อัศวินดำ - ตอนที่ 72
◆ อัศวินไร้หัวและเจ้าหญิงที่มีแต่หัว
อัศวินผู้ขี่ม้ายามราตรีกลางแสงจันทร์
ข้าถูกอัศวินคนนั้นโอบกอดและสนุกกับการขี่ม้ายามค่ำคืนข้างนอก
ช่างเป็นเกียรติจริงๆ ที่ท่านซันโดกรุณาข้าแบบนี้ การไม่มีแขนขานี่มันก็ไม่สะดวกล่ะนะ
ดังนั้นจึงต้องให้อัศวินเป็นคนพาไปเท่านั้น
[ คิดว่ายังไง? คงดีใจมากล่ะสิมัลเชียสที่เจ้าได้เป็นอัศวินสวมเกราะตัวจริงอย่างที่หวังไว้ ชอบใจเลยสินะ ]
ข้ามองดูอัศวินที่อุ้มหัวข้าไว้อยู่
เขาสวมชุดเกราะสวยงามและนั่งบนหลังม้า
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ท่านซันโดให้มา
ทำให้เขาดูเหมือนกลายเป็นอัศวินตัวจริง
แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ไม่เหมาะจะเป็นอัศวินนัก แต่ข้าจะสั่งสอนให้เป็นอัศวินให้เอง แน่นอน ขอบคุณข้าซะล่ะ
เขาไม่ตอบอะไร
[ ฟุฟุ เอาเถอะ คงจะพูดอะไรไม่ได้สินะ ]
ข้าหัวเราะ
เพราะไม่มีหัว เขาเลยตอบอะไรไม่ได้
อัศวินดูลาฮานไร้หัวออกวิ่งไปทั่วยามราตรี
ลมตอนกลางคืนเย็นสบาย
ตั้งแต่ร่างกายกลายเป็นอย่างนี้ ทำให้พอโดนแสงอาทิตย์เข้าจะอ่อนแอลง
ทำให้ฉันออกมาได้เฉพาะตอนกลางคืน
แล้วก็ไม่ค่อยอยากให้ใครเห็นนักหรอก
เพราะมีแต่หัวนี่นา
ฉันอยู่กับอัศวินไร้หัวกันสองคน
หากเป็นมนุษย์ ถ้าคอแยกกับลำตัวก็ตายซะแล้ว ช่างเป็นเผ่าพันธุ์ที่น่าสมเพซจริงๆ
ทำไมถึงต้องอดทนเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอแบบนั้นด้วยล่ะ?
ต้องขอบคุณท่านซันโด ที่ทำให้ฉันได้เกิดใหม่และไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตอ่อนแออีกแล้ว
ตัวฉันแข็งแกร่งขึ้นและยังสามารถใช้เวทมนตร์ที่ทรงพลังได้ แม้ว่าจะไม่มีอัศวินไร้หัว ตัวฉันก็แข็งแกร่งพอจะล้มผู้ชายตัวโตๆ ได้เลย
[ โอ๊ะ? สงสัยว่าจะมีใครมาสินะ? ]
เพราะฉันรู้สึกได้ว่ามีใครกำลังอยู่ตรงหน้า
ฉันสั่งให้อัศวินไร้หัวดึงดาบออกมา
ขณะที่วิ่งผ่านจะให้อัศวินตัดหัวมันไปด้วยซะเลย สำหรับมนุษย์แล้วไม่มีการปราณี
ฉันคิดเช่นนั้น แต่อัศวินไร้หัวก็หยุดลง
[ เอ๊ะ? มีอะไรงั้นเหรอ? อัศวินไร้หัว? ]
ฉันสั่งอัศวินไร้หัว แต่เขากลับไม่เคลื่อนไหวเลย นี่มันเกิดอะไรขึ้น
ฉันมองไปที่คนตรงหน้า
เขาเองก็เป็นอัศวินเช่นกัน แต่สวมเกราะสีดำ หรือว่าเขาจะเป็นอัศวินดำคนที่ได้ยินจากท่านซันโด?
ที่อัศวินไร้หัวไม่เคลื่อนไหว นี่ก็เพราะอัศวินดำคนนั้นงั้นเหรอ?
