ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 549
ตอนที่ 549 นี่ถึงจะเป็นหญิงงามแท้ๆ
ที่อวี่เหวินลู่กลับมาครั้งนี้ ที่จริงแล้วก็ไม่ได้มีเรื่องใหญ่โตอะไร พ่อของเขากลัวภรรยา คนที่อยู่ในบ้านคนนั้นไม่ยอมให้เขาสู้ศึกแนวหน้าเด็ดขาด บอกว่าพวกเขาก็มีลูกชายเขาเพียงคนเดียว อนาคตยังหวังพึ่งเขาสืบตระกูล บนสนามรบมีดดาบไร้ตา หากเกิดอะไรขึ้นมา ตระกูลอวี่เหวินของพวกเขาก็จะไม่มีผู้สืบตระกูล ได้แผ่นดินไปแล้วจะมีความหมายอะไรอีก
พ่อของเขาจึงได้แต่สั่งให้เขากลับมา เพียงแต่จะให้เขาว่างอยู่ก็ไม่ได้ จึงให้เขาอยู่ในกระโจมเติมตำแหน่งว่างของแม่ทัพ ทำเพียงจัดทัพ ชี้สั่งอยู่เบื้องหลัง เขาไม่พอใจ เขาเป็นลูกผู้ชาย ไม่อาจอยู่แนวหน้าฆ่าศัตรูก็ว่าไปแล้ว แถมยังให้งานชี้สั่งให้เขาอีก ช่างขายหน้ายิ่งนัก คิดไปคิดมา ก็ตัดสินใจมาที่เมืองหลวง ฝั่งนี้ถึงจะสำคัญที่สุด เขามาแล้วยังสามารถสืบข่าว มีความเคลื่อนไหวอะไรก็สามารถส่งข่าวกลับไปได้ทันท่วงที แล้วก็…
ไม่มีแล้วก็อะไร เขาปัดความคิดที่อยู่ในหัวนั้นออกไป แสร้งทำเป็นไม่สนใจ ได้ยินเฝิงเยี่ยไป๋พูดอย่างไม่แยแสแล้วก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกที่เขาพูดนั้นก็มีเหตุผล เพียงแต่เขาจะถอนตัวตอนนี้ เขามองแล้วก็อดไม่ได้
“เฝิงเยี่ยไป๋ หากเจ้าไม่อยากได้แผ่นดิน แล้วสิ่งอื่นเล่า เงินทองเจ้าก็ไม่เอา อำนาจเจ้าก็ไม่เอา ขอเพียงเจ้าสามารถช่วยพ่อข้าสู้ศึกสำเร็จ หลังจากนั้นเจ้าอยากได้อะไรก็ได้ทุกสิ่ง” เขาเหลือบมองเฉินยางแล้วพูดว่า “ผู้หญิงเจ้าก็เลือกได้ตามใจ อยากได้เช่นใดก็มี งามยิ่งกว่าคนนี้ก็ย่อมได้”
เฉินยางกัดฟันจ้องใส่เขา เฝิงเยี่ยไป๋กุมมือนางอยู่ใต้โต๊ะวางอยู่ในฝ่ามือตบเบาๆ พูดโดยไม่แสดงสีหน้าว่า “หญิงงามข้าเจอมามาก ไปๆ มาๆ ก็มีหน้าตาใกล้เคียงกัน หญิงงามล้วนมีหน้าตาที่ไม่แตกต่าง บางครั้งพอดูไปแล้วอาจจะรู้สึกสวยงาม นานวันเข้า ดูใครก็เป็นเช่นกัน ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ผู้หญิงน่ะ จะเลือกคนที่งามไม่ได้ ต้องมีรส และยังต้องดูทน มองวันนี้มองพรุ่งนี้ มองวันใดก็สามารถมองได้แตกต่างออกไป นี่ถึงจะเป็นหญิงงามแท้ๆ”
เฉินยางรู้ว่าเขาชมตัวเอง รู้สึกดีอยู่ในใจ อวี่เหวินลู่เอียกศีรษะเห็นทั้งสองคนกุมมืออยู่ใต้โต๊ะ ในใจก็มีไฟโกรธพุ่งขึ้นมา บอกไม่ถูกว่าเป็นอะไร เพียงแต่ก็คือไม่พอใจ ไม่อยากเห็น รู้สึกสะดุดตานัก เพียงแต่พวกเขาเป็นสามีภรรยากัน นี่ก็เป็นห้องนอนของเขา แต่เดิมเขาก็เป็นคนนอกที่โผล่เข้ามา อยู่ต่อหน้าเขาก็ไม่ต้องอายอะไร อีกอย่างพวกเขาก็เป็นสามีภรรยากัน เรื่องที่ยิ่งกว่านี้ก็เคยทำแล้ว ไม่เช่นนั้นจะมีลูกได้อย่างไร เขาไม่พอใจกับสิ่งที่ไม่ได้มา ความคิดนี้ช่างประหลาดนัก ทรมานเขาจนรู้สึกไม่สงบ อย่าได้เป็นเช่นนั้นกระมัง!
