อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย - บทที่ 449 เดาผิดแล้ว!
สำหรับฉินฟางฟาง เดิมทีเป๋าฮวนก็ไม่ได้อยู่ในสถานะใดของตระกูลเวิน
ถ้าเวินซือเหยี่ยนหรือตระกูลเวินยอมรับในสถานะของเป๋าฮวน ก็คงจะไม่สามารถปิดบังได้ ถึงอย่างไรสถานะของเวินซือเหยี่ยนก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนไอดอลชายเหล่านั้น มีความรักก็คบกันต่อได้
ดังนั้นท่าทางของฉินฟางฟางจึงค่อนข้างดูหมิ่นเล็กน้อย
“ตระกูลเวิน?” เป๋าฮวนหลุดหัวเราะออกมา
เฉียวหว่านอันนั่งอยู่ข้างกายของเป๋าฮวน เมื่อได้ยินคำพูดของฉินฟางฟาง จึงแสดงปฏิกิริยาเหมือนกับเป๋าฮวน หัวเราะเริงร่า จนถึงขนาดเอนกายพิงไหล่ของเป๋าฮวนเลยทีเดียว
“ฮ่า ๆๆ …….. พวกคุณสามคนตลกเกินไปแล้วนะ! พวกคุณหมายถึงฮวนฮวนและซือเหยี่ยน? ความคิดของพวกคุณสร้างสรรค์เกินไปแล้วนะ?” คำพูดของเฉียวหว่านอันเป็นการช่วยเป๋าฮวนปฏิเสธความจริงอย่างเห็นได้ชัด
ใบหน้าของเป๋าฮวนกลับมาเย็นชาอีกครั้ง จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า : “ฉันกับซือเหยี่ยนเป็นเพื่อนกัน ฉันต้องพูดประโยคนี้อีกกี่ครั้งเนี่ย? ฉินฟางฟาง คุณมีจินตนาการขนาดนี้ จะเป็นนักแสดงทำไม สู้ไปเขียนบทประพันธ์ดีกว่ามั้ง?”
“นี่…….” สีหน้าของฉินฟางฟางแข็งทื่อในทันที
อันเยว่และติงเซียงก็เป็น พวกเธอเดาว่าช่วงบ่าย แต่กลับเดาผิดอย่างไม่น่าเชื่อ!
งั้นเป๋าฮวนเป็นอะไรกันแน่เนี่ย?
ในใจของทั้ง 3 คน ราวกับมีมดไต่ตัว ลุกลี้ลุกลนอยู่ไม่ถูก อยากจะให้เป๋าฮวนพูดความจริงออกมาแทบขาดใจ
เป๋าฮวนมองไปทางทั้ง 3 คนด้วยสายตาเรียบเฉย เธอรู้แก่ใจดีว่าพวกเธอ 3 คนกำลังคิดอะไร แต่ก็ไม่ยอมพูด ให้พวกเธอได้ลิ้มลองความขมขื่น
มุมปากยกยิ้ม เธอยกแก้วไวน์ขึ้น และจิบไวน์แดงด้วยท่าทางหยิ่งผยอง
…….
หลังจากที่กินมื้อเย็นเสร็จแล้ว สีหน้าของติงเซียงทั้ง 3 คนไม่ค่อยสู้ดีนัก
ไม่ว่าพวกเธอจะพูดตีวัวกระทบคราดยังไง ตั้งแต่ต้นจนจบเป๋าฮวนก็ไม่ได้ตอบคำถามใด ๆ
การรอให้มื้อค่ำจบลงไม่ใช่เรื่องง่าย ติงเซียงรีบควงแขนของเป๋าฮวนทันที และพูดว่า : “ฮวนฮวน เธอพักอยู่ห้องไหน? ฉันจะไปเที่ยวเล่นห้องของเธอหน่อย”
เป๋าฮวนมองออกว่าเธอยืนข้างอันเยว่และฉินฟางฟาง ไม่ได้สนใจจะมีปฏิสัมพันธ์กับเธออีกแต่อย่างใด
“ขอโทษนะติงเซียง ตอนนี้ไม่มีซีนของฉันชั่วคราว ฉันจะไม่พักโรงแรม อีกสองสามวันถึงจะกลับ” เป๋าฮวนหยิบตารางงานล่วงหน้าขึ้นมา ที่เธอมาครั้งนี้ แค่เพื่อจะเข้าร่วมพิธีเปิดกล้องเท่านั้น
“อ่า! ตอนนี้เธอไม่พักโรงแรมเหรอ? งั้นเธอก็กลับบ้านนะสิ? เธอจะกลับเมืองเป่ยเฉิงใช่ไหม?” ติงเซียงยังคงซักไซ้ถามอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด
“อื้อ” เป๋าฮวนตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ
เธอไม่ได้ถือกระเป๋าเดินทาง ในมือถือแค่กระเป๋าใบเล็กที่ตัวเองออกแบบใบหนึ่ง ไม่มีโลโก้ใด ๆ
เวลานี้จู่ ๆ โทรศัพท์ในกระเป๋าก็สั่นขึ้น เธอล้วงหยิบออกมาดู ก็เห็นว่าสายที่โทรเข้ามาคือจิ่งมั่ว
จิ่งมั่วต้องถามแน่ว่าตัวเองนั้นเสร็จภารกิจแล้วรึยัง เป๋าฮวนมองไปทางติงเซียงที่ควงแขนตัวเอง จากนั้นก็ตัดสายไป
“ติงเซียง เธอรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ ฉันขอตัวกลับก่อน” เป๋าฮวนดึงแขนของตัวเองออก จากนั้นก็เดินไปยังทิศทางของประตูโรงแรม
ติงเซียงไม่มีเหตุผลใดจะตามไป เวลานี้อันเยว่และฉินฟางฟางได้พุ่งตัวออกมาจากมุมกำแพง
ฉินฟางฟางลากแขนของเธอมาถามว่า : “ปล่อยเธอไปได้ยังไง? เธอไปทำอะไร?”
พวกเธอมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับเป๋าฮวน ดังนั้นจึงไม่ได้รุดหน้าตามไป เลยสั่งให้ติงเซียงไปถามเป๋าฮวนแทน เพราะต้องซ่อนตัวเว้นระยะ จึงไม่ได้ยินบทสนทนาระหว่างติงเซียงและเป๋าฮวน
“เธอบอกว่าจะกลับเมืองเป่ยเฉิง สองสามวันนี้ไม่มีซีนถ่าย จึงไม่ได้พักอยู่ในโรงแรมชั่วคราว” ติงเซียงตอบความจริงออกไป
“ว่าไงนะ! แล้วคุณถามถึงสามีของเธอว่าเป็นใครรึเปล่า?” ฉินฟางฟางรีบถามขึ้นทันที
“ไม่นะ เธอไม่ยอมบอกฉัน เลี่ยงหัวข้อนี้ตลอด” ติงเซียงเองก็จนปัญญา เธอรู้ว่าเป๋าฮวนต้องบาดหมางกับเธอแน่ ถึงอย่างไรตอนนี้เธอและฉินฟางฟางก็เป็นเพื่อนกัน
เมื่อฉินฟางฟางได้ยิน ก็รีบพูดทันทีว่า : “ยังไม่ตามอีก ดูสิว่าใครจะมารับเธอ!”
เมื่อพูดจบ ฉินฟางฟางก็นำไปคนแรก ทั้ง 3 คนรีบตรงไปยังประตูใหญ่ของโรงแรมทันที ซึ่งก็บังเอิญชำเลืองไปเห็นเป๋าฮวนยืนอยู่ริมถนนไม่ไกลพอดี ดูเหมือนจะกำลังรอคนมารับ
พวกเธอเตรียมจะเดินเข้าไป แต่แล้วก็มีรถแท็กซี่คนหนึ่งค่อย ๆ มาจอดตรงหน้าของเป๋าฮวน เธอเปิดประตูด้านหลังและรีบขึ้นไปทันที
“ชิ! ไม่น่าสนุกเลย ไม่มีรถเก๋งรับส่งรึไง? นั่งรถแท็กซี่เนี่ยอ่านะ?” ฉินฟางฟางรีบสบถออกมาทันที “เสียดายที่ฉันคิดว่าเธอจะอภิสิทธิ์มากกว่านี้!”
“ไม่ตามไปดูหน่อยเหรอ?” อันเยว่พูดเตือน : “ถึงอย่างไรพรุ่งนี้เช้าเราก็ไม่มีซีนถ่ายทำอยู่แล้ว นอนตื่นสายได้”
“เอาสิ งั้นตามไปดูกัน คาดว่าน่าจะไปสนามบินนั่นแหละ” ฉินฟางฟางรีบขวางรถแท็กซี่คันหนึ่งไว้ หลังจากที่ทั้งสามคนขึ้นรถแล้ว ก็รีบให้คนขับขับตามรถแท็กซี่คันหน้าไปทันที
นั้นก็คือแท็กซี่ที่เป๋าฮวนนั่งนั่นแหละ
จิ่งมั่วมองไปทางกระจกหลัง และรีบรายงานทันทีว่า : “คุณหนู มีคนสะกดรอยตามเราครับ”
เป๋าฮวนกำลังส่งข้อความหาเฟิงหานชวน เมื่อได้ยินรายงานของจิ่งมั่วก็รีบเงยหน้าขึ้น และหันไปมองด้านหลังทันที
เมื่อมองทะลุกระจกหน้ารถเข้าไป เป๋าฮวนก็เห็นผู้หญิงที่นั่งอยู่บนฝั่งข้างคนขับ คือติงเซียง
ส่วนด้านหลัง ก็ยังมีผู้หญิงอีก 2 คน ดูจากลักษณะแล้วน่าจะเป็นอันเยว่และฉินฟางฟาง
เธอรู้สึกขบขันเล็กน้อย ผู้หญิงทั้ง 3 คนเหมือนผีสาวที่ตามตื๊อไม่เลิก ยังจะสะกดรอยตามเธอออกมาอีก
ทำไมสามคนนี้ถึงไม่เป็นปาปารัสซีนะ น่าเสียดายจริง ๆ !