ในมือของอัศวินดำคนนั้นกำลังแบกผู้หญิงคนหนึ่งไว้ข้างหลัง
[ ขอโทษทีนะ แต่ช่วยหยุดทีจะได้มั้ย? ]
อัศวินดำพูดออกมาอย่างสงบ
เป็นเสียงที่ดูสภาพแต่ก็เป็นคำขาด
ฉันรู้สึกได้ถึงความกลัวของอัศวินไร้หัว นี่ฉันควรทำยังไงดี? ถึงเขาจะไม่มีหัวแล้วแต่ก็ไม่สามารถกำจัดความรู้สึกที่มีในตัวได้เหรอ?
[ ต้องการอะไร? ]
ฉันถามไปอย่างระมัดระวัง
[ อืมม ~ … ก็นั่นมัน… เป็นร่างของมัลเชียสใช่มั้ยล่ะครับ ]
ฉันรู้สึกประหลาดใจ ถึงแม้ว่ามัลเชียสจะกลายเป็นดูลาฮานไปแล้ว แต่อัศวินดำก็ยังรู้อีกเหรอ
แต่อัศวินดำเพียงเคยเจอกับมัลเชียสแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วเขารู้ได้ยังไง?
[ ก็ใช่ แต่ทำไมถึงได้รู้เรื่องแบบนั้นได้? ]
ฉันจ้องมองไปที่อัศวินดำ แต่เพราะมีหมวกเกราะอยู่เลยมองไม่เห็นหน้า
[ อา ว่าแล้วเชียว… เพราะรู้สึกได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับมัสเชียส เดี๋ยว ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนั้นสิ ]
อัศวินดำส่ายหัวไปมา
[ นี่คุณน่ะสนิทกับมัลเชียวขนาดนั้นเชียวเหรอ? ]
เขามาทำอะไรที่นี่กันแน่?
หรือว่าจะมาแก้แค้นมัลเชียวกัน?
[ น่า… จะบอกว่ารู้จักกันก็รู้จักหรอกนะ …. อืมมม… จะว่ายังไงดีล่ะ? ]
เพราะฉันไม่รู้เลยว่าอัศวินดำต้องการทำอะไร ทำให้สับสนไปหมด
และรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ทันใดนั้นฉันก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่อัศวินดำพามา
เธอคนนั้นตัวสั่น
และทักทายฉัน
[ เอ่อ เหรอว่าคุณจะเป็น… ไม่เจอกันนานนะคะ ]
เธอยิ้มให้ฉันขณะที่ตัวสั่น
ฉันเคยพบเธอมาก่อน
เธอเป็นที่อยู่ในคณะละครเดียวกับมัลเชียว รู้สึกว่าจะชื่อเซนน่า
เซนน่าตาเปิดกว้างขณะที่มองฉันด้วยสีหน้าซีดเซียว
[ เซนน่า นั่นใช่คนรู้จักมั้ย? ]
อัศวินดำถามเซนน่า
เซนน่าพยักหน้าทั้งๆ ที่ตัวสั่น
[ ค๊าา! ค่ะ! ใบหน้านั่น! เด็กสาวที่อยากเข้าคณะละคร! เด็กสาวในตอนนั้นค่ะ!! ]
เพราะเซนน่าปากสั่นไปหมดเลยพูดออกมาไม่ค่อยเป็นประโยค
[ แล้วตอนนั้นเธอมีแค่หัวแบบนี้เหรอ? ]
[ ไม่ค่ะ! ตอนนั้นเธอเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา!! ]
อัศวินดำพยักหน้าเมื่อได้ยินคำพูดของเซนน่า
[ อย่างนี้นี่เอง… ดูเหมือนจะมีคนทำให้เธออยู่ในรูปลักษณ์แบบนี้ โทษทีนะ แต่ช่วยเล่าให้ผมฟังได้มั้ย เรื่องของคนที่ทำให้เธอเหลือแต่หัวน่ะ? ]
ดูท่าว่าอัศวินดำคงจะไม่รู้เรื่องของท่านซันโดและฉันยังรู้สึกได้ถึงความเป็นศัตรูจากตัวเขาอีก
[ เรื่องอะไรล่ะ? ทำไมฉันจะต้องบอกด้วย ]
