อัศวินดำ - ตอนที่ 71
ใกล้จะมืดแล้ว
บริเวณโดยรอบก็เริ่มจะมืดลงเรื่อยๆ
หากเป็นในประเทศปกตินี่ก็เป็นเวลาที่ผู้คนจะต้องกลับบ้านกันแล้ว
เพราะเชื้อเพลิงที่ใช้จุดไฟนั้นเป็นสิ่งที่ใช้เพื่อปกป้องประเทศจากเหล่าปีศาจ
แต่ว่าในอาเรียดิน่า เชื้อเพลิงอย่างน้ำมันราคาถูกมากแม้ในเวลากลางคืนก็ยังมีแสงไฟของโคมไฟเรียงรายตามถนน
แม้ไม่ต้องมีแสงจากเวทก็สามารถเดินไปไหนมาไหนได้ตามปกติ
[ ฮาววว ~ พอจะพบเบาะแสของคุณน้องสาวแล้วค่ะ คุณจิยูกิ]
นาโอะมองไปรอบๆ
ที่นี่คือเมืองที่อยู่นอกกำแพง ฉัน นาโอะ และเดคิอัสกำลังอยู่นอกกำแพงกัน
ที่แถบนี้มีทั้งโรงแรม ร้านอาหารสำหรับผู้มีรายได้น้อย
สิ่งที่นาโอะกำลังมองไปก็คือโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งมีบริกรหญิงคอยบริการ
แต่ว่าขณะเดียวกันเหล่าบริกรพวกนั้นก็เป็นโสเภณีด้วย
ค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าสินค้าในร้าน และค่าร่วมรักชั่วข้ามคืนก็เป็นหนึ่งในการหาเงินของโรงแรมเหล่านี้
[ โถ่ คุณนาโอะอย่าไปจ้องมากนักสิค่ะ ]
เสื้อผ้าของสาวๆ พวกนั้นโชว์ผิวพรรณเยอะมาก
เห็นได้ชัดว่าตั้งใจจะหว่านเสน่ห์
[ ขอโทษด้วยนะคะคุณจิยูกิ ถึงอย่างนั้น มุฟุฟุ ก็ไม่นึกว่านาโอะจะโดนผู้ชายจีบนี่นา ]
นาโอะดูดีใจมากที่โดนจีบ
นาโอะไม่ค่อยเป็นที่นิยมกับผู้ชายนักหากเทียบกับริโนะ ซาโฮโกะ หรือชิโรเนะ
ดังนั้นเลยดีใจมากที่โดนจีบ
ผู้หญิงที่อยู่แถวนี้ส่วนใหญ่แล้วเป็นโสเภณีทั้งนั้น
นอกกำแพงนั้นเต็มไปด้วยปีศาจ ผู้หญิงที่เดินเที่ยวน่ะไม่ค่อยมีหรอก
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในโรงแรมกัน มีเพียงโสเภณีที่เดินไปมาเท่านั้น
และนาโอะที่มาเดินในระแวกนี้ก็โดนเข้าใจผิดว่าเป็นโสเภณีเลยโดนผู้ชายมากมายชวนไปไหนมาไหนด้วย
ทั้งที่ฉันเองก็ไม่เหมือนโสเภณีสักหน่อย ไม่ได้โชว์ผิวพรรณเลย
ดังนั้นเลยทำให้เดินลำบากนี่ล่ะ
ทางฉันเองก็พยายามเดินให้ใกล้กับเดคิอัสมากที่สุด
แต่ทางนาโอะกลับดีใจซะอย่างนั้น นี่เธอดีใจที่ถูกชวนไปทำเรื่องอย่างว่าเหรอ/
ฉันมองไปที่ผู้คนรอบๆ แต่ก็ไม่มีใครหน้าตาดีอยู่เลยสักคน
ถ้าแค่หน้าตาล่ะก็ เรย์จิคงชนะขาดลอย
เดคิอัสเองก็เป็นหนุ่มหล่อ นอกจากนี้ยังเป็นคนจริงใจไม่เหมือนเรย์จิ
ทำไมคนที่หน้าตาดีและจริงใจถึงไม่มีมาทางฉันบ้างน้า
… อย่าคิดถึงมันเลยดีกว่า น่าเศร้าจริงๆ
แม้จะมีสาวสวยอยู่ข้างกายเดคิอัสถึงสองคนแต่เขากลับไม่ได้มองเราเลย แน่นอน เขาไม่ได้มองเหล่าโสเภณีรอบข้างเหมือนกัน
ให้ตายสิ ถ้ามองมาสักนิดก็คงดีนะ ไม่งั้นมันก็จะเกิดปัญหาขึ้นนะสิ
จากท่าทีของเดคิอัสที่เดินไปโดยไม่สนใจเหล่าโสเภณีทำให้คนรอบข้างสงสัยกันหมด
จริงๆ แล้วฉันอาจจะผิดเองก็ได้ที่พาเขามาด้วย
สำหรับอัศวินผู้ตรวจการ ที่นี่เป็นสถานที่ที่ไม่น่าอภิรมณ์เลยล่ะนะ แต่ขืนเป็นแบบนี้มัลเชียสคงรู้ตัวและหนีไปแน่
ฉันคิดขณะที่มองไปยังเดคิอัสที่อยู่ข้างๆ
และไปสะดุดตากับสิ่งของอย่างหนึ่งที่ตัวเดคิอัส
[ เซอร์เดคิอัส อาวุธนั่นคืออะไรเหรอคะ? ]
[ อ่อ นี่คือจู๊ตเตะ(กระบองตำรวจ)ครับ นี่เป็นอาวุธที่นิยมกันมากเลยนะครับท่านนักปราชญ์ พวกเราผู้ตรวจการเลยใช้อาวุธนี้มาใช้กันแบบเป็นทางการนะครับ ]
เดคิอัสเอาจู๊ตเตะออกมาจากเอว
มันใหญ่กว่าที่ฉันเคยเห็นมาก่อนซะอีก แต่แน่นอนว่านี่คือจู๊ตเตะเหมือนกัน
เคยเห็นมีคนใช้เจ้านี้สอนนักรบที่ลีนาเรียล่ะนะ
แต่ฉันไม่คิดเลยว่าประเทศนี้เองก็จะใช้ด้วย
[ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ว่ามันแพร่กระจายมาถึงที่นี่ได้ยังไง ]
[ งั้นเหรอคะ คุณนาโอะ… พอจะรู้อะไรมั้ยคะ? ]
เป็นไปได้ว่าความรู้แปลกๆ จากโลกเดิมของเราจะแพร่กระจายไปทั่วโลกนี้เลย ต้องระวังหน่อยแล้ว
เห็นทีต้องสังเกตเรย์จิกับริโนะให้รอบคอบกว่านี้
แต่อาจจะสายเกินไปแล้วก็ได้…
[ ท่านนักปราชญ์ มัลเชียสน่าจะอยู่ในร้านแถวนี้ล่ะครับ ]
ตอนนี้ฉันกำลังเดินติดกับเขาอยู่ เดคิอัสมองไปรอบๆ
จากที่คนในคณะละครเล่ามา ดูเหมือนเดคิอัสจะชอบมาแถวนี้
[ เข้าใจแล้วค่ะ มัลเชียสปกติจะมาแถวนี้สินะคะ? คุณนาโอะไปเดินดูกันสักหน่อยมั้ยคะ? ]
ถึงนาโอะจะได้รูปวาดของมัลเชียสมาจากคนในคณะละคร แต่หากไม่ได้เห็นหน้าตรงๆ นาโอะก็ทำอะไรไม่ได้
[ เข้าใจแล้วค่ะ ]
เธอพูดขึ้น จากนั้้นร่างของนาโอะก็หายไป
[ อะไรนะ?]
