CatNovel
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

อัศวินดำ - ตอนที่ 69

  1. Home
  2. อัศวินดำ
  3. ตอนที่ 69
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

◆ วาลคีเรีย ชิสุเฟย์

[ ชิสุเฟย์! ทำไมฉันถึงไม่ได้รับเชิญไปด้วยกันล่ะ!! ]

โนวิคส่งเสียงบ่น

เขาส่งเสียงดัง ทำให้คนที่จตุรัสกลางเมืองอาเรียดิน่ามองมาที่พวกเรากันหมด

[ อย่ามาพูดเสียงดังในที่แบบนี้สิ! ]

ฉันพูดออกไป

อีกทั้งตอนนี้ยังกลางวันอยู่ทำให้ที่นี่มีผู้คนเยอะมาก ดังนั้นอย่ามาเสียงดังในที่แบบนี้สิ

โนวิคโกรธที่เมื่อคืน ตัวเองไม่ได้ถูกเชิญไปงานเลี้ยงด้วย

ฉันเองก็ไม่รู้จนกระทั่งเราพบกันวันนี้นี่ล่ะ

[ ขอโทษนะโนวิคคุง ที่พวกเราสนุกอยู่คนเดียว ]

มาเดียที่อยู่ด้วยกันขอโทษ ไม่ต้องไปขอโทษหรอกน่ามาเดีย

เดิมทีถ้าเชิญโนวิคไปล่ะก็มีหวังงานเลี้ยงได้เละไม่เป็นท่าแน่

ฉันถึงไม่ได้เรียกโนวิคไปด้วยไงล่ะ

ถึงจะรู้ทีหลังว่าโนวิคจะต้องโกรธก็ตาม

ฉันพยายามเก็บเป็นความลับเท่าที่ทำได้ แต่เพราะพี่เคย์น่าไปเล่าให้ฟังนะสิ

เขาถึงได้มาบ่นอยู่อย่างนี้ไงล่ะ

[ มาเดียไม่ต้องไปขอโทษหรอก โถ่ เพราะพี่เคย์น่าไปบอกนั้นแหละ… ]

ฉันจ้องเขม็งไปที่พี่เคย์น่า

[ ขอโทษนะชิสุเฟย์ เผลอบอกไปอ่ะ แฮะๆ ]

พี่เคย์น่าขอโทษ แต่ดูจะไม่ได้จริงจังเลยสักนิด

[ แล้วมาทำอะไรที่นี่ล่ะโนวิค!! ไม่ใช่แค่มาบ่นหรอกใช่มั้ย? ]

โนวิคที่น่าจะยุ่งมาก กลับมาที่นี่แค่บ่นเนี่ยนะ

[ ไม่ใช่…. คือว่า… ได้ยินว่าเธอโดนผู้กล้าแห่งแสงขอร้องมา… ]

โนวิคหันหน้าหนีเพราะยากเกินที่จะพูดออกมาตรงๆ

ฉันได้พบกับท่านเรย์จิและเขาได้ขอร้องให้ฉันช่วยในการสืบสวนคดีด้วย

แต่ฉันไม่คิดว่าตัวคนเดียวจะทำได้ เลยคิดจะร่วมมือกันเป็นกลุ่ม

และที่นี่ก็คือสถานที่นัดพบของพวกเรา

ทุกคนมารวมตัวกันครบยกเว้นคุณลีเรียคนเดียว

[ อะไร? ฉันไม่เห็นเข้าใจเลยว่าอยากจะบอกอะไร? ]

โนวิคจริงๆ แล้วอยากจะพูดอะไรกันแน่?

[ อาร๊า ~ โนวิคคุงนี่น่าสงสารจริงๆ … ]

[ จริงด้วยค่ะ… ]

มาเดียกับพี่เคย์น่าพูดคุยอะไรกันบางอย่าง

ส่วนทางคุณนอร่าดูจะไม่สนใจและไม่ร่วมวงสนทนาด้วย

[ พวกพี่รู้อะไรกันแน่คะ? ]

ฉันมองไปที่ทั้งสองคน

[ ก็น๊า ~ โนวิคก็แค่อยากช่วยชิสุเฟย์เท่านั้นเอง ]

 พี่เคย์น่าพูดขณะที่มองไปยังโนวิค

โนวิคหันหน้าไปมา

ที่จริงโนวิคก็แค่อยากช่วยงั้นเหรอ? งั้นคงต้องขอบคุณล่ะนะ

เพราะยังไงเขาก็มีฝีมือดีนี่นา

[ งั้นก็แค่พูดมาก็จบเรื่องแล้วโนวิค ขอบคุณที่มาช่วยนะ ]

ฉันพูดขอบคุณกับโนวิค

แม้โนวิคจะไม่มีฝีมือด้านการค้นหาหรือตรวจสอบ แต่ก็แข็งแกร่งใช้ได้ ดังนั้นในเรื่องการต่อสู้จึงไว้ใจเขาได้ เห็นได้ชัดว่ามีประโยชน์ล่ะนะ

[ อา… อืม จะพยายามเต็มที่เลย! ]

โนวิคตอบกลับมาอย่างดีใจ ราวกับเรื่องที่เขาบ่นเมื่อกี้ไม่อยู่ในหัวเลย

[ ว๊า ง่ายจังนะคะ ]

ฉันได้ยินเสียงมาเดียหัวเราะ

[ เหลือแค่คุณลิเรียคนเดียวสินะ ]

ฉันมองไปรอบๆ แต่เธอก็ไม่มาสักที 

แต่เจอคนๆ หนึ่งแทน

[ เอ๊ะ? คนๆ นั้น? ]

รู้สึกว่าเคยเจอเขามาแล้วครั้งนึง

แต่ชื่ออะไรกันนะ? แต่กลับคุ้นหน้ามาก

ใช่แล้ว เขาคือชายถือกระเป๋าที่โดนโนวิคชกไงล่ะ

[ เอ่อ… ลืมชื่อไปแล้ว แต่รู้สึกว่าเขาจะเป็นคนใช้ของท่านเคียวกะ ]

พี่เคย์น่ามองไปยังทิศที่ฉันมองอยู่และมองไปที่ชายคนนั้น

[ แต่เขาอยู่กับผู้หญิงอีกคนด้วยนะ เธอใครกันนะ? ]