“คุณหนูครับ จะให้สลัดทิ้งไหม?” จิ่งมั่วถามกลับไป
“ไม่ต้องไปสนใจพวกเธอ” เป๋าฮวนหันกลับมา และตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ด้านหลัง
ฉินฟางฟางขมวดคิ้วแน่น ศีรษะหันไปทางหน้ารถตลอด จากนั้นก็ถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า : “นี่มันอะไรกันเนี่ย ดูเหมือนถนนเส้นนี้จะไม่ใช่สนามบินเลยนะ”
“ฉันรู้จักทางนี้ น่าจะไปสตูดิโอภาพยนตร์และโทรทัศน์ในพื้นที่รกร้างนั้นแน่ ๆ ที่นั่นเป็นพื้นที่รกร้างมาก กองถ่ายที่ต้องถ่ายหนังจำเป็นต้องเช่าพื้นที่แห่งนั้น” อันเยว่คุ้นเคยกับพื้นที่สตูดิโอภาพยนตร์และโทรทัศน์มาก
จากนั้นก็รีบพูดกับคนขับแท็กซี่ที่กำลังขับรถอยู่ว่า : “ถูกต้อง พวกเขาน่าจะไปยังสตูดิโอภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่รกร้างแห่งนั้น ฉันรู้จักถนนเส้นนี้”
“นี่มันอะไรกันเนี่ย เป๋าฮวนมาทำอะไรในพื้นที่ห่างไกลแบบนี้?” ฉินฟางฟางเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ
ทั้งสามคนตกอยู่ในงุนงง
ถ้าเป๋าฮวนจะกลับเมืองเป่ยเฉิงจริง ก็ต้องไปสนามบินสิ แต่รถแท็กซี่ที่เป๋าฮวนนั่งมากลับไปทางอื่น
ในตอนที่พวกเธอกำลังไม่เข้าใจนั้น คนขับแท็กซี่ก็ตะโกนออกไปเสียงดัง : “พวกคุณดูนั้น นั้นมันเฮลิคอปเตอร์!”
ทั้งสามคนพร้อมกันมองออกไป บนพื้นดินที่รกร้างไม่ไกลนั้น มีเฮลิคอปเตอร์จอดอยู่หนึ่งลำ ดูจากองค์ประกอบแล้ว น่าจะเป็นเฮลิคอปเตอร์ของใครสักคน ไม่อย่างนั้นไม่มีทางมาจอดในที่แห่งนี้ได้หรอก
“คงไม่ได้มีกองถ่ายมาถ่ายซีนนี้หรอกนะ?” ติงเซียงพูดขึ้นด้วยความงุนงง
ในตอนที่รถแท็กซี่กำลังขับเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ นั้น รถแท็กซี่ของเป๋าฮวนกลับจอดลงข้างเฮลิคอปเตอร์ อันเยว่รีบบอกให้คนขับแท็กซี่จอดทันที
พวกเธอจอดไม่ไกลนัก เห็นเป๋าฮวนเดินไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ภายใต้การคุ้มกันของผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาทั้งสองคน
ท่าทางที่ผู้ชายสองคนนั้นปฏิบัติกับเป๋าฮวนนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่เหมือนกับสามีและภรรยา แต่เหมือนกับบอดี้การ์ด
อันเยว่เบิกตากว้างทันใด จากนั้นก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ซูมภาพไกล เป็นภาพเหตุการณ์ที่เป๋าฮวนกำลังขึ้นเฮลิคอปเตอร์
ทว่า ในตอนที่โทรศัพท์ของเธอถ่ายไปยังตัวลำของเฮลิคอปเตอร์นั้น ตัวอักษรขนาดใหญ่ทำให้เธอขมวดคิ้วอย่างรวดเร็ว
ซึ่งตัวอักษรที่อยู่บนตัวเฮลิคอปเตอร์นั้นคือ —— “B”