เดคิอัสพยายามหันไปมาเพื่อมองหานาโอะ
ดูท่าว่าขนาดเดคิอัสก็รับรู้การเคลื่อนไหวของนาโอะไม่ได้
ฉันเองก็ทำไม่ได้เช่นกัน
แต่ชิโรเนะกับคายะนั้นถึงจะพอรับรู้ได้บ้าง แต่ก็ไม่สมบูรณ์
ถ้าเป็นเรย์จิจะสามารถตามการเคลื่อนไหวของนาโอะได้ทัน แต่ถ้าสองคนั้นเอาจริงก็ไม่มีใครตามได้ทันหรอก
จากนั้นสักพักนาโอะก็กลับมา
[ ขอต้อนรับกลับค่ะคุณนาโอะ เจอบ้างมั้ย? ]
นาโอะส่ายหัว
[ ไม่เลยค่ะ แต่พบร่องรอยการต่อสู้ค่ะ ]
[ ร่องรอยการต่อสู้? ]
[ ค่ะ ไปด้วยกันสักหน่อยสิค่ะ ]
ฉันพยักหน้า
[ ไปกันเถอะค่ะเซอร์เดคิอัส ]
เดคิอัสที่อยู่ข้างหลังพยักหน้าให้ฉันกับนาโอะ
และเราก็มาถึงยังสถานที่ที่ผู้คนไม่ค่อยผ่านนัก
[ จะขึ้นไปแล้วนะคะ ]
จากนั้นนาโอะก็โดดขึ้นไปบนหลังคา
[ เซอร์เดคิอัสใช้เวทบินได้มั้ยคะ? ]
[ ไม่ครับ ไม่ได้หรอก… ]
[ งั้นก็จับมือฉันไว้แล้วกัน ]
ฉันบินขึ้นไปบนหลังคาขณะที่คว้ามือของเดคิอัส
เดคิอัสส่งเสียงน่าสมเพซ แต่ก็ช่างเถอะ
[ ดูนี่สิค่ะ รูบนหลังคานี้ ]
เมื่อไปถึงบนหลังคา นาโอะก็เรียกมาดูรูบนหลังคา
หลังคาตรงนี้มีรูอยู่บางจุด
แต่จากร่องรอยการต่อสู้ก็ไม่ได้ทำให้รู้อะไรอยู่ดี
แต่รูนี้ดูเหมือนจะเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้
[ คุณนาโอะพอจะรู้มั้ยคะ ว่าใครต่อสู้กับใครนะ? ]
[ ไม่รู้ค่ะ แต่น่าจะไม่ใช่คนธรรมดาแน่ เพราะพวกเขาน่าจะมีฝีมือกันพอตัว ]
นาโอะพูดออกมา
[ คิดยังไงคะเซอร์เดคิอัส? คิดว่าคุณที่ต่อสู้อยู่เป็นน้องสาวของคุณรึเปล่าคะ? ]
เมื่อฉันถาม เดคิอัสก็ทำหน้าลำบากใจ
[ ผมเองก็ไม่รู้ครับ แต่ถ้านี่เป็นฝีมือเซนน่าก็น่าจะมีเบาะแสทิ้งไว้บ้างครับ ]
[ เบาะแสเหรอคะ? ]
[ ครับ อย่างของที่ตกอยู่ ]
[ อา เข้าใจแล้วค่ะ ]
[ งั้นผมจะลองใช้เวทค้นหาของดูนะครับ ]
ฉันชื่นชมเดคิอัสในใจ
เวทค้นหาของหรือค้นหาวัตถุ มันเป็นเวทที่ใช้หาของโดยเฉพาะ
แต่ว่าหากไม่นึกภาพของชิ้นนั้นไว้ดีๆ ก็หาไม่เจอ
เดคิอัสเก่งมากทีเดียว ไม่อยากเชื่อเลยว่าแค่พรของนางฟ้าเขาก็ใช้เวทได้ขนาดนี้แล้ว แม้ว่าจะไม่มีพร ฉันเองก็คิดว่าเขามีพรสวรรค์ทีเดียว
เหตุผลที่ฉันใช้เวทนั้นเองไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าของสิ่งนั้นที่เซนน่าทำตกไว้คืออะไร
[ ถึงจะใช้ได้ แต่ขอบเขตการค้นหาก็ไม่กว้างนัก …. แต่ผมจะพยายามครับ ]
เดคิอัสตั้งสมาธิและหลับตาลง
ฉันรู้สึกได้ถึงพลังเวทที่แผ่ออกมาจากร่างเดคิอัส
หลังจากนั้นไม่กี่นาที เหงื่อก็ไหลออกมาจากหน้าของเดคิอัสเต็มไปหมด ดูเหมือนเพราะเขาฝืนขยายวงค้นหาจะยากมาก
ฉันและนาโอะเฝ้าดูอย่างเงียบๆ เพื่อไม่ให้รบกวนเดคิอัส
ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้น
[ ฮา… ฮา… พบแล้วครับ ]
เสียงหายใจหอบของเดคิอัส ขณะที่เขากุมเข่าไว้
[ เซอร์เดคิอัสไม่เป็นไรนะคะ? ]
[ ไม่เป็นไรครับท่านนักปราชญ์ ทางนั้นครับ ]
