี่คะ การสืบสวนจะเริ่มวันพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ? แล้วมีอะไรอีกเหรอคะ? ]
ฉันถามพี่ชาย
[ ไม่… ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก แต่เซนน่าล่ะเป็นยังไง พอจะสะกิดใจอะไรบ้างมั้ย? ]
ฉันไม่ตอบอะไร
ฉันเองก็พอจะสะกิดใจอะไรอยู่ แต่ก็บอกพี่ไปไม่ได้
เพราะมันอาจจะเกี่ยวข้องกับคณะโรงละคร
แม้ว่าจะไม่ดีต่อพี่ แต่ฉันก็ไม่อยากสร้างปัญหาให้มิดัส
[ เซนน่า… เห็นอะไรเข้างั้นเหรอ? ]
พี่ถามขณะที่มองมาทางฉัน
[ ไม่ค่ะ ไม่มีอะไรหรอก อย่าใส่ใจเลยค่ะ ]
ฉันพยายามเอาผ้ามาบังไว้
[ นี่มัน? ]
พี่พยายามจะแทรกผ้าพวกนั้นออก
[ รอเดี๋ยวคะพี่! อย่ามองเข้ามาข้างในนะ! ]
ฉันพยายามห้ามเขา
[ เซนน่า? ]
[ แค่อยากให้ช่วยปิดบังไว้ก่อนได้มั้ยคะ? ]
[ เข้าใจแล้วเซนน่า พี่ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ]
พี่ยอมรับท่าทางแปลกๆ ของฉัน
ที่ฉันบอกไม่ได้เพราะเป็นพี่นี่ล่ะ
[ ขอบคุณมากค่ะพี่ แต่ที่เหลือฉันอยากจัดการเอง ]
จากนั้นฉันก็แยกจากพี่ไป
[ เซนน่า! จะไม่ไปพบพ่อหน่อยเหรอ? ]
พี่พูดจากด้านหลังของฉัน
[ ขอโทษด้วยนะคะพี่ แต่ฝากทักทายพ่อล่วงหน้าด้วยค่ะ ]
จากนั้นฉันก็เรียบเรียงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ในตอนนั้นมัลเชียสแปลกไป
เขาเอาขลุ่ยสีดำที่มีตราสลักรูปแพะสีดำออกมาและได้ทำตกเอาไว้
ฉันมอบขลุ่ยนี้ให้พี่ชาย
แต่ว่าเพราะมันมีส่วนเกี่ยวข้องกับคณะโรงละคร บางทีโรงละครอาจจะโดนระงับไปเลยก็ได้
นั้นคือเหตุผลที่ฉันบอกอะไรพี่ไปไม่ได้ นอกจากส่งมอบไปเฉยๆ
ถ้าพูดไปหัวหน้ามิดัสอาจจะต้องลำบาก
[ เห็นทีต้องไปยืนยันให้แน่ใจ… ]
ฉันบ่นพึมพำและรีบกลับไปที่โรงละคร
ภาพของคาคินอส