อัศวินดำ - ตอนที่ 67
◆ ชายวายร้าย มัลเชียส
[ บัดซบ… ข้าพลาด ]
ข้าบ่นพึมพำขณะที่เดินอยู่ในถนนยามค่ำคืนที่มีแสงจันทร์สาดส่อง
ข้าน่าจะโยนเซนน่าลงไปในทะเล แต่ในตอนนั้นเธอก็หลบได้และข้าก็ตกลงไปแทน
ในตอนนั้นข้าได้ทำขลุ่ยของเจ๊ไอนอยหล่น
[ ทำควรทำยังไงดี… ขืนเป็นแบบนี้ข้ามีหวังโดนฆ่าแน่… ]
จริงๆ ข้าอยากหนีไปให้พ้น
แต่มันก็การ
การจะหนีจากแม่มดให้พ้นนั้นยากมาก
นอกจากนี้ข้ายังไม่มีที่ให้ไป
ข้าไม่อยากกลับไปเป็นโจรอีกแล้ว
คงมีแต่ต้องยอมรับผิดและขอให้เธอให้อภัยเท่านั้น
ถ้าขบคิดขณะที่เดินทางไปถึงจุดหมายปลายทาง
สถานที่ที่มืดมิดที่สุดในสาธารณรัฐอาเรียดิน่า
ที่อาเรียดิน่านั้นมีกำแพงล้อมรอบ
และเพราะเมืองที่ใหญ่ขึ้นทำให้มีการขยายกำแพงออกไปมากมาย
แต่ทว่าการขยายเมืองก็หยุดลงเมื่อหลายสิบปีก่อน
ตอนนี้ข้าอยู่ที่นอกกำแพง กล่าวก็คืออีกเมืองหนึ่ง
ไม่ว่าใครก็สามารถเข้ามาอาศัยอยู่ที่นี่ได้
แน่นอนแม้แต่อาชญากรที่ถูกเนรเทศจากประเทศๆ อื่นๆ ก็มี
มีทั้งองค์กรที่รวบรวมอาชญากรจากประเทศอื่นๆ อยู่มากมาย
บางครั้งก็เป็นอาชญากณอย่างนักบุญที่บูชาปีศาจก็มี
กลุ่มศาสนาผิดกฏหมายนี้ได้ครอบงำอาเรียดิน่า เป็นเหมือนเงาของอาเรียดิน่า
ตัวข้าที่ไม่มีทั้งสถานะพลเมืองและภูมิหลัง เป็นได้เพียงทหารรับจ้างไม่ก็โจรเท่านั้น
ข้าต้องเลือกอย่างหลัง อย่างไม่มีทางเลือกเพราะไม่มั่นใจในฝีมือของตัวเอง
ข้าเดินไปจนกระทั่งเห็นตึกขนาดใหญ่ตรงหน้า
เป็นอาคารไม้ที่ถูกสร้างมาอย่างดี
มีการบังหน้าด้วยโรงอาหารสำหรับคนธรรมดาๆ และโรงแรม แต่ที่จริงแล้วเป็นองค์กรอาชญากรรมผิดกฏหมาย
ที่ใต้ดินของโรงแรมแห่งนี้มีแท่นบูชาซึ่งมีไว้เพื่อบูชาปีศาจแพะสีดำอยู่
บางทีเจ๊ไอนอยคงอยู่ที่นั่น
[ หืม? ]
ข้าสังเกตเห็นที่ประตูทางเข้า
มีชายคนนั้นยืนอยู่หน้าประตูทางเข้า
แต่ไม่เห็นเหมือนว่าเขาจะเป็นนักเดินทาง ที่มาเที่ยวประจำเลย ชายคนนั้นส่วมใส่เสื้อผ้าดูธรรมดา
นี่เขามาทำอะไรที่นี่?
จะมาซื้อบริการของสาวโสเภณีเหรอ?
ผู้หญิงที่ห้องอาหารและที่พักโรงแรมนี้ต่างเป็นโสเภนีกันทุกคน
บางทีในนั้นอาจจะคนที่เขาถูกใจอยู่
เขามีใบหน้าเหนียมอาย แต่ถ้าเป็นลูกผู้ชายก็อย่าขี้เหนียวแล้วลุยไปเลย
การซื้อบริการนั้นเป็นเรื่องปกติทำให้ข้าไม่รู้สึกอะไรไปแล้ว
แต่จนถึงเดี๋ยวนี้ข้าก็เคยเห็นพวกปลอมตัวเป็นผู้หญิงแล้วมาขายบริการก็หลายคนแล้ว
ข้าสงสัย ทำไมเขาถึงยังไม่เข้าไปกันนะ?