อย่างที่มาเดียบอก ชายคนนั้นกำลังคอยรับใช้ผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ แม้เธอคนนั้นจะปิดหน้าอยู่ แต่ดูจากขนาดหน้าอกที่ดันเสื้อออกมาจะต้องเป็นผู้หญิงแน่นอน

[ โฮ่… ถึงจะปิดหน้าไว้ แต่ดูก็รู้ว่าต้องเป็นคนสวยมากแน่ๆ ]

คุณนอร่าพูดพร้อมกับหัวเราะ

ดวงตาของคุณนอร่าแม่นมาก สามารถมองสาวสวยได้ในพริบตาเลยล่ะ

เสื้อผ้าของเธอคนนั้นดูดีกว่าชายที่เดินอยู่ด้วยกัน ผ้าคลุมที่ปักด้วยโทนสีทองและสะท้อนแสงแดดส่องออกมา

เป็นคุณหนูจากที่ไหนกันนะ?

แต่เพราะเธอปิดหน้าไว้ทำให้ไม่มีใครรู้ แต่ฉันกลับรู้สึกว่า… เหมือนจะรู้จักเธอคนนั้น

[ มีความสัมพันธ์กันยังไงนะ? ]

มาเดียพึมพำ

[ ดูๆ ไปก็ไม่เหมือนเป็นแค่เจ้านายกับคนรับใช้เท่าไหร่ เพราะดูพวกเขาจะใกล้ชิดกันมาก ]

โนวิคมองไปที่ทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มหยาบคาย

ขณะที่ชุดของหญิงสาวคนนั้นดูดีมาก แต่ชุดของชายคนนั้นกลับสกปรกมอมแมม หากเป็นธรรมดาคงคิดว่าเป็นแค่เจ้านายกับคนรับใช้

แต่ผู้หญิงคนนั้นกำลังควงแขนชายคนนั้นอยู่

หากจะบอกว่าเป็นเจ้านายกับคนรับใช้ก็ดูจะสนิทสนมกันเกินไป

ทั้งสองคนเดินกันอย่างสนิมสนมที่จัตุรัสกลางเมือง

[ จะว่าไปโนวิค ไปขอโทษคนๆ นั้นรึยังล่ะ? ]

[ ขอโทษ? หมายถึงเรื่องอะไรนะชิสุเฟย์? ]

โอ้ย ปวดหัวชะมัด

[ โนวิค! มาด้วยกันเดี๋ยวนี้เลย ไปขอโทษเขาซะ! ]

ฉันดึงมือของโนวิคมาด้วยกัน

[ เดี๋ยวสิ?! จู่ๆ ก็อะไรของเธอนะชิสุเฟย์! ]

เขาพยายามท้วง แต่ฉันไม่ตอบและลากโนวิคไปหาชายคนนั้น

[ เดี๋ยว ไปด้วยสิ ]

[ ฉันด้วย!! ]

[ ฉันเองก็อยากไปด้วย อยากเห็นผู้หญิงคนนั้นใกล้ๆ น่ะนะ ]

สุดท้ายพี่เคย์น่า มาเดีย และคุณนอร่าก็มาด้วย

[ คือว่า..!! ]

ฉันเรียกทั้งสองคน

จากนั้นพวกเขาก็หันกลับมามอง

[ อะไร? พวกนายเป็นใคร? ]

ผู้หญิงคนนั้นมองพวกเราและกำลังอารมณ์ไม่ดี

เสียงของเธอไพเราะเหมือนกับท่านเรน่าเลย

แต่จากน้ำเสียงแล้ว ดูเธอจะโกรธมาก

คงจะโกรธเพราะเรามารบกวนเวลาสองต่อสองของเธอ

[ แฮะๆ เจอกันอีกแล้วนะครับ บาดแผลที่หัวเป็นยังไงบ้างครับ? ]

ชายคนนั้นถามพวกเราและหัวเราะ ต่างกับคุณหนูคนนั้นที่กำลังโกรธอยู่

แต่ฉันจำไม่เห็นได้ว่าเคยบอกใครว่าบาดเจ็บที่หัวเลยนะ

บางทีอาจจะเป็นตอนที่ได้เจอกับท่านเทพธิดาเรน่า

ชายคนนี้เป็นคนพาฉันไปที่วิหารเรน่าเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ

ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นห่วงฉันด้วย

[ ค่ะ เพราะมีคนช่วยใช้เวทรักษาให้เลย…. ]

ฉันพูดออกไปเพียงไม่กี่คำ คงบอกไม่ได้หรอกว่าเทพธิดาเป็นคนใช้เวทรักษาให้ แต่พูดไปใครจะเชื่อกันล่ะ

[ งั้นก็ดีแล้วครับ ว่าแต่มีธุระกับผมงั้นเหรอครับ? ]

ชายคนนั้นไม่มีท่าทางโกรธเหมือนหญิงสาวข้างๆ แม้แต่นิดเดียว เขายิ้มรับแบบเต็มใจ

[ ไม่ค่ะ … คือ… คิดว่าจะมาขอโทษเรื่องของโนวิค … ]

พอฉันพูดขึ้น ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าเหมือนกับว่าจำได้แล้ว ด้วยท่าทีสบายๆ

[ อ่อ เรื่องนั้นเองหรอกเหรอครับ? ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะผมเองก็ได้นอนหนุนตักด้วย ]

ชายคนนั้นหัวเราะและโบกมือไปมา

นอนหนุนตัก? เรื่องอะไรนะ?

