ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 537
ตอนที่ 537 วันนี้ภรรยานิสัยเปลี่ยนไปแล้ว
เฉินยางจ้องเขาอยู่นาน ลังเลอยากจะถามแต่ก็ไม่กล้าถามอยู่เช่นนั้น มือคล้องอยู่หลังคอของเขา ลูบไปที่คอเสื้อของเขา ถามอย่างระมัดระวังว่า “การลอบสังหารฮ่องเต้เป็นโทษประหารเจ็ดชั่วโคตร ฮ่องเต้ไม่ได้ลงโทษท่านกระมัง หากฮ่องเต้ลงโทษท่านจะทำอย่างไร”
เฝิงเยี่ยไป๋น้อมตัวแตะหน้าผากกับนาง “ฮ่องเต้ยังไม่รู้ความเป็นความตาย ตอนนี้เป็นมกุฎราชกุมารกุมอำนาจ เวลาเช่นนี้จะไม่ลงโทษคนง่ายๆ คนที่ใช้ได้ในราชสำนักมีน้อยแต่เดิมอยู่แล้ว ยามนี้หากประหารเจ็ดชั่วโคตรระบายอารมณ์แล้วทำเอาเหล่าขุนนางผิดหวังจะแย่เอาได้”
เมื่อมาถึงหน้าห้องนอน เฝิงเยี่ยไป๋ก็วางนางลง ในห้องอบอุ่นนัก ปิดม่านลงมา ข้างนอกข้างในแทบจะเป็นเหมือนคนละโลกเลย
เฉินยางถอดหมวกลง แล้วถอดผ้าพันคอขนสุนัขจิ้งจอกออก ถุงมือก็ถอดออกเช่นกัน ชุดที่ห่ออย่างแน่นหนาก็ปลดลง นางกอดเตาอุ่นกระทืบเท้าอยู่ในห้อง หิมะบนรองเท้า พอเข้าห้องก็ละลายแล้ว ปลายรองเท้าเปียกชุ่ม นี่นางยังถูกเฝิงเยี่ยไป๋อุ้มกลับมาตลอดทาง รองเท้าของเขาเปียกชุ่มไปทั้งหมด เมื่อครู่อยู่ข้างนอกยังไม่รู้สึก ยามนี้ความหนาวค่อยๆ แทรกเข้ามาที่เท้า ผ่านไปนานเข้าจะเป็นโรคเอา
นางเข้าไปในห้องหารองเท้าใหม่ให้เขา ตอนแรกเฝิงเยี่ยไป๋ไม่เข้าใจจุดประสงค์ของนาง จนนางย่อตัวลง จับเท้าของเขาข้างหนึ่งถอดรองเท้าของเขาออก เขาเพิ่งจะเข้าใจ เขาจับมือของนาง ดึงนางขึ้นมา “เจ้าไม่ต้องทำ ข้าทำเอง”
“รองเท้าของท่านเปียกไปหมดแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินคนเล่า หากเท้าเย็นจะเป็นโรคเอาได้ง่าย” นางพูดไปก็ย่อตัวลงอีก ถอดถุงเท้ายาวของเขาด้วย ถอดข้างนี้เสร็จแล้วก็ถอดอีกข้างหนึ่ง เมื่อก่อนไม่เคยดูเท้าของเขาอย่างละเอียด วันนี้เป็นวันแรกที่ได้เห็นเท้าของเขา เท้าใหญ่โตของเขา นิ้วเท้าแยกกันอย่างชัดเจน ทั้งยังนิ่มดั่งแม่นาง เล็บเท้าก็ถูกตัดแต่งอย่างเรียบร้อย นอกจากจะใหญ่เสียหน่อยแล้ว ไม่เช่นนั้นก็ช่างไม่เหมือนกับของผู้ชายเสียจริง เขาใช้ชีวิตประณีตยิ่งกว่าผู้หญิงอีก ทำเอานางที่เป็นผู้หญิงรู้สึกน่าอายไปเลย
ซั่งเหมยตักน้ำล้างเท้าเข้ามา วางลงแล้วก็ไม่กล้ารีรอ โค้งมือแล้วก็ถอยออกไป เฉินยางจับเท้าของเขาวางไว้ในถาดน้ำร้อน อุ้มน้ำราดลงไป จนเท้าขาวๆ คู่นั้นค่อยๆ มีสีเลือด นางถึงได้เอาผ้ามาเช็ดให้แห้งแล้วสวมรองเท้าถุงเท้าใหม่ให้เขา
เฝิงเยี่ยไป๋รู้สึกทำตัวไม่ถูกอยู่บ้าง วันนี้ภรรยามีนิสัยเปลี่ยนไปแล้ว รู้จักปรนนิบัติผู้ชายของนางแล้ว นี่เป็นลางดี สามีภรรยาอยู่ด้วยกันดีเป็นเรื่องดี เพียงแต่นางปรนนิบัติของเช่นนี้ นอกจากจะทำให้เขาทำตัวไม่ถูกแล้วยังรู้สึกผิด เขาดึงนางขึ้นมาวางไว้บนตักแล้วถอดรองเท้าให้นาง ยื่นมือกำเท้าเล็กๆ ของนาง เท้าเย็นๆ ของนาง ทำเอาเขาตื่นตัวในทันที
“ไฉนเท้าถึงเย็นเช่นนี้ ยาที่ทำให้ร่างกายอบอุ่นที่ครั้งก่อนหมอสั่งไว้ยังกินอยู่หรือไม่”
นางบ่นว่าขม ระหว่างนั้นจึงกินขาดช่วงไปอยู่หลายครั้ง นางให้ซั่งเหมยซั่งเซียงปิดบัง ไม่ให้พวกนางไม่บอกเขา อย่างไรเสียก็ปิดบังมานานแล้ว ยอมรับตอนนี้ไม่เท่ากับตบหน้าตัวเองหรือ นางไม่กล้ายอมรับ จึงได้แต่พูดว่ากินอยู่ตลอด เท้าอยู่ในมือของเขาไม่สุข พยายามใช้วิธีนี้เบนความสนใจของเขาออก
เฝิงเยี่ยไป๋เกาที่ฝ่าเท้าของนางสองที ฝ่าเท้าของนางมีเนื้อที่รู้สึกไว พอถูกเกาก็หัวเราะไม่หยุด ดิ้นอยู่ในอ้อมกอดของเขาเหมือนดั่งปลาไหล
“เจ้าเด็กน้อย ที่แท้เนื้อที่รู้สึกไวซ่อนอยู่ที่นี่เอง มิน่าข้าหาอย่างไรก็หาไม่เจอ” เขาจับจุดได้ จะจัดการนางก็ง่ายแล้ว เขาเกาอีกสองที กอดเท้าของนางยัดเข้าในอ้อมกอดแนบชิดกับอก ที่นั่นอบอุ่นที่สุด เพราะมีหัวใจที่รักนางใส่อยู่
ตอนที่ 538 มกุฎราชกุมารเก่งยิ่งกว่าฮ่องเต้
หลายวันมานี้ทุกๆ เรื่องรวมเข้าด้วยกัน เหนื่อยทั้งกายใจ ทำเอาเขาวุ่นวายยิ่งนัก ยังดีที่กลับมาถึงบ้านแล้วยังมีบ้านอบอุ่นรอเขาอยู่ ข้างนอกจะเหนื่อยเพียงใด กลับมาถึงบ้านก็สบาย ภรรยายังรู้จักรักเขา ดียิ่งกว่าสิ่งใดเสียอีก
พูดถึงในวัง มกุฎราชกุมารคนนี้ก็ซ่อนความสามารถไว้มาก อย่าได้เห็นพระชนมพรรษายังน้อย ฝีพระหัตถ์กลับไม่ด้อยไปกว่าฮ่องเต้เลย ยามที่ส่งทหารไปด่านเอี้ยนหงและด่านซื่อสุ่ยก็ตรัสแล้วว่าต้องชนะเท่านั้น ไม่อาจแพ้ได้ พระองค์ให้เหล่าขุนนางออกความคิดเห็น ใครที่พูดไม่ออก หรือพูดออกมาเท่ากับไม่พูดนั้น ล้วนส่งไปเป็นกำลังเสริมที่นอกด่านให้อยู่แนวหน้า พาให้พวกเขาตื่นตัว เบี้ยหวัดของราชสำนักนี้ไม่ได้กินง่ายนัก รับเพียงเบี้ยหวัดไม่ทำงาน ใต้ฟ้าไม่มีงานดีๆ เช่นนั้น
เหล่าขุนนางต่างหวาดระแวง วันเวลาที่นั่งรอเบี้ยหวัดจบสิ้นแล้ว เริ่มที่จะคิดหาวิธีเอาใจมกุฎราชกุมาร มกุฎราชกุมารทรงประทับอยู่บนบัลลังก์ มีสีพระพักตร์ที่เคร่งขรึม ทรงฟังพวกเขาพูดอยู่ข้างล่าง บ้างก็หึเบาๆ ดูอารมณ์จากสีพระพักตร์ไม่ออก เทียบกับฮ่องเต้ที่ไม่พอพระทัยก็กริ้วขึ้นมาคาดเดาได้ยากกว่าเสียอีก ดูเหมือนว่าไทเฮาที่ถูกเมินเฉยมาหลายปีนี้ก็ไม่ได้อยู่ว่างเสียเปล่า ใส่ใจกับการสอนมกุฎราชกุมารอย่างเต็มที่ เพราะความสงบนิ่งนี้ หากมกุฎราชกุมารสามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งฮ่องเต้ จะต้องเก่งกว่าฮ่องเต้เสียอีก