ดูจากท่าทาง ชายคนนี้คงเป็นพวกเวอร์จิ้น
นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขามาซื้อบริการโสเภณี คงเพราะเหตุนั้นถึงยังไม่กล้าเข้าไป
ถ้ามองดูดีๆ หน้าตาของชายคนนั้นก็ดีใช้ได้เลย
ในตอนนั้นข้าก็ฉุกคิดขึ้นมา
ถ้าข้าพาตัวชายคนนี้ไป เธออาจจะให้อภัยก็ได้
ยังไงเขาก็คิดจะซื้อบริการโสเภณีอยู่แล้ว
งั้นก็ปล่อยให้เขากลายเป็นแกะบูชายัญให้ข้าซะ
สำหรับแม่มดนั้นจะนำเหล่าชายหนุ่มหน้าตาดีมาทำเป็นยา
แต่อาจจะมีครอบครัวออกตามหาเขา
อย่างไรก็ตาม การที่พยายามจะเข้าร้านแบบนี้ก็แปลว่าข้อมูลทั้งหมดจะถูกปกปิดไว้
ดังนั้นคงสืบสวนมาไม่ถึงข้าแน่
คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร
[ ไง พี่ชายตรงนั้น กำลังทำอะไรอยู่? ]
ข้าเรียก
จากนั้นชายคนนั้นก็หันหน้ามา
เขามีใบหน้าแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าๆ จะถูกเรียก
[ เอ่อ ไม่ใช่อย่างที่คิด… ]
ชายคนนั้นตอบด้วยท่าทีลำบากใจ
เป็นไปตามที่ข้าคิด เขาคงอยากซื้อบริการสาวโสเภณีแต่มันก็เป็นเรื่องต้องห้าม
เลยเกิดความลังเลว่าจะทำเรื่องผิดกฏหมายดีมั้ย
เขาคงยังมีความรู้สึกอยาก แต่ก็ยังมีความถูกต้องอยู่ในใจ
นี่คือสิ่งที่ข้าคิดจากท่าทางของเขา
[ ไว้ข้าจะแนะนำให้เอามั้ยล่ะ ข้าเป็นรู้จักร้านนี้ดี ไว้จะแนะนำสาวคนไหนให้ก็ได้นะ ]
เมื่อได้ยินคำพูดของข้า ชายคนนั้นก็เปิดตาโพล่งและมองมาทางนี้
อย่างที่ข้าคิดไว้เลย
[ ถ้างั้นก็ขอบคุณมากครับ ]
ชายคนนั้นยิ้ม
จากรอยยิ้มนั้นคงไม่มีความระวังอยู่เลย
[ มันเป็นกฏนะพี่ชาย ตามข้ามาแล้วกัน ]
ข้าพาเขาเข้าไปในร้าน
ชั้นแรกของร้านเป็นห้องอาหารและบาร์
เพราะข้างนอกดวงอาทิตย์เริ่มตกดินแล้ว ในร้านจึงเปิดไฟให้สว่าง
คนมากมายมาที่นี่เพื่อดื่ม
บางคนที่นี่เองก็มีสถานะพลเมือง
เพราะมีบุคคลที่มีสถานะพลเมืองสนับสนุนอยู่เบื้องหลังของร้าน ร้านโสเภณีแห่งนี้จึงได้รับการยอมรับ
ไม่ว่าจะมีสถานะพลเมืองหรือไม่ แต่ธรรมชาติของมนุษย์ก็ไม่เปลี่ยนไป
แม้จะตรงกันข้ามกับคำสอนของเทพธิดาเฟย์เรีย แต่เทพธิดาทิชเทียก็นับเป็นเทพทั้ง 12 จึงเป็นตัวตนที่มิอาจปฏิเสธได้
ขนาดราชาเทพโอดิสก็ยังยอมรับอิชเทียให้เป็น 1 ใน 12 เทพ
ข้าเดินไปด้านหลังร้านโดยเลี่ยงเหล่าคนเมาและเหล่าบริกรหญิงชาย
ชายที่เดินตามข้ามาไม่ได้สงสัยอะไรเลย
นี่เขาโง่รึไงนะ ถึงได้ไม่รู้ว่ากำลังมีชะตากรรมอันแสนโหดร้ายรอคอยอยู่
ข้ามเดินตามทางเดินด้านหลังของร้านจากนั้นก็เข้าไปที่ประตูบานหนึ่ง
ที่นั้นเป็นเพียงคลังสินค้า
[ ที่นี่คือ? ]
ชายคนนั้นดูจะสับสนเล็กน้อยเพราะถูกพาตัวมาที่คลังสินค้า
[ ดูให้ดีล่ะ ]
ข้าหัวเราะจากนั้นก็ขยับตู้หนึ่งออก
เมื่อตู้นั้นเลื่อนออก ก็ปรากฏบันไดที่ลงไปสู่ชั้นใต้ดิน
[ โฮ่! ]
ชายคนนั้นส่งเสียงประหลาดใจ
[ ตกใจใช่มั้ยล่ะ? ที่เหลือก็ลงไปข้างล่างนี้ก็พอ ข้างล่างนี้มีสาวสวยอยู่เพียบเลยล่ะ ]
ข้าไม่ได้พูดโกหก
แม่มดพวกนั้นสวยจริงๆ
แต่บางทีนั่นอาจจะเป็นเวทมนตร์เปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกก็ได้
[ ครับ ผมไม่รู้เลยว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วย ช่วยไว้ได้จริงๆ ครับ ]
ชายคนนั้นพูดขอบคุณ
นี่เขาจะโง่ไปถึงไหนกันนะ?
โดยปกติแล้ว น่าจะคิดว่าไม่มีผู้หญิงมาอยู่ในห้องใต้ดินแบบนี้หรอก
แต่เขาดูจะไม่สะกิดใจว่ามันแปลกเลย?
บางทีอาจถูกเลี้ยงดูมาในสภาพแวดล้อมอย่างดีและมีชีวิตอยู่โดยไม่เคยสงสัยใครเลยก็ได้
ข้ารู้สึกถึงความแค้นในใจที่กำลังลุกโชก
ข้าต้องเป็นคนที่ทรมานตั้งแต่เกิดมา อยู่ล่างสุดของคนอื่น
แต่ในตอนนี้นายจะต้องถูกบูชายัญเจ้าหนุ่ม
ข้าหัวเราะอยู่ในใจ
จากนั้นก็เดินลงไปใต้ดินพร้อมกัชายคนนั้น
แต่บันไดชั้นใต้ดินไม่ใช่แบบขุดดินหรอกนะ
มันเป็นพื้นหอนและเพดานที่ถูกสร้างมาอย่างประณีตและไม่ได้สัมผัสดินเลย
ข้าเองก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนสร้างชั้นใต้ดินนี้ แต่คงใช้เทคโนโลยีชั้นสูงมากน่าดู
แต่หากนึกถึงการมีอยู่ของปีศาจที่ให้พลังเวทกับไอนอย มันก็อาจจะไม่แปลกก็ได้
ข้าเดินลงไปยังบันไดที่กว้างกันสองคน เพราะมีแสงอยู่บนผนังทำให้ไม่มืด
ชายคนนั้นเดินตามข้ามาอย่างเชื่อฟังโดยไม่ได้พูดอะไร
จนมาถึงโถงห้องกว้างๆ
ในห้องนั้นมีเหล่าแม่มดที่สวมชุดคลุมอย่างปกติ
แต่มีชายคนหนึ่งที่สวมชุดคลุมที่ข้าพึ่งเคยเห็นเขาครั้งแรก
ชายคนนั้นยืนอยู่ด้านบนและสวมหน้ากากสีขาว
หน้ากากนั้นถูกออกแบบมาแบบง่ายๆ ดวงตาและส่วนปากมีช่องว่างเล็กน้อย
เขาเป็นใคร?
ข้ารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีจากชายสวมหน้ากาก
เมื่อข้าไปถึง เจ๊ไอนอยก็มองมาทางพวกเรา
[ ดูเหมือนเจ้าจะไม่ได้หนีไปสินะมัลเชียส เอาเถอะ จะหนีไปก็ไร้ค่าอยู่ดีเพราะเจ้าจะโดนคำสาปเล่นงานทีหลังอยู่ดี ]
เจ๊ไอนอยพูดขณะที่มองมาทางนี้
[ หนีอะไรกัน…. จะว่าไปเจ๊ไอนอยชายคนนั้นเป็นใคร? ]
ข้ามองไปยังชายสวมชุดคลุมที่ยืนอยู่ข้างบน
[ เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้หรอก เอาเถอะ ข้าจะบอกให้เอาบุญ นั่นก็คือเทราบอสรองประธานสมาคมผู้ใช้เวท ซึ่งเป็นหนึ่งในพรรคพวกของเรา ]
เจ๊ไอนอยบอกถึงตัวตนของชายที่สวมชุดคลุมและสวมหน้ากาก
แน่นอน ข้าก็นึกอยู่แล้วว่าต้องเป็นผู้ใช้เวท
แต่ไม่นึกว่ารองประธานสมาคมผู้ใช้เวทจะมาร่วมมือด้วย
[ ไอนอย เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว… ]
ทาราบอสพูดออกมา
มันไม่ใช่เรื่องที่สมควรพูด คงเป็นเรื่องใหญ่แน่หากมีใครรู้ว่ารองประธานสมาคมผู้ใช้เวทร่วมมือกับแม่มด
อย่างไรก็ตาม เจ๊ไอนอยก็พูดออกมาแบบไม่ทุกข์ร้อน นอกจากนี้ยังไม่สนใจเลย
แต่เทราบอสพูดด้วยความจริงจัง
[ อ่ะ โทษทีแล้วกันเทราบอส จะว่าไปชายคนนั้นล่ะเป็นใคร หน้าตาดีใช้ได้เลยนี่? ]
เจ๊ไอนอยมองไปยังชายหนุ่มข้างหลังข้า
[ อะ อ่า ข้าแค่ใส่ใจพวกเจ๊เลยพาเขามาด้วยนะ ]
เมื่อข้าพูดอย่างนั้นก็รีบหันไปทางชายด้านหลังและดึงกริชออกมา
หากเป็นชายคนนี้พวกเธอจะต้องอภัยให้ข้าแน่
[ อย่าขยับล่ะพี่ชาย ]
ข้าดึงกริชออกมาและพูดด้วยเสียงโทนต่ำ
ชายคนนี้เองก็รู้ตัวแล้วว่าถูกหลอก แต่มันก็สายไปแล้ว ข้าไม่ให้หนีไปได้หรอก
ข้ามองปฏิกิริยาของชายคนนั้น
แต่เขาไม่ตอบสนองเลย
มันมีอะไรแปลกๆ
[ เซียรูด้า! ผมมีเรื่องอยากจะถาม!! ]
ทันใดนั้น ชายคนนั้นก็ตะโกนขึ้น
เมื่อได้ยินชื่อของเซียรูด้า แม่มดทุกคนก็ส่งเสียงประหลาดใจ
เพราะเซียรู้ด้าคือปีศาจที่มอบพลังและทำให้เจ๊ไอนอยเป็นแม่มด
ทำไมชายคนนี้ถึงได้รู้?
สายตาของเขาหันไปทางเจ๊ไอนอย
แต่ก็ไม่เชิงว่าจ้องมองเธอ
เขากำลังมองไปด้านหลังของเจ๊ไอนอยที่ไม่มีอะไรอยู่
[ โฮ่… เจ้ามองเห็นข้างั้นเหรอ? แกเป็นใครกัน? ]
เสียงที่ทำให้เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีดังขึ้นในห้อง
ในตอนนั้นเองก็มีเงาขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเจ๊ไอนอย
ลักษณะของมันคล้ายกับเซเทอร์ แต่แตกต่างจากเซเทอร์ มันมีขนสีดำและมีหัวคล้ายแพะ กล้ามแขนที่ค่อนข้างใหญ่กว่าเซเทอร์ที่ข้าเคยเห็นมาก่อนมากนัก
เซเทอร์สีดำปรากฏตัวออกมา
[ เอ๊ะ? ]
ข้าที่ทนรับแรงกดดันไม่ไหวจากสายตานั้น นั่งคุกเข่าลงกับพื้น
สงสัยว่าเทราบอสเองก็คงตกใจ เพราะเขามองไปที่เซเทอร์สีดำด้วยใบหน้าประหลาดใจ
แต่เหล่าแม่มดตรงหน้านั้นไม่มีสีหน้าตกใจใดๆ อยู่เลยย
ข้ามองไปยังชายข้างๆ เขาเองก็ไม่มีท่าทีใดๆ แม้เซเทอร์สีดำจะปรากฏร่างออกมา
มีเพียงความเงียบเฉียบ
[ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบกันเซียรู้ด้า ผมเองก็ได้ยินเรื่องของนายจากเซอร์อัลบาลมาแล้วครั้งนึง ]
ชายคนนั้นคุยกับเซเทอร์สีดำ
ชายคนนี้เป็นใครกันแน่?
