ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 519
ตอนที่ 519 นี่เป็นผู้หญิงคนแรกของเจ้ากระมัง
หานสือดื่มเหล้าแก้วต่อแก้ว เขาไม่ได้มีความเจ้าเล่ห์เช่นนั้น บางครั้งเรื่องเรื่องเดียวต้องคิดอยู่นานถึงจะคิดออก ปกติล้วนเป็นการให้ความสะดวกที่ไม่สำคัญนัก ส่งของบ้างฝากคำพูดบ้าง ไม่ได้เป็นอะไรนัก เพียงแต่ครั้งนี้เขาต้องเปลี่ยนคนตัวเป็นๆ ภายใต้สายพระเนตรของฮ่องเต้ ปกติเขาเป็นคนซื่อตรง เพื่อจะได้แต่งงานโกงกินเล็กน้อยก็ฝืนใจอยู่แล้ว ตอนนี้ยังจะให้เขาเปลี่ยนตัวเหลียงอู๋เย่ว์ออกมา อย่างไรเสียก็ไม่ใช่เรื่องเล็กดั่งขโมยหมาแมว ต้องคิดให้รอบคอบถึงผลที่จะตามมา
เฝิงเยี่ยไป๋ก็ไม่รีบร้อน เขาเอามือเท้าศีรษะหลับตาพักผ่อน บ้างก็เงยหน้ามองเขา ความอดทนดีจนน่าประหลาดใจ
ด้านหนึ่งก็เป็นความซื่อสัตย์ต่อฮ่องเต้ ด้านหนึ่งก็เป็นนางที่ตนรัก ตั้งแต่อดีตความซื่อสัตย์และความกตัญญูยากจะรักษาครบทั้งสอง เขาไร้ซึ่งพ่อแม่ ตอนแรกคิดว่าไม่ต้องลังเลถึงเรื่องนี้ นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถรอดจากการเลือกเช่นนี้ได้
“ใช่แล้ว วันนี้ข้าเดินผ่านตรอกผิงฉางนั้น เห็นตระกูลซุนที่อยู่ตรอกผิงฉางกำลังสั่งคนยกของหมั้นไปที่ตระกูลจางอยู่เลย สิบลังใหญ่เต็มๆ บอกว่าวันนี้จะหมั้นให้ได้เสีย คาดว่าหลังปีใหม่ก็น่าจะเตรียมงานแต่งแล้ว”
หานสือนี้เป็นซื่อสัตย์แกมโง่ ตัวเองไม่สามารถคิดออกได้ ลังเลอยู่ในใจ ขาดเพียงคนมากระตุ้นเขา เฝิงเยี่ยไป๋ก็ได้กระตุ้นเขาพอดี ลูกผู้ชายลังเลอยู่อีก หากช้ากว่านี้ ภรรยาถูกคนแย่งไปแล้วตัวเองยังโง่เตรียมสินสอดอยู่เลย!
“หมั้น?” เขาเงยหน้าขึ้นมาทันที เหมือนดั่งวิญญาณเพิ่งกลับเข้าร่าง มีการตอบสนองในที่สุด “เช่นนั้นแล้ววิธีที่เจ้าว่านั้นคืออะไร”
เฝิงเยี่ยไป๋จงใจดึงความสนใจของเขา “เช่นนั้นแล้วหัวหน้าหานจะช่วยข้าหรือไม่”
คำพูดจะพูดตรงเกินไปก็ไม่ได้ เพื่อว่าวันหลังจะได้ไม่ผิดใจกัน เขาเป็นคนที่พูดจาซื่อตรง ต่อรองกับคนเช่นเฝิงเยี่ยไป๋นี้ก็เหนื่อยอยู่บ้าง เขาคิดอยู่ในใจพักหนึ่ง สุดท้ายก็พูดออกมาว่า “ช่วงหลายวันนี้ นักพรตในวังจะมาทำพิธีให้จวิ้นหม่าทุกวัน เผายันต์เอยบูชาเทพเจ้าเอยล้วนเป็นขั้นตอนที่ต้องทำ และช่วงนี้อากาศก็แห้งนัก เปลวไฟติดดินปืนตกไปที่ใด พอจุดติดขึ้นมา… พวกเรานั้นห่างจากเรือนในก็มีระหว่างอยู่ ไม่อาจไปถึงได้ทันก็พอเข้าใจได้ ท่านอ๋องว่าใช่หรือไม่”
ก็ไม่ใช่ว่าเป็นคนโง่ ชี้ทางให้ก็เข้าใจทันที ความโลภของคนล้วนเป็นเหวลึกที่ยากจะเติมเต็ม เรื่องบางเรื่อง เคยทำไปครั้งหนึ่ง ก็รีบลามือเสียแล้ว เคยลิ้มรสอำนาจเงินทองถึงได้รู้ว่าความหมายที่แท้จริงที่ตัวเองนั่งอยู่บนตำแหน่งนี้คืออะไร มีเรื่องเพิ่มขึ้นมาเรื่องหนึ่ง ผลกระทบก็ไม่ได้ใหญ่เช่นนั้นแล้ว
เฝิงเยี่ยไป๋ยกแก้วให้เขา ทั้งสองคนชนแก้วเบาๆ ดื่มหมดแก้วพร้อมกัน “มีหัวหน้าหานช่วยย่อมดีที่สุด ข้าอยากจะลงมือคืนนี้ ถึงยามนั้นขอเพียงหัวหน้าหานหลับตาข้างหนึ่ง อย่าได้มองให้ละเอียดเป็นพอ”
หานสือพยักหน้า “เรื่องของท่านอ๋องข้าช่วยแล้ว เช่นนั้นแล้วเรื่องของข้าล่ะ ไม่รู้ว่าวิธีที่ท่านอ๋องว่านั้นคืออะไร”
เฝิงเยี่ยไป๋หมุนแหวนที่อยู่บนนิ้ว เหลือบมองเขา “นี่เป็นผู้หญิงคนแรกของเจ้ากระมัง!”