เมื่อฉันพูดอย่างนั้นบรรยากาศก็เปลี่ยนไป อัศวินไร้ตัวสั่นไปหมด
อัศวินดำคนนี้อันตราย ฉันควรจะหนี
[ ก็นึกไว้อยู่แล้วล่ะ!! ดูท่าว่าจะต้องใช้กำลังทำให้เปิดปากพูดสินะ!! ]
อัศวินดำเริ่มก้าวเดินมาทางนี้
[ ข้ารับใช้ของข้า! ขณะที่ข้ากำลังหนีไปหยุดชายคนนั้นไว้ซะ!! ]
ฉันสั่งอัศวินไร้หัว
เลือดสีดำกระจายถูกสาดกระเซ็นออกจากตัวของอัศวินไร้หัว
เลือดนั้นลอยไปรอบๆ แม้ว่าจะไม่มีปีกและราวกับมีอิสระ
เลือดดำนั้นคือสิ่งที่เรียกว่าเลือดต้องสาป
คนที่โดนเลือดนี้จะต้องตายและก่อนจะตายจะต้องทุกข์ทรมานไปถึงเจ็ดวัน
คำสาปเลือดมุ่งตรงไปหาเซนน่า
เพราะว่าเลือดนี้อาจจะไม่ได้ผลกับอัศวินดำ ดังนั้นต้องเล่นงานเซนน่าเพื่อเปิดช่องว่าง
[ บาเรียไฟสีดำ!! ]
เปลวไฟสีดำถูกปล่อยจากร่างอัศวินดำเพื่อปกป้องเซนน่า
เดิมมันก็เป็นเวทที่เปิดช่องว่างอยู่แล้ว คงดีกว่าหากอาศัยจังหวะนี้หนีไป
ฉันทิ้งอัศวินไร้หัวไว้
และพยายามบินหนีไป
[ คิดว่าจะหนีพ้นงั้นเหรอ? ]
ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงจากด้านหลังและมีคนจับหัวฉันไว้
ฉันหันหน้าไปยังคนที่คว้าหัวฉันไว้
สาวสวยที่เส้นผมสลวย
แต่ฉันรู้สึกได้ถึงอันตรายจากเธอคนนั้น
[ ท่านซันโด!! ]
ฉันเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากท่านซันโด
แต่ไม่มีคำตอบอะไรกลับมา เพราะตัวฉันน่าจะเชื่อมต่ออยู่กับท่านซันโดนี่นา เขาน่าจะตอบกลับมาทันทีสิ
[ ไร้ประโยชน์ คุนะได้กางบาเรียไว้แล้ว ยังไงเธอก็หนีไม่พ้นหรอก รีบเล่าทุกอย่างให้คุโรกิฟังได้แล้ว ]
สาวสวยผมสีเงินยิ้มด้วยรอยยิ้มอันเย็นชา
◆ อัศวินดำคุโรกิ
ผมขู่คาเทียด้วยเปลวไฟสีดำ
และด้วยพลังของคุนะก็ทำให้ได้ข้อมูลมาอย่างไม่มีปัญหาใดๆ
ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องขู่แล้วก็ได้
เด็กสาวที่ชื่อคาเทีย ไม่ใช่ว่าเธอไม่มีความสุขที่ตัวเองกลายเป็นแบบนี้เลย
แต่กลับดูค่อนข้างมีความสุขดีด้วยซ้ำ
ดังนั้นที่ผมไปช่วยเธอคงจะเป็นความเอาเห็นแก่ตัวของตัวผมเองซะมากกว่า ยังไงก็ทำให้หลับก่อนแล้วกัน
[ แล้ว… นายล่ะมัลเชียสมีอะไรจะพูดมั้ย? ]
เซนน่าจ้องมองมัลเชียสที่ไร้หัวด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ไม่น่าแปลกล่ะนะ เพราะคนที่รู้จักกลายเป็นแบบนี้ก็ต้องช็อกอยู่แล้ว
เพราะผมบอกว่าจะไปหามัลเชียส เธอเลยบอกว่าให้พาไปด้วย
แต่เธอคงไม่คิดว่ามัลเชียสจะกลายเป็นแบบนี้ไปซะแล้ว
ใบหน้าของเธอซีดเซียวและตัวสั่น
นอกจากนี้เขาคงอึดอัดอยู่นิดหน่อย
เพราะมัลเชียสกลายเป็นอัศวินไร้หัว ผมเลยใช้หนามสีดำพันตัวไว้
ผมได้ให้พลังกับมัลเชียสไปนิดหน่อยเพื่อขอบคุณที่ทำให้ผมรู้ที่อยู่ของเซียรูด้า
เป็นพลังที่ทำให้มีพลังต้านทานส่งต่างๆ ได้
ผลของพลังจะหายไปในสองปี ขณะเดียวกันก็สามารถป้องกันเวทระดับต่ำได้
ถึงจะเพียงน้อยนิด แต่ก็เหมือนผมเชื่อมต่อกับเขาอยู่
ทำให้ผมรู้ว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับมัลเชียส
แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะกลายเป็นแบบนี้
มัลเชียสนั่นเหมือนครึ่งเป็นครึ่งตาย มีชีวิตอยู่แวมไพร์ที่อยู่ในช่องว่างระหว่างเป็นและตาย
จากที่คุนะได้ยินมาจากคาเทีย การดำรงอยู่ของมัลเชียสนั้นตอนนี้ต่างจากมนุษย์ ทำให้ไม่สามารถกลับคืนแบบเดิมได้แล้ว
นอกจากนี้ยังไม่มีหัวด้วย การจะฟื้นคืนในตอนนี้เลยเป็นไปไม่ได้
แล้วถึงมัลเชียสจะได้หัวกลับคืนมา ก็ใช่ว่าจะหลุดจากการควบคุมของคาเทียได้
ผมกัดฟัน
มันเป็นความผิดของผมเอง ถ้าผมให้พลังมัลเชียสมากกว่านี้ เขาคงจะหลีกเลี่ยงสถานการณ์แบบนี้ได้
น่าสมเพซที่ตัวผมทำอะไรไม่ได้เลย
[ มัลเชียสต้องขอโทษด้วย… ]
ผมปล่อยเปลวไฟสีดำและเดินตรงไปหามัลเชียส
ผมจะปล่อยให้มัลเชียสอยู่ในสภาพนี้ไม่ได้
[ คุโรกิ? จะทำอะไรนะ? ]
คุนะมองผมและถามอย่างกังวล
[ ไม่ต้องกังวลหรอกคุนะ ]
ผมลูบหัวคุนะ
แล้วต่อจากนี้จะทำยังไง?
หากผมทำให้คาเทียหายไป ซันโดอาจจะสังเกตเห็นก็ได้
ซันโด
นั่นคือชื่อของชายที่ทำให้คาเทียเป็นแบบนี้ คงจะไม่ใช่มนุษย์
เพราะเขาสามารถมอบพลังให้คาเทียที่เป็นคนธรรมดาได้มากขนาดนี้ แปลว่าต้องมีสายเลือดของเทพอยู่
ผมเองก็ไม่เคยเจอเขาหรอก แต่มีสังหรณ์ไม่ดีเลย
คาเทียเป็นคอลเลกชั่นของเขา หากทำให้เธอหายไป เขาต้องกลายเป็นศัตรูกับผมแน่นอน
[ คุนะขอโทษด้วยนะ แต่ผมมีที่ที่ต้องไป ช่วยกลับไปก่อนกลับเซนน่าได้มั้ย? ]
ผมพูดและชี้ไปยังเซนน่าที่กำลังสั่นอยู่
ผมต้องไปตรวจสอบให้แน่ใจ คงเป็นการดีหากขอให้เซียรูด้าพาไอนอยมาให้
[ เข้าใจแล้วคุโรกิ คุนะจะทำตามที่บอก ]
คุนะตอบทั้งที่หัวเราะ
ไม่รู้ทำไม แต่เธอกำลังสนุกอยู่
[ ขอบคุณมากคุนะ งั้นผมไปก่อนแล้วกัน ช่วยรออยู่เงียบๆ ทีนะ ]
ผมลูบแก้มของคุนะจากนั้นก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
◆ เทพธิดาแห่งแสงจันทร์คุนะ
คุโรกิบินขึ้นไปบนท้องฟ้าของเมืองยามค่ำคืนที่ลมพักแรง
[ แย่จังนะคุโรกิ แต่คุนะไม่ได้คิดจะอยู่รอเงียบๆ หรอก ]
คุนะบ่นขณะที่มองทิศที่คุโรกิบินไป
ตั้งแต่มาที่ประเทศของมนุษย์ คุนะก็รู้สึกอารมณ์ไม่ดีแล้ว
ได้มาเดินเล่นกับคุโรกิก็ดีหรอก แต่ทำไมต้องห้ามไม่ให้ทำอะไรพวกมนุษย์ด้วยล่ะ?
ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมีคนรับใช้ที่อ่อนแอด้วย
คุโรกิมักจะเป็นแบนี้เสมอ คุนะต้องอดทนและคอยห้ามปรามตัวเองไว้
แต่คุนะต้องขอโทษด้วย
เพราะมันไม่น่าสบอารมณ์เลย
ทั้งที่คุโรกิแข็งแกร่งมาก คุโรกิน่าจะปลดปล่อยตัวเองสักหน่อยนะ
คุนะอยากเห็นคุโรกิแข็งแกร่งและเด็ดขาดแบบนั้น
แต่ควรจะทำยังไง?
ตอนนี้เหลือแค่ผู้หญิงที่มีแต่หัวและชายที่มีแต่ร่างกายคนนั้นก็หายไปแล้ว
และดูเหมือนซันโดจะเป็นเทพของคนพวกนี้
น่าสนใจดี แค่มนุษย์ในประเทศนี้คุนะคงเล่นได้ไม่หน่ำใจ
เขาจะใช้การได้มั้ยนะ?
ดีล่ะ คุนะคงต้องไปขอให้ผู้ชายคนนั้นจัดการให้ซะแล้ว
คุนะแสยะยิ้มชั่วร้าย
แต่รอยยิ้มแบบนี้คงจะให้คุโรกิเห็นไม่ได้
[ ผู้อยู่ในป่าแห่งความมืดแห่งนากอล พิชูเคียผู้อาศัยอยู่ในสวนแห่งเอเดนสีขาว จงตอบสนองการอัญเชิญของคุนะ ]
คุนะตั้งสมาธิและเรียกแมลงมา
ที่จริงแล้วนี่เป็นความสามารถของโอเกอรที่ชื่อคุจิค
แต่คุนะได้ยึดครองความสามารถนี้มาแล้ว
พลังนี้จะทำให้คุนะสามารถควบคุมแมลงได้ แต่ว่าถึงจะมีพลังเวทขนาดไหนแต่แมลงก็ยังอ่อนแออยู่วันยังค่ำ
แมลงของคุจิคมันอ่อนแอเกินไป
คุนะเลยตัดสินใจไปหาแมลงที่แข็งแกร่งด้วยตัวเอง
และในที่สุดก็พบ
ผีเสื้อที่ส่องแสงสีขาวปรากฏขึ้นอยู่รอบตัวคุนะ
นี่คือผีเสื้อชนิดพิเศษที่อาศัยอยู่ในป่าแห่งความมืดของนากอล
ผีเสื้อเหล่านี้มีพลังเวทที่ไม่แพ้เหล่าเทพ นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการตรวจจับและสร้างภาพลวงตา
สามารถเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ แม้จะมีกำแพงอยู่ก็สามารถทะลุเข้าไปได้อย่างง่ายดาย
แม้จะไม่ค่อยมีพลังในการโจมตี แต่ก็ใช้งานได้ดี
การจะควบคุมผีเสื้อนี้ได้ยินว่ายากมาก
หากเป็นคุจิคคงเป็นไปไม่ได้เลย แต่คุนะทำได้อยู่แล้ว
[ ไปเลย! ผีเสื้อ! ออกค้นหาผู้ที่แอบซ่อนตัวอยู่ในความมืดมิดมาให้คุนะซะ! ]
เหล่าผีเสื้อส่องแสงสีขาวและจางหายไปในความมืดมิดของยามค่ำคืน
[ แล้วจะเอาแต่สั่นอยู่แบบนั้นงั้นเหรอเซนน่า? ]
คุนะมองไปที่เซนน่า
[ ทะ ท่านเทพธิดา?! ]
เซนน่าขยับตัวไม่ได้ ได้เพียงตัวสั่น
บางทีดูลาฮานคงมีพลังในการขู่คนที่มองได้ มันไม่ได้ผลกับคุนะกับคุโรกิ แต่กับเซนน่าดูจะได้ผลมาก
