ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 565
ตอนที่ 565 นายหญิงเจ้าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว
เฝิงเยี่ยไป๋ก็ไม่ได้ใจเ**้ยมเช่นนั้น ความผิดไม่ลามถึงคนในตระกูลเขาก็รู้ อีกอย่าง ปล่อยเด็กคนหนึ่งไปก็ไม่มีอะไร วันหลังก็ไม่กลัวว่าเขาจะมาล้างแค้น ตนไม่ได้เป็นคนฆ่าพี่สาวของเขา เกิดเองดับเอง ไม่มีเหตุผลที่จะโทษคนอื่น อีกอย่างผิดชอบชั่วดีสอนกันตั้งแต่เด็ก โตแล้วก็ใช่ว่าจะเป็นคนเนรคุณเสมอไป
ตัวเขาเองก็มีลูกชาย ในใจย่อมมีพื้นที่อ่อนโยน ข้างในมีความเมตตาแฝงอยู่ ความรู้สึกที่เมื่อก่อนไม่เคยมี ตอนนี้มีเพิ่มขึ้นมาแล้ว ความโหดเ**้ยมที่มีต่อคนอื่นน้อยลงแล้ว ค่อยๆ สงบนิ่งจนอ่อนโยน แล้วจะคิดทำร้ายน้องชายของนางได้อย่างไร
เขาเดินมาถึงหน้าห้องน่าอวี้อย่างไม่รู้สึกตัว เสียงไอข้างในดังขึ้นไม่หยุด เขาให้องครักษ์ที่เฝ้าอยู่เปิดประตูออก ก็ได้เจอกับอวี๋เอ๋อร์ที่ออกมาเทน้ำพอดี
ดวงตาอวี๋เอ๋อร์แดงก่ำ ครั้นเห็นว่าเป็นเขาก็วางอ่างน้ำลงพื้นคุกเข่าลงทันที “คารวะท่านอ๋อง!”
“ลุกขึ้นเถิด” เขาเห็นอ่างทองเหลืองที่อยู่บนพื้น สีแดงกว่าครึ่งในอ่างล้วนเป็นเลือด “นายหญิงเจ้าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
อวี่เอ๋อร์คลานเข่ามานั่งคุกเข่าอยู่ข้างขาเขา “ท่านอ๋อง บ่าวขอร้องท่านได้โปรดปล่อยนายหญิงของข้าไปเถิด นายหญิงข้ามีชีวิตลำบาก ตั้งแต่เสียครอบครัวไปก็ไม่เคยมีชีวิตดีๆ เลย ร่างกายอ่อนแอตั้งแต่เด็ก หากไม่ใช่ถูกคนกุมจุดอ่อนได้ใช้นายน้อยมาข่มขู่ นายหญิงข้าเป็นคนใจงามถึงเพียงนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ ขอเพียงท่านอ๋องโปรดเมตตา ข้าขอสาบานว่าจะพานายหญิงข้าไปให้ไกลๆ ไม่กลับมาอีก ท่านว่าได้หรือไม่”
ฮ่องเต้ก็สวรรคตแล้ว น่าอวี้ย่อมไม่เป็นภัยกับเขา ตอนนี้พั่งไห่ไม่มีที่พึ่งพิง ในวังย่อมลำบาก และคงไม่มีเวลาจัดการเรื่องของนาง ต่อให้นางโกรธแค้นคิดจะแก้แค้นเขาแล้วไปหารัชทายาท รัชทายาทก็ใช่ว่าจะสนใจนาง ขึ้นครองบัลลังก์ใหม่ๆ คนที่ฮ่องเต้เคยไว้ใจต้องถอนรากถอนโคน ยามนี้ยังไม่ลงมือ รอให้ราชสำนักดีขึ้นเมื่อไหร่จะต้องจัดการเสียให้หมดสิ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ในเมื่อน่าอวี้สามารถหลบซ่อนจากสายตาของเขาได้ ก็ย่อมไม่โง่รนหาที่ตาย ความเป็นความตายของนาง ยามนี้ดูแล้วเหมือนจะไม่สำคัญเลยสักนิด