เราเดินไปข้างหน้ากับเดคิอัส
เดคิอัสดูจะเซไปมา เพราะใช้พลังเวทมากเกินไป
[ ตรงนั้นครับ ]
เดคิอัสชี้ไปที่ช่องว่างระหว่างสองอาคาร
[ คิดว่ากริซของเซนน่าน่าจะอยู่ในซอยนี้ครับ ]
ฉันมองเห็นซอยแคบๆ ตรงนั้น เป็นไปได้ฉันก็ไม่อยากผ่านไปในที่ที่มีขยะแบบนั้นหรอก
[ อี๊ สกปรกจัง ]
[ บางทีคงเป็นสถานที่ทิ้งขยะผิดกฏหมายนะ อย่าไปใส่ใจมากนักเลย ]
ฉันใช้มือเวทมนตร์ล้วงเข้าไปในช่องแคบๆ นั้น
จนในที่สุดก็เจอดาบ
[ อย่างที่คิด กริซของเซนน่า… ]
เดคิอัสพูดขณะที่มองไปยังกริซ
[ เข้าใจแล้วค่ะ… งั้นก็แปลว่าคนที่ต่อสู้กันบนหลังคาก็คือคุณเซนน่าจริงๆ …. หวังว่าเธอจะยังปลอดภัยนะ ]
ฉันพูดขณะที่ลดสายตา
[ ครับ… บางทีเธอคงโดนพวกลัทธิบูชาปีสาจไล่ตาม แต่ฝีเท้าของชิสุเฟย์ค่อนข้างเร็วคงจะหนีรอดได้ แต่น่าจะบาดเจ็บอยู่ เราต้องหาตัวเธอให้พบให้ได้ครับ ]
เดคิอัสพูดด้วยใบหน้าเครียด
เขายังคงเชื่อว่าน้องสาวของตัวเองต้องปลอดภัย ดังนั้นเธอน่าจะเก่งอยู่พอตัวนะ
ฉันเองก็อยากให้เธอปลอดภัยเหมือนกัน
[ นั่นสิค่ะ หือ? ]
ฉันมองไปที่ดาบและเห็นแสงที่ส่องออกมาจากดาบ
[ มีอะไรเหรอคะคุณจิยูกิ? ]
[ ดูสิค่ะคุณนาโอะ มีอะไรบางอย่างเขียนไว้ที่ใบมีดด้วย ]
ฉันเอากริซให้นาโอะดู
[จริงด้วย มีเขียนไว้จริงๆ ด้วยค่ะ ]
[ มันเขียนไว้ว่าเทพธิดาแห่งแสงจันทร์ นี่มันหมายถึงอะไรกันนะ? พอจะรู้อะไรมั้ยคะเซอร์เดคิอัส? ]
ข้อความที่กริซเล่มนี้อาจจะเป็นสิ่งที่จะส่งไปถึงเดคิอัส
เพราะกลัวว่าศัตรูจะมาลบทิ้ง จึงไม่ได้เขียนไว้ชัดเจน
นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่เธอจะแค่ทำดาบตกไว้ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
ฉันมอบดาบให้เดคิอัส
ถึงเราจะไม่เข้าใจสิ่งที่ข้อความนี้ต้องการบอก แต่เดคิอัสน่าจะเข้าใจได้
เดคิอัสมองไปที่ข้อความที่เขียนบนกริซ
[ นี่มันข้อความจากเซนน่า… เทพธิดาแห่งแสงจันทร์? ไม่จริงใช่มั้ย? ]
เดคิอัสขบคิดและขมวดคิ้ว
[ ทำให้นึกถึงอะไรเหรอคะ? ]
[ ครับ ในคืนก่อนงานเลี้ยง ขณะที่ผมกำลังเดินอยู่กับเซนน่า ผมได้เจอกับกับเด็กสาวแปลกๆ คนนึง เธอคนนั้นสวยมากครับ… เหมือนกับเทพธิดาแห่งแสงจันทร์ ทำให้ผมเผลอเรียกเธอไปว่าเทพธิดาแห่งแสงจันทร์นะครับ ]
เดคิอัสพูดขณะที่เงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ดูท่าว่าเขาจะตกหลุมรักเธอคนนั้น
นาโอะมองไปและผิวปากทำเสียงวี๊ดวิ๊ว
ทั้งที่กับพวกเราเขายังไม่ได้ตอบสนองอะไรเป็นพิเศษหรือสีหน้าเปลี่ยนเลยแท้ๆ
ฉันก็ไม่ค่อยสนใจนักหรอกนะ แต่นี่เขาถึงกลับเหม่อเลยเหรอ
[ เซอร์เดคิอัสแล้วชื่อของเด็กสาวคนนั้นล่ะคะ? ]
[ ไม่ครับ เพราะผมพูดอะไรไม่ออกเลยนะ… แต่ตามที่ได้ยิน รู้สึกเธอจะมาเพื่อดูท่านผู้กล้าแห่งแสงนะครับ]
[ มาเพื่อดูเรย์จิ? ไอย๊า~ ]
ฉันเอามือกุมหน้าผาก
ในดวงตาของเดคิอัส ฉันเห็นหัวใจของเขากำลังแตกสลาย