ทำให้เซนน่าล้มลงและสั่นด้วยความกลัว
[ เป็นคนประโยชน์จริงๆ นะ มองตาของคุนะซะ ]
ยังไงผู้หญิงคนนี้ก็เป็นคนสอนคุนะเต้น จะช่วยนิดหน่อยแล้วกัน
คุนะใช้เวทมนตร์ทำให้เซนน่ากลับมาเป็นเหมือนเดิม
[ ขอบคุณมากค่ะ… ท่านเทพธิดา… ]
เซนน่าขอบคุณขณะที่น้ำตาไหล
[ รีบกลับกันได้แล้วเซนน่า เพราะจากนี้คุนะจะยุ่งมาก ]
คุนะพูดขณะที่หัวเราะ ขณะที่เซนน่ามีสีหน้าว่างเปล่า
◆ นักปราชญ์ผมดำจิยูกิ
[ ไม่เป็นไรใช่มั้ยคะคุณจิยูกิ? ]
นาโอะที่ให้ฉันยืมไหล่พูดออกมา
[ ไม่เป็นไรหรอก แค่รู้สึกไม่ดีนะ ]
[ เป็นอะไรไปเหรอครับท่านนักปราชญ์? หรือว่าจะเห็นอะไรเข้า? ]
เดคิอัสที่เดินอยู่ด้านข้างถามขึ้นด้วยความระแวง
แต่ฉันบอกเรื่องที่เห็นไม่ได้
สถานที่ที่เราอยู่มีทั้งบาร์และโรงแรมรายล้อมเต็มไปหมด
ฉันใช้เวทมองทะลุเพื่อตามหามัลเชียส
แต่ก็ไม่เป็นผล
ให้ตายสิ พวกผู้ชายนี่นะ…
ฉันบ่นออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เมื่อฉันมองไปที่ชั้นสองของโรงแรมแต่ละแห่งด้วยเวทมองทะลุก็เห็นชายหญิงกำลังทำเรื่องอย่าว่ากันอยู่
และบางคนก็ทำกับเพศเดียวกัน ความรักไม่มีการแบ่งแยก
แต่อย่างน้อยก็ขอผู้ชายหน้าตาดีทำกันเถอะ
ฉันมองไปเข้าไปห้องๆ หนึ่งเห็นผู้ชายซ้อนทับกันถึงห้าคน ทำให้ถึงกับรู้สึกพะอืดพะอม
และเพราะแถวนี้ยังมีแต่ร้านอย่างว่า เป็นธรรมดาที่จะเห็นคนทำเรื่องอย่างว่ากันอยู่แล้ว
ฉันหน้าแดงและปล่อยให้เดคิอัสค้นหาเองจะดีกว่า
[ ขอโทษด้วยค่ะเซอร์เดคิอัส แต่เราขอกลับก่อนได้มั้ยคะ? ]
ฉันต้องขอโทษเดคิอัสจริงๆ
จากนี้เดคิอัสต้องค้นหามัลเชียสด้วยตัวคนเดียวแล้ว
[ ครับ ถึงผมคนเดียวก็สบายมาก ]
เราทิ้งเดคิอัสไว้และเดินจากไป
[ กลับกันเถอะค่ะคุณนาโอะ ตอนนี้ก็พอจะได้เบาะแสมานิดหน่อยแล้ว กลับไปรวมกลุ่มกับพวกเรย์จิกันเถอะ ]
[ ค่ะ ]
เราเดินบนถนนตอนกลางคืน
[ เฮ้อ … ฉันรู้สึกสมเพซตัวเองอยู่นิดๆ นะ … ]
ฉันโกรธตัวเองอยู่ในใจ
[ ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ ก็คุณจิยูกิไม่เหมาะกับที่อย่างนี้เลยนี่ค่ะ ]
นาโอะหัวเราะ
[ แล้วคุณนาโอะคิดว่ายังไงเหรอคะ? ]
เพราะฉันวางภาพลักษณ์เป็นคนมั่นใจในตัวเอง เลยอยากรู้ว่านาโอะคิดยังไงกับฉัน?
[ ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอกค่ะ ยังไงก็กลับกันก่อนเถอะค่ะ ]
นาโอะยิ้ม
[ อ อา… ]
พวกเราคุยกันขณะที่เดินกลับ
◆ สตรีแห่งดาบชิโรเนะ
[ เป็นยังไงบ้างครับท่านชิโรเนะ ]
ฉันได้บทละครจากหัวหน้ามิดัสและกำลังอ่านอยู่
แม้ว่าจะเคยได้ยินเนื้อเรื่องมาคร่าวๆ จากคุณจิยูกิบ้างแล้ว แต่นี่มันซับซ้อนกว่าที่คิด
เรื่องคร่าวๆ คือเจ้าหญิงซึ่งไปช่วยเจ้าชายผู้โดนแม่มดลักพาตัวไป
อ้างอิงจากที่คุณที่คุณจิยูกิบอก ชายและหญิงต่างเป็นศัตรูกันเหมือนในตำนานของเซอุส หากเป็นในตำนานญี่ปุ่นก็คงเป็นการกำจัดโอโรจิโนะ ซูซาโนะโอนั้นล่ะ
ทำให้มีบทพูดมากเป็นพิเศษ
แต่ปัญหาไม่ใช่ตรงนั้น
[ เอ่อ… ชุดนี้มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ? ]
ฉันพูดขณะที่มองไปยังชุด
เป็นมันชุดที่บางเฉียบ เป็นชุดที่ดูโป๊มาก จะโป๊เกินไปแล้ว
[ มีอะไรแปลกเหรอฮ๊า? ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอฮะ? ]
มิดัสเอียงหัว
ฉันเอามือกุมหัว มันไม่ใช่ความผิดของมิดัสนี่นะ นี่เองก็ถือเป็นเรื่องปกติของคณะละคร
เพราะหากไม่ใช่ผู้นับถือเฟย์เรียก็ไม่จำเป็นต้องลังเลที่ต้องเปิดเผยผิวพรรณ
[ ชุดนั้นเหมาะกับเธอดีแน่ๆ ]
[ ใช่แล้วค่ะ ท่านชิโรเนะขาสวยจะตายไป ]
เรย์จิคุงกับริโนะจังพูดออกมาด้วยท่าทางดีใจ
[ เรย์คุง ริโนะจัง พูดแบบนั้นมันไม่ดีกับคุณชิโรเนะนะคะ ]
คุณซาโฮโกะที่มีสามัญสำนึกที่สุดช่วยห้ามทั้งสองคน
[ เอ่อ ผมเองก็คิดว่าเหมาะนะครับ ]
เด็กหนุ่มอัลโต้บอก
เขารับบทเป็นเจ้าชายที่ถูกลักพาตัวไป อาจจะพูดได้ว่าช่างเป็นบทที่เหมาะกับตัวเขา เพราะเขามีใบหน้าเหมือนกับเด็กผู้หญิงไม่มีผิด
อัลโต้จะเป็นลูกเขยของคุณคลีโอ้ตามกฏหมาย
ฉันรู้สึกประหลาดใจพอควรที่ได้ยินครั้งแรก แต่เพราะเอลฟ์มีอายุยืนจึงดูรูปร่างจึงไม่เปลี่ยนแปลงล่ะนะ
คุณคลีโอ้คอยเฝ้ามองอัลโต้ที่น่ารักของเธอ เพราะเธอก็ไปเจรจากับพ่อแม่เขามาแล้วนี่นะ และเขาก็ยอมรับแล้วด้วย
นี่จะให้เด็กขนาดนี้เป็นคนรักจริงเรอะ?
จะว่าไปก็เคยได้ยินว่าเอลฟ์ชอบลักพาตัวเด็กมนุษย์นี่นะ ดูเหมือนว่าวันๆ หนึ่งหากเด็กหายตัวไปให้สงสัยได้เลยว่าเป็นฝีมือของเอลฟ์
หวังว่าคุณคลีโอ้คงไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอกนะ
อัลโต้เฝ้ามองเรย์จิด้วยสายตาเปล่งประกาย ดูเหมือนเขาจะชื่นชมเรย์จิซึ่งเป็นผู้กล้ามาก
เด็กสาวคนอื่นก็มองเรย์จิด้วยสายตาไม่ต่างกัน
มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะชื่นชมเขาล่ะนะ?
เรย์จิคุงดูจะสับสนเล็กน้อย
แต่ฉันนี่สิกำลังเจอปัญหา
เดิมทีบทเจ้าชายให้ไปช่วยเจ้าหญิง ให้เรย์จิคุงรับจะดีกว่ามั้ยนะ?
