ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 541
ตอนที่ 541 เจ้าคิดว่าวังเป็นสวนหลังบ้านหรือ
แม้ว่าตอนแรกไทเฮาจะไม่ชอบบนางจนถึงขั้นหาเรื่องนางทุกครั้ง เพียงแต่พูดตามจริงแล้ว นางก็ยังคงเป็นแม่ของเฝิงเยี่ยไป๋ เมื่อก่อนไม่รู้เรื่อง พอมีลูกแล้วถึงได้เข้าใจ มีแม่คนใดทำร้ายลูกชายตัวเองได้ รักยังไม่ทันเลย เฝิงเยี่ยไป๋ก็ปากร้ายใจอ่อน ที่จริงในใจเขาแล้วก็ยังมีความผูกพันกับไทเฮา อย่างไรเสียเขาก็ห่างจากแม่มาหลายปีเช่นนี้ หากบอกไม่คิดถึงก็ถือเป็นการโกหก
ในใจเฝิงเยี่ยไป๋ก็ทรมาน มีคำพูดไว้ว่า เจ้าไม่มีคุณธรรม ข้าไม่อาจไร้คุณธรรมได้ ไทเฮาคลอดเขามา ชีวิตนี้ก็คือนางเป็นคนให้ ผู้หญิงคลอดลูกลำบากเพียงใดเขาก็เห็นมาแล้ว เขาจะไป อย่างไรก็ไม่อาจปล่อยให้ไทเฮาอยู่ในวังรอความตาย เพียงแต่ตำแหน่งของไทเฮายังอยู่ ทุกวันมีคนไปถวายความเคารพนาง คนหายไปแล้ว จะต้องถูกพบทันที แม้จะอยากไปแต่ก็ไม่ง่ายเอาเสียเลย
เฉินยางเอียงศีรษะคิดอยู่นาน นางออกความคิดเห็นให้เขา “ไม่เช่นนั้นก็ให้ไทเฮาแสร้งป่วย บอกว่าป่วยอยู่ ไม่ขอพบใคร แล้วซื้อหมอหลวง ให้หมอหลวงพูดให้หนักๆ ถึงยามนั้นก็ปิดประตูไม่ให้ใครเข้าพบ พวกเราค่อยแอบรับไทเฮาออกจากวัง เช่นนี้ดีหรือไม่!”
ช่างลำบากสมองเล็กๆ ของนางเสียแล้ว เฝิงเยี่ยไป๋นวดศีรษะของนาง อดขำไม่ได้ว่า “เจ้าคิดว่าวังเป็นสวนหลังบ้านหรือ บอกจะเข้าก็เข้า บอกจะออกก็ออก จะเข้าออกได้นั้นต้องมีป้ายคำสั่ง มีราชโองการของฮ่องเต้ ไทเฮาจะใหญ่โตเพียงใดก็เป็นเพียงผู้หญิงในวัง วันปกติไม่อาจออกจากวังได้ ต่อให้จะออกจากวังก็ยังต้องมีราชโองการจากฮ่องเต้ อีกอย่างสองวันนี้ทั้งในวังนอกวังล้วนแล้วไม่ปลอดภัย ทหารยามมีมากกว่าปกติเท่าตัว อยากจะแอบรับไทเฮาออกมา ช่างดูเป็นไปไม่ได้เอาเสียเลย”
เรื่องใหญ่ยังคงต้องให้เขาตัดสินใจ ตัวเองก็เพียงมีความคิดโผล่ขึ้นมาเล่าให้เขาฟัง ตัวเองก็รู้สึกว่าโอกาสสำเร็จมีไม่มาก พอถูกเขาสวนกลับมาก็ไม่รู้สึกโกรธ เพียงแค่เม้มปากไม่พูดอะไรอีก
ทั้งสองคนต่างมีเรื่องคิด สองคนเงียบไปพักหนึ่ง ความคิดของเฉินยางก็ลอยไปที่อื่น นางถามเขาว่า “เช่นนั้นแล้วน่าอวี้จะทำอย่างไร พวกเรายังพานางไปหรือไม่”
เฝิงเยี่ยไป๋มองนาง “เจ้าว่าจะทำอย่างไรดี วันก่อนข้าก็บอกว่าไม่อาจเก็บนางไว้ เป็นเจ้าที่จะเก็บนางไว้ให้ได้ บอกว่าให้นางเป็นไปตามมีตามเกิด ตอนนี้กลับมาขอความคิดเห็นกับข้า เจ้าถามข้า ข้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี”