[ งั้นเราก็ไม่รู้เลยนะสิ เพราะไม่มีเบาะแสว่าเธออยู่ที่ไหนเลย ]
[ ครับ ผมรู้เพียงว่าเธอเป็นขุนนางชาวต่างชาติ เรื่องชื่อหรือที่อยู่ไม่ได้ถามไว้เลย… ]
เดคิอัสพูดด้วยความเศร้าสร้อย
[ ไม่รู้ก็ทำอะไรไม่ได้หรอกค่ะ ดูเหมือนว่าเด็กสาวที่เทพธิดาแห่งแสงจันทร์คนนั้นจะเกี่ยวข้องด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เราจะทำยังไงดี? ถึงจะพบเบาะแสใหม่ ฉันก็คิดว่าเราควรไปหาตัวมัลเชียสจะดีกว่าค่ะ… ]
ฉันแนะนำทั้งสองคน
[ เพราะข้อมูลจากแค่รูปลักษณ์ภายนอกมันน้อยเกินไป ต้องหาข้อมูลเพิ่มก่อนสินะครับ ]
เราพยักหน้าให้คำพูดของเดคิอัส
เทพธิดาแห่งแสงจันทร์
บางทีเธออาจจะเป็นผู้ถือครองกุญแจที่จะไขคดีนี้
ฉันสลักชื่อนั้นไว้ในใจและเดินสำรวจเมืองตอนกลางคืน
◆ ลูกสมุน มัลเชียส
แสงไฟยามค่ำคืนที่สาดส่องในโรงแรม
ไม่ได้กลิ่นปลา แต่กลับมีกลิ่นของเหล้าอยู่ฟุ้งห้อง ควันสีชมพูที่กระจายไปทั่วห้อง
ควันนั้นสะท้อนแสงและทำให้ห้องกลายเป็นสีชมพู
[ นี่ มัลเชียส ไม่ใช่ว่าต้องกลับเหรอ? ]
ผู้หญิงคนหนึ่งพูดขณะที่ข้ากอดและดื่มอยู่ข้างๆ เธอ
ข้ากำลังนั่งดื่มกับเพื่อนคนหนึ่งขณะที่กอดหญิงสาวคนหนึ่งไว้ข้างๆ
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ข้าคงแสยะยิ้มลามกไปแล้ว แต่ตอนนี้กลับไม่รู้สึกอย่างนั้นเลย
[ ยังไม่จำเป็นต้องกลับหรอก เพราะตอนนี้ข้ายังกลับไปไม่ได้… ]
ข้าพูดพึมพำ
[ เหรอ ถ้างั้น… ฉันขอตัวล่ะ ]
ผู้หญิงคนนั้นกำลังจะเดินออกจากห้องไป
เพื่อนของข้าพยายามดึงมือเธอไว้
[ แมงมุม… ]
ข้าพึมพำ
ในพริบตานั้นข้ามองเห็นผู้หญิงคนนั้นเหมือนเป็นแมงมุมไปชั่วขณะ
ไม่ใช่แค่เธอคนนั้น แต่ผู้หญิงบางคนในร้านนี้ดูเหมือนจะเป็นปีศาจ
เธอเป็นทั้งโสเภณีและขณะเดียวกันก็เป็นบริกร
แม้จะไม่ใช่โสเภณีธรรมดา แต่ผู้หญิงที่นี่ก็สวยกว่าที่ซอยด้านหลังที่คอยชักชวนลูกค้า
ข้าก็แค่มาที่นี่เพราะอยากเจอสาวสวยเท่านั้น
โดยที่นี่ใช้โรงแรมเป็นฉากบังหน้า แต่ที่จริงเป็นแหล่งการพนันและซ่องผิดกฏหมายโดย [ แมงมุมแดง ] เป็นผู้คุมของที่นี่
ที่ข้ามาที่ร้านนี้ก็เพื่อลืมเรื่องไม่ดีไปซะ
อาหารของร้านนี้เองก็อร่อย สาวๆ เพื่อนดื่มก็สวย ถึงได้มาที่นี่
แต่กลับไม่รู้สึกสนุกเลย
เหตุผลนั่นก็เพราะการปรากฏตัวของอัศวินดำ
พอนึกถึงอัศวินดำ ร่างกายของข้าก็สั่นไปหมด
ความตัวต่อชายคนนั้นแม้แต่ตอนนี้ก็ยังคงอยู่
ในตอนนั้นข้านึกว่าตัวเองจะโดนฆ่าไปซะแล้ว
แต่อัศวินดำกลับไว้ชีวิตข้า เรื่องนั้นต้องขอบคุณจริงๆ
ข้าเอามือกุมหัวราวกับมันมีอะไรอยู่
ตั้งแต่ตอนนั้นมุมมองของตัวข้าก็เปลี่ยนไปนิดหน่อย รวมถึงการดื่ม
ทำไมข้าถึงไม่ดื่มน่ะเหรอ?
แต่ก่อนข้าก็รู้สึกว่าเหล้านี้มันหวานหรอกนะ แต่ทั้งที่เป็นเหล้าเดียวกัน ข้ากลับไม่รู้สึกว่ามันดีเลย
ข้าคิดว่าเหล้ามันรสชาติแปลกๆ
นี่มันแปลกไปตั้งแต่ข้าพบกับชายคนนั้นงั้นเหรอ?