แต่ยังไงก็ต้องให้โนวิคขอโทษอยู่ดี

ถึงได้พาโนวิคมา

[ นี่ โนวิค!! ]

ฉันพยายามดันโนวิคไปข้างหน้า

[ อา ต้องขอโทษด้วยนะ ]

โนวิคพูดออกไปแบบไม่สำนึก

เดี๋ยวสิยะ!! นั่นมันไม่ใช่การขอโทษแล้ว

ฉันจับหัวโนวิคและบังคับให้เขาก้มหัวลง

[ ขอโทษด้วยค่ะ ไว้ฉันจะอบรมเขาทีหลังเอง ]

ฉันเองก็ก้มหัวด้วย

[ ไม่เป็นไรๆ พอเถอะครับ ]

เขาดูจะไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ

[ นี่ พี่ชาย เธอคนนั้นใครเหรอ? เป็นหนึ่งในพรรคพวกของผู้กล้าเหรอคะ? ]

พี่เคย์น่าถามด้วยความสนใจ

ที่จริงฉันก็อยากรู้เหมือนกัน

เพราะเขาน่าจะเป็นคนรับใช้ของท่านเคียวกะ

ถ้างั้นแล้วเธอก็อาจจะเป็นหนึ่งในพรรคพวกของท่านผู้กล้าเหมือนกัน

การที่เธอปิดซ่อนหน้าตาไว้ แปลว่าจะต้องเป็นบุคคลสำคัญพอควร

[ เธอคนนี้คือ… เธอคือ… ภรรยาของผมครับ ]

แต่คำพูดที่ออกมาจากปากของชายคนนั้นทำให้ทุกคนต่างแปลกใจกันหมด

ทุกคนต่างส่งเสียง [ โอ้ว!! ] ด้วยความประหลาดใจ

ฉันได้ยินเสียงพึมพำของโนวิคที่อยู่ข้างๆ

[ ใช่แล้ว เป็นภรรยาค่ะ ]

ผู้หญิงคนนั้นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงดีใจ หน้าอกของเธอส่ายไปมา

และฉันรู้สึกได้ว่าโนวิคกำลังจ้องมองหน้าอกเธออยู่

[ งั้นผมคงต้องขอตัวไปเดินเที่ยวอาเรียดิน่ากับภรรยาก่อนนะครับ ]

ชายคนนั้นก้มหัวให้เราจากนั้นก็หายไปพร้อมกับภรรยา

[ ไม่นึกเลยว่าเธอจะแต่งงานแล้ว ]

โนวิคบ่นพึมพำ ขณะที่มาเดียพยักหน้า เพราะพวกเขาดูไม่เหมือนคู่สามีภรรยากันเท่าไหร่ล่ะนะ

[ ทั้งสองคนดูสนิทกันมาก… น่าอิจฉาจัง… ]

ฉันเป็นผู้ศรัทธาของเทพธิดาแห่งการแต่งงานและการคลอด ดังนั้นเลยรู้สึกอยากได้คู่แต่งงานดีๆ บ้างจัง

[ เอาน่า อย่างชิสุเฟย์เดี๋ยวก็หาใครสักคนได้เองแหละ… ]

พี่เคย์น่ามองไปทางโนวิค

[ แล้วทีพี่เคย์น่าล่ะคะ! ไม่คิดจะแต่งงานรึไงกัน? ]

[ คุณค่าไม่ได้ขึ้นอยู่กับการแต่งงานหรอกนะ… อย่างลีเรียยังแต่งงานช้าเลย ]

พี่เคย์น่าพยายามเบี่ยงประเด็น

ฉันถอนหายใจ

เอาเถอะ ฉันเองก็ไม่อยากพูดถึงเรื่องแต่งงานนัก

เพราะฉันรู้สึกยังไม่อยากแต่งงาน

ก่อนหน้านี้จำได้ว่าเคยคุยกับเหล่าคุณแม่มาล่ะนะ

คู่แต่งงานช่วงอายุ 20 ถึง 30 นี่ก็หาคู่แต่งงานได้ยากแล้ว แต่ใช่ว่าจะต้องหาคนที่หล่ออย่างเดียวเท่านั้น จะต้องเป็นคนที่รวยและจริงใจด้วย

ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่ชอบหนุ่มหล่อหรอกนะ

แต่หนุ่มหล่อน่ะนะ เป็นไปได้น้อยมากที่เขาจะแต่งงานกับผู้หญิงแค่คนเดียว ดังนั้นฉันไม่อยากแต่งงานแบบนั้นหรอก

เพราะคนหนุ่มน่ะเป็นไปได้ยากมากที่จะรวยและซื่อตรง จนถึงขั้นได้แต่งงานกัน

แม้อีกฝ่ายจะดียังไงแต่ก็ขอปฏิเสธดีกว่า

จนมีบางครั้งที่ฉันคิดว่าไม่มีคงจะดีกว่า

ไปคิดเรื่องอื่นดีกว่า

ขณะที่พวกเรากำลังคุยกันเรื่องโอเปร่าที่ถูกเลื่อนการแสดง คุณลีเรียก็มาถึงพอดี

[ ทุกคน ขอโทษนะที่มาสาย ]

คุณลีเรียขอโทษ

[ โถ่ จะช้าเกินไปแล้วนะคะ! คุณลีเรีย!! ]

ฉันพูดจาติดตลก

[ ขอโทษด้วยนะชิสุเฟย์ โอย๊ะ… ]

คุณลีเรียมองมาที่หัวฉัน

[ เป็นยังไงบ้างคะ? ฉันกลายเป็นวาลคีเรียไปแล้วค่ะ ]

ฉันจับที่หมวก

ตอนนี้หมวกทั้งสองด้านของฉันมีเครื่องประดับรูปปีกติดอยู่

การตกแต่งปีกที่หมวกเกราะนี้เป็นสัญลักษณ์แสดงว่าเป็นวาลคีเรีย

ฉันได้รับพรจากท่านเรน่าและตอนนี้ได้รับชื่อว่านักรบแห่งวิหารเรน่าแล้ว หมวกนี้แสดงถึงตัวตนนั้น

ฉันเป็นผู้ศรัทธาของท่านเฟย์เรีย แต่ไม่มีปัญหาอะไร เพราะท่านเทพเรน่าก็เสมือนลูกสาวของท่านเฟย์เรีย ในทางกฏหมายจึงอนุญาตและสามารถนับถือไปพร้อมๆ กันได้

ปกติแล้ววาลคีเรียจะหมายถึงนางฟ้าที่ทำหน้าที่คอยรับใช้ท่านเรน่าและมอบให้แก่ผู้รับใช้คนพิเศษเท่านั้น

สำหรับผู้มีถูกเรียกว่าวาลคีเรียจะได้รับหมวกเกราะเวทจากวิหารมา

หมวกเกราะนี้มีความสามารถในการตรวจจับศัตรูและเพิ่มความสามารถของผู้สวมใส่

ที่สำคัญปีกนี้จะเป็นลักษณะเฉพาะของผู้มีฉายาวาลคีเลียเท่านั้น หากคนอื่นใส่มันจะไม่มีปีกงอกออกมาหรอกนะ

[ ค่ะ เหมาะมากเลย ]

คุณลีเรียตอบมาทั้งรอยยิ้ม

[ ดีล่ะ งั้นเราไปกันเลยมั้ย? ]

เมื่อได้ยินเสียงฉัน ทุกคนก็โห่ร้อง(โอ้ว!!)

