ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 503
ตอนที่ 503 กลัวเจ้าหาสามีไม่เจอ ร้องไห้ขี้มูกโป่ง
“ข้ายังไม่เห็นลูกเลย ผู้หญิงหรือผู้ชาย รูปร่างหน้าตาดีไหม”
เฝิงเยี่ยไป๋บอกซั่งเหมยกับซั่งเซียงไปอุ้มเด็กมาแล้วประคองนางให้นั่งลง ในที่สุดใบหน้าก็มีรอยยิ้มขึ้นมา “ผู้ชาย ประเดี๋ยวอุ้มมาจะทำให้เจ้าตกใจ ดูย่น ตัวไม่ใหญ่ เท่ากับมือข้า หู ตา จมูก ปากรวมอยู่ด้วยกันเหมือนคนแก่เลย น่าเกลียดจะตาย”
เฉินยางอิงไปที่อ้อมอกของเขา บ่นขึ้นด้วยความไม่พอใจ “ไม่ว่าจะอย่างไรก็เป็นลูกชายของเจ้านะ เจ้ารูปร่างหน้าตาแบบนี้ เขาจะน่าเกลียดได้ขนาดไหนกันเชียว” ยื่นมือออกไปลูบหน้าของเขาแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา “ไม่ใช่บอกว่าข้านอนไปสิบกว่าวันหรือ ทำไมท่านถึงได้ดูชราลงถึงเพียงนี้ ดูรกรุงรัง หน้าตาก็ไม่ได้ล้างสินะ” ก้มหน้าลงไปดม “ท่านไม่ได้อาบน้ำมากี่วันแล้ว ทำไมถึงได้เหม็นกว่าข้าที่เพิ่งคลอดลูกเสร็จเล่า”
เฝิงเยี่ยไปถูปลายจมูกนางเบาๆ ใช้หนวดที่ขึ้นมาทิ่มไปที่นาง “ตัวเล็กแล้วยังใจร้ายอีก ในฐานะที่เป็นสามี ข้าดูแลเจ้าจนไม่เห็นเดือนเห็นตะวันมาตั้งหลายวัน ดูแลจนเสื้อผ้าก็ไม่ได้เปลี่ยนนอนก็ไม่ได้นอน ข้าวก็กินไม่ลง กลัวเจ้าตื่นขึ้นมาไม่เจอสามีแล้วเจ้าจะร้องไห้ขี้มูกโป่ง แต่เจ้าล่ะ พอตอนนี้กลับมารังเกียจข้า หาว่าข้าเหม็นข้าสกปรก”
นางลูบไปที่จมูก “เดิมที่ก็ไม่ได้ยาว ไว้ค่อยไปโกนให้สั้น”
“ต่อให้โกนไม่สั้นก็ดูดีอยู่แล้ว”
“ไม่ใช่ว่าเจ้ายังเข้าใจผิดข้าอยู่หรอกหรือ เข้าใจว่าในใจข้าไม่มีเจ้า แล้วครั้งนี้ยังจะทำอะไรอีก”
เขาไม่ได้พูดอะไร ก้มหน้าเขาหาริมฝีปากของนาง เฉินยางหลบออกได้ “ข้ายังเหนื่อย ทั้งตัวเองก็มีแต่กลิ่นอายความไม่สบายถึงได้หลบท่านเช่นนี้ อีกทั้งหน้าท่านยังไม่ล้างเลย…ข้ารังเกียจท่าน”
เฝิงเยี่ยไป๋กอดนางเลยโยกเบาๆ ไม่มีอะไรที่ดีกว่าการที่เสียศูนย์แล้วได้กลับมา และเรื่องที่ทำให้คนดีใจคือการที่ได้สองคนมาในครั้งเดียว ตอนนี้เขารู้สึกมีความสุขที่มีลูกเมียอยู่ข้างๆ ทั้งสองอยู่พร้อมหน้ากัน เหมือนในท้องมีน้ำผึ้งหวานอยู่ข้างใน นับวันยิ่งหวาน เขาพูดจากใจขึ้นว่า “ถือได้ว่ารู้จนหมดสิ้นแล้ว เจ้าก็แค่ปากไม่ตรงกับใจ ความจริงแล้วในใจเจ้ายังรักข้ามากใช่หรือไม่ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะสามารถข้ามผ่านประตูนรกแล้วคลอดลูกชายให้ข้าได้ ในฐานะที่ข้าเป็นสามี ความรักนี้ข้าเข้าใจดี เจ้าวางใจได้ วันข้างหน้าในฐานะที่ข้าเป็นสามี ข้าจะรักเจ้าให้มากกว่าเดิม ลูกเราเอาแค่คนเดียว เราจะไม่ทรมานอีก เจ้าไม่รู้หรอกว่าตอนที่เจ้าร้องออกมาอย่างเจ็บปวดนั้น ในใจข้ารู้สึกอย่างไร ทรมานยิ่งกว่าตายเสียอีก”