เขามองไปที่เซเทอร์สีดำโดยไม่แปลกใจและมองตรงไปได้
คงเป็นข้าเองก็คิดว่าชายคนนี้เป็นพวกโง่เขลา
[ เจ้ารู้จักกับท่านอัลบาลรึ! แกเป็นใครกันแน่? ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาสินะ! ]
เซเทอร์สีดำตะโกน
[ ใช่แล้ว… แต่หากดูร่างนี้ของผมเลย จะเข้าใจได้ง่ายกว่าใช่มั้ย? ]
เมื่อชายคนนั้นพูดจบ ก็มีเปลวไฟสีดำห่อหุ้มทั่วร่างของเขา
และเมื่อเปลวไฟสีดำหายไป ก็มีอัศวินที่สวมชุดเกราะสีดำยืนอยู่แทนที่
[ บ้าน่า?! อัศวินดำงั้นเรอะ! ไม่จริงหรือว่าจะ?! …. ท่านจะเป็น… ]
ทันใดนั้นเซเทอร์สีดำก็คุกเข่าลง
[ ใช่แล้วเซียรู้ด้า! อย่างที่คิดนั้นแหละ และผมมีเรื่องอยากจะถาม! ผมคำถามผมมาเซียรูด้า!! ]
ชายอัศวินดำพูดออกมา
จากนั้นก็มีแรงกดดันแผ่พุ่งออกมาจากร่างของเขา
[ อุ๊…. ]
แรงกดดันนั้นทำให้เซียรู้ด้าล้มลงกับพื้น
ในร่างกายข้ามีความกลัวอยู่เต็มไปหมด
เท้ามันสั่นจนหยุดไม่ได้
เมื่อข้ามองไปยังเจ๊ไอนอยและเทราบอสก็เห็นพวกเขากำลังตัวสั่นบนอยู่บนขณะที่มองหน้ากัน
ปีศาจที่ชื่อว่าเซียรู้ด้ายังไม่ถึงกับล้มไปนอน แต่ตัวก็สั่นอยู่
มีเพียงชายสวมหน้ากากด้านหลังเทราบอสที่ยืนอยู่ได้ปกติ
[ อา…. ]
ข้าได้ยินเสียงจากประตูทางเข้า
มีใครคนหนึ่งกกำลังคุกเข่าอยู่ที่ตรงนั้น
บางทีเท้าของคนๆ นั้นคงสั่นไปด้วยความกลัวจนขยับไม่ไหว
ข้ามองไปที่ใบหน้านั้นอย่างประหลาดใจ
[ เซนน่า…. ]
คนที่อยู่ที่ประตูทางเข้าก็คือเซนน่า
◆ นักเต้นเซนน่า
[ เขาจะไปที่ไหนกัน? ]
มัลเชียสฟื้นตัวจากการจมน้ำได้อย่างรวดเร็วเพราะเวทรักษาของท่านซาโฮโกะ
และในคืนนั้นในตอนกลางคืนเขาก็ออกไปจากหอพักที่โรงละคร
การออกจากหอพักตอนกลางคืนก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไร
มิดัสเองก็ให้อิสระหากไม่ไปทำร้ายใครเข้า
ในวันพรุ่งนี้ไม่มีการฝึก
การเล่นละครให้พวกท่านผู้กล้าของเราถูกเลื่อนออกไปก่อน
ดังนั้นบางคนจึงไปที่บาร์ด้านนอกและดื่มเหล้าบ้าง
และดูเหมือนเจ๊ไอนอยเองก็จะไปไหนสักแห่งเหมือนกัน
บางทีอาจจะเป็นบ้านของคนรัก
ข้าตามหลังมัลเชียสไป
มัลเชียสเดินออกจากกำแพงเมืองและเดินไปยังย่านบันเทิง
บางครั้งเขาเองก็จะมาที่นี่
แต่เมื่อวานข้าก็ไม่เห็นเจอเขาเลย เขาไปดื่มที่ร้านไหนกันนะ?
[ มัลเชียส นายหนีจากเซนน่าคนนี้ไม่พ้นหรอน่า ]
ฉันลบรอยเท้าและตามเขาไป
สำหรับฉันที่ฝึกทักษะการเดินไร้เสียงมาแล้ว การแอบตามมันง่ายนิดเดียว
มัลเชียสเดินเข้าไปในร้านที่ใหญ่ที่สุดในเมือง
เมื่อวานฉันก็ไปที่ร้านนั้น แต่กลับไม่เจอมัลเชียส
[ ชายคนนั้น…. ]
มัลเชียสคุยกับชายคนหนึ่งหน้าร้าน
ข้าจำใบหน้าของชายคนนั้นได้
ชายที่อยู่หญิงสาวที่พี่เดคิอัสเรียกว่าเทพธิดาแสงจันทร์
ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่? หรือเขาจะเป็นพวกเดียวกันกับมัลเชียส?
จากตำแหน่งตรงนี้ฉันไม่ได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไรกันอยู่
มัลเชียสและชายคนนั้นเดินเข้าไปในร้าน
จากนั้นฉันก็เดินเข้าไปในร้านตามสอนคนนั้นไป
คนในร้านจ้องมองเมื่อเห็นฉันเข้าไปในร้าน จากนั้นก็หมดความสนใจและหันหน้าไป
ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ในชุดนักเต้น ฉันสวมผ้าคลุมยาวที่ปกปิดร่างกายและปิดหน้าไว้
คนในร้านบางคนก็จะปกปิดใบหน้าไว้
ดังนั้นถึงฉันจะปิดหน้าและเข้ามาในร้านก็ไม่ได้แปลกอะไร
ภายใต้เสื้อคลุมนี้มีดาบเล่มโปรดของฉันอยู่สองเล่มและอาวุธอีกมากมาย
เพราะคงไม่ใช่แต่มัลเชียสคนเดียวแน่ที่ควบคุมคาคินอสอยู่ ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังแน่
ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าคนๆ นั้นจะต้องเป็นบุคคลอันตราย
ดังนั้นต้องระวังตัวไว้ก่อน
ฉันเห็นทั้งสองคนเดินเข้าไปในร้านและไปที่หลังร้าน
ตรงส่วนหลังร้านปกติแล้วจะห้ามไม่ให้ผู้เกี่ยวข้องเข้า
ทำไมมัลเชียสถึงผ่านมาได้?
