ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 507
ตอนที่ 507 ลูกแท้ๆ แต่เหมือนไปขโมยมา
ตอนนี้ยังต้องเรียบเรียงเขียนจดหมายบอกรายละเอียดของสถานการณ์ปัจจุบันให้ซู่อ๋องทราบใหม่ มิเช่นนั้นพอถึงตอนจะรบ จะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดอันยิ่งใหญ่ ยากที่จะยุติลงได้
ตอนที่เฉินยางคลอดลูกตอนนั้น คนทั้งจวนเป็นกังวลใจตามเฝิงเยี่ยไป๋ไปด้วย พวกเขาได้ยินมาว่าเด็กคลอดยาก อีกทั้งยังห่างจากเหตุการณ์ที่เฝิงเยี่ยไป๋พาผู้หญิงมาที่จวนครั้งนั้นได้ไม่กี่วัน อวี่เหวินลู่ยังคิดว่าเฉินยางยังโกรธอยู่เลย นึกว่าเฝิงเยี่ยไป๋ต้องกลายเป็นพ่อหม้ายเสียแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเว่ยเฉินยางจะข้ามผ่านมาได้ และไม่เพียงแต่ข้ามผ่านมาได้เท่านั้น นางยังคลอดลูกชายให้คนหนึ่งด้วย
ไม่รู้ว่าจะนับเป็นการจะเอาเปรียบแต่กลับเสียเปรียบเสียเองไหม ตอนนี้เขาอยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตากัน ทว่าตัวเองกลับไม่กล้าโผล่หน้าไปให้เห็น แตกต่างกันถึงเพียงนี้ วันข้างหน้าไม่ใช่จะต้องเอาอะไรมาคุมหัวเลยหรือ
ในฐานะที่เฝิงเยี่ยไป๋เป็นพ่อคนครั้งแรก พอมองลูกชายตัวเอง จะมองอย่างไรก็เหมือนเว่ยเฉินยาง ยังไม่ทันทำอะไรก็หัวเราะ พอลูกหัวเราะ เขาที่เป็นพ่อก็รู้สึกสุขใจตามไปด้วย เวลาที่ลูกยิ้ม เจ็ดแปดส่วนเหมือนเฉินยาง แต่ถึงเหมือนก็ไม่เป็นไร แถมยังไม่ให้เขาอุ้มด้วย พอเขาอุ้มก็ร้องไห้ เสียงร้องดังราวฟ้าผ่า ดังจนจะสามารถพลิกบ้านได้
อุ้มกี่ครั้งก็ร้องไห้ ไม่ใช่แค่เฉินยาง แต่กระทั่งซั่งเหมยกับซั่งเซียงก็ยังไม่ยอมให้เขาอุ้มลูก ทั้งที่เป็นลูกชายของเขาเองแท้ๆ แต่พวกนางแต่ละคนทำไมทำเหมือนเขาไปขโมยมาเสียอย่างไรอย่างนั้น
ขณะเดินทางจากวังถึงทะเลสาบเป้เออร์ ทำพิธีสั่นกระดิ่งและนำทหารรักษาพระองค์ติดตามรับใช้ไปด้วย ทำให้การเดินทางล่าช้าลง เดิมทีใช้เวลาประมาณสี่ถึงห้าชั่วโมง จึงกลายเป็นต้องเดินทางทั้งวัน ฮ่องเต้กลัวไปไม่ทันฉลองวันคล้ายวันเกิดให้เว่ยหมิ่น ดังนั้นจึงเดินทางมาก่อนล่วงหน้าหนึ่งวัน
ตอนที่พวกเขาออกเดินทาง เฝิงเยี่ยไป๋ยังเฝ้าดูแลเฉินยางอยู่ จึงไม่มีเวลาไปส่ง แต่พอครุ่นคิดดู คำพูดที่ควรพูดกำชับกับเว่ยหมิ่นเขาพูดไปหมดแล้ว อย่างไรก็ไม่มีคนที่จะสามารถช่วยเหลือนางได้ พอถึงตอนนั้น สิ่งที่ทำได้ก็มีแค่มองดูเว่ยหมิ่นเท่านั้น
ไทเฮาไม่รู้แผนการของเว่ยหมิ่นเลย นางกำลังรู้สึกไม่สบายใจ ตอนนี้เว่ยหมิ่นนิสัยเปลี่ยนไปแล้วหรือ ทำไมถึงยอมไปกับฮ่องเต้ได้ แล้วยังไปฉลองวันคล้ายวันเกิดไกลถึงเพียงนั้น หรือจะโกรธจะหน้ามึด แม้แต่ความแค้นของตัวเองก็ลืมไปจนหมดสิ้นแล้ว
น่าอวี้ยังคอยปลอบนางอยู่ ไม่สนใจว่าไปกับใคร สามารถออกไปเดินเล่นสักหน่อยก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ยังดีกว่าอยู่วังเฉยๆ คงจะรู้สึกเบื่อแย่
ไทเฮาพยักหน้าแล้วถามขึ้นว่า “” ได้ยินว่าวันก่อนเจ้าเห็นท่านอ๋องเดินไปเดินมาที่ประตูหน้าวังของเราหรือ เป็นเรื่องจริงใช่หรือไม่
หงอวี้ตอบว่าใช่ “ข้าเห็นกับตาของข้าเองเจ้าค่ะ ท่านอ๋องเดินไปเดินมาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วสักพักก็มีขันทีนายหนึ่งเข้ามา พูดอะไรกับท่านอ๋อง ทว่าข้าฟังไม่ชัด ได้ยินเพียงแต่ว่าจวนอ๋องเกิดเรื่องแล้ว พอท่านอ๋องได้ยินก็รีบออกไปเลยเจ้าค่ะ”
“อ้อ…” ไทเฮาลูบไปที่ที่หุ้มเล็บ รู้สึกทรมานภายในใจ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงถามขึ้นว่า “แล้วขุนนางบ้านไหนได้รับข่าวดีเรื่องลูกเล่า ข้าได้ยินว่าฮ่องเต้ส่งของกำนัลไปตั้งมากมาย”
น่าอวี้ส่ายหน้าบอกว่าไม่ทราบ พวกหน้าอยู่ในวังถูกปิดเรื่องข่าวสาร โดยเฉพาะเรื่องก่อนหน้านี้ที่เว่ยหมินแท้งลูก เกรงว่าไทเฮาจะไปหาเฝิงเยี่ยไป๋ด้วยตัวเอง เลยสั่งเพิ่มกำลังคนคอยเฝ้าประตูและคนคอยดูแลตำหนักฉือหนิงเพิ่มมากขึ้น การจะเข้าจะออกไม่ง่ายเลย ยิ่งยากต่อการที่จะมีข่าวอะไรเข้ามา
กำลังพูดถึง ข้างนอกก็มีนางกำนัลวิ่งเข้ามา กำลังจะอ้าปากพูด หงอวี้มองไปแล้วพูดขึ้นว่า “บุ่มบ่ามเข้ามาไม่รู้จักกาลเทศะ ขนบธรรมเนียมประเพณีลืมไปหมดแล้วหรืออย่างไร”