 

 

 

 

◆ อัศวินดำคุโรกิ

[ คุโรกิ คนเยอะเดินลำบากจังเลยนะ บึ้มคนพวกนี้ทิ้งได้มั้ย? ]

กี่ครั้งแล้วนะ? ที่คุนะพูดอย่างนี้ออกมา

[ ไม่ได้ ห้ามเด็ดขาดเลยนะคุนะ… ]

ผมจำได้ว่าเรน่าก็เคยพูดทำนองนี้อยู่เหมือนกัน ที่มีนิสัยเหมือนกันก็เพราะได้มาจากร่างต้นแบบงั้นเหรอ?

ผมกับคุนะเดินเล่นกันกลางแสงแดดในสาธารณรัฐอาเรียดิน่า

ไม่ใช่ที่คุนะที่อึดอัดคนเดียว ทุกคนก็คงอึดอัดเหมือนกัน

เพราะมีนักเดินทางมาที่นี่มากมายเพราะอยากเห็นเรย์จิ

แม้จะไม่มีนักเดินทางมา แต่ผู้คนในอาเรียดิน่าก็เยอะอยู่แล้ว

เพราะอาเรียดิน่าเป็นประเทศที่อยู่ขอบชายแดนระหว่างตะวันออกและตะวันตกของทวีป

จึงมีนักเดินทางมากกว่าประเทศอื่นๆ 

ผมมองไปยังเหล่านักเดินทางที่มาเยี่ยมชมอาเรียดิน่า

บางคนคงมาจากทางตะวันออก เพราะเขาสวมกางเกงในรองเท้าบูทที่ดูหนา

ที่ทางตะวันออกมีภูเขาและป่าอยู่มาก ทำให้หลายๆ คนต้องใส่กางเกงที่หนาหน่อยเวลาเดินทาง 

ตรงกันข้ามกัน ทางทวีปฝั่งตะวันตกจะมีทะเลและใกล้ชายฝั่ง ผู้คนจึงสวมรองเท้าแตะไม่ก็เท้าเปล่ากันมากมาย มีคนที่ไม่สวมกางเกงอยู่ด้วย

แน่นอนว่ามีข้อยกเว้นอยู่บ้าง ทางตะวันออกก็มีประเทศที่อยู่ใกล้กับทะเลและเท้าเปล่ากับสวมรองเท้าแตะเหมือนกัน ทางฝั่งตะวันตกก็มีบางประเทศที่ใกล้ภูเขาทำให้ต้องสวมกางเกงกับรองเท้าหนาๆ เช่นกัน

อาเรียดิน่าจึงเป็นเหมือนศูนย์รวมแฟชั่นของตะวันออกและตะวันตกในโลกนี้

ยิ่งเป็นจัตุรัสกลางเมืองนี้จะเดินยากมาก เพราะเป็นสถานที่ที่นักเดินทางจากตะวันออกและตะวันตกนิยมไปกัน

อีกอย่าง ตอนนี้คุนะสวมผ้าคลุมและปิดหน้าอยู่ทำให้เดินยาก และดูจะรำคาญอยู่เล็กน้อย

นั่นคือเหตุผลที่เธออารมณ์เสียตอนที่พวกชิสุเฟย์เข้ามาทัก

แต่ตอนนี้ก็อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยแล้ว

[ คุนะ อยากจะกลับรึยัง? ]

เมื่อผมถาม คุนะก็ส่ายหัว

[ ไม่เลย คุนะอยากจะเดินเล่นกับคุโรกิอีก ]

คุนะเกาะแขนซ้ายของผมแน่นขึ้น ทำให้หน้าอกนุ่มๆ ของคุนะสัมผัสกับแขนซ้าย

ดูเหมือนผมจะเข้าใจผิดเองว่าคุนะเดินลำบากทำให้ไม่อยากเดินต่อแล้ว แต่ดูเหมือนเธอกำลังสนุกอยู่

[ ดีล่ะ งั้นไปไหนกันดีนะ? ]

ข้างหน้ามีร้านไอศครีมอยู่ข้างหน้า

ซึ่งเรน่าเคยกินมาครั้งนึงแล้ว ผมเดินตรงไปที่ร้านนั้น

[ อืออ? คุนะรู้จักถนนสายนี้ เพราะเคยกินไอศครีมกับคุโรกิในฝัน ]

ผมแปลกใจกับคำพูดของคุนะ

อะไรนะ?

หรือบางทีเรน่ากับคุนะจะเชื่อมต่อทางวิญญาณกัน

และผมก็เพิ่งสังเกตเห็นบางอย่าง

เพราะตอนนั้นคุนะกำลังฝันว่าเป็นเรน่าเลยรู้จักที่นี่เหรอ?

เพราะงั้นแล้วเรน่าถึงได้รู้ว่าผมจะไปที่ไหน

เพราะเรน่าเองก็รู้มาผ่านคุนะ

[ มีอะไรเหรอคุโรกิ ]

เพราะเห็นผมเงียบ คุนะเลยเงยหน้ามองผมจากข้างหน้า

[ ไม่… ไม่มีอะไรหรอก ]

แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ถึงแม้จะคิดให้ตายผมก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เพราะเบาะแสมีอยู่แค่นิดเดียว ช่วยไม่ได้แฮะ

[ อืม ไปกันเถอะคุโรกิ! ]

คุนะดึงมือผม

รอยยิ้มไร้เดียงสาของเธอ ไม่มีคิดเรื่องอะไรน่าหนักใจอยู่เลย

กลับมีแต่ความร่าเริง

ผมคิดขณะที่เดินไปกับคุนะ

 

 

 

 

 

◆ นักปราชญ์ผมดำจิยูกิ

ในตอนบ่าย ฉันกับเรย์จิไปที่สำนักงานรัฐบาลกันสองคน

เหตุผลก็เพราะคดีที่เกิดขึ้นจากคาคินอส

ที่จริงพวกเราก็ไม่ได้คิดจะมากันสองคนหรอก แต่ชิโรเนะ ริโนะ นาโอะนั้นนอนเมาค้างอยู่ ซึ่งซาโฮโกะกำลังคอยดูแลทั้งสามคน ส่วนเคียวกะกับคายะไปทำธุรกิจที่สาธารณรัฐลีนาเรีย

เรย์จิเองก็ยังดูง่วงๆ อยู่ แต่ฉันก็บังคับมาด้วย

เมื่อเข้ามาในห้อง ก็มีคลาสกับเดคิอัสรออยู่แล้ว

[ ขอโทษที่ให้คอยโกบุ ]

ทาสก็อบลินของฉันกับคลาสนำชามาให้ฉันและเรย์จิ

ต้องขอบคุณล่ะนะ

แต่เราไม่ควรแสดงท่าทีสุภาพกับทาส

จากที่ตรวจสอบมา ดูเหมือนว่าทาสก็อบลินคนนี้จะเป็นของนักเวทที่ชื่อว่าโฮบาดิส

จึงมีชื่อว่าโฮบาดิส ・ ก็อบลิน เพราะเป็นทาสของเขาจึงถูกเรียกสั้นๆ ว่าโฮก็อบลิน

แต่นักเวทโฮบาดิสมักจะยุ่งอยู่บ่อยๆ ทำให้ต้องออกไปไหนมาไหนตลอด ดังนั้นในระหว่างออกไปจึงได้ขอให้คนรับใช้คอยเฝ้าบ้านให้

มองดูเหล่าก็อบลิน เขาได้สร้าง [ ที่พำนักของนางฟ้า ] ซึ่งเป็นเวทที่ใช้ควบคุมให้ก็อบลินกลายเป็นทาส

โฮก็อบลินที่อยู่ใต้การควบคุบนั้นกลายเป็นทาส แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้ว่าเวทจะคลายหากทาสทำตัวไม่เหมาะสม

อาหารในการให้ทาสก็แค่ขนมปังเหลือๆ หรือไม่ก็นม เสื้อผ้าก็ไม่จำเป็นต้องให้เสื้อผ้าดีๆ 

จะให้เสื้อผ้าดีๆ ใส่ก็ไม่ได้เพราะ [ ทาสน่ะไม่จำเป็นต้องให้ของดีๆ หรอก ] ผู้คนมากมายคิดแบบนี้

แม้แต่การจะขอบคุณก็ยังไม่ได้ เพราะพวกเขาเป็นทาส

โฮก็อบลินนำชามาให้และออกไป

[ ขอโทษด้วยครับ… แต่ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าจะลงมือสืบสวนยังไงดี… ]

เดคิอัสขอโทษ

เรย์จิที่อยู่ข้างๆ ฉันมองด้วยท่าทีผิดหวัง

[ งั้นเหรอคะ… เพราะลำพังแค่พวกคุณนี่ค่ะ ไม่เป็นไรหรอก นายพลคลาสพอจะระดมคนมาได้เท่าไหร่กันคะ? ]

ฉันมองไปทางคลาส

ที่เรามาที่สำนักงานใหญ่รัฐบาลก็เพื่ออยากจะพึ่งจำนวนคนในการสืบสวน

จำนวนอัศวินของวิหารโอดิสเองก็มีไม่มาก ดังนั้นคงใช้ไม่ได้มากนัก

[ ถ้าเป็นทหารล่ะก็จะเตรียมให้มากที่สุดครับ ไม่ว่าจะกี่คนก็สามารถเรียกทหารรับจ้างจากเทสซาเซียมาได้ด้วยครับ ]

คลาสตอบด้วยรอยยิ้ม แล้วความปลอดภัยของคนพวกนั้นล่ะ นี่เขาไม่คิดเลยเหรอ?

เมื่อคลาสพูดก็มีคนเข้ามาในห้อง

ซึ่งก็คือพวกชิสุเฟย์นั่นเอง

[ ขอโทษที่มาสายค่ะ ]

ชิสุเฟย์ก้มหัวลง

[ ไม่ต้องขอโทษหรอก เราเองก็เพิ่งมา ]

เรย์จิตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ทางโนวิคทำท่าทีขมวดคิ้ว ส่วนชิสุเฟย์ยิ้มอย่างสดใส

ที่โนวิคมาที่นี่

ก็คงเพื่อปกป้องชิสุเฟย์จากเงื้อมมือของปีศาจเรย์จิแน่เลย

[ เอ๊ะ คุณชิสุเฟย์หมวกนั่น? นี่คุณกลายเป็นผู้ศรัทธาของเทพธิดาเรน่าไปแล้วเหรอคะ? ]

หมวกของชิสุเฟย์นั้นคล้ายคลึงกับของนักรบวาลคีเรีย

ปีกศักดิ์สิทธิ์ของเรน่า เหล่าวาลคีเรียและหญิงสาวที่เป็นผู้ศรัทธาของเรน่าจะได้รับหมวกที่ประดับปีกทั้งสองข้าง

ในฐานะที่เป็นวาลคีเรียแห่งวิหารเรน่าจะถูกเรียกว่านักรบแห่งปีก

และปีกที่เป็นสัญลักษณ์ของเรน่าตอนนี้ก็อยู่บนหมวกของชิสุเฟย์

[ ค่ะ ฉันได้รับพรจากท่านเรน่าด้วยค่ะ ]

ชิสุเฟย์ยิ้มด้วยความสุข

[ ดีใจด้วยนะชิสุเฟย์จัง ]

[ ขอบคุณมากค่ะท่านเรย์จิ จริงด้วย เมื่อกี้ฉันเจอคุณคนรับใช้ชายด้วยค่ะ ]

[ คนรับใช้ชาย? ]

หมายถึงใครกันนะ?

