อัศวินดำ - ตอนที่ 9
◆สหายของผู้กล้า จิยูกิ
เราแปดคนมารวมกันอยู่ในห้อง
ผ่านไปสามวันแล้วนับตั้งแต่ที่เรย์จิฟื้นขึ้นมา แต่เขาก็ยังอยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยดีนัก แต่การฟื้นร่างกายของเขามันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นแล้ว
ในที่สุดเราก็สามารถใช้สบายใจได้หลังจากรู้ว่าเรย์จิปลอดภัยแล้ว
ตอนนี้พวกเรามารวมกันอยู่ที่ห้องหนึ่งของวิหารเพื่อหารือกัน ว่าจากนี้ไปจะทำยังไงต่อไปดี
[ ฉันคิดว่าเราควรเลิกล้มการปราบราชาปีศาจไปดีกว่า ]
ฉันพูดออกไป
[ ทำไมล่ะจิยูกิ?]
เรย์จิถามกลับมา
[ ยังจะถามว่าทำไมอีกเหรอ… นี่นายไม่ได้ดูสภาพของตัวเองเลยรึไง? นายเกือบจะตายไปแล้วนะรู้มั้ย ]
ฉันดุเขาด้วยคำพูดนั้น
ตอนแรกฉันก็ห้ามไปแล้วว่าไอ้การไปปราบราชาปีศาจมันอันตรายเกินไป
จนถึงตอนนี้เราก็เป็นฝ่ายได้เปรียบมาตลอด
แต่ตำแหน่งมันกลับตาลปัตรก็ตอนที่เราได้พบกับไดร์ฮาร์ด
พูดตามตรงนะ ฉันคิดว่าเราควรจะยอมไปก่อนที่อะไรๆ จะสายเกินแก้ดีกว่า
[ ขอโทษด้วยจิยูกิ แต่ฉันไม่อาจผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับเธอคนนั้นได้ ]
เรย์จิพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
คำพูดนั้นของเรย์จิ ทำให้อารมณ์ของฉันเดือดขึ้น
[ นี่นายเกือบจะทำให้ซาโฮโกะกับคนอื่นๆ ต้องไปตายด้วยรู้ไหม!! ไดร์ฮาร์ดมันแข็งแกร่งมากขนาดที่ว่าถ้านายไปสู้กับเขาอีกครั้งรับรองได้ตายของจริงแน่!!]
ผู้ชายคนนี้ไม่สนใจชีวิตของตัวเองเลย ถ้าเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง
แต่ความงี่เง่าของชายคนนี้นี่ล่ะ ที่ทำให้ตอนนั้นฉันรอดมาได้ครั้งนึง
นั่นคือเหตุผลที่ฉันออกเดินทางมากับเขา จนถึงตอนนี้คนที่เขาได้ช่วยไว้อีกก็ยังมีชิโรเนะกับนาโอะอีกด้วย
[ ความผิดฉันเอง แต่ฉันไม่อยากผิดคำสัญญากับเรน่า ]
แน่นอนฉันรู้ว่าชายคนนี้คงไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้แน่
[ เอ่อ… คุณจิยูกิคะ มีผู้คนมากมายที่ต้องบาดเจ็บเพราะพวกปีศาจ แล้วเราจะยอมแพ้ปล่อยให้ผู้คนต้องเดือดร้อนแบบนี้มันจะดีเหรอคะ? ]
ริโนะพูดออกมา
ในตอนแรกนี่ก็เป็นเพียงการเดินทางเพื่อช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อนจากพวกปีศาจ
ราชาปีศาจโมเดสซึ่งเป็นผู้ปกครองเหล่าปีศาจได้สั่งให้ปีศาจเหล่านั้นมาโจมตีมนุษย์
หลังจากนั้นเขาก็ยังหวังจะปกครองโลกนี้เพื่อจัดการเทพเจ้าบนเอลีอัส
แม้ว่าเราจะไม่ได้ยินเรื่องนั้นจากปากของเรน่าโดยตรง แต่ข่าวลือเรื่องดังกล่าวก็แพร่สะบัดมากมายในหมู่ชาวเมือง
การปราบราชาปีศาจเพื่อนำสันติสุขกลับมาสู่โลก จึงเป็นหน้าที่ของเรา
แต่เหตุผลจริงๆ ก็แค่พวกเราอยากสนุกไปกับการเดินทางเท่านั้นเอง
[ ยังมี… ยังมีเรื่องที่เราทำได้อยู่ใช่มั้ย? งั้นปัญหาแรกเริ่มมันคืออะไรกันล่ะ? ]
ฉันคิดว่ามันแปลกอยู่แล้ว ที่เราซึ่งเป็นคนนอกตั้งมาจัดการปัญหาของโลกนี้ให้
[นั่นมันก็จริงค่ะ]
ถึงแม้ว่าจะแปลกๆ แต่เคียวกะก็เห็นด้วยกับฉัน
[พวกเขาทิ้งปัญหามาให้เรา ทำไมเทพของเอลีอัสถึงไม่คิดจะจัดการปัญหานี้ด้วยตัวเองล่ะ?]