นางกำลังตัวสั่น เดินช้าลง ยกบ่าไหล่ขึ้น ทำตัวอยู่ในระเบียบแล้วพูดขึ้นว่า “ไทเฮาเพคะ เมื่อครู่ข้าหน้าไปรับถ่านไฟที่กรมวังมา ได้ยินเรื่องเรื่องหนึ่งเข้า…… ได้ยินว่าพระชายาของอ๋องกู้หลุนคลอดลูกยาก วนเวียนอยู่ในประตูนรกก็รอบหนึ่งถึงกลับมาได้ สุดท้ายคลอดบุตรชายให้ท่านอ๋องหนึ่งคน ท่านซื่อจื่อมีชื่ือว่าเฝิงจิ่งอวี๋”
ไทเฮาได้ยินเข้าก็ตกใจ ไม่อยากจะเชื่อหูเลยถามไปอีกรอบหนึ่ง “เป็นเรื่องจริงหรือ”
ตอนที่ 508 อยากหาเรื่องเขาทำไม
นางกำนัลบอกว่า “จริงแท้แน่นอนเจ้าค่ะ ข้าได้ยินจากคนของหัวหน้าเก่าที่กรมวังเมื่อวานว่าขุนนางใหญ่ทั้งฝ่ายได้สั่งมอบของกำนัลไปให้ ฮ่องเต้ก็สั่งให้ของกำนัลไปให้เยอะแยะมากมายเจ้าค่ะ”
ทุกวันไทเฮาจะจับปฏิทินนับดูวันเวลา คำนวณอย่างไรก็ยังเหลืออีกตั้งสามเดือน เฉินยางถึงจะคลอดลูก คิดไม่ถึงว่าจะคลอดเร็วขนาดนี้ นี่เพิ่งครบเจ็ดเดือนเอง เด็กยังไม่ครบเดือนก็คลอดออกมาแล้ว…
“ได้เชิญหมอหลวงไปดูอาการแล้วหรือยัง ซื่อจื่อน้อยร่างกายแข็งแรงดีหรือไม่ ขาดเหลืออะไรหรือไม่”
“เรื่องนี้ข้าไม่เคยได้ยินเลย ได้ยินแค่พระชายาเกือบเอาชีวิตไม่รอด ได้ยินว่าตอนที่คลอด ท่านอ๋องคอยอยู่ข้างกายไม่ห่าง”
นี้ไม่มีอะไร ตอนแรกที่ไทเฮาคลอดลูก พ่อของเฝิงเยี่ยไป๋ก็คอยเฝ่้าไทเฮาอยู่ข้างเตียงเช่นกัน ไม่ว่าคนข้างๆ จะว่าทำผิด ไม่เเหมาะสมออย่างไร บอกไม่เป็นมงคลให้เขาออกไปเขาก็ไม่ยอมไป ผู้ชายคนหนึ่ง เฝ้าอยุู่ข้างๆ ร้องไห้หนักยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก ตอนสุดท้ายที่ลูกคลอดออกมา เขากอดไว้ ตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก ไม่ได้พูดอะไรเลย ผู้ชายตระกูลเฝิง เรื่องการรักเมียนี้ เป็นเรื่องที่ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง
หงอวี้ทำมือบอกให้นางกำนัลคนนั้นออกไปแล้วพูดขึ้นว่า “ไทเฮาเพคะ เราต้องเตรียมของกำนัลส่งไปไหมเจ้าคะ”
ใบหน้าของไทเฮาค่อยๆ ยิ้มออกมา “ต้อง ต้องเตรียมสิ นั่นเป็นหลานชายของข้า…หงอวี้ ไปๆ รีบไปบอกให้คนเตรียมรถลาก ข้าจะไปดูด้วยตัวเอง”
หงอวี้ทำตามที่สั่ง ไปจัดเตรียมให้
ตอนเด็กเพิ่งคลอด หน้าตาจะดูน่าเกลียด แต่พอโตขึ้นก็จะดูดีขึ้นเอง ทว่าลูกคนนี้ไม่ให้เขาหอมเลย ไม่ว่าจะตอนตื่นหรือตอนหลับ แค่พ่อเฉียดเข้าไปใกล้แค่เพียงนิดก็รีบอ้าปากร้องลั่นแล้วราวกับว่ามีความแค้นกับพ่อของตัวเองเสียอย่างนั้น