[ ไม่รู้จักเลยแฮะ จิยูกิพอจะรู้บ้างมั้ย? ]

[ ไม่รู้เหมือนกัน สงสัยจะเป็นคนรับใช้ใหม่ของคุณเคียวกะรึเปล่านะ? ]

เพราะเคียวกะกับคายะต้องไปทำธุรกิจบ่อยๆ

ดังนั้นจึงจำเป็นต้องจ้างคนด้วย แต่ปกติจะจ้างผู้หญิงมากกว่า เพราะไม่จำเป็นต้องจ้างผู้ชาย

[ งั้นเหรอคะ…? แต่ได้ยินว่าเป็นคนรู้จักเก่าของท่านชิโรเนะนะคะ? ]

ชิสุเฟย์เอียงหัว

[ กับชิโรเนะเหรอ? ]

[ ค่ะ เมื่อกี้เห็นเดินอยู่กับภรรยานะคะ ]

สับสนไปหมดแล้ว ไม่เห็นรู้เลยว่าชิโรเนะมีคนรู้จักที่แต่งงานแล้วด้วยสิ

[ ไม่รู้สิ เรื่องนั้นไม่เห็นได้ยินจากชิโรเนะเหมือนกัน ]

เรย์จิพูดออกมา

ฉันก็เหมือนกัน เป็นคนรู้จักจากที่สาธารณรัฐลีนาเรียเหรอ? แต่เราก็ไม่ได้อยู่ที่โลกนี้มานานหลายปีนะ แต่ชิสุเฟย์กลับบอกว่าเป็นคนรู้จักกันมานานแล้ว?

แล้วไปรู้จักกับชายคนนั้นได้ยังไง? ยิ่งกว่านั้นเขายังแต่งงานแล้วด้วยอีก?

[ คุณชิสุเฟย์ ผู้ชายคนนั้นชื่ออะไรเหรอคะ? ]

ฉันถามชิสุเฟย์

[ ขอโทษด้วยค่ะ… เหมือนเขาจะเคยแนะนำตัว แต่จำไม่ได้เลย… ]

ชิสุเฟย์มองไปที่เพื่อนด้านหลัง

เพื่อนๆ ของเธอก็ต่างส่ายหัว ดูเหมือนจะไม่มีใครจำชื่อเขาได้เลย

[ เอาเถอะ ถ้าจำชื่อไม่ได้ก็ไม่ใช่คนสำคัญอะไรหรอก คงจะสนิทกันเพราะเป็นคนรับใช้ที่ทำงานให้เคียวกะล่ะมั้ง ]

เรย์จิพูดเพราะขี้เกียจทำความเข้าใจ

แน่นอน เรย์จิพูดถูก เป็นไปได้ว่าชายคนนั้นจะเพิ่งถูกเคียวกะจ้างมา

แต่มันสับสนเพราะคำพูดที่ว่าเป็นคนรู้จักเก่านี่ล่ะ

[ คิดว่าคงอย่างนั้นค่ะ ถ้างั้นก็ช่างมันเถอะค่ะ ]

ลืมๆ มันไปแล้วกัน

[ เอาล่ะ เกี่ยวกับแผนในอนาคต ตอนนี้ข้าอยากพยายามหาคนแล้วให้มาร่วมตัวกันในตอนเย็น ]

คลาสและเดคิอัสยิ้มและมองไปที่ทุกคน

แน่นอน เพราะเราต้องใช้คนจำนวนมากในการสืบสวน แต่ถึงจะมีทหารและเหล่าคนใช้ แต่ก็ยังต้องการคนเพิ่ม

[ ดีล่ะ งั้นมาสรุปกัน… สำหรับฝ่ายผู้ชายให้เดคิอัสกับพวกทหารของนายพลคลาสคอยจัดการ ส่วนผู้หญิงให้ชิสุเฟย์กับคนอื่นๆ ตกลงนะ? ]

เมื่อได้ยินฉันพูด ชิสุเฟย์ก็พยักหน้า ทหารส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย

เราจึงไม่มีกำลังคนมากพอจะไปตรวจสอบผู้หญิง ฉันจึงได้ขอร้องให้พวกชิสุเฟย์ช่วย

[ ไว้ใจได้เลย เรื่องการตรวจสอบผู้หญิงให้ข้าจัดการเอง! ]

โนวิคพูดจาโผงผางออกมา ขณะที่ชิสุเฟย์ใช้ศอกกระแทกใส่เขา

[ ขอโทษด้วยค่ะ จะตรวสอบไม่ให้คนร้ายหนีไปแน่ค่ะ… ]

ชิสุเฟย์ขอโทษ

จะว่าไปฉันลืมไปเลยว่ามีผู้ชายคนนี้อยู่ด้วย แต่ถ้ามีพวกชิสุเฟย์… คงไม่มีปัญหาล่ะมั้ง

[ ดีล่ะ ถ้างั้น…. ]

ขณะที่ฉันกำลังจะพูด เจ้าหน้าที่ซึ่งเฝ้าประตูอยู่ก็บอกว่ามีคนมาหา

คนที่มานั้นชื่อมิดัส ดูเหมือนเขาจะเป็นหัวหน้าของโรงละคร

[ มีอะไรงั้นเหรอครับหัวหน้าคณะมิดัส หรือว่าจะเกี่ยวกับเซนน่าน้องสาวของผม ผมขอตัวสักเดี๋ยวนะครับ? ]

จากนั้นเดคิอัสก็ขอตัวและลุกไป

[ เดี๋ยวนะ จะว่าไปตอนที่เกิดเรื่องก็มีนักเต้นเซนน่าอยู่ด้วยนี่นา? ถ้างั้นเราก็ควรฟังก่อนและคุยกันด้วยว่าเด็กคนนั้นเป็นยังไงบ้าง ]

จากคำพูดของเรย์จิ ทำให้ฉันจำได้ขึ้นมา

เธอคือนักเต้นที่อยู่ในที่เกิดเหตุตอนคาคินอสปรากฏตัว แต่จำหน้าเธอไม่ได้มากนัก เรย์จินี่จำแม่นจริงๆ นะ