ฮ่องเต้มีพระทัยระแวงเฝิงเยี่ยไป๋ มกุฎราชกุมารก็มีพระทัยระแวงเขาเช่นกัน ดังนั้นแล้ว ไม่ว่าความคิดเห็นของใครก็ไม่แสดงออก สีพระพักตร์นิ่งเฉยอยู่ตลอด ไม่ปฏิเสธและก็ไม่ได้ยินยอม รอให้เลิกราชกิจแล้วถึงเรียกเพียงไม่กี่คนอยู่ต่อ เก็บซ่อนเอาไว้ ก็ไม่รู้ว่าหารือเรื่องใดกัน
เหล่าขุนนางที่ถูกตรัสสั่งให้กลับไปนั้นก็มีสามคนที่เคยถูกเขาสั่งสอนอยู่ เมื่อเห็นเขา อยากจะหลบแต่ก็ไม่กล้าหลบ จึงได้แต่ทำใจแข็งต้อนรับแล้วเรียก `ท่านอ๋อง` ด้วยท่าทางเคารพ
เฝิงเยี่ยไป๋กวาดตามองพวกเขา กอดอก ร้องหึเบาๆ แล้วพูดว่า “มีเรื่องใดหรือ”
สามคนนั้นต่างมองหน้ากัน วันนี้มกุฎราชกุมารทำเช่นนี้ พวกเขายังคิดว่าเขาจะมีเรื่องใดอีก นี่คือรีบเข้ามาฟังคำสั่ง เขากลับไม่ร้อนรนเลย มกุฎราชกุมารไม่มีสีพระพักตร์ดีๆ ให้เขา ท่านหญิงลอบสังหารฮ่องเต้ มาว่าจะคิดในทางใดก็เกี่ยวข้องกับเขา ยามนี้เห็นสถานการณ์พิเศษ ไม่ได้ลงโทษเขา เพียงแต่รอให้ฮ่องเต้ฟื้นแล้ว เขายังจะอยู่รอดได้อีกหรือ
ผู้ใดสำคัญกว่ากันพอคิดดูดีๆ แล้ว ระหว่างเฝิงเยี่ยไป๋กับมกุฎราชกุมาร ทั้งสองฝั่งก็ไม่อาจล่วงเกิน ล้วนเป็นคนที่อยู่ในราชการมานาน อย่างอื่นไม่เป็น การพูดจาก็ยังเป็นอยู่ ดวงตากรอกไปรอบหนึ่งก็อ้าปากพูดว่า “ท่านอ๋อง ข้าน้อยได้ยินว่าฝ่าบาทถูกท่านหญิงแทงทะลุพระศอ หมอหลวงกำลังรักษาอย่างเต็มที่อยู่ เพียงแต่กลัวว่ารักษาหายแล้วก็ไม่อาจอ้าปากพูดได้แล้ว มกุฎราชกุมารท่านก็เห็นแล้ว อายุยังน้อย ก็มีท่าทางเป็นฮ่องเต้ วันหลังตำแหน่งฮ่องเต้นี้ก็คงจะเป็นมกุฎราชกุมารไม่ผิด สำหรับท่านหญิง… ท่านอ๋องไม่ได้เป็นกังวลว่ามกุฎราชกุมารจะลงโทษท่านไปด้วยเลยหรือ”
หากฮ่องเต้ทิ้งเรื่องวุ่นวายให้มกุฎราชกุมารจริง มกุฎราชกุมารย่อมไม่นิ่งเฉย จะต้องเก็บกวาดไม่ช้าก็เร็ว ราชโองการของฮ่องเต้องค์ก่อนก็ไม่ชัดเจน สำหรับมกุฎราชกุมารและฮ่องเต้แล้วเขาเป็นภัยที่ใหญ่ที่สุด ต้องกำจัดในสักวันหนึ่ง ไม่กำจัดเขาก็จะอยู่ข้างกาย เหมือนดั่งเป็นหนองบนตัว เน่าลงไปทุกวัน สุดท้ายก็ต้องสละเรือเพื่อรักษาขุนแล้ว
ฮ่องเต้อาจจะทำเรื่องเช่นนี้ได้ เพียงแต่มกุฎราชกุมารไม่ใช่ มกุฎราชกุมารไม่อาจเลี้ยงเสือให้เป็นภัยจนสุดท้ายต้องตัดแขนเพื่อรักษาชีวิต