ได้ยินคำพูดของเขานั้นมีความรู้สึกที่ยั่วโมโหอยู่บ้าง เฉินยางจึงไม่กล้าถามต่อ นางลูบปลายจมูก ความคิดหมุนไปร้อยพันรอบ คิดว่าจะทำอย่างไรกับน่าอวี้ดี แม้ว่านางจะทำเรื่องที่ผิดกับนางและเฝิงเยี่ยไป๋ เพียงแต่ความผูกพันก่อนหน้านี้ก็เป็นเรื่องจริง จะอภัยให้นาง นางก็ไม่มีความใจกว้างเช่นนั้นที่จะอภัยให้คนที่คิดจะทำร้ายสามีของนาง แต่จะมองดูนางตายไปต่อหน้าต่อตาก็เหมือนจะทำไม่ได้ อย่างไรก็ไม่ดี จึงจมอยู่ในวังวนนี้ไม่อาจถอนได้
เฝิงเยี่ยไป๋รู้ว่าในใจนางสงสาร เพียงแต่ช่วยไม่ได้ คนมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ จะต้องมีเรื่องที่ไม่อาจทำให้สมบูรณ์ได้ ความผูกพัน คุณธรรม หากรักษาทั้งสองไว้ได้ย่อมดีที่สุด หากต้องเลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็จำเป็นต้องเลือก ตัดสินอย่างเด็ดขาด ตัดขาดจากอีกสิ่ง นางไม่ได้ผิดต่อน่าอวี้ อีกอย่างในเมื่อนางได้เลือกตัวเองแล้ว เช่นนั้นก็ต้องตัดขาดจากฝั่งนั้น
“ตามข้าว่า ตอนแรกก็ควรจะฆ่านางเสีย ไม่ต้องเก็บไว้ให้ปวดศีรษะ แต่เจ้าดันไม่ให้ทำ คราวนี้จะทำอย่างไรเจ้าว่ามา เรื่องที่เจ้าก่อ เจ้าก็เก็บกวาดให้เรียบร้อยเอง ครั้งนี้ข้าจะไม่ยุ่ง วันหลังเจ้าจะได้ไม่มาโทษข้า”
ตอนที่ 542 นางทำร้ายข้า ข้ายังต้องเลี้ยงนางไว้
เฉินยางจิ้มแขนของเขา ทำหน้าเขินอายพูดว่า “อย่าได้ถ่อมใจนักเลย พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่หรือ ท่านไม่สนข้าใครจะสนข้า ไม่เช่นนั้น… พวกเราพานางกลับไปด้วย กลับไปแล้วก็ขังเอาไว้เช่นเดิม ไม่เกะกะ”
เฝิงเยี่ยไป๋หัวเราะ หันมามองนาง “จะให้ข้าเสียเปรียบพูดไม่ออกหรือ! นางวางแผนทำร้ายข้า ข้ายังต้องเลี้ยงนางไว้อีก? เจ้าว่าข้าโง่ใช่หรือไม่”
รู้ว่าเขาเป็นคนที่ยอมเสียเปรียบ เฉินยางก็ไม่ได้หมายความเช่นนั้น เขาเป็นสามีของนาง นางจะให้คนอื่นทำร้ายเขาได้อย่างไร เพียงแค่รู้สึกว่าแม้น่าอวี้จะมีความผิด แต่นางยังมีน้องชาย เด็กรู้เรื่องอะไรหรือ เด็กไม่ได้มีความผิด นางตายแล้ว น้องชายของนางจะทำอย่างไร
นางอ้ำอึ้งอยู่นานก็พูดไม่ออก กลัวเขาจะหัวเราะที่ตัวเองจะช่วยคนอื่นเลี้ยงเด็ก นางสะกดคำพูดที่อยากจะพูดทั้งหมด คิดว่าหาเวลาว่างไปคุยกับอิ๋งโจวเสียจะดีกว่า อย่างไรเสียพวกเขาสองคนก็ถือว่ามีความผูกพันอยู่ ก่อนหน้านี้ยามที่แม่นางเสียนตาย เขาก็ช่วยอะไรไม่ได้ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นน่าอวี้ ตอนแรกเขามีหวังจะช่วยให้นางรอดได้ เพียงแต่ตอนนี้ก็ทำได้เพียงเห็นเขาตายต่อหน้าต่อตา ความรู้สึกในใจจะต้องแย่แน่ๆ