 ฉันเองก็อยากรู้ว่าเรื่องอะไรด้วย

[ ค่ะ ถ้างั้นเซอร์เดคิอัสช่วยบอกเขาให้เล่าให้พวกเราฟังด้วยจะได้รึเปล่าคะ? ]

เดคิอัสพยักหน้า

[ … ครับ ผมจะพาเข้ามาเดี๋ยวนี้ ] 

เดคิอัสตอบด้วยใบหน้าลำบากใจเล็กน้อย

จากนั้นก็มีชายร่างใหญ่คนหนึ่งเข้ามาในห้อง

[ ยินดีที่ได้รู้จักฮะท่านผู้กล้า ข้าชื่อมิดัสเป็นหัวหน้าโรงละครหูลา ]

เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของมิดัสดังขึ้น

เพราะมันรู้สึกแปลก ฉันเลยขมวดคิ้วและเรย์จิเองก็รู้สึกแปลกๆ

[ ท่านจิยูกิ ท่านเรย์จิ มิดัสเป็นผู้มีศรัทธาแรงกล้าของเทพธิดาอิชเทียนะครับ ]

เดคิอัสอธิบายในสิ่งที่ฉันกำลังสงสัย

[ จริงเหรอคะ…. ]

ฉันพอจะยืนยันความรู้สึกแปลกๆ ได้แล้ว

เทพธิดาอิชเทีย เทพแห่งความรักและความงาม สำหรับผู้ชายที่ศรัทธาอิชเทียจะต้องถวายอวัยวะเพศให้ในพิธีกรรม

โดยพิธีกรรมจะนำอวัยวะเพศนั้นไปค้างคืนขณะที่เต้นรำ รำดาบ และตีกลองจนจบพิธีกรรม

มิดัสคือคนที่ผ่านพิธีกรรม(ถูกตอนมาแล้ว)มาแล้ว  จึงถือว่าในศาสนาอิชเทียเขาเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง

ดังนั้นฉันถึงรู้สึกแปลกๆ กับเสียงของมิดัส ตอนนี้เขากลายเป็นผู้หญิงที่คล้ายผู้ชายไปแล้วล่ะ

[ หัวหน้ามิดัส แล้วมีเรื่องอะไรเหรอครับ? ]

เมื่อถูกเดคิอัสถาม มิดัสก็ทำสีหน้าลำบากใจ

[ ท่านเดคิอัส ความจริงแล้ว… เซนน่าไม่ได้กลับมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ ]

[ ว่าไงนะ เซนน่าน่ะเหรอครับ!?? ]

มิดัสพยักหน้า

[ ไม่ว่าสมาชิกคนอื่นๆ จะพยายามหายังไง ก็หาตัวเซนน่าไม่เจอเลยฮะ เธอออกไปตั้งแต่เมื่อคืนแต่จนป่านนี้ทั้งๆ ที่เที่ยงวันแล้ว ข้าจึงคิดว่ามาแจ้งท่านเดคิอัสไว้จะดีกว่า… ]

มิดัสพูดออกมา ผู้ชายคนอื่นต่างมีสีหน้ารังเกียจแสดงออกมายกเว้นแต่เพียงเดคิอัสคนเดียว

[ เซนน่า…. หายตัวไป … ไม่จริง… ]

เดคิอัสคิดอะไรบางอย่างจากนั้นก็เอาอะไรออกมาจากเอว

มันเป็นของยาวๆ ที่ถูกห่อด้วยผ้า

[ มันคืออะไรเหรอครับ? ]

[ นี่เป็นของที่เซนน่าให้ผมไว้ หลังเกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้นครับ ]

เดคิอัสอธิบายให้คลาสฟัง

[ มีอะไรอยู่ข้างในเหรอคะเซอร์เดคิอัส? ]

[ ผมเองก็ยังไม่ได้ดูเหมือนกันครับท่านจิยูกิ แต่บางทีอาจจะมีเบาะแสเกี่ยวกับที่เซนน่าหายตัวไปอยู่ก็ได้… ]

เดคิอัสเอามือที่คลุมอยู่ออกมาด้วยสีหน้าลำบากใจ

สิ่งที่อยู่ข้างในคือ สิ่งของรูปร่างหลอดยาวๆ

[ เจ้านั่นมัน!!! ]

มิดัสรีบปิดปาก

ทุกคนต่างมองไปที่มิดัสกันหมด

[ มีอะไรงั้นเหรอครับหัวหน้ามิดัส? ]

[ ไม่ฮะ… ไม่มีอะไร… ]

ใบหน้าของมิดัสซีดจนกลายเป็นสีฟ้า

[ นี่มันขลุ่ย แต่ตรงนี้วงเวทอยู่ด้วย ท่านจิยูกิช่วยดูให้ได้มั้ยครับ? ]

เดคิอัสส่งขลุ่ยมาให้ฉัน

เรย์จิที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็จ้องมองไปที่ขลุ่ยที่ฉันถืออยู่เช่นกัน

[ ค่ะ ไม่ผิดแน่ มันคือวงเวท ]

เรย์จิพูดออกมา บนขลุ่ยมีดาวห้าแฉกสลักเอาไว้อยู่

ดาวห้าแฮกเป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ของเทพธิดาโทโทน่า เทพธิดาแห่งความรู้และหนังสือซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสมาคมผู้ใช้เวท

ในโลกนี้ดาวห้าแฉกส่วนใหญ่จะสลักที่เสื้อ แต่ในญี่ปุ่นมันเป็นสัญลักษณ์ที่อยู่ในวงเวทของเวทมนตร์

แตกต่างจากที่นี่

[ ไม่ใช่เรย์จิคุง นี่มันต่างกัน ดาวห้าแฉกนี่มันกลับด้านตัวอักษรไปอยู่ด้านบนหมดเลย ]

ฉันพลิกขลุ่ยดู

ซึ่งดาวห้าแฉกมันคว่ำอยู่ มันดาวห้าแฉกกลับด้าน

[ ดาวห้าแฉกกลับด้าน… แพะสีดำ… สัญลักษณ์ของลัทธิบูชาปีศาจ ]

