ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 569
ตอนที่ 569 นิสัยแย่ๆ ของเขา
เฉินยางพูดเช่นนี้ได้ไม่ได้หมายความว่านางจะทำเช่นนั้นได้ ที่พูดออกมานั้นเพียงแค่อธิบายให้เขาฟังเท่านั้น ให้สื่อถึงว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนที่ไร้เหตุผลขนาดนั้น เมื่อครู่นางก็ยอมให้เขาทำแล้ว ไม่ทำก็เป็นเรื่องของเขา ไม่อาจโทษนางที่ไม่ให้เขาแตะ
เพียงแต่ท่าทางของเฝิงเยี่ยไป๋ตอนนี้เหมือนดั่งน้อยใจมากมายเช่นนั้น หากไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นเขาร้องไห้ นางยังคิดว่าเขาจะร้องไห้ออกมาเสียแล้ว ดั่งเช่นนางทรมานเขาเช่นนั้น
“ข้า…” ถ่านไฟห่างจากนางมากมาย เพียงแต่ใบหน้าของนางกลับถูกอบจนแดง แทบจะสุกเสียแล้ว “ท่าน ข้าเพียงแค่ถาม ไม่ได้อยากรู้”
“รู้แล้ว ข้าเคยพูดไว้ หากเจ้าไม่ยอม ข้าก็ไม่บังคับเจ้า พวกเราเป็นสามีภรรยากัน ชีวิตจากนี้ยังอีกยาวไกล เจ้ามักจะไม่เต็มใจอยู่เช่นนี้ ในใจข้าก็รู้สึกแย่”
ดูท่าทางน้อยใจนี้สิ แม้แต่น้ำเสียงก็ยังเปลี่ยนไป นางหมายความถึงเช่นนี้เสียที่ใด คนมักพูดว่าผู้หญิงใจแคบ เขาเป็นลูกