ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 567
ตอนที่ 567 นานเพียงใดแล้วที่เจ้าไม่ได้ป้อนข้า
ความผูกพันจึงจะเป็นสิ่งที่เหนื่อยใจที่สุดบนโลกมนุษย์ ยิ่งผูกพันมากก็ยิ่งกดจนหายใจแทบไม่ออก เขากับน่าอวี้ ไม่ว่าจะเป็นตอนแรกที่รู้ความจริงแล้วเกลียดนางแค้นนาง หรือเป็นตอนหลังที่ค่อยๆ ห่างเหิน ณ ส่วนลึกในหัวใจมักจะมีความรู้สึกที่เห็นใจซึ่งกันและกัน พวกเขาสองคนความจริงแล้วไม่มีจุดที่เหมือนกันเลย เพียงแต่นางกลับทำให้เขาเกิดความรู้สึกเช่นนี้ได้ บางครั้งอาจจะเพราะบุคลิกที่แผ่ออกจากตัวนางดึงดูดเขา ผู้หญิงสามารถทำได้เช่นนาง ก็ถือว่าไม่เสียชาติเกิดแล้ว
ตอนที่เขากลับไปนั้นก็เล่าเรื่องนี้ให้เฉินยางฟัง อาการของน่าอวี้เขาก็ไม่ได้ปิดบัง อย่างไรเสียเก็บนางไว้ก็ไร้ประโยชน์ ปล่อยนางไปก็ไม่มีผลใดๆ จะจัดการใหม่อย่างไร ก็กลายเป็นปัญหาใหม่อีกครั้งอยุ่ดี
เฉินยางคิดอย่างจริงจังอยู่นาน ก่อนจะพูดอย่างลังเลขึ้นมาว่า “ในเมื่อปล่อยนางไปก็ไม่มีผลใดๆ เช่นนั้นก็ปล่อยนางออกจากจวนเถิด ความจริงแล้วข้าก็มองว่านางน่าสงสารนัก ที่นางทำทุกสิ่งนี้ก็เพื่อน้องชายของนาง แม้ว่าเรื่องที่ทำจะน่ารังเกียจนัก เพียงแต่… นางเป็นโรคนี้ จะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานสักเพียงใดเชียว ชีวิตที่เหลือของนางก็ให้นางได้อยู่กับน้องชายเถิด พี่สาวน้องชาย แต่เดิมควรจะอยู่ด้วยกัน เพียงแต่ถูกบังคับให้แยกจากกันนานเช่นนี้คงทุกข์ทรมานนัก”
ก็รู้อยู่แล้วว่านางใจอ่อน คำตอบนี้เขาคิดไว้อยู่แล้ว จึงไม่ได้คัดค้าน ชีวิตของเขาน้อยนักที่จะเมตตา เขามักจะแสร้งทำตัวดุร้าย ทุกคนต่างหวาดกลัวเขา เพียงแต่ตอนหลังเมื่อได้แต่งงานกับนาง นางมีความเมตตา จึงค่อยๆ เปลี่ยนนิสัยของเขาทีละนิด ละลายหัวใจเขาที่ปิดกั้น อย่างไรเสียก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพียงแค่ประโยคเดียวของเขาก็สามารถทำให้คนอื่นมีความสุขได้ เรื่องเช่นนี้ทำสักครั้งสองครั้งมีเหตุผลใดที่จะไม่ทำ
เขาพยักหน้าตอบรับแล้วกอดนางเอาไว้ ริมฝีปากขยับเข้าใกล้ ยังไม่ทันได้แตะ ก็ได้ยินนางถอนหายใจ “เพียงแต่ท่านหมออิ๋งโจวคงจะเสียใจอีกแล้ว เมื่อก่อนในใจเขามีแม่นางเสียนอยู่ตลอด หลายปีมานี้ก็ใช้ชีวิตอยู่ในกองทุกข์ ตอนหลังได้พบน่าอวี้ นางได้เติมเต็มช่องว่างในหัวใจของเขา น่าเสียดายที่สวรรค์ไม่เป็นใจนัก ทั้งสองคนเพิ่งจะมีความรักให้กันก็ต้องแยกจากกันอีกแล้ว ท่านหมออิ๋งโจวเป็นคนรักลึกซึ้ง ครั้งนี้เป็นกรรมใหญ่ของเขา ก็ไม่รู้ว่าเขาจะข้ามผ่านไปได้หรือไม่”
เฝิงเยี่ยไป๋แตะที่ปลายจมูกของนาง น้ำเสียงทุ้มต่ำ แหบแห้งลงเรื่อยๆ “เมื่อครู่อิ๋งโจวดื่มเหล้ากับอวี่เหวินลู่ที่สวน ดื่มจนเมา ข้าให้คนส่งเขากลับหรู่หนานแล้ว ตาไม่เห็นเป็นการดี ถ้าไม่ให้เขาได้เห็นน่าอวี้ตายไปต่อหน้าในใจเขาอาจจะรู้สึกดีกว่าบ้าง ไม่อยู่ข้างกาย นานวันเข้า ต่อให้ไม่อาจลืมได้ ความผูกพันนี้ก็ค่อยๆ จางลงไป ความเจ็บปวดที่เขามีก็จะลดลงได้บ้าง”
เฉินยางเงยหน้ามองเขา “ยังเป็นท่านที่รอบคอบ ไม่ให้เขาได้เห็นในใจเขาคงจะรู้สึกดีกว่ากระมัง!”
“เรื่องของคนอื่นจัดการหมดแล้ว ต่างมีที่ไปของตนเอง พวกเราก็ไม่ถือว่าติดหนี้บุญคุณใคร ตอนนี้ควรจะพูดถึงเรื่องของพวกเราแล้วกระมัง” สายตาร้อนแรงของเขาจ้องมองนางตาไม่กะพริบและไม่ยอมละสายตาเลยแม้แต่น้อย “เจ้านับดูซิ เจ้าไม่ได้ป้อนข้ามานานเพียงใดแล้ว”
เขามักมีคำพูดแปลกใหม่เสมอ ส่วนนางก็สามารถฟังรู้เรื่องได้ เพียงแต่พอพูดออกจากปากเขาแล้วเหมือนไม่ได้หมายความเช่นนั้น ทำเอานางไม่ทันระวังหลงกลเข้าให้ ป้อนเขา? เฉินยางได้ยินก็เม้มปากยิ้ม “ท่านไม่ใช่เสี่ยวจินอวี๋เสียหน่อย กินข้าวยังต้องให้ข้าป้อนอีกหรือ”
เฝิงเยี่ยไป๋หัวเราะที่นางแสร้งโง่ “ที่ข้าพูดหมายถึงเช่นนั้นหรือ” เขาพานางไปที่เตียงเงียบๆ แล้วจับนางกดลงกับเตียง ยิ้มอย่างมีเลศนัยยิ่งนัก “ที่ข้าพูดหมายถึงสิ่งนี้ คำว่า ‘ป้อน’ คำนี้ เข้าใจหรือไม่”
ตอนที่ 568 เจ้าทำให้ข้าดู
เฝิงเยี่ยไป๋ดื้อดึงขึ้นมาก็เหมือนดั่งกอเอี๊ยะ ติดอยู่บนร่างกายแล้วดึงไม่ออก เฉินยางละเลยมานาน พอเขาพูดขึ้นมานางก็ระแวงทันที ความรู้สึกในครั้งแรกถาโถมเข้ามา จะเป็นความรู้สึกอะไรได้อีก นอกจากเจ็บแล้วก็ไม่มีความรู้สึกอื่นใดเลย เพียงแค่คิดก็ทำเอาขนลุก ไม่มีความรู้สึกอยากจะทำเลยจริงๆ
เขาถูหน้านางด้วยท่าทางเชื่องๆ จูบไปที่ศีรษะและลำคอนาง ท่าทางชอบใจ “หลายครั้งก่อนหน้านี้เจ้าก็บ่ายเบี่ยงตลอด ครั้งนี้เจ้าหนีไม่ได้แล้วกระมัง ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ให้เจ้าหนีไปได้”
เฉินยางหดตัวถอยหลัง “อย่า ตอนนี้… ไม่ได้”
เขาขมวดคิ้วมองนาง “ไฉนถึงไม่ได้ คิดจะปฏิเสธหรือ”
“ท่าน… ข้าไม่เคยรับปากท่าน จะว่าปฏิเสธได้อย่างไรเล่า”
ครั้งนี้อดกลั้นจนไม่ไหวแล้วจริงๆ ตั้งแต่แต่งงานมานานเช่นนี้ จำนวนครั้งที่เขาได้แตะต้องนางก็มีน้อยนัก เขาอยู่ในวัยหนุ่ม เลือดลมพลุ่งพล่าน พลังเต็มเปี่ยม ความต้องการที่มีอยู่อดทนไว้ตลอดเช่นนี้ หากอดทนต่อไปก็คงเป็นพระได้แล้ว
เฉินยางยังคิดจะหนีอีก กลับถูกเขาจับข้อเท้าดึงกลับมา แผ่นอกที่ร้อนผ่าวแนบลงมา ทำเอานางเหมือนดั่งปลาบนเขียง เฝิงเยี่ยไป๋เม้มปากยิ้ม “ครั้งนี้เจ้าจะหนีอย่างไรอีก หนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น วันนี้เจ้าเป็นของข้าเสียโดยดีเถิด!”
สามีภรรยาทำเรื่องนี้ไม่น่าแปลก เพียงแต่ทรมานก็ตรงที่เขาวู่วาม ปากบอกว่าไม่เป็นไร ไม่วู่วามไม่ทำนางเจ็บ เพียงแต่ยามลงมือนั้นกลับไม่เมตตาเลย เฉินยางจึงได้แต่ยอมแพ้ ขอร้องอ้อนวอนว่า “ท่าน… ครั้งนี้ท่านฟังข้าก่อนได้หรือไม่ หากยังเป็นเหมือนครั้งก่อนๆ ข้าจะเตะท่านแล้ว”
เฝิงเยี่ยไป๋จูบที่ใบหน้าของนาง “เป็นข้าที่ไม่ดีเอง ไม่ดูแลเจ้าให้ดี ข้าขอสาบาน ครั้งนี้จะไม่วู่วามได้หรือไม่”
เชื่อเขาก็บ้าแล้ว มีครั้งใดบ้างที่เขาไม่ได้พูดเช่นนี้ เพียงแต่เชื่อได้หรือ ก็ยังต้องปล่อยตามใจเขาอยู่ดี เฉินยางก็ไม่ตั้งความหวังว่าเขาจะอ่อนโยนกับนางแล้ว นางหลับตาลง ท่าทางเหมือนเตรียมถูกประหาร
เฝิงเยี่ยไป๋หัวเราะในความใสซื่อของนาง เขาเขี่ยตานางเบาๆ รู้สึกสงสารนาง “เจ้าเป็นเช่นนี้ กลับทำเอาข้าเหมือนบังคับเจ้าเสียอย่างนั้น เรื่องนี้แต่เดิมควรจะเป็นความยินยอมทั้งสองฝ่ายถึงจะถูกต้อง ในเมื่อเจ้าไม่ยินดี เช่นนั้นข้าก็จะไม่บังคับเจ้าแล้ว”
จากนั้นก็พยายามข่มตนให้ปล่อยนาง แม้ว่าในใจจะไม่ยอม เพียงแต่พูดแล้วว่าจะไม่บังคับนาง ก็ต้องทำให้ได้ ไม่เช่นนั้นแล้วจะมีความน่าเชื่อถือได้อย่างไร ให้นางจับจุดอ่อนได้แล้วเอามาพูด หน้าของตัวเองนั้นก็สูญสิ้นเสียหมด
ความหนักอึ้งบนร่างนั้นเบาลงทันที เฉินยางลืมตาขึ้น เห็นเฝิงเยี่ยไป๋นั่งอยู่ขอบเตียง มองแล้วเหมือนสั่นเทาอยู่ เขาหันศีรษะมองนาง สีหน้าไม่สู้ดีนัก เหมือนว่าฝืนอดกลั้นไว้
ตอนนี้นางกลับรู้สึกผิดขึ้นมา นางไม่ใช่ไม่ยอม เพียงแค่กลัวเท่านั้น สามีภรรยากัน แต่เดิมก็ไม่มีอะไรปิดบัง คุยกันดีๆ ก็ได้แล้ว
“ท่านทรมานจริงๆ หรือ” นางกอดเขาจากด้านหลัง นางตัวเล็ก อ้อมกอดก็เล็กเช่นกัน นางไม่เหมือนกับกอดเขา กลับเหมือนน้ำตาลเป่าที่ติดอยู่ข้างหลังเขามากกว่า
เฝิงเยี่ยไป๋พูดเชิงเอาแต่ใจกับนางว่า “รอชาติหน้าเจ้าได้เกิดมาเป็นผู้ชาย เจ้าก็จะเข้าใจว่ามันทรมานมากเพียงใด”
“ข้าก็ไม่ได้บอกให้ท่านฝืนกลั้นไว้นี่…” นางบ่นเสียงเบา “เป็นท่านที่เข้าใจผิดเอง ตอนนี้ยังจะมาโทษข้าอีก!”
ในใจเขาเกิดความหวังขึ้นมาทันที “เช่นนั้นแล้วเจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้าไม่ยอมพูดให้ชัดเจน เช่นนั้นก็ทำให้ข้าดูหน่อย”