เฝิงเยี่ยไป๋เห็นเขาอยู่ในสายตาตัวเองแล้วหงุดหงิด เห็นเขาไม่รู้สึกตัว ไม่มีท่าทีว่าจะไป เขาก็ไม่อ้อมค้อมกับเขา เริ่มเอ่ยปากไล่คน “นี่ก็ดึกแล้ว หากเจ้าไม่มีเรื่องใด พวกเราก็จะพักแล้ว”
ก่อนหน้านี้ยังรู้ว่าต้องเรียกเขาว่าท่านซื่อจื่อ ตอนนี้แม้แต่ท่านซื่อจื่อก็ไม่เรียกแล้ว คำเรียกขานนั้นก็ไม่มีก็เริ่มไล่คน ต่อให้เขาดื้อด้านก็ไม่อาจดื้อด้านอยู่ทั้งคืน ดื้อด้านอยู่ทั้งคืนมองพวกเราสนิทสนมกัน คาดว่าเขาคงไม่มีชีวิตรอดจนถึงเชาเพราะถูกพวกเขาทำเอาโกรธจนตาย
ไปคือไป แต่จะแพ้ไม่ได้ เขาถกแขนเสื้อลุกขึ้นยืน แสร้งทำเป็นท่าทางมากความรู้ ทำเสียงเข้มขรึมว่า “ที่ข้าพูดไปเจ้าลองคิดดู เจ้าไปตอนนี้แล้ว ก็ไม่ต่างจากคนขี้ขลาด”
ตอนที่ 550 สนใจผู้หญิงของเขา
คำว่าคนขี้ขลาดนี้ใช้กับเขาไม่ได้ พวกเขาตระกูลอวี่เหวินชิงแผ่นดินก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาตั้งแต่แรก เป็นฮ่องเต้ที่คิดวางแผนร้ายใส่เขา ไม่มีใครถูกดาบจี้คอแล้วไม่เอาคืน ตอนนี้เรื่องของเขา เขาได้เอาคืนแล้ว หากไม่ไปอีก หรือจะให้ช่วยพวกเขาชิงแผ่นดิน ล้วนแซ่อวี่เหวินทั้งนั้น จะมีใครดีกว่าใครอีกหรือ เพราะราชโองการฉบับเดียวของฮ่องเต้องค์ก่อนก็ทำเอาฮ่องเต้ไม่อาจเก็บเขาเอาไว้ ซู่อ๋องมีใจชิงบัลลังก์ หากราชโองการนั้นยังไม่ชัดเจน ยากจะรู้ว่าจะไม่คิดฆ่าเขา อย่าให้ถึงตอนสุดท้ายที่ว่าตัวเองช่วยเขาลับดาบแล้วเขากลับเอาดาบมาจี้คอตน จะขายหน้ายิ่งนัก
เฉินยางไม่พอใจกับท่าทางหยิ่งยโสของอวี่เหวินลู่ เพราะความเอาใจล้วนๆ เหมือนดั่งใต้ฟ้านี้ก็ควรจะเป็นของเขาเช่นนั้น คนอื่นช่วยเขา ไม่รู้จักซาบซึ้งไม่ว่า ตอนนี้กลับย้อนมาข่มขู่บังคับ คนเช่นนี้ ควรจะจับมัดเอาไว้ส่งให้รัชทายาทจัดการ ไม่เคยผ่านความลำบาก หากเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ เขาก็ดีเพียงเปลือก ดูได้แต่ใช้งานไม่ได้
เฝิงเยี่ยไป๋ไม่ใช่คนโง่ ผู้ชายด้วยกันย่อมเข้าใจผู้ชายที่สุด อวี่เหวินลู่นี้มาบ้านเขาหลายครั้ง แถมยังเลือกช่วงเวลาที่เขาไม่อยู่เข้ามาในห้องนอนของเขา ยามที่เพิ่งเข้ามานั้น ก็เห็นสายตาของเขาจ้องมองพินิจพิเคราะห์เฉินยางด้วยความอยากรู้ แถมยังมีความรู้สึกที่บอกไม่ถูก มีจุดประสงค์อะไร ผู้ชายมองผู้หญิงจะยังมีจุดประสงค์ใดได้อีก นี่คือมองจนสนใจเข้าแล้ว เจ้านี่เริ่มสนใจผู้หญิงของเขาแล้วกระมัง!
“วันหลังเจ้าอยู่ห่างๆ อวี่เหวินลู่นั่นหน่อย ยิ่งไกลยิ่งดี” เขาไม่ได้กลัวว่าอวี่เหวินลู่จะเป็นภัยอะไรกับเขา เพียงแต่เห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันแล้วรู้สึกไม่พอใจ ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง หากมีข่าวอะไรแพร่ออกไปอีกก็ไม่น่าฟัง
เฉินยางเห็นเขาทำหน้าบูดบึ้ง ในใจก็กระตุก คิดเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ข้าไม่ได้อยากคุยกับเขา คนผู้นี้เดินเหินไร้เสียง ข้าหันกลับมาก็เห็นเขาอยู่ข้างหลังข้าแล้ว ทำเอาข้าตกใจแทบตาย ตอนหลังเขาก็พูดเรื่องไร้สาระกับข้า บอกว่าหากท่านจะชิงแผ่นดินจะทำเช่นนั้นเช่นนี้ ข้าจึงเถียงกับเขา สิ่งอื่นใดก็ไม่ได้พูด หลังจากนั้นอีกก็คือสิ่งที่ท่านได้ยินตอนกลับมาแล้ว ไม่มีเรื่องอื่นจริงๆ”
เมื่อครู่ตัวเองพูดแรงไปเสียหน่อย อาจทำให้นางตกใจ เขาตั้งสติกลับมา สีหน้าผ่อนลงเล็กน้อย ยื่นมือไปโอบไหล่นาง “ข้าขอโทษ เมื่อครู่ข้าปากไวเสียหน่อย ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น อวี่เหวินลู่นี้ เจ้าพูดอะไรกับเขา เขาก็คงไม่ฟัง เสียเวลาเปล่าๆ สุดท้ายแล้วยังทำให้ตัวเองโมโหอีก ไม่คุ้มเอาเสียเลย หากเขามาอีก เจ้าก็ให้คนไล่เขาออกไป อย่าได้เจอเป็นพอ อย่าได้กังวลฐานะของเขาแล้วไม่กล้าไล่ ข้าอยู่ที่นี่ ไม่มีใครกล้าทำอะไรเจ้า”
เฉินยางตอบอืมเบาๆ พิงอยู่ในอ้อมอกเขาอย่างเชื่อฟัง “เช่นนั้นแล้วเรื่องที่ท่านบอกว่าจะกลับหรู่หนานยังจะกลับอยู่หรือไม่ พวกเราจะกลับไปเมื่อใด”
นางคิดถึงบ้านแล้ว ไม่ได้เจอกับท่านพ่อของนางมานานขนาดนี้ ก็ไม่รู้ว่าท่านพ่อของนางตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้นางมีเสี่ยวจินอวี๋ ความรู้สึกดีใจที่เพิ่งได้เป็นแม่คนอยากจะแบ่งปันให้ท่านพ่อของนางรู้ ความรู้สึกคิดถึงบ้านเกิดนั้นสะกดไม่อยู่ พอในใจมีความคิดเช่นนี้ ชีวิตที่อยู่ในเมืองหลวงก็น่าเบื่อหน่ายขึ้นมาทันที
“รออีกสักหน่อย ดูสถานการณ์ไปก่อน ที่จริงแล้วที่อวี่เหวินลู่พูดเมื่อครู่ก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผลทั้งหมด ไปยามนี้ รัชทายาทไม่ปล่อยพวกเราไปแน่ ซู่อ๋องกับรัชทายาทยังไม่สู้กันตรงๆ ขึ้นมา รออีกไม่กี่วัน รอให้ด่านซื่อสุ่ยนั้นถูกตีแตกแล้ว ทุกอย่างก็จะสะดวกขึ้นแน่นอน”