[ มัลเชียส ]
ข้าได้ยินเสียงคนเรียกจากด้านข้าง ผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่คนเดียวและเป็นใบหน้าของคนที่ข้าคุ้นเคย
[ อ เอ๋ มีอะไร? ]
ข้าหัวเราะเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึก
[ ท่านเคียวชูเรียกเจ้า ตามข้ามา ]
[ ท่านเคียวชู? อา เข้าใจแล้ว ]
ข้าหัวเราะ เคียวชูเป็นอดีตรองหัวหน้าและเธอคนนี้ก็เป็นผู้สืบทอดของเคียวชู ข้าเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้เลือกเธอและเขาก็ไม่ได้บอกอะไรกับลูกสมุนอย่างข้าด้วย
ข้าเดินตามหลังผู้หญิงคนนั้น
ท่านเคียวชูเป็นคนที่ไว้ใจได้ หากข้าไปพบเขา ความวิตกกังวลของข้าอาจจะหายไปเลยก็ได้
ว่าแต่ข้าได้ยินว่าท่านเคียวชูไปทำธุระที่นอกประเทศพักนึงนี่นา นี่เขากลับมาเมื่อไหร่
และข้าก็มาถึงหน้าประตูห้องซึ่งดูเหมือนจะเป็นห้องของท่านเคียวชู
[ ท่านเคียวชูขออนุญาตค่ะ ]
[ เข้ามาได้ ]
เสียงของท่านเคียวชูที่อยู่ข้างในขานรับ
เป็นเสียงของชายหนุ่ม
ในห้องเต็มไปผู้หญิงและควันสีชมพู
ที่กลางห้องมีชายคนหนึ่งนั่งอยู่ ผิวขาว ผมสีทองและมีริมฝีปากสีแดงเข้ม
เป็นชายหนุ่มที่สวย ช่างผิดพลาดจริงๆ เขาน่าจะเกิดมาเป็นผู้หญิงนะ
[ เอ่อ? ]
เมื่อข้าเห็นหน้าของเคียวชู ข้าก็เผลอพูดออกมาเสียงดัง เขาให้ความรู้สึกแตกต่างจากที่ข้าเคยพบครั้งก่อน
ข้าดีใจมากที่ได้พบกับเขาหลังจากไม่ได้เจอมานาน ราวกับคงตายแน่ถ้าไม่ได้พบเขา
ข้าเป็นลูกของนักดนตรีและเขาก็ติดการพนันจนเสียบ้านไป
ชีวิตมันน่ากลัว ตัวข้าไม่สามารถเป็นนักรบได้เพราะอ่อนแอเกินไป จึงต้องขโมยเพื่อการมีชีวิตอยู่
ในตอนที่ข้ากำลังจนตรอก ไอนอยก็ได้เก็บข้ามา
และเข้าสู่องค์กรนี้ ข้าได้พบกับเคียวชู
ในครั้งแรกที่ได้เจอเขา เคียวชูเป็นคนที่ข้าไว้ใจมาก
แต่ตอนนี้ข้ากลับไม่รู้สึกอะไร ไม่สิ กลับรู้สึกค่อนข้างกลัว
ข้ามองไปรอบๆ ห้อง มันก็เหมือนเมื่อก่อน เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่ในห้องมีผู้หญิงมากมาย ทั้งหัวของเด็กผู้หญิงที่ตกแต่งตู้และสถานที่ต่างๆ
ตอนที่ข้าเข้ามาตอนแรก ข้าไม่ได้สงสัยอะไรเลย
แต่ตอนนี้ข้ารู้สึกตัวแล้ว ห้องนี้มันผิดปกติ
[ มัลเชียวสินะ? แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ ทำไมถึงได้ดูลุกลี้ลุกลน? ]
ท่านเคียวชูหัวเราะ
[ ไม่ครับ ไม่มีอะไรเลย แฮะแฮะ ]
ข้าหัวเราะกลบเกลื่อน แต่ที่ไหลของข้ามีเหงื่อไหลท่วมเต็มไปหมด
[ ข้ามีเรื่องบางอย่างอยากจะถาม เจ้าได้เจอเขาแล้วใช่มั้ย? เป็นยังไงบ้างล่ะ? ]
ท่านเคียวชูถามข้า แต่ข้าไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงใคร
[ เขา? ใครงั้นเหรอครับ? ]
เมื่อได้ยิน ท่านเคียวชูก็ทำสีหน้าบูดบึ้ง
[ ใครงั้นเหรอ ก็อัศวินดำไงล่ะ ]
ร่างกายของข้าสั่นไปหมด เมื่อพูดถึงชื่ออัศวินดำ
[ อัศวินดำเหรอครับ? ]
[ ใช่ อัศวินดำ เขามีชื่อเสียงมากเลยล่ะในหมู่พวกเรา ถ้าเปรียบก็เขาก็เหมือนกับผู้กล้าแห่งแสงในหมู่พวกเรา ดูเหมือนเจ้านั้นจะรบกวนแผนการของซัลคิซิสไปถึงสองครั้ง? เลยเป็นห่วงว่าเขาเป็นคนแบบไหน ]
ท่านเคียวชูหัวเราะไร้เดียงสาเหมือนเด็ก
[ ข้าเองก็ไม่รู้จะบอกว่ายังไงดี~ ….. เป็นประเภทที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้มนุษย์ แต่ก็บอกได้คำเดียวว่าน่ากลัว…. ]
ข้าพยายามอธิบาย แต่ก็สรรหาคำพูดดีๆ ออกมาไม่ได้
[ เซียรูด้าเองก็บอเหมือนกันเลย ท่าทางจะดีกว่าหากเจ้าซ่อนตัวไว้? แต่คงจะยุ่งยากสักหน่อย ]
ท่านเคียวชูพยักหน้า
[ น่ะ..? ]
ข้ารู้สึกถึงสายตาที่จ้องมอง
เมื่อมองไปก็เห็นสายตาของผู้หญิงที่มีแต่หัวกำลังจ้องมองข้า
ข้าเกือบจะร้องไห้
[ หืม เป็นอะไรไปล่ะมัลเชียสคุง? ]
ตัวข้ากำลังถูกจ้องมอง
และเมื่อข้าสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ ข้าก็ลุกขึ้นยืน
แต่ท่านเคียวชูก็หยิบหัวนั้น ที่กำลังจ้องมองข้าอยู่ขึ้นมา
[ นั่นมัน? หัวคนไม่ใช่เหรอครับ? ]
[ ฟุฟุ เจ้าจำได้สินะ เด็กสาวที่เจ้าพามาไงล่ะ ตอนนี้เธอได้กลายเป็นคอลเล็คชั่นของข้าไปแล้ว ]
ท่านเคียวชูหัวเราะอย่างมีความสุขขณะที่จับหัวนั้นด้วยความรักและทะนุถนอม