เฝิงเยี่ยไป๋รู้ว่านิสัยของนางอ่อนโยน จะพบเจอกับน่าอวี้ไม่ได้อีกแล้ว เพียงแต่ในใจอาจไม่สามารถเห็นนางตายได้ น่าอวี้คนนี้ ยามที่เขาเปิดเผยเรื่องของนางก็ยังมีท่าทางที่ไม่ใส่ใจ ล้ำลึกยิ่งนัก สามารถวางแผนไกลอดทนได้ ผู้หญิงเช่นนี้ไม่ง่ายนัก หากปล่อยนางไปก็เท่ากับปล่อยเสือเข้าป่า นางสามารถหาทุกวิถีทางแก้แค้นเขา แต่เดิมเรื่องของเขามีมากมายอยู่แล้ว มากกว่านี้เกรงว่าจะเอาตัวไม่รอด
เสี่ยวจินอวี๋ร้องไห้อยู่ห้องข้างๆ แม่นมอุ้มเขาเข้ามา เฉินยางรับมาอุ้มแล้วกล่อม เห็นเฝิงเยี่ยไป๋มีสีหน้าเคร่งเครียด ก็เลียนเสียงอู้อี้ของเสี่ยวจินอวี๋ แกล้งหยอกเขาว่า “โกรธแล้วหรือ ไม่คุ้มเอาเสียเลย ท่านถือเสียว่าข้าเป็นลมก็พอ ท่านเป็นคนที่ทำเรื่องใหญ่โตได้ เรื่องเล็กเท่านี้ก็ทำเอาท่านโกรธหรือ”
ท่าทางแกล้งหยอกของนางช่างน่าขำนัก เฝิงเยี่ยไป๋อดไม่ได้ หัวเราะออกมา เอามือจิ้มไปที่ศีรษะของนาง “ใครบอกว่าข้าโกรธแล้ว ข้าไม่ได้พูดอะไร เจ้ากลับใส่ร้ายข้าเสียแล้ว นี่กำลังด่าข้าอ้อมๆ ว่าใจแคบกระมัง!”
เฉินยางหัวเราะหลบเขา นางส่ายเขย่าเสี่ยวจินอวี๋ เริ่มฟ้องขึ้นมา “เจ้าดูๆ นี่ก็คือท่านพ่อของเจ้า เขารังแกข้า เจ้าต้องรีบโตไวๆ โตแล้วสั่งสอนท่านพ่อของเจ้าแทนข้า เจ้าต้องจำไว้ พวกเราแม่ลูกเป็นพวกเดียวกัน เป็นคนอ่อนแอ ดังนั้นพวกเราจะต้องสามัคคีกัน ตั้งแต่วันนี้ เห็นท่านแม่ของเจ้าแล้วก็ไม่ร้องไห้แล้วรู้หรือไม่”
เด็กยังคลานไม่เป็นเลย นางก็เริ่มสอนให้เด็กต่อต้านเขาเสียแล้ว สองแม่ลูกยังคิดจะร่วมมือสั่งสอนเขา นางช่างเป็นแม่ที่ดีเสียจริงๆ วันหลังเด็กจะต้องให้เขาเป็นคนสอน ไม่เช่นนั้นอยู่ในมือนาง จะสอนออกมาใช้ไม่ได้แน่นอน!
นางสนุกขึ้นมาแล้วก็ไม่มีที่สิ้นสุด แถมยังอุ้มเด็กไว้อยู่ เขาต้องระวังไม่ให้นางหกล้ม มือของเขาประคองไว้อยู่ที่หลังของนางตลอด โชคยังดีที่มีเขาอยู่ข้างหลังให้นางพิง แถมประคองเอวของนางเอาไว้ ถึงไม่มีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้น
“เป็นแม่คนแล้ว ไฉนถึงยังไม่สงบนิ่งเช่นนี้อีก หากเมื่อครู่หกล้มจริงๆ จะทำอย่างไร” ยามที่ควรจะสั่งสอนก็ไม่อาจปล่อยผ่านได้ ไม่เช่นนั้นจะไม่จำ วันหลังจะยิ่งเป็นหนักขึ้น เกิดความผิดพลาดใดขึ้นมา นึกเสียใจทีหลังก็ไม่ทันเสียแล้ว
เพียงแต่ยังดีที่เสี่ยวจินอวี๋ไม่ได้ตกใจ พ่อโอบแม่เอาไว้ แม่อุ้มเขาเอาไว้ ครอบครัวสามคนพร้อมหน้า หากเป็นเช่นนี้ไปได้ตลอดก็ดีไม่น้อยเลย!