พวกเราหลายคนที่ได้ยินคำพูดของเคียวกะก็ออกอาการว่า “นี่พวกเขายังไม่ได้ทำอะไรกันเลยนี่นา?”
แต่ที่เคียวกะพูดมาก็ถูก
คนที่ต้องลำบาก ถ้าราชาปีศาจโมเดสโจมตีเอลีอัสก็คือเหล่าเทพ แล้วทำไมเหล่าเทพถึงไม่ลงมือกันล่ะ
ความจริงนั้นทำให้ฉันเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ
[ ใช่แล้ว คำพูดของคุณเคียวกะมีเหตผล ]
[ ฟุฟุฟุ ]
เคียวกะแสดงท่าทีภูมิใจอย่างออกหน้าเมื่อได้ยินคำพูดของฉัน
[ ตนนี้เราลองไปถามเรน่าดูดีไหม ว่าทำไมพวกเทพถึงไม่แก้ปัญหานี้ด้วยตัวเอง? ]
ทำไมเทพถึงปล่อยราชาปีศาจที่จะเป็นอันตรายต่อพวกตนเอาไว้
เพราะมันดูจะไร้เหตุผลมาก เป็นธรรมดาที่เราต้องประท้วง
[เอ่อ จะดีเหรอคะท่านจิยูกิ?]
คราวเป็นคายะมาถามฉัน
[เรื่องอะไรเหรอคะ?]
ความจริงฉันไม่ค่อยสนิทกับคุณคายะเพราะเธอมักจะทำให้สีหน้าไร้ความรู้สึกทำให้ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
และคายะยังให้ความสำคัญกับการคุยกับคนอื่นเสมอ เธอจึงมักจะเติมคำว่า ‘ท่าน’ นำหน้าชื่อทุกคนเสมอ อย่างกับว่าเธอไม่ยอมเปิดใจให้กับพวกเรา
[ ยิ่งก่านั้น เราก็จะกลับไปไม่ได้จนกว่าจะปราบราชาปีศาจได้ใช่มั้ยล่ะคะ? ]
อีกหลายคนในกลุ่มเราพยักหน้าหลังได้ยินคำพูดของคายะ ใช่แล้ว ฉันรู้ดีว่าเราจะกลับไปโลกเดิมไม่ได้ถ้าไม่ปราบราชาปีศาจ
[ เพราะงั้นฉันถึงบอกว่าไม่มีทางเลือกนอกจากต้องไปเจรจาไงล่ะ ฉันไม่คิดว่าอย่างเทพธิดาจะขู่เราทำเป็นเรื่องตลก เธอคงไม่พูดหรอกว่าจะไม่ส่งเรากลับจนกว่าจะปราบราชาปีศาจได้นะ ]
หากพูดถึงเรน่าในหมู่ชาวบ้าน เรน่าเป็นเทพธิดาแหงความลักษณ์และรูปโฉมที่งดงามนี่นะ
[ เอ่อ คุณจิยูกิ ฉันขอเวลาเดี๋วยวได้มั้ยคะ?]
คราวนี้ถึงตาชิโรเนะ
[ อะไรงั้นเหรอชิโรเนะ?]
[ ฉันแค่สงสัยนะคะ ว่าเราจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเกิดพวกเรากลับโลกเดิม จะมีคนถูกอัญเชิญมาแทนที่พวกเราเหรอคะ? ]
นี่มันถือเป็นบททดสอบชีวิตที่ยากที่สุดเลยก็ว่าได้ ชิโรเนะบอกแบบนั้น
[ แบบนี้ก็เหมือนเราโยนปัญหาของเราไปให้พวกเขาสิค่ะ ]
นาโอะเห็นด้วยกับชิโรเนะ
[ ใช่แล้วจิยูกิ แทนที่เราจะนึกถึงวิธีที่จะกลับไปโลกเดิม เอาเวลาพวกนั้นมาห่วงเรื่องที่ว่าจะชนะได้ยังไงดีกว่า ]
คำพูดของเรย์จิดูราวกับไร้ความหวัง ถึงฉันจะไม่พอใจกับผลลัพธ์ตอนนี้ เพราะอาจจะมีคนตายก็ได้ ยิ่งกว่านั้น…
[ แต่รู้มั้ย ตั้งแต่ที่พวกเราหายไปมันก็ผ่านไปตั้งครึ่งปีแล้ว ครอบครัวเราน่าจะเป็นห่วงมากจนคิดว่าพวกเราตายไปแล้วก็ได้ ]
ใช่ นับตั้งแต่ถูกอัญเชิญมา มันก็ผ่านไปได้ครึ่งปีแล้ว
ทุกคนเงียบเมื่อได้ยินคำพูดของฉัน
[ คุณชิโรเนะอยากจะเจอกับเพื่อนสมัยเด็กอีกครั้งใช่มั้ย? ]
ฉันเปลี่ยนคู่สนทนามาที่ชิโรเนะ
ฉันไม่อาจชักชวนทุกคนได้ด้วยตัวคนเดียว ฉันอยากมีเพื่อนที่มีจิตใจแบบเดียวกัน