หากจะสืบสาวไปอีก ความจริงแล้วแม้ว่านางจะเป็นสายลับของฮ่องเต้ ซ่อนอยู่ข้างกายตัวเองมาตลอด เพียงแต่ข่าวที่เป็นประโยชน์นั้นที่จริงแล้วก็ไม่ได้มีเท่าไรนัก แม้แต่ผิวของเขายังไม่ถูกแตะเลยด้วยซ้ำ ครั้งสุดท้ายที่นางวางแผนจะทำร้ายเฉินยางยังถูกเขาจับได้อีก หากดูเช่นนี้แล้ว เขาเองก็ไม่ได้เสียหายอะไร
น่าอวี้ได้ยินเสียงที่อยู่ข้างนอกจึงเดินไปที่ประตู นางไม่ได้ออกจากห้องนี้มานานแล้ว เพียงแต่ข่าวในจวนนางก็ได้ยินมาไม่น้อย รวมถึงเรื่องที่เฉินยางคลอดลำบาก เสี่ยงชีวิตคลอดลูกชายให้เขา ครอบครัวพวกเขาสามคนถือว่าอยู่ครบสมบูรณ์แล้ว นางฟังอยู่ข้างในทั้งแค้นทั้งอิจฉา ต่างคนต่างมีชะตาของตัวเอง แต่ชะตาของนางเหมือนว่าจะเลวร้ายมาตลอด
“อวี๋เอ๋อร์ ลุกขึ้น” แม้จะป่วยแต่ก็ยังงดงาม แม้ว่าใบหน้าขาวซีด เพียงแต่หน้าตาก็ยังคงสวยงามเช่นเดิม นางผอมลงไปมากจนแทบจะเหลือเพียงกระดูก เปราะบางจนแทบจะถูกลมพัดไปได้เช่นนั้น น่าสงสารและน่าใจหาย แม้จะตกต่ำเช่นนี้ เพียงแต่ความทะนงในตนยังมีอยู่
อวี๋เอ๋อร์ไม่ยอมลุกขึ้น นางร้องไห้หนัก กอดขาเฝิงเยี่ยไป๋เหมือนดั่งกอดฟางช่วยชีวิต ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยมือ
ใบหน้าเฝิงเยี่ยไป๋ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เขาไม่ได้เตะอวี๋เอ๋อร์ออกไปและไม่ได้แสดงความโกรธ เขาพูดอย่างเรียบนิ่งว่า “ฮ่องเต้สวรรคตแล้ว ยามนี้น้องชายของเจ้าน่าจะไม่มีใครสนใจแล้ว ข้าจะให้คนพาเขากลับมา”
ตอนที่ 566 คู่ฟ้าลิขิต
เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องอื่น ประโยคแรกนี้นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องน้องชายของนาง ในใจน่าอวี้เกิดความรู้สึกต่างๆ ขึ้นมาทันที เป็นความรู้สึกอะไรหรือ ก็เหมือนดั่งผ่านทุกสิ่งบนโลกไปแล้วเช่นนั้น นางมีอายุไม่มาก หัวใจกลับชราลงสิบกว่าปีในบัดดลเช่นนั้น ปล่อยวางแล้ว ไม่สนสิ่งใดแล้ว ไม่มีอะไรที่ปล่อยวางไม่ได้ยกเว้นน่ายง
นางพิงกับวงกบประตู หากยามนี้มีกล้องยาสูบในมือก็คงแลดูทรงเสน่ห์ดูผ่านโลกมามาก ให้ความรู้สึกที่เหมือนดั่งเทพเซียนในภาพวาดเช่นนั้น ผู้หญิงเช่นนี้แต่เดิมควรจะมีชีวิตดีๆ เพียงแต่นางมีชีวิตลำบาก ช่วงวัยที่กำลังงดงามของคนเรา นางกลับค่อยๆ ดับสูญ
พวกเขาเป็นคนประเภทเดียวกัน บางครั้งการโง่เสียบ้างก็เป็นเรื่องที่โชคดีที่สุด คนฉลาดมักจะคิดมากกว่าคนอื่น ความหนักใจก็มีมากกว่าคนอื่น สิ่งที่อยู่ในหัวมีมากกลับกลายเป็นภาระ คนเช่นเขานั้น ฟ้าลิขิตมาให้คู่กับเว่ยเฉินยาง คนหนึ่งฉลาด คนหนึ่งโง่ อยู่กับเว่ยเฉินยางเขารู้สึกสบายใจ อยู่ข้างนอกใช้ความคิดมาก กลับไปบ้านก็สบาย คนที่จะครองคู่ไปตลอดย่อมต้องเลือกคนที่ทำให้รู้สึกสบายใจ เพียงแต่หากจะเป็นเพื่อนที่รู้ใจ น่าอวี้ย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