ข้าจำเด็กสาวคนนั้นได้ เธอเป็นเด็กสาวที่หนีออกจากบ้านและปรารถนาจะเป็นเหมือนไอนอย(นักแสดง) ถึงแม้เธอจะสวยแต่กลับไม่มีพรสวรรค์
แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้จนต้องเจ็บตัว คิดว่าเธอน่าจะชื่อคาเทีย
ข้าได้หลอกเธอว่าจะให้เธอนักแสดงเบื้องหลัง
ตอนนี้ร่างของหญิงสาวที่ไร้หัวกำลังเฝ้ามองข้า
[ ข้าอยากขอบคุณจริงๆ ที่ทำให้ข้าได้พบกับท่านซันโด ]
หัวของเด็กสาวยิ้มอย่างอ่อนโยน
ข้าร้องไห้โดยไร้เสียง
และกลับตัวเพื่อพยายามหนีไปที่ประตู
แต่ก็มีหัวที่ตกแต่งตู่มาคอยปิดกั้นประตูไว้ไม่ให้ข้าออกจากห้อง
ผู้หญิงที่เป็นหัวหน้ากำลังเฝ้ามองข้า
[ อึ๊ก… ]
ขาของข้าอ่อนจนนั่งลง
[ ถึงจะกลัวแต่ก็หนีไปไม่ได้หรอก ข้าเองก็นึกแล้วว่าเจ้าจะต้องเสียสติแน่ๆ เอาล่ะ ข้าควรทำยังไงดีนะ? ]
ข้าได้ยินเสียงของท่านเคียวชูจากด้านหลัง
[ ท่านซันโด ฉันขอชายคนนี้มาทำเป็นอัศวินดูลาฮานได้มั้ยคะ? ]
เสียงของหญิงสาวดังขึ้น
[ จะดีเหรอ? เขาดูท่าทางอ่อนแอจะตายไปนะ ]
[ ไม่มีปัญหาค่ะ ]
[ ถ้าไม่มีปัญหาก็เชิญเลย จงดีใจเสียเถอะมัลเชียส เพราะจากนี้เจ้าจะได้เป็นอัศวินผู้ซื่อสัตย์ของเธอแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า ]
ในวินาทีที่ข้าได้ยินเสียงนั้น ก็รู้สึกเหมือนที่คอมันร้อนและในห้องก็บิดเบี้ยวไปหมด
จากนั้นข้าก็เห็นร่างกายของตัวเองที่ไร้หัวไปแล้ว
◆ เทพแห่งการหลับใหลและความฝัน ซันโด
[ นี่ อุ้มหน่อยสิค่ะ ขี้เกียจลอยแล้วอ่ะ ]
คาเทียพูดขณะที่มองร่างของมัลเชียสที่ไร้หัว
ข้าโอบกอดหัวของเธอไว้ด้วยความรัก
เพราะข้าไม่อาจวางหัวของเธอไว้ในที่แบบนี้ได้จึงได้โอบกอดราวเจ้าหยิง
เพราะข้าไม่อยากทำลายงานศิลปะของตัวเองล่ะนะ
พวกมนุษย์เองก้ต่อต้านข้าไม่ได้ด้วยล่ะนะ
เอาเถอะ
ข้าไม่สนใจหัวของคนน่าเกลียดหรอก
[ ว่าแต่ทำไมต้องเอาคนอ่อนแอแบบนั้นมาเป็นอัศวินดูลาฮานด้วยล่ะคาเทีย? ]
[ จริงๆ เลยนะท่านพี่ น่าจะหาคนที่ดีกว่านี้หน่อยนะ ]
[ ใช่ๆ น่าจะหัดเลือกบ้างนะ อย่างเอาพวกอัศวินมาเลยกก็ได้ ]
พวกเธอหัวเราะกัน
พวกเธอเป็นนางฟ้าที่มีความสามารถทำให้ผู้ไร้หัวกลายเป็นข้ารับใช้
แต่ว่าก็มีข้อจำกัดและจำนวนคนที่ควบคุมได้อยู่
ดังนั้นนางฟ้าส่วนใหญ่จึงควบคุมเฉพาะผู้ชายอัศวินที่แข็งแกร่งเท่านั้น คนที่ถูกพวกเธอตัดหัวจะกลายเป็นอัศวินข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของพวกเธอไป
[ เอาล่ะ กลับไปหาเซียรูด้าได้ดีกว่า จะได้คุยกันให้จบๆ ]
ข้าออกจากห้องโดยทิ้งเหล่านางฟ้าที่น่ารักไว้
เซียรูด้าคือแพะดำที่อาศัยอยู่ในนากอล หรือจะเรียกว่าปีศาจชั้นรองดีล่ะ
เซียรูด้าเป็นปีศาจชั้นรองที่อโทราคัวอุปการะไว้เพราะทรยศราชาปีสาจ ตอนนี้น่าจะอยู่ที่ห้องใต้ดินของที่นี่
ข้าเดินไปตามทางเดินและไปที่ทางเข้าชั้นใต้ดิน
ที่ชั้นใต้ดินข้าเห็นเงามากมายเรียงรายอยู่
ทั้งหมดที่อยู่ชั้นล่างนั้นไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นปีศาจซึ่งอาศัยอยู่ในนากอล
[ คุยกันจบรึยังล่ะ? อัลบาลคุง ]
ข้าหัวเราะขณะที่คุยกับปีศาจซึ่งยืนอยู่ตรงกลางในหมู่พวกเขา
ชื่อของปีศาจคนนั้นก็คืออัลบาล หนึ่งในสี่จตุรัสเทพแห่งกองทัพราชาปีศาจ เขามาที่นี่เพื่อจับกุมเซียรูด้าที่คนทรยศ
[ โอ๊ะ ท่านซันโด ต้องขอบคุณจริงๆ ที่ทำให้ข้ารู้ว่าเจ้าคนทรยศมันไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ]
เซียรูด้ากำลังนั่งคุกเข่าและตัวสั่นอยู่บนพื้นตรงหน้าอัลบาล
[ ถ้าเป็นไปได้ข้าก็อยากให้อภัยให้เขาหน่อยล่ะนะ เพราะเขาทำให้ข้าได้พบกับอัลบาลคุงไงล่ะ ]
หากอัลบาลมาด้วยตัวเอง การจะจับเซียรูด้าก็ง่ายนิดเดียว
ข้าพยายามติดต่อพวกเขาและเจรจาขอเข้าร่วมด้วย แน่นอนว่าเป็นความลับกับท่านพ่อ
ข้าแตกต่างจากพ่อของข้า-ซัลคิซิส พ่อข้าไม่คิดจะเข้าร่วม แต่เป็นปฏิปักษ์กับราชาปีศาจ ข้าล่ะเศร้าใจจริงๆ
ความขัดแย้งมันไม่นำพาอะไรมาหรอก
ถ้าเป็นไปได้ข้าก็อยากเข้าร่วมกับราชาปีศาจ
ที่จริงก็อยากไปอยู่ฝ่ายเดียวกับเทพของเอลีอัสเลยต่างหาก
แต่เหล่าเทพธิดาที่งดงามเหล่านั้นเกลียดชังข้า ทำไมกัน ทั้งที่ข้าเองก็พยายามทำให้ตัวเองดูดีขึ้นขนาดนี้แล้วแท้ๆ ?
ข้าล่ะอยากได้หัวของเทพธิดาที่งดงามพวกนั้นมาจริงๆ
[ นา เรื่องจะยกโทษให้หรือไม่นั่นก็ขึ้นอยู่กับตัวเซียรูด้าเอง แต่หากเป็นท่านซันโดน่าจะไม่มีปัญหาใดๆ หวังว่าเราจะสานสันพันธ์อันดีต่อกันไว้แล้วกัน ]
อัลบาลพูดอย่างเย็นชา
[ ขอบคุณมากครับท่านอัลบาล ]
เซียรูด้าก้มหัวลงจนติดดินและขอบคุณ
[ ไม่เลยเซียรูด้า เพราะเจ้าเองก็พยายามมามากเช่นกัน ]
เขายิ้มอย่างเต็มอก
เซียรูด้าเองก็เหมือนกับข้าที่มีคนรักเป็นมนุษย์ ข้าคิดว่าเขาเหมือนกับข้าที่ไหนสักแห่ง จึงได้ถูกใจ
[ ไม่มีปัญหา ทำตามใจพวกเจ้าเถอะ ]
[ ขอบคุณมากอัลบาลคุง ข้าสาบานว่าจะต้องจัดการเจ้าผู้กล้าแห่งแสงและเทพของเอลีอัสให้ได้ ซึ่งนั่นเองก็เป็นความปรารถนาเดิมของพ่อข้าเช่นกัน ]
เพราะข้ารักพวกมนุษย์มาเกินไป ทำให้พ่อของข้าทอดทิ้งไป
เพราะพ่อไม่ได้สนใจ ข้าเลยไม่ได้รับอนุญาตให้ร่วมแผนการของเลวิลรุสด้วย
แต่วันนี้มันจะสิ้นสุดแล้ว ข้าจะกลับไปทำตามที่ท่านพ่อหวังไว้
ข้ารู้สึกเศร้ามาตลอด
แต่ต้องขอบคุณที่เลวิลรุสนั้นล้มเหลว ทำให้ข้ามีอิสระจะทำอะไรก็ได้แล้ว
ข้าจะพิสูจน์ให้เห็นว่าตัวข้ามีประโยชน์ ด้วยเหตุนี้จึงตัดสินใจร่วมมือกับอัลบาล
[ ข้าจะคอยดูผลงานแล้วกันท่านซันโด ]
[ ฟุฟุ ไว้ใจข้าได้เลย ข้าจะให้ผู้กล้าแห่งแสงและอัศวินดำมาเจอกันให้ได้ ต้องขอบคุณข้อมูลนี้จากสัตว์ส่งข่าวของเฟลิออนจริงๆ ]
ข้าหัวเราะ
ให้ผู้กล้าแห่งแสงและอัศวินดำต่อสู้และฆ่ากันเอง นั่นคือแผนของข้า
ซึ่งเฟลิออนก็คือเทพปีศาจที่ต่อสู้กับเทพแห่งเอลีอัสร่วมกับพ่อข้า
แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะปิดผนึกไว้โดยราชาปีศาจ ทำให้ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเขาถูกผนึกไว้ที่ไหน
แต่ข้อมูลนั้นข้าได้รู้มาจากอัลบาลแล้ว ดูท่าคงต้องรีบไปบอกพ่อซะแล้ว
[ อืม เป็นแผนการที่ดีเยี่ยม แล้วคงรู้สินะ… ]
[ แน่นอน ข้าจะเก็บเงียบไว้ไม่ให้ราชาปีศาจรู้ หากราชาปีศาจรู้เข้ามีหวังโกรธแน่ จึงต้องเป็นความลับ ]
เรื่องที่ข้ากับอัลบาลร่วมมือกันเป็นความลับ
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ราชาปีศาจจึงไม่ได้อยากจะต่อสู้กับเทพของเอลีอัส
และดูเหมือนจะสั่งห้ามไม่ให้เหล่านูกน้องออกเคลื่อนไหว
แต่อัลบาลนั่นไม่ชอบใจกับคำสั่งนั้น แน่นอน เซียรูด้าก็เช่นกัน
อัลบาลจึงต้องการเก็บมันไว้เป็นความลับ
[ ขอบคุณมากท่านซันโด ข้าจะรอคอยผลงาน ]
[ แน่นอน ขอเอาหัวเป็นประกัน ]
จากนั้นอัลบาลและเหล่าลูกน้องก็ใช้เวทเคลื่อนย้ายไปทันที
ในระหว่างที่ผู้กล้าแห่งแสงไม่อยู่คงดีหากข้าเอาหัวพวกหญิงสาวที่อยู่กับเขามา
และหลังจากคืนชีพให้กับเฟลิออน ข้าก็จะไปบุกเอลีอัส
ต่อจากหัวของผู้กล้าแห่งแสงก็จะเป็นหัวของเทพธิดาของเอลีอัส
ในภาพสะท้อนเวทมนตร์ที่ข้าสร้างขึ้น
มีหัวของเทพธิดาผมสีเงินอยู่ด้วย
ช่างงดงาม ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น
ตัวข้าเพิ่งรู้จักความรักเมื่อรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของเธอ
ข้าอยากจะได้หัวของเธอ ซึ่งตอนนี้เธอก็อยู่ในประเทศนี้ เป็นโอกาสอันดีทีเดียว
ดังนั้นอัศวินดำที่ขวางทางต้องหายไปซะ
แต่ก่อนอื่นข้าต้องเตรียมแผนการก่อน
[ ต้องไปติดต่อทาราบอสเพื่อแผนการคืนชีพบาดลด้วยสินะ? ]
บาดอลคือหนึ่งในสัตว์ร้ายที่ท่านแม่ผู้ยิ่งใหญ่-นากอล สร้างขึ้น
มันไม่เหมือนสัตว์อสูรตัวไหนๆ เพราะมีอำนาจที่ทรงพลัง
ศพของบาดอลตอนนี้อยู่ในห้องใต้ดินของโรงละครใหญ่ ศพของบาดอลถูกฝังไว้ที่แท่นบูชาของอัลฟอส และพวกมนุษย์ก็เป็นที่นั้นให้เป็นโรงละคร นั่นคือสิ่งที่ข้าได้ยินมาจากทาราบอส
ขณะที่ทาราบอสกำลังวิจัยเรื่องของนากอลอยู่นั้น เขาก็ได้รู้เรื่องของบาดอลเข้า
ต้นกำเนิดเป็นมายังไงไม่สำคัญ ปัญหาคือมันยังใช้การได้อยู่รึไม่
ในโรงละครนั้นยังมีแม่มดของเซียรูด้าหลงเหลืออยู่ มาร่วมงานกันเถอะ
หลังจากอัลบาลจากไป เซียรูด้าก็อยู่ในท่าทางสงบ
[ เซียรูด้า เจ้าจะต้องร่วมมือกับข้าในการกำจัดอัศวินดำ วะฮ่าฮ่าฮ่า ]
ข้าหัวเราะขณะที่คิดแผนการในอนาคต
◆นักเต้นเซนน่า
เทพธิดาแสงจันทร์กำลังร่ายรำอยู่ด้านหน้าของฉัน
สวยจัง
เพราะตอนนี้เป็นเวลากลางคืน
ทำให้แสงจันทร์สาดส่องมาจากหน้าต่างทำให้ผมสีเงินของเธอส่องสว่างสดใสยิ่งขึ้น
ราวกับหลุดออกมาจากภาพวาด
[ เป็นยังไงบ้างเซนน่? คุนะเต้นได้ตามที่สอนมั้ย? ]
เมื่อเทพธิดาหยุดเต้นลงเธอก็หัวเราะพิลึกออกมา
[ เก่งมากเลยค่ะท่านคุนะ ]
ฉันถอนหายใจ
แค่สอนเพียงนิดหน่อย เทพธิดาแสงจันทร์ก็เต้นได้ดีกว่าฉันที่ฝึกฝนมาตั้งนานได้แล้ว
น่าอิจฉา น่าอิจฉาความสามารถนั้นจัง
เธอเป็นเทพธิดาที่เกิดมามีพร้อมทุกสิ่งต่างจากฉัน
ฉันมองไปที่เธอด้วยความรู้สึกมืดมน บางทีเจ๊ไอนอยก็คงรู้สึกแบบนี้สินะ?
อัศวินดำบอกฉันว่าเจ๊ไอนอยพยายามประสบความสำเร็จขนาดนั้นได้เพราะทำสัญญากับปีศาจ
ต่างกับฉันที่ใช้ความพยายามเพื่อประสบความสำเร็จในชีวิต
ถ้าฉันเป็นในฐานะเดียวกับเจ๊ไอนอยจะรู้สึกยังไงนะ? จะรู้สึกมืดมนเหมือนในตอนนี้เลยรึเปล่า?
ทันใดนั้นฉันก็ฉุกคิดขึ้นมา
จะว่าไปแล้วโรงละครล่ะ?
เห็นว่าอัศวินดำจะไปดูพรุ่งนี้แล้วเป็นยังไงบ้าง…
ฉันมองไปยังอัศวินดำที่อยู่ข้างๆ
อัศวินดำที่ไม่ได้สวมเกราะดำนั้นไม่ต่างจากคนธรรมดาเลย
เขาจ้องเทพธิดาแสงจันทร์ด้วยสายตาหื่น
เทพธิดาแสงจันทร์ตอนนี้แต่งกายด้วยชุดนักเต้นของท่านเทพธิดาอิชเทีย ชุดที่ราวกับเป็นผ้าบางๆ เท่านั้นทำให้ดึงเสน่ห์ของเทพธิดาออกมาได้มากขึ้น
ตอนที่ฉันเต้น อัศวินดำก็จ้องมองด้วยสายตาไม่ต่างจากนี้เลย สายตาหื่นๆ นั้นนะ
ตอนนี้ฉันกลับรู้สึกว่าจะเอาชนะเขาได้ง่ายๆ แต่ทำจริงๆ ก็คงไม่ได้อยู่ดี
ดูเหมือนอัศวินดำจะเก่งพอๆ กับผู้กล้าแห่งแสง แต่ดูตอนนี้ไม่เห็นเหมือนอย่างนั้นเลยด้วยซ้ำ ดูจากภายนอกดูอ่อนแอจะตายไป
ตรงหน้าฉันมีเครื่องดื่มอยู่
แต่ไม่ใช่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรอกนะ
เป็นชาที่ทำจากดอกไม้ที่เรียกว่าเมนตี้ นี่เขาคิดว่าฉันเป็นเด็กรึไงถึงได้เอาเครื่องดื่มที่ทำจากผลไม้นี้มาให้ เพราะปกติแล้วผู้ใหญ่ไม่ดื่มของแบบนี้หรอก
มันดูเป็นเครื่องดื่มที่ไม่เหมาะกับอัศวินดำเอาซะเลย
เขาหยิบขนมตรงหน้ามากิน
มันเป็นขนมอบที่มีผลไม้แห้งและถั่ว อร่อยและหวานเข้ากันได้ดีกับชาเมนตี้
แต่มันดูไม่เหมาะกับอัศวินดำเอาซะเลย ที่น่าแปลกคืออัศวินดำดันชอบของหวานเนี่ยนะ
ภาพในหัวฉัน เขาคือปีศาจจิตใจวิปริตซะมากกว่า รู้สึกปวดหัวเลย
ฉันมองไปที่อัศวินดำขณะที่คิดเช่นกัน
[ เอ๊ะ? ]
ฉันส่งเสียงออกไปแบบไม่ได้ตั้งใจ
จู่ๆ ใบหน้าของอัศวินดำก็เปลี่ยนจากสีหน้าปกติไปเป็นสีหน้าของนักรบ
เพราะจู่ๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเลยทำให้ฉันตกใจ
ทันใดนั้นอัศวินดำก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
เกิดอะไรขึ้นกันนะ?
[ มีอะไรเหรอคุโรกิ? เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ]
เพราะบรรยากาศของอัศวินดำเปลี่ยนไปทำให้เทพธิดาแสงจันทร์ถามขึ้น
[ มัลเชียส… ]
อัศวินดำใช้ดวงตาอันเฉียบคมและมองออกไปนอกหน้าต่าง
ทำให้ฉันรู้สึกกังวลอยู่ใจ