แต่ฉันไม่มีเวลามากพอจะคิดถึงเรื่องนั้น
ทั้งสองคนนั้นเดินไปต่อ
แต่สำหรับฉันมันยากเพราะมีสายตาของพนักงานจับจ้องอยู่
ควรทำยังไงดี
ฉันถือดาบเล่มเล็กๆ เพื่อไม่ให้ใครเห็น
เป็นดาบเล่มเล็กที่พอดีกับฝ่ามือ
ฉันโยนดาบเล่มนั้นไปด้วยการขยับมือ
ดาบเล่มนั้นไปชนเข้ากับลูกค้าคนหนึ่ง
ลูกค้าคนนั้นล้มลงในทันที
ดูจากมุมมองคนนอกก็จะเห็นว่าเขาเมาจนล้มลงไปเอง
จากนั้นเขาก็อ้วกออกมาทำให้เศษอาหารกระจายไปทั่วโต๊ะและพื้น
เกิดเสียงดังขึ้นและสายตาของลูกค้าและพนักงานก็จับจ้องไปที่เขา
ฉันอาศัยจังหวะนั้นค่อยๆ แอบตามมัลเชียสไปโดยไม่ส่งเสียงดัง
นี่เองก็เป็นเทคนิคเดียวกับการเล่นมายากล ให้ทุกคนมุ่งความสนใจไปมือขวา ทั้งๆ ที่มีของอยู่ในมือซ้าย
แต่การที่จะทำได้จำเป็นต้องมีความรวดเร็วและไม่ให้เกิดเสียง
พนักงานที่ยืนอยู่ทางเข้าดูเหมือนจะไม่ได้สังเกตเห็นฉัน
ฉันแอบตามมัลเชียสไป
ที่ทางเดินอยู่ประตูอยู่หลายบาน
เขาเข้าห้องไหนไปกันนะ?
ฉันพยายามเงี่ยหูฟังและถอดฮู้ดที่คลุมหัวอยู่
จากนั้นก็รู้สึกถึงเสียงจากห้องหนึ่ง
เสียงนั้นได้ยินอย่างชัดเจนและดังขึ้นเรื่อยๆ
[ ตกใจใช่มั้ยล่ะ? ที่เหลือก็ลงไปข้างล่างนี้ก็พอ ข้างล่างนี้มีสาวสวยอยู่เพียบเลยล่ะ ]
มันคือเสียงของมัลเชียส
[ ครับ ผมไม่รู้เลยว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วย ช่วยไว้ได้จริงๆ ครับ ]
ชายคนนั้นขอบคุณ
จากนั้นก็ได้ยินเสียงของพวกเขากำลังเดิน
เมื่อเสียงจากข้างในหายไปแล้ว
ฉันจึงเข้าไปข้างใน
ภายในห้องดูเหมือนคลังสินค้าธรรมดาๆ และฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะมีทางลงไปใต้ดินเลย
[ ห้องนี้มันแปลกๆ นะ? ]
ฉันตรวจสอบที่พื้นและผนัง
จนในที่สุดก็พบร่องรอยการขยับของตู้ๆ หนึ่ง
[ นี่สินะ ]
ฉันตรวจสอบตู้นั้นและเลื่อนมันไปด้านข้าง จากนั้นก็เห็นบันไดที่ลงไปที่ชั้นใต้ดิน
[ จะมีอะไรรออยู่กันนะ… ]
ฉันเดินลงไปยังชั้นใต้ดินและไล่ตามมัลเชียสไป
เมื่อเดินผ่านก็เจอกับห้องโถงขนาดใหญ่ด้านหน้า
กลางห้องมีมัลเชียสและชายที่อยู่กับเทพธิดาแสงจันทร์
ฉันแอบมองโดยซ่อนตัวอยู่หลังทางเข้า
คนในห้องคนอื่นนอกจากมัลเชียสดูเหมือนจะเป็นผู้ใช้เวทกันหมด
จากนั้นเมื่อมองไปยังสุดห้องก็ทำให้ฉันตกใจ
[ โกหกน่า… เจ๊ไอนอย ]
ที่สุดปลายห้องนั้นก็คือเจ๊ไอนอย
แต่มีเรื่องน่าแปลกใจกว่านั้น
เพราะมีแพะสีดำกำลังยืนอยู่ข้างๆ กับเจ๊ไอนอย
เซเทอร์คุยอะไรบางอย่างกับชายที่อยู่กับเทพธิดาแสงจันทร์
จากนั้นเปลวไฟสีดำก็ปกคลุมร่างของชายคนนั้น
และเมื่อเปลวไฟสีดำหายไป อัศวินเกราะสีดำก็ยืนอยู่ตรงนั้นแทน
ฉันเผลอส่งเสียงออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
และได้ยินเซเทอร์สีดำเรียกเขาว่าอัศวินดำ
จากนี้ฉันไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
จากนั้นแรงลมก็พัดมาจากอัศวินดำคนนั้น
[ เอ๊ะ… ]
เมื่อตัวฉันกระทบกับลมนั้น เท้าก็สั่นไปหมด
ฉันไม่สามารถแม้แต่จะลุกขึ้นยืนได้ ได้เพียงแต่คุกเข่าอยู่กับพื้น
ในตอนนั้นเอง
ก็มีสายตามากมายจ้องมองมาทางฉัน
สีหน้าของมัลเชียสดูแปลกใจ
[ เซนน่า… ]
มัลเชียสเรียกชื่อฉัน
ฉันถูกรู้ซะแล้ว ต้องรีบหนี
ฉันพยายามตีเท้าตัวเองเพื่อฝืนให้ลุกขึ้น
ถึงขาจะยังไม่กลับมาฟื้นตัวมาเต็มร้อย แต่ก็พอจะวิ่งหนีได้
ฉันรีบร้อนวิ่งกลับไปในทางเดิม
และรู้สึกว่ามีคนกำลังตามมา
ต้องรีบหนี!!