เฉินยางเช็ดหน้า ตอนนี้นางกำลังอยู่ในช่วงอยู่ไฟ จะโดนความเย็นไม่ได้เลย เตาถ่านไฟที่อยู่ในห้องทั้งแดงทั้งกล้า วางอยู่ต่อหน้า นางสวมใส่เสื้อผ้าหน้าขนาดนี้ ไม่แปลกที่จะรู้สึกร้อน หน้าแดงๆ “ท่านหาถ่านไปปิดเตาสักหน่อย ร้อนไปหน่อย ข้าเหงื่อออกหมดแล้ว”
เฝิงเยี่ยไป๋ปฎิเสธอย่างเด็ดขาด “ไม่ได้ หมอบอกว่าเจ้าสูญเสียพลังไปมาก กำลังที่เก็บซ่อนไว้อยู่ก็ถูกใช้หมดสิ้นแล้ว จะไม่สามารถถูกลมได้รับความเย็นได้ ร้อนก็อดทนเอาหน่อย สักครู่ยังจะต้องเพิ่มผ้าห่มให้เจ้าอีก ช่วงดึกข้ายังจะต้องมานอนกับเจ้าที่นี้ แล้วค่อยไปเฝ้าเจ้าอยู่ข้างนอก”
เฉินยางมองคนด้วยความงง กัดริมฝีปาก พูดขึ้นเบาๆ ว่า “ข้านอนกับลูกชายไม่ได้หรือ เมื่อครู่ข้าฝันเห็นท่านแม่ของข้า นางบอกว่าตอนนั้นนางข้ามผ่านมาเจอข้าไม่ได้ รู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก ตอนนั้นข้าเองก็ยังไม่ได้เห็นลูกชายรูปร่างหน้าตาเป็นเช่นไร ข้าอยากจะนอนกับลูกชายของข้า ตัวเล็กๆ คงน่าชังน่าดู”
เหมือนเฝิ่งเยี่ยไป๋รู้ได้ก่อนล่วงหน้า ลูบไปที่ผมของนางที่รกรุงรัง ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ข้าเกรงว่าพอเจ้าได้เห็นลูกชายแล้วเจ้าจะไม่คิดอย่างนี้ อีกสักครู่เจ้าอย่าอุ้มลูกเป็นอันขาด ถ้าลูกถูกโยนออกไปอีก ตัวเขายังเล็กและกระดูกยังไม่แข็งแรง คงทนไม่ไหวหากโดนเจ้าโยน”
ตอนที่ 504 หึงลูกชายตัวเอง
เฉินยางไม่ได้ใส่ใจ อย่างไรเสียก็เป็นเลือดเนื้อที่นางให้ออกมา เป็นลูกที่นางอุ้มท้องมาหลายเดือน จะขี้เหร่ได้ขนาดไหนกันเชียวหรือ มองดูหน้าของฮองเฮาแล้วหันมาดูหน้าขาวของเฝิ่งเยี่ยไป๋แล้ว รูปร่างหน้าตาที่ดีของตระกูลพวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นการสืบทอดต่อรุ่นสู่รุ่น พอสืบทอดมาถึงตอนลูกชายของนางนี้จะบอกว่าหน้าตาดีก็ได้ อย่างน้อยก็เหมือนต้นจือหลันอวี่ ขี้เหร่ก็ขี้เหร่เพียงชั่วครู่ วันข้างหน้าเบ่งบานก็ดีแล้ว
ซั่งเหมยซั่งเซียงอุ้มเด็กเข้ามา ห่อไว้อย่างมิดชิด เด็กไม่ร้องไห้โวยวาย นอนนิ่งๆ อยู่ที่แขนของซั่งเหมย เฝิงเยี่ยไป๋รับเด็กมา ขมวดคิ้วถามนาง “เจ้าจะดูจริงๆ หรือ”
“จะโกหกทำไม ลูกชายของข้า จะดูไม่ได้เลยหรือไร” นางยื่นมือออกไปรับ เฝิงเยี่ยไป๋ยังไม่ยอมยกให้ เพียงแต่ยื่นตัวลูกออกมาให้นางได้เห็นหน้า
เขาระมัดระวังขนาดนี้ ใจของเฉินยางรู้สึกเป็นกระวนกระวายใจขึ้นมา ยื่นมือไปลูบหน้าตัวเองโดนไม่รู้ตัว ลูกก็หน้าตาพอไปวัดไปวาได้นะ แล้วมองดูเฝิงเยี่ยไป๋ แม้ว่าใจจะยอมรับ แต่ก็หวังว่าลูกจะเหมือนเขามากหน่อย ใครจะไม่อยากให้ลูกตัวเองรูปร่างหน้าตาดีละ
เฝิงเยี่ยไป๋ยื่นเด็กให้นางเห็นหน้าขณะอุ้มเขาอย่างระมัดระวัง
พูดตามตามแล้ว เด็กที่เพิ่งคลอด รูปร่างหน้าตาจะไม่ค่อยดี จมูกตาเล็กๆ รวมอยู่ด้วยกันหมด ศีรษะก็โล้นๆ ขนคิ้วก็ไม่มี ผิวก็เหมือนก็เปลือกต้นไม้แก่ แม้ว่าจะเป็นลูกชายของตัวเอง แต่พอดูไปอย่างนี้แล้ว ก็น่ากลัวจริงๆ