“อวี๋เอ๋อร์ ได้ยินที่ท่านอ๋องพูดแล้วหรือไม่ ยังไม่รีบลุกขึ้นอีก” นางไม่ยโสและไม่ต่ำต้อยเช่นนี้อยู่ตลอด รอยยิ้มบนใบหน้าก็อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่ได้เป็นเพราะสถานะของตัวเองในตอนนี้แล้วลดตำแหน่งของตัวเองให้ต่ำลง นางก็ยังเป็นนาง หากนางไม่ยอม ก็ไม่มีใครสามารถให้นางโค้งตัวได้
อวี่เอ๋อร์ตบเข่าลุกขึ้นยืน นางมองเฝิงเยี่ยไป๋ด้วยความหวาดระแวงแล้วถามอีกว่า “เช่นนั้นแล้วนายหญิงของข้าเล่า ท่านอ๋องจะปล่อยนายหญิงของข้าได้หรือไม่”
เฝิงเยี่ยไป๋ไม่พูดอะไร เขาเหลือบมองน่าอวี้แล้วหันหลังจากไป
อวี๋เอ๋อร์งุนงง นี่เกิดอะไรขึ้นหรือ ตกลงคือยอมหรือไม่ยอม เขาสามารถช่วยนายน้อยกลับมาก็แสดงว่ายังมีความเมตตาอยู่ ในเมื่อเป็นคนมีเมตตา ไฉนถึงไม่อาจปล่อยนายหญิงของนางได้
ในใจน่าอวี้ก็เป็นกังวลเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวแล้ว ว่าแล้วคนที่มีลูกก็ไม่เหมือนเดิม เขาสามารถทำให้เรื่องสุดท้ายที่นางเป็นกังวลอยู่ให้ลุล่วงก็ดี นางจะได้ไม่ต้องนอนตายตาไม่หลับ
“อวี๋เอ๋อร์ เจ้ามานี่” นางค่อยๆ หันหลัง ร่างกายผ่ายผอมซูบซีด ดูแล้วชวนให้น่าสงสารยิ่งนัก
อวี๋เอ๋อร์วิ่งไปหาแล้วประคองให้นางนั่งลง ในใจเกิดความรู้สึกกังวลขึ้นมาน้อยๆ “นายหญิง ท่านมีเรื่องใดจะสั่งหรือเจ้าคะ”
นางชี้ไปที่ตู้ตรงข้ามเตียงแล้วพูดว่า “ข้างในมีกล่องไม้สักเล็กๆ อยู่ เจ้าไปหยิบออกมา”
นี่เป็นสมบัติที่นางสะสมไว้หลายปี มีไม่มากไม่น้อย มีพอให้ซื้อบ้านและที่นานอกเมืองได้ นางได้วางแผนจะถอนตัวไว้นานแล้ว โชคยังดีที่แผนที่วางไว้ได้ใช้ในยามนี้ สมบัติที่นางสะสมมาก็สามารถมอบชีวิตที่ดีให้แก่น่ายงได้แล้ว
อวี๋เอ๋อร์เปิดกล่องขึ้นมา ข้างในนอกจากเครื่องประดับแล้วก็เป็นตั๋วเงิน หากแลกเป็นเงินก็คงได้หลายพันตำลึง หากรวมกับกล่องไม้สักนี้ ก็มีพอให้ใช้ไปได้ครึ่งชีวิตอย่างไม่ต้องกังวล แม้ว่าอวี๋เอ๋อร์ปกติจะไม่ค่อยฉลาดนัก เพียงแต่ในเวลาสำคัญก็ไม่ได้โง่ พอนางได้เห็นก็พอจะเข้าใจขึ้นมา นางมองน่าอวี้ด้วยความหวั่นกลัว “นายหญิง ท่านคิดจะทำสิ่งใด”
“เฝิงเยี่ยไป๋รักษาคำพูด รอให้เขารับน่ายงกลับมาแล้ว เจ้าก็พาน่ายงจากเมืองหลวงไป หาเมืองเล็กๆ ห่างไกลผู้คนซื้อบ้านไว้หลังหนึ่ง ส่วนเงินที่เหลือ เจ้าจะใช้เปิดร้านค้าก็ดี หรือจะซื้อที่นาก็ตามใจเจ้า ขอเพียงสิ่งเดียว คือเจ้าต้องเลี้ยงน่ายงให้ดี!”