จากนั้นจึงถอดเสื้อคลุมที่ใช้ปกปิดใบหน้าเพื่อให้ขยับตัวได้ง่ายขึ้น
หลังจากวิ่งขึ้นบันไดและกลับไปถึงชั้นแรกก็รีบไปที่ด้านหลังร้าน
พนักงานของร้านดูจะตกใจที่เห็นฉัน แต่ก็ช่างเถอะ
ฉันรีบออกจากร้านทันที
จากนั้นก็ได้ยินเสียงเอะอะในร้าน
บางทีคนที่ตามมาคงกำลังต่อสู้กันอยู่
จากนั้นจึงหาเส้นทางไปต่อ
ฉันมั่นใจในฝีเท้าของตัวเองพอตัว คิดว่าจะจับได้ง่ายๆ เรอะ?
ฉันวิ่งผ่านฝูงชน
และมาถึงสถานที่ที่ไร้ผู้คน
และจู่ๆ ชายที่สวมหน้ากากสีขาวก็มาปรากฏตัวตรงหน้าฉัน
[ โกหกน่า! ตั้งแต่เมื่อไหร่!! ]
ชายสวมหน้ากากถือดาบไว้ในมือ
เร็วมาก
ฉันพยายามหลบดาบ
การหันหลังให้ศัตรูที่เคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้มันอันตรายมาก
ฉันตัดสินใจอย่างรวดเร็วและใช้ฝีเท้าหนีดาบของอีกฝ่ายและฟัน
ชายสวมหน้ากากล้มลงยังพื้นขณะที่อยู่ในท่าฟัน
ฉันใช้จังหวะนี้หนีไป
ในขณะที่หนีก็ออกมองไปด้านหลังเล็กน้อย
ชายหน้ากากขาวยืนขึ้นราวกับไม่รู้สึกเจ็บปวด
ในตอนนั้นฉันก็ได้เห็น
ใบหน้าที่แท้จริงที่มองเห็นจากหน้ากากที่แตก มันไม่ใช่ใบหน้าของคนที่ยังมีชีวิตอยู่
ฉันรีบวิ่ง
แต่ก็รู้สึกถึงคนกำลังตามมาจากข้างหลัง
เป็นความเร็วที่ผิดปกติและไม่ใช่การเคลื่อนไหวของมนุษย์
[ ไม่มีทางเลือก… ]
ฉันเอามือสัมผัสที่ดาบบนเอวซ้ายและขวา
จากนั้นก็หยิบถุงน้ำขนาดเล็กออกมา
ในถุงน้ำนี้มีมียาสปิริตอาซาชูด้าอยู่ ถ้าดื่มจะได้พละกำลังมหาศาลในช่วงเวลาหนึ่ง
เดิมมันเป็นยาเวทที่ดื่มเพื่อเพิ่มพลัง เคยได้ยินว่าผู้กล้าแห่งอาเทริคเคยดื่มมันและเอาชนะปีศาจขนาดใหญ่ได้
แต่ว่ายาอาซาชูด้าเป็นยาอันตราย
เพื่อแลกกับพลังอันยิ่งใหญ่ มันจะทำลายอวัยวะภายในหากควบคุมไม่ได้
แต่เพราะฉันฝึกฝนมาแล้วจึงดื่มยานี้ได้อย่างปลอดภัย
แม่เป็นคนฝึกให้ล่ะนะ แต่ทั้งพ่อและพี่ไม่รู้เรื่องนี้หรอก
แม่น่ะเป็นนักฆ่า
เพื่อปกป้องเหล่าผู้ศรัทธาของท่านอิชเทียเราจำเป็นต้องมียาอาซาชูด้า
เหล่าผู้ศรัทธาของท่านอิชเทียปกติจะเป็นคนที่ผิดกฏหมายทำให้ไม่ได้รับการคุ้มครองจากกฏหมายในประเทศ
ดังนั้นจะต้องมีคนที่คอยปกป้องเหล่าผู้ศรัทธา
ผลที่ได้ก็คือนักฆ่า
แต่ว่าเราไม่ใช่นักรบจึงไม่เหมาะกับการต่อสู้ตรงหน้า
จึงต้องใช้ยาอันตรายอย่างอาซาชูด้าเข้าช่วย
ศัตรูของผู้ศรัทธาของท่านอิชเทียไม่จำเป็นต้องเป็นปีศาจเสมอไป แม้แต่มนุษย์ก็เป็นศัตรูด้วย
นักฆ่าจะคอยกลบฝั่งผู้คนเหล่านั้นไปสู่ความมืดมิดโดยไม่มีใครสังเกตราวกับหมาป่า
เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนทหารของประเทศจับ เมื่อถูกจับได้จะฆ่าตัวตายทันที
พวกเราจะฆ่าเหล่าคนที่ทำร้ายผู้ศรัทธาของท่านอิชเทีย
ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครกล้าทำอันตรายใดๆ กับผู้ศรัทธาของท่านอิชเทียเลย
เพราะไม่งั้นจะโดนนักฆ่าสังหารเอาก็ได้
ฉันดื่มยาลงไป
พี่จะทำยังไงนะ ถ้าเขารู้ว่าฉันดื่มยาอันตรายขนาดนี้?
คงจะพยายามห้ามแน่
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องแบบนั้น
ฉันรู้สึกถึงพลังขาที่มากขึ้นและพลังเอ่อล้นไปทั่วร่างกาย
ราวกำลังพลังกำลังห่อหุ้ม
อีกฝ่ายใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ฉันบินขึ้นไปบนฟ้า
ด้วยพลังขาที่มากขึ้นจึงสามาระกระโดดเพียงครั้งเดียวก็สูงถึงสองชั้นได้แล้ว
แต่อีกฝ่ายเองก็ตามขึ้นมาบนหลังคาเช่นกัน
พลังกายนั้นสุดยอดเลยแฮะ
ฉันมองไปยังกลุ่มคนที่ไล่ตามมาบนหลังคา
ทุกคนต่างสวมเสื้อคลุมผู้ใช้เวทและมีหน้ากากสีขาวบนใบหน้า
การเคลื่อนไหวของพวกเขาเร็วพอๆ กับฉัน
แม้จะเดินบนหลังคาที่ไม่สม่ำเสมอ
แต่ละคนต่างถืออาวุธอยู่
มีกระทั้งเมซที่ค่อนข้างหนัก ถึงอย่างนั้นก็ยังเคลื่อนไหวได้เร็วอยู่เลย
ฉันดึงดาบทั้งสองเล่มออกมาจากข้างเอว
[ เข้ามาเลย ฉันจะแสดงวิชาดาบของผู้รับใช้ท่านอิชเทียให้ได้ชม ]
เหล่าคนสวมหน้ากากพุ่งตรงเข้ามา
ฉันฟันใส่คนสวมหน้ากากที่ใกล้ที่สุดจากนั้นก็ใช้ดาบศัตรูหัวอีกฝ่าย
จากนั้นฉันก็หลบเมซของคนสวมหน้ากากอีกคนที่อยู่ด้านหลังและใช้เท้าเตะหนีไปด้านหลัง
ทันใดนั้นชายสวมหน้ากากที่ถือกริซสองเล่มในมือซ้ายและขวาก็โจมตีมาจากด้านบน
ฉันหมุนตัวและใช้ดาบฟันแนวแขยงไปโดนแขนซ้าย
ถึงฝ่ายยังไม่ตายแม้แขนซ้ายจะบาดเจ็บและพยายามโจมตีด้วยแขนขวาแทน
ดูเหมือนเขาจะไม่รู้สึกเจ็บเลย
และยังเร็วมาก
ขณะที่กำลังป้องกันการโจมตีของชายถือกริซ คนสวมหน้ากากสองคนที่ถือดาบใหญ่และหอกก็พุ่งเข้ามา
ฉันตั้งสมาธิกับชายถือกริซด้านหน้า
ดาบใหญ่และหอกโจมพยายามโจมตีฉัน
แต่การโจมตีของชายดาบใหญ่ไม่โดนฉันและไปโดนชายถือกริซแทน
ชายถือกริซที่ร่างถูกแทงด้วยดาบและหอกขยับไม่ได้
ใช่แล้ว ภาพลวงตา
ผู้ศรัทธาของท่านอิชเทียสามารถใช้เวทลวงตาได้ ฉันได้รับพรมานิดหน่อย จึงใช้เวทลวตาได้นิดหน่อย
เพราะดื่มยาอาซาชูด้าเข้าไปทำให้พลังเวทมากขึ้นด้วย
ฉันแทนที่ตัวเองด้วยเวทลวงตา
ชายดาบใหญ่และหอกที่หลุดจากเวทลวงตาของฉันดึงดาบออกจากชายกริซ
แต่ดูเขาจะไม่มีอาการเจ็บปวดเลย ฉันไม่ปล่อยไปอย่างนั้นหรอก
ฉันไปตัดคอเขาจากด้านหลังขณะที่ใช้ชายถือหอกและชายถือดาบใหญ่กำลังดึงดาบออก
แม้ว่าอาซาชูด้าจะทำให้แข็งแกร่งขึ้นแต่ก็ยังไม่มีแรงพอจะตัดคอได้ ทำให้เขายังไม่ตาย
และเลือดไม่สาดกระเซ็นออกมา
ชายสวมหน้ากากที่ถือดาบใหญ่และหอกเคลื่อนไหวตามร่างของฉัน
และฉันยังรู้สึกได้ว่ามีคนใหม่กำลังมาอีก จึงหนีไปอีกหลังคาหนึ่ง
มีคนสวมหน้ากากเพิ่มเข้ามา
ชายสวมหน้ากากที่ฉันใช้ดาบตัดคอไปแล้วและชายสวมหน้ากากที่ถือเมซเองก็อยู่ด้วย
เดาว่าคนพวกนี้คงไม่ใช่มนุษย์
ชายสวมหน้ากากมี 13 คน
สถานการณ์คับขันมาก
แม้ว่าอาซาชูด้าจะทำให้ได้พละกำลังมหาศาลมาแต่การใช้เป็นเวลานานๆ ร่างกายก็จะแย่เอา
การต่อสู้เมื่อกี้ การที่ฉันจะควบคุมพลังได้ก็ยากพอควร
ทำยังไงดี?
ฉันพยายามคิด
[ ยอดเยี่ยม… เป็นการเคลื่อนไหวที่สวยงามมาก ]
ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงจากบนหัว
เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปก็เห็นอัศวินดำลอยอยู่บนท้องฟ้าใต้แสงจันทร์
[ คุณคือ… ]
การปรากฏตัวของเขาน่าอัศจรรย์มาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าหลงใหล
เพราะเขาคืออัศวินดำในห้องใต้ดิน ฉันจะประมาทไม่ได้
อัศวินดำลงมาบนหลังคา
[ จากนี้ไปผมจัดการเอง ]
อัศวินดำกวัดแกว่งมือขวา จากนั้นชายสวมหน้ากากก็ปลิวไปหมด
ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อกี้เป็นเวทมนตร์อะไร?