[ ชะ ใช่ ถ้าเป็นไปได้ช่วยทำให้ชุดมันหนาขึ้นกว่านี้ก็ได้… ]
ฉันรู้ว่ายังไงคำขอนี้ก็คงไม่ผ่าน แต่ก็อยากพูดไป
[ ไม่เป็นไรหรอกชิโรเนะ! ถ้ามีคนที่ใช้สายตาหื่นมองเธอฉันจะจัดการมันเอง! ฉันจะปกป้องเธอเธอชิโรเนะ ดังนั้นโล่งใจเถอะ!! ]
เรย์จิยิ้มและเอามือวางบนไหล่ของเธอ
การที่ไม่กล้าปฏิเสธใครก็เป็นจุดอ่อนของฉันซะด้วย
ฉันได้แต่ถอนหายใจ
สุดท้ายแล้วคนที่สามารถรู้ใจจริงของฉันก็มีแต่คุโรกิล่ะนะ
คุโรกิกำลังทำอะไรอยู่นะตอนนี้
ฉันคิดถึงสิ่งนั้นและมองออกไปนอกหน้าต่าง
◆ เทพแห่งความการหลับใหลและความฝัน ซันโด
[ ท่านซันโดคะ! ท่านพี่! ท่านพี่เค้า!! ]
นางฟ้าของข้ารีบลอยมาหาข้าในความมืดมิด(พวกเธอมีแต่หัว)
[ เข้าใจแล้ว เป็นฝีมือของ… อัศวินดำสินะ ]
จู่ๆ การติดต่อกับคาเทียก็หายไปขณะที่เธอออกไปเดินเล่นตอนกลางคืน
และหลังจากนั้นไม่นาน อัศวินดำก็ปรากฏตัวขึ้นที่ร้าน
ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคาเทีย
บางทีอัศวินดำคงทำอะไรสักอย่างกับร่างของมัลเชียสไปแล้ว แต่เขาประมาทเอง
เขาได้ขอมูลมาจากคาเทียและตรงดิ่งมาหาข้าทันที
ถึงเธอจะมั่นใจในฝีมือการต่อสู้ แต่คงไม่มีโอกาสชนะ จึงตัดสินใจหนี
มันอันตรายเกินไป เหล่านางฟ้าที่น่ารักของข้าพยายามถ่วงเวลาและหนีมาแล้ว
นางฟ้าเหล่านั้นอ่อนแอกว่าอัศวินดำมาก แต่ดูเขาจะลังเลที่จะต้องจัดการกับเธออยู่
และมาตามหาข้าแทน
แต่ถึงข้าจะมั่นใจในการซ่อนตัวและวิ่งหนี แต่เขาจะหาข้าเจอได้ง่ายๆ เลยมั้ยนะ?
ข้าควรทำยังไง?
อัศวินดำอาจจะฆ่านางฟ้าที่น่ารักของข้าก็ได้
งั้นก็แปลว่าตอนนี้เทพธิดาสีเงินอยู่ตัวคนเดียวสิ? ใช่แล้ว
ข้าจะทำให้เธอกลายเป็นนางฟ้าของข้าแทนซะ ข้าจะไปเอาหัวเธอมา
จากนั้นข้าก็แสยะยิ้ม
[ ดูท่าว่าข้าคงต้องเปลี่ยนแผนแล้วสินะ… เอ๊ะ? ]
ในตอนนั้น ข้าก็รู้สึกได้ถึงผีเสื้อมากมายทะลุผ่านเข้ามาในห้องของข้า
แต่ไม่น่าจะมีใครรู้จักที่นี่นอกจากนางฟ้าของข้าสิ นอกจากนี้ที่นี่ยังมีบาเรียอยู่ แม้แต่แมลงสักตัวก็เข้ามาไม่ได้
ผีเสื้อหายตัวไปอย่างรวดเร็ว ข้าพยายามค้นหา แต่ก็ไม่รู้สึกถึงอะไรเลย
นี่มันหมายความว่ายังไง? เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้นเอง
น่า สงสัยข้าจะแค่คิดไปเอง
เอาล่ะ มาคิดแผนการต่อ
ที่จริงข้าจะมุ่งเป้าไปที่นักบุญศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นพวกเดียวกับผู้กล้าและใช้เธอคนนั้นล่อผู้กล้าออกมา จากนั้นก็ให้ผู้กล้ากับอัศวินดำต่อสู้กัน
ให้พวกมันบดขยี้กันเองและทำร้ายกัน
แต่คงต้องเปลี่ยนแผน คราวนี้ข้าจะมุ่งเป้าไปที่แม่มดสีเงินของอัศวินดำแทน นี่ล่ะถึงเป็นการชดใช้ที่สาสมกับนางฟ้าของข้า
เริ่มแผนการได้
ข้าได้ให้เซียรูด้าไปอยู่ที่บ้านของทาราบอส(กำลังปลุกบาดอล) ส่วนอัลบาลก็คงจะกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่
ข้าคิดถึงแผนการ