[ เอ๋!! สงสัยจังนะว่าเพื่อนสมัยเด็กของคุณชิโรเนะเป็นคนแบบไหน? ]
ซาโฮโกะช่วยเร่งเร้าช่วย
[ อืมม ซาโฮโกะก็ไม่รู้หรอกน้า~ แต่คงเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่ให้คำสัญญาไว้กับคุณชิโรเนะใช่ม๊า~ ]
[ ดะ… เดี๋ยวสิ แม้แต่คุณริโนะก็ด้วย ฉันกับคุโรกิไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบนั้นกันสักหน่อย!! ]
ชิโรเนะออกเสียงคัดค้าน
[งั้นเหรอ แต่ฉันเห็นเขาฝึกอยู่ในโรงฝึกของครอบครัวชิโรเนะนี่นา ฉันเองก็สนใจเขาอยู่ด้วย เขาอาจจะดูเป็นคนเรียบๆ แต่ก็เป็นคนที่สุดยอดเลยล่ะ และยังค่อนข้างหล่ออีกด้วยนะ บางทีถ้าไม่มีเรย์จิคุงอยู่เขาอาจจะเป็นที่นิยมก็ได้นะ ]
ถึงฉันจะเคยได้ยินเรื่องเพื่อนสมัยเด็กจากชิโรเนะ แต่ความจริงก็ไม่เคยเจอตัวจริงของเขาหรอกนะ
แต่ริโนะที่ทำงานในวงการนางแบบถึงขนาดชมเขาว่า “ค่อนข้างหล่อ” ดังนั้นเขาก็คงดูดีกว่าผู้ชายทั่วไปนั้นล่ะ
แต่เพราะผู้ชายคนอื่นในโรงเรียนโดนเรย์จิคุงกลบรัศมีไปหมด นั่นล่ะมั้งเหตุผลที่ทำให้เพื่อนสมัยเด็กของเธอไม่ได้โดดเด่น
[…หล่อเหรอ? ก็คงจะพอดูดีล่ะมั้ง? ]
ชิโรเนะเอียงหัว ดูเหมือนเธอจะไม่ได้คิดว่าเขาดูดี
[ เขา….]
เรย์จิพูดคำนึงออกมาซึ่งมีความหมายเชิงลึก
[… ร เรย์จิคุงคงไม่เข้าใจผิดใช่มั้ย ฉันไม่รู้สึกอะไรกับคุโรกิสักหน่อย!]
ชิโรเนะรีบอธิบายให้เรย์จิรู้แบบสับสน
ผู้หญิงที่นี่ทุกคนต่างก็มีความรู้สึกดีๆ ให้เรย์จิ บางทีชิโรเนะเองก็ไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดด้วย
ถ้ามองจากมุมมองของฉัน ดูท่าชิโรเนะจะไม่มีความรู้สึกอะไรพิเศษกับเพื่อนสมัยเด็ก แต่ถึงเธอจะไม่ได้ชอบเพื่อนสมัยเด็กของเธอ
บางทีอาจเป็นเพื่อนสมัยเด็กคนนั้นก็ได้ที่ชอบเธอน่ะนะ(เป็นนักสืบรึไง)
และชิโรเนะยังบอกอีกว่าอยากขอโทษเขาเพราะก่อนที่จะถูกอัญเชิญมายังโลกนี้ เธอได้พูดเรื่องโหดร้ายกับเขา
[ แต่คุณชิโรเนะไม่ได้บอกเหรอคะว่าอยากจะขอโทษเพื่อนสมัยเด็กคนนั้น? ]
ฉันถามชิโรเนะ
[ เรื่องนั้น…]
ชิโรเนะกำลังลังเล
ริโนะกับนาโอะก้มลงมองไปเพื่อฟังชิโรเนะที่กำลังลังเล ซาโฮโกะนี่เธอตั้งใจฟังอย่างตั้งใจเชียวนะ
ด้านซาโฮโกะกับริโนะดูท่าจะสนใจมากเพราะนี่เป็นโอกาสที่จะลดคู่แข่งลง
[ เอาล่ะทุกคน เรามาคุยกันเรื่องของเรน่าก่อนดีมั้ย? การฟังเรื่องของเธอถึงจะเก็บไว้ก่อนมันก็ยังไม่สายเกินไปหรอกว่ามั้ย? ล
เรย์จิขัดจังหวะ
[เอ๊~ ]
ริโนะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงคล้ายจะบ่น
แน่นอนเรามีอีกหลายเรื่องที่อยากถามเรน่า
ที่ยังไม่ได้ถามก่อนจะเริ่มออกเดินทางทีแรก
ทำไมเหล่าเทพถึงปล่อยราชาปีศาจที่จะเป็นอันตรายต่อตัวเองเอาไว้?
แล้วมันเป็นความจริงไหม ที่ว่าเราจะกลับไปไม่ได้จนกว่าจะปราบราชาปีศาจได้?
และเราก็สหายกลุ่มกันหลังจากคุยกันเพียงไม่กี่คำ