เฝิงเยี่ยไป๋เอาลูกให้ซั่งเหมย “ข้าไม่ได้โกหกเจ้านะ ทำให้ตกใจสิท่า”
จะว่าทำให้ตกใจก็ไม่ใช่ อย่างไรเสียก็เป็นลูกของตัวเอง คลอดออกมาก็ไม่ได้ปากคอเราะราย ถ้าเป็นเช่นนั้นจะทำให้นางตกใจกว่า งั้นนางก็คงขี้ตกใจจนเกินไป นางยื่นมือขอให้ซั่งเหมยมอบลูกให้นาง ซั่งเหมยหันไปมองเฝิงเยี่ยไป๋แล้วยื่นลูกให้กับนางไป
ผู้หญิงเมื่อคลอดลูกเสร็จแล้ว ความเป็นแม่จะถูกกระตุ้นออกมา ตอนนี้ลูกกยังไม่เติบโต ถ้าเติบโตแล้วจะต้องเป็นผู้ชายที่รูปร่างหน้าตาดีเป็นแน่ นางอุ้มโยกไปโยกมา พออกพอใจเป็นอย่างมาก หอมไปที่หน้าผากของลูกทีหนึ่ง ดีใจเป็นอย่างมาก โยกเด็กได้พักหนึ่งก็คิดว่าลูกชื่อว่าอะไรหนอ ทันใดนั้นนางก็นึกขึ้นได้ว่าลูกยังไม่มีชื่อ แล้วเอียงหน้าไปถามเฝิงเยี่ยไป๋ “ท่านมีความรู้มาก ลูกของเรายังไม่มีชื่อเลย ท่านคิดให้หน่อย”
ช่างเป็นความสัมพันธ์ที่แม่และลูกสื่อถึงกันโดยแท้ เมื่อลูกเป็นอย่างนี้แล้ว ในฐานะที่เขาเป็นพ่อที่เพิ่งได้เห็นลูกจึงทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อว่าทำไม่ลูกของเขาถึงหน้าตาไม่ดีได้ถึงเพียงนี้ ไม่ว่าจะเหมือนเขาหรือเฉินยางก็เป็นไปไม่ได้ว่าจะหน้าตาไม่ดีได้ถึงเพียงนี้ นางที่เป็นแม่ไม่รังเกียจเลยแม้แต่นิดเดียว ตอนหอมไปที่หน้าผากก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย หอมไปที่แก้มลูกน้ำลายเต็มหน้า เป็นอะไรที่ยิ่งดูยิ่งมีความสุข
ซั่งเหมยซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ถามขึ้นว่า “นายหญิงคงไม่รู้ เมื่อครู่ตอนที่แม่นอนป้อนนมอ๋องซื่อจื่อ อ๋องซื่อจื่อร้องไห้หนักมาก จะให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมดื่มนม พอข้าบอกไปว่าจะพามาหานายหญิง อ๋องซื่อจื่อได้ยินก็หยุดร้องไห้เลย นายท่านดูสิ ช่างเป็นความสัมพันธ์แม่กับลูกสื่อถึงกันโดยแท้ นายหญิงอุ้มไว้ อ๋องซื่อจื่อดูดีอกดีใจมาก”
เฉินยางเชิดคางขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ “แน่นอนอยู่แล้ว ข้าเป็นแม่ของเขา ลูกรู้จักแม่ก็เป็นเรื่องที่ดีนี่” แล้วก็ยื่นลูกชายไปให้เฝิงเยี่ยไป๋ “ท่านก็อุ้มหน่อยเถิด แล้วรีบคิดชื่อให้ลูกเราว่าจะให้ชื่อลูกว่าอะไรดี”
เฝิงเยี่ยไป๋กอดแขนครุ่นคิดแล้วพูดขึ้นว่า “มีคนมาแย่งความโปรดปรานกับข้า ข้าไม่อุ้มหรอก”
พูดแบบนี้ นิสัยช่างเหมือนเด็กเหลือเกิน ท่าทางที่โกรธก็เหมือนเด็ก ซั่งเหมยซั่งเซียงกลั้นหัวเราะไว้ ไม่ได้หัวเราะออกมา เฉินยางก็รู้สึกว่าเขาเป็นอย่างนี้ช่างไม่มีเหตุผลเลย นางหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “ท่านหึงกระทั่งลูกชายของตัวเอง ไม่กลัวคนอื่นหัวเราะเยาะหรือ”