ฉันมองไปที่อัศวินดำคนนั้น
เหลือเพียงชายคนนี้คนเดียว แต่รู้สึกสถานการณ์คับขันกว่าเมื่อกี้วะอีก
อัศวินดำคนนี้อาจจะแข็งแกร่งกว่าชายสวมหน้ากากพวกนั้นซะอีก
[ ผมคิดว่าจะช่วยให้เร็วกว่านี้อยู่… แต่เพราะเห็นท่วงท่าอันงดงามเลยเผลอจ้องมากไปหน่อย ]
อัศวินดำพูดกับฉัน
ช่วย? ฉันไม่เข้าใจความหมายที่เขาจะบอก
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาคิด ถ้าสู้กับอัศวินดำคนนี้ฉันคงไม่รอดแน่
ต้องหนี
ฉันสร้างดาบภาพลวงตาและให้มันพุ่งเข้าใส่อัศวินดำ
ดาบลวงตาพุ่งตรงเข้าใส่เขา
แต่อัศวินดำเพียงแค่ขยับมือขวาเบาๆ
ในภาพลวงตาพวกนั้นมีดาบของจริงซ่อนอยู่ 2 เล่ม
[ ไอ้สัตว์ประหลาด!! ]
ฉันจะพูดไปแบบนั้นก็ช่วยไม่ได้
ฉันใช้ดาบทั้งสองเล่มเล็งไปที่คอของอัศวินดำ
[ อะไรกัน? ]
ไม่มีอะไรอยู่เลย
อัศวินดำหายไปจากตรงหน้าฉัน
[ รู้สึกจะมีการเคลื่อนไหวที่เปล่าประโยชน์อยู่เยอะเกินไป คล้ายกับการเคลื่อนไหวของเรย์จิ แต่เรย์จิดูจะเฉียบคมกว่านี้รึเปล่านะ? ]
ฉันได้ยินเสียงสบายๆ ของอัศวินดำจากข้างๆ
[ หรือว่าจะมองเห็น? ]
ฉันมองย้อนกลับไปและถาม
[ อา แม้จะไม่ใช้วิชาแยกร่าง แต่การเคลื่อนไหวของคุณอย่างเดียวก็ใช้ได้แล้ว ]
อัศวินดำพูดอย่างใจเย็น
คำพูดนั้นทำให้ฉันหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง
นี่ภาพลวงตาของฉันหลอกเขาไม่ได้เลยเหรอ
ขนาดเป็นภาพลวงตาของฉันที่ดื่มอาซาชูด้าไปแล้วนะ
ฉันหันหลัง
ไม่รู้สึกเลยว่าจะชนะอัศวินดำได้
มีเพียงอย่างเดียวที่ทำได้
เพราะอีกฝ่ายดูจะไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าฉันในทันที
ต้องเดิมพันหน่อยแล้ว
ฉันเอาขวดเล็กๆ ออกมาจากอก
อัศวินดำดูจะสนใจเจ้าสิ่งนี้
เป็นไปตามที่คาด ในตอนที่อีกฝ่ายไม่ระวังตัวนี้ล่ะคือโอกาสของฉัน
ตอนนี้ล่ะมีช่องว่างแล้ว
ฉันเขียนอะไรบางอย่างลงไปในดาบซ้าย
จากนั้นก็ตั้งสมาธิ
และแล้วก็มีร่างของฉันปรากฏขึ้น
เวทลวงตาทำให้มีฉันปรากฏขึ้นอีกหลายคน
[ หืมม… ]
อัศวินดำส่งเสียงประหลาดใจ
[ จะเอาล่ะนะ!! ]
ฉันให้ภาพลวงตาวิ่งไปหาอัศวินดำ
ในขณะที่ตัวเองวิ่งไปจากตรงข้ามกับอัศวินดำ
[ เปล่าประโยชน์ โทษทีแล้วกัน ]
อัศวินดำบินมาปรากฏตัวตรงหน้าฉัน
[ เอ๊ะ!! ]
ฉันจ้องมองไปที่อัศวินดำ
[ คิดจะหนีขณะที่ให้ภาพลวงตาโจมตีเหรอ… ไม่เลว ]
แต่คำพูดของอัศวินดำไม่ได้ส่งมาถึงในหัวฉันเลย
เพราะกำลังกังวลเรื่องอื่นอยู่
หลังจากนี้พี่คงสังเกตเห็นข้อความนี้แน่ ฉันหัวเราะในใจด้วยความสิ้นหวัง
[ เมื่อกี้ดูเหมือนจะเขียนข้อความบางอย่างไว้ก่อนจะเข้ามาต่อสู้ด้วยสินะ… ]
ด้วยคำพูดของอัศวินดำ ทำให้ฉันถึงกับหมดหวัง
ดูเหมือนเขาจะดูออกหมดเลย
แต่ในตอนนั้นฉันก็ส่งขลุ่ยให้พี่แล้ว
ไม่มีทางเลือกแล้วนอกจากเดิมพันกับสิ่งนั้น
[ คงต้องขอให้เธอไปกับผมแล้วล่ะ ]
ฉันสั่นกลัว
ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้หรอกนะ ว่าผู้หญิงที่ถูกจับตัวไปจะต้องเจอเรื่องแบบไหน
บางทีอาจจะกลายเป็นที่สนองตัณหาของพวกผู้ชาย
แถมฉันยังเห็นใบหน้าที่แท้จริงของอัศวินดำแล้วก็ยิ่งซ่อนความรังเกียจในสีหน้าไว้ไม่ได้
ฉันนึกภาพตัวเองต้องไปเต้นเปลือยต่อหน้าผู้คนมากมาย เพราะเดิมฉันก็เป็นนักเต้น
มันน่ารังเกียจจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้
อัศวินดำยกมือขวาขึ้น
จากนั้นเขาก็ฟาดลงที่หลังคอฉัน
[ พี่คะ… ]
ฉันพึมพำ ขณะที่สติจางหายไปในความมืดมิด