หญิงสาวที่ชื่อมาเดียพึมพำ เธอคงจะรู้ความหมายของวงเวทนี้แล้ว

ฉันพยักหน้าตอบไป

ดาวห้าแฉกกลับด้านนี้เป็นสัญลักษณ์ของปีศาจแพะสีดำ ซึ่งเป็นลูกสมุนของลูคัส ซาทูนาเคียซึ่งเป็นเทพปีศาจซึ่งอยู่ฝ่ายราชาปีศาจ

ตอนที่เราไปโจมตีนากอล เทพปีศาจตนนั้นไม่ได้ปรากฏออกมา แต่เหล่าลูกน้องของเขาต่างยกธงที่มีสัญลักษณ์นี้และต่อสู้กับเรา

นอกจากนี้ไม่ใช่ว่ามีแต่ปีศาจเท่านั้นที่บูชาเทพปีศาจคนนี้ แม้แต่มนุษย์เองก็ยังมีหลายคนที่บูชาเทพปีศาจ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือมีความเป็นไปได้สูงว่าขลุ่ยนี้จะเป็นของพวกลัทธิที่บูชาราชาปีศาจ

[ งี่เง่าชัดๆ ! ถ้างั้นเซนน่าก็… ?!! ]

เดคิอัสยืนขึ้นและตะโกนเสียงดัง

[ กรุณาใจเย็นก่อนเซอร์เดคิอัส ท่านจิยูกิ… นั่นหมายความว่ายังไงครับ? ]

คลาสถาม

[ ค่ะ ฉันรู้สึกถึงพลังเวทจากขลุ่ยนี้ ดูเหมือนมันจะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ควบคุมบางอย่าง… แปลว่าที่คาคินอสมาปรากฏตัวที่งานเลี้ยงก็อาจจะเพราะขลุ่ยนี้ก็ได้คะ ]

ฉันพูดขณะที่มองไปยังขลุ่ยเพื่อสัมผัสพลังเวท ใบหน้าของทุกคนต่างถูกย้อมด้วยความตกใจ

[ งั้นทำไมน้องสาวของท่านเดคิอัสถึงได้มีสิ่งนี้ล่ะ? ไม่ใช่ว่าเธอเป็นคนร้ายเองหรอกเหรอ? ]

[ นายพลคลาสครับ! คนร้ายต้องไม่ใช่เซนน่าแน่!! ]

เดคิอัสปฏิเสธทันควัน

[ ฉันคิดว่าเธอน่าจะฝากไว้มากกว่า เพราะพี่ชายก็เป็นถึงผู้ตรวจการ บางทีเธอคงจะเก็บได้ในที่เกิดเหตุจึงได้มอบมันไว้ให้กับพี่ชายก็ได้ ]

เรย์จิออกความเห็น

เรื่องปกป้องผู้หญิงนี้เร็วจริงนะเรย์จิ

[ ฉันเองก็เห็นด้วยค่ะ เพราะยังไม่แน่ว่าเธอจะเป็นคนร้าย และในที่เกิดเหตุฉันเห็นชายที่สวมชุดเซเทอร์ถือขลุ่ยนี้เอาไว้ด้วย บางทีเขาอาจจะเกี่ยวข้องกับคดีครั้งนี้ก็เป็นได้? ]

ฉันมองไปที่ขลุ่ย

ขลุ่ยนี้เป็นแบบเป่าสองรู การจะเป่าขลุ่ยนี้ได้ต้องมีฝีมือมากทีเดียว

จึงน่าจะเป็นมืออาชีพมากกว่าที่จะเป็นขลุ่ยของพวกขุนนางหรือชนชั้นสูงที่เล่นเป็นงานอดิเรก

และนักแสดงมืออาชีพคนนั้นจะต้องเป็นคนเป่าขลุ่ยนี้แน่นอน

แต่ที่สงสัยคือเขาเป็นใครกันล่ะ?

[ อา ข้าเองก็เห็นชายที่สวมชุดเซเทอร์เป็นคนเป่าขลุ่ยนี้เหมือนกัน ]

คลาสเห็นด้วย

[ และเซเทอร์ซึ่งเป่าขลุ่ยในงานเลี้ยงก็คือ… ]

ฉันมองไปทางมิดัส ในตอนนั้นเซนน่าได้เรียกให้พวกเรามาช่วยเพราะเพื่อนที่แต่งกายด้วยชุดเซเทอร์กำลังจมน้ำ

[ …. ชายคนนั้นเป็นคนของคณะเราเองครับ… ]

มิดัสพูดออกมา

[ เพราะเธอรู้ว่าชายที่แต่งตัวด้วยชุดเซเทอร์เป็นคนเป่าขลุ่ยจึงได้พยายามหาทางแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง เพื่อไม่ให้โรงละครต้องเสียหายไปด้วย เผื่อในกรณีที่พลาด เธอเลยฝากขลุ่ยนี้ไว้สินะ? ]

เรย์จิพูดจาอย่างมีเหตุผล

[ ถ้างั้นเซนน่าก็กำลังตกอยู่ในอันตราย! ต้องรีบแล้ว!! ]

[ เซอร์เดคิอัสใจเย็นก่อนค่ะ อย่าเพิ่งตัดสินใจว่าเธออยู่ในอันตรายจะดีกว่า ]

ฉันเข้าใจความรู้สึกของเดคิอัส เป็นฉันก็สงบใจไม่ได้เหมือนกันหากรู้ว่าเพื่อนกำลังอยู่ในอันตราย แต่เราต้องใจเย็นก่อน

[ หัวหน้ามิดัส เราอยากไปตรวจสอบคณะโรงละครของคุณสักหน่อย คงได้ใช่มั้ยคะ? ]

ฉันมองไปทางมิดัส

[ ฮะ… เพราะมันเป็นเรื่องจำเป็น…]

มิดัสพูดออกมาแบบไม่เต็มใจ

[  คงต้องเปลี่ยนตารางเวลาสักหน่อย จากนี้ไม่ต้องไปตรวจสอบชาวบ้านทุกคนแล้ว ]

ฉันมองไปที่ทุกคน ถึงจะไม่ดีต่อเดคิอัส แต่ฉันเองก็พยายามลดเวลาให้เหลือน้อยที่สุดแล้ว

จากนั้นเราก็ตัดสินใจไปตรวจสอบที่โรงละคร

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 69"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์