แต่พอไปอยู่ในอ้อมอกของแม่นั้นช่างแตกต่างกัน เอาแต่หัวเราะคิกคัก เสียงหอมดังฟอด ถ้าไม่ใช่ว่าลูกเพิ่งคลอดออกมา เฝิงเยี่ยไป๋จะสงสัยว่าเจ้าเด็กนี่จงใจทำเป็นแน่ จงใจไม่ไว้หน้าเขา จงใจเอาใจแม่ของเขา และอยากใช้โอกาสนี้มาแยกความสัมพันธ์ของสามีภรรยาเขาไป
ยิ่งคิดยิ่งมีเหตุผล
แต่เจ้าเด็กคนนี้จะอยากหาเรื่องเขาทำไมกัน
เฉินยางก็รู้สึกแปลกๆ อุ้มลูกโยกไปโยกมาแล้วถามขึ้นอย่างอ่อนโยน “มีคนบอกว่าแม่ลูกผูกพันสื่อใจถึงใจ ลูกชายกับแม่ ลูกสาวกับพ่อ แต่พ่อของเจ้าไม่ใช่ตัวอันตรายอะไรสักหน่อย ทำไมพอเห็นเขา เจ้าถึงได้ร้องไห้ล่ะ”
เสี่ยวจินอวี๋กะพริบตาปริบๆ ฟังไม่รู้เรื่อง ทำได้แต่หัวเราะคิกคัก
เฝิงเยี่ยไป๋นั่งลงข้างๆ เฉินยาง ใช้นิ้วหัวแม่มือจิ้มไปที่หน้าของลูกชาย “เจ้าหมอนี่ วันนี้เริ่มแย่งชิงคนรักกับพ่อของเจ้าแล้ว แล้ววันข้างหน้าเล่า แม่ของเจ้าคลอดเจ้าออกมาอย่างยากลำบาก พ่อก็มีส่วนคอยช่วยเหลือ ตัวน้อยๆ แต่ไม่มีน้ำใจเลย เจ้าสุนัขจิ้งจอกน้อย”
เฉินยางตีไปที่มือเฝิงเยี่ยไป๋ “ลูกผิวบอบบาง จิ้มแบบนั้นเดี๋ยวลูกเจ็บ”
เฝิงเยี่ยไป๋หัวเราะ “ในร่างกายมีเลือดของข้า พ่อข้าเอามือจิ้มข้าตั้งแต่ตอนยังเด็ก ไม่เห็นข้าจะเป็นอะไร ตอนนี้ก็ยังดูดีอยู่ไม่ใช่หรือ เขาไม่ได้ปั้นมาจากดินสักหน่อย ข้าจะจิ้มหน้าลูกให้เป็นรูหรืออย่างไรกัน”
“ก็ไม่แน่หรอก แรงมือท่านหนักขนาดนั้น” นางอุ้มลูกให้นั่งห่างๆ ออกไปหน่อย “วันนี้ท่านไม่ต้องเข้าวังหรอกหรือ ไม่มีอะไรทำหรือ”
“อยู่เป็นเพื่อนเจ้าไม่ดีหรืออย่างไร” ว่าแล้วเขาก็นอนลงบนเตียง โอบไปที่เอวของเฉินยาง มือจับไปที่เอวเฉินยางแล้วพูดขึ้นว่า “ทำไมถึงยังผอมได้ขนาดนี้ล่ะ ไม่มีเนื้อเลยแม้แต่น้อย เห็นเจ้ากินของว่างไม่หยุด กินแล้วเอาไปเก็บไว้ที่ไหน ไม่เห็นมีเนื้อเพิ่มขึ้นเลย”
“แบบนี้ดีแล้ว ผู้หญิงกี่คนต่อกี่คนอยากได้รูปร่างดีแบบนี้ กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน ถ้าข้ากินคำเดียวแล้วอ้วนสองเท่า พอถึงตอนนั้นหน้าคงกลมน่าดู ท่านคงทิ้งข้าเป็นแน่”