น้ำเสียงที่มั่นใจทำเอาหานสือตกใจ
“เจ้ายังคงไม่เข้าใจผู้หญิง เจ้าบอกว่าพวกเจ้ารักกัน เช่นนั้นแล้วเจ้าเคยทำอะไรให้นาง พ่อแม่ของนางก็ทำได้เพียงรั้งนางไว้ตอนนี้เท่านั้น ชีวิตหลังจากนี้จะดีหรือร้ายก็ยังต้องดูที่นาง เจ้าเป็นหัวหน้ากององครักษ์ ต่อให้พ่อแม่ของนางไม่เห็นด้วยอย่างไร ก็ไม่อาจใจกล้าผิดใจกับเจ้า ลูกผู้หญิงหน้าบาง ขอเพียงพวกเจ้าพูดให้ชัดเจนต่อหน้าพ่อแม่ของนาง แม่นางอยากไปกับเจ้า เรื่องนี้ก็สำเร็จแล้ว เพียงแต่… ก่อนจะไปพบหน้าพ่อแม่ของนาง เจ้าต้องทำเรื่องนั้นให้เสร็จเสียก่อน”
ตอนที่ 520 ฮ่องเต้ทรงมีความตั้งใจ
หานสือไม่ได้ถามเฝิงเยี่ยไป๋ว่าเรื่องอะไร จริงๆ แล้วเรื่องเช่นนี้ไม่ต้องถาม ผู้ชายด้วยกันแค่เห็นก็เข้าใจความหมายอยู่แล้ว หากอยากให้ผู้หญิงอยู่กับเจ้าอย่างจริงใจ ยังจะสามารถทำอะไรได้ ปรุงข้าวให้สุกเช่นนั้นหรือ ทางที่ดีที่สุดคือให้นางกำเนิดลูกเหมือนเจ้าเด็กอ้วนนั้นอีก ตอนแรกใช้วิธีรุนแรงไปสักหน่อย แต่ต่อมาครอบครัวถึงได้อยู่พร้อมหน้าครบสามคน ผู้หญิงมีลูกแล้วก็ไม่ได้อยู่เพื่อตัวเองแต่อยู่เพื่อลูก จึงไม่ยอมปล่อยมือไปไหน ได้แต่อยู่กับเขาไปตลอดชีวิต
นอกจากออกความคิดเห็น ที่เหลือเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว ก่อนจากกันก็ได้ให้เงินกับเขาไปถุงหนึ่ง “ทุกสิ่งต้องมีการตอบแทน นี่เป็นของตอบแทนเจ้า”
หานสือไม่ปฏิเสธ ไม่รู้จักเก็บหอมรอมริบก็ถือว่าโง่มาก ยิ่งกว่านั้นเขายอมเสี่ยงอันตรายขนาดนี้เพื่อช่วยเขา เงินพวกนี้ก็เป็นสิ่งที่เขาควรจะได้รับ
วันนี้เป็นวันเกิดของเว่ยหมิ่น จากทะเลสาบเป้เอ่อร์ถึงเมืองหลวง ระยะทางอย่างเร็วที่สุดก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วยาม วันนี้หากทางนั้นมีข่าวคราวอะไร ก็คงมาถึงเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เว่ยหมิ่นกลัดกลุ้มใจคือวันนี้เย็นหรืออย่างช้าพรุ่งนี้เช้าจะมีการลงมือ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ทหารชายแดนของเมืองหลวงต้องได้ข่าวมาอย่างแน่นอน ก่อนอื่นสิ่งที่ต้องกำจัดก็คือเขา การต่อสู้ครั้งนี้ยากที่จะหลีกเลี่ยง เมื่อตัดสินใจดำเนินการไปแล้วก็ไม่อาจหยุดยั้งได้
ฮ่องเต้ถึงแม้บางทีจะทำเป็นหูหนวกตาบอด แต่หากเป็นเรื่องสำคัญกลับมองได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ทางด้านซู่อ๋องเมื่อมีการเคลื่อนไหว ฮ่องเต้ก็มักจะได้ข่าวคราวอย่างรวดเร็ว จริงๆ แล้วเดาได้ไม่ยาก ไม่ว่าเฝิงเยี่ยไป๋จะสมคบคิดกับซู่อ๋องหรือไม่ ในเมื่อเขาออกวังไปแล้วก็ไม่มีใครคอยบัญชาการอยู่ในเมืองหลวง ซู่อ๋องจอมละโมบจะต้องมีการเคลื่อนไหวอะไรบางอย่างแน่นอน เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าซู่อ๋องจะรอไม่ไหว เขาออกจากวังไปเพียงวันเดียว ยังคิดที่จะตั้งกองทัพได้อีกเช่นนั้นหรือ
เว่ยหมิ่นก็คิดไม่ถึงว่าเขาออกจากวังไปแล้วจะนำขุนนางที่ปรึกษาไปด้วย ทั้งสองคนเร่งฝีเท้าอย่างเต็มที่จากเมืองหลวงมาถึงนี้ก็เพื่อส่งจดหมายให้เขา ดูแล้วเขาก็ไม่ได้โหดเ**้ยมไร้ศีลธรรมอย่างที่ตัวเองคิด แผ่นดินใครไม่อยากได้มาครองเล่า แต่ทว่าแผ่นดินนี้กลับมีฮ่องเต้ได้เพียงองค์เดียว ในเมื่อตามหลักแล้วเขาคือผู้สืบทอดคนต่อไป ดังนั้นไม่ว่าแผ่นดินจะต้องแตกเป็นเสี่ยง ผู้สืบทอดจะต้องเป็นเขาเท่านั้น จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้
เมื่อพวกเขาถึงทะเลสาบเป้เอ่อร์ก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว ที่นั่นได้กางกระโจมไว้เรียบร้อย กองไฟก็ก่อเรียบร้อยแล้ว คนก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนจากในวัง ดูแล้วเขาคงเรียกให้คนมาเตรียมไว้ล่วงหน้าจริงๆ แม้แต่พั่งไห่ก็มาด้วย
เมื่อก่อนนี้งานเลี้ยงฉลองวันเกิดของนางล้วนจัดขึ้นในวังซึ่งดำเนินการโดยฮองเฮาโดยเชิญพวกขุนนางที่จงรักภักดีและหญิงสาวอีกสี่ห้าคนที่อายุพอๆ กับนางมาดื่มกินเป็นเพื่อน ซึ่งไม่ได้มีอะไรใหม่แต่กลับมีความสุข ทว่าปีนี้…หากผ่านไปได้ด้วยดีก็ยังสามารถภาวนาถึงปีต่อๆ ไปได้ หากผ่านไปได้ไม่ดี ปีหน้าจะไม่ใช่งานฉลองวันเกิด แต่จะเป็นงานรำลึกถึงผู้ที่จากไป
ฮ่องเต้จัดการงานต่างๆ เรียบร้อยก็ประคองกอดนางไปดูกระโจม ภายในกระโจมมีการตกแต่งไม่ต่างจากตำหนักอวี้ชิ่งที่นางอาศัยอยู่ ฮ่องเต้ดึงนางนั่งลง นางกำนัลยกน้ำชามาจากด้านนอก ฮ่องเต้จิบหนึ่งอึกแล้วพูดด้วยความพอใจว่า “ครึ่งเดือนก่อนข้าเรียกให้พวกเขามาเตรียมที่นี่ไว้ เกรงว่าเจ้าจะไม่คุ้นเคยกับที่อยู่ เลยให้พวกเขาตกแต่งกระโจมหลังนี้ให้เหมือนกับตำหนักอวี้ชิ่ง เจ้าดูแล้วพอใจหรือไม่”
ตำหนักอวี้ชิ่งเป็นของฮ่องเต้ นางอยู่ที่ไหนก็ไม่พอใจทั้งนั้น ตอนนี้ได้ออกมาง่ายๆ แล้ว ยังต้องอยู่ในกระโจมที่เหมือนกับตำหนักอวี้ชิ่ง หากพูดตามจริงนางก็ไม่ได้พอใจนัก แต่ทว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา นางเกรงว่าหากทะเลาะกันขึ้นมา อีกครู่คงไม่เหมาะที่จะลงมือ จึงได้แต่พูดไปตามน้ำ ก่อนจะยิ้มอ่อนๆ แล้วตอบไปว่า “ฮ่องเต้ทรงมีความตั้งใจแล้ว กระโจมหลังนี้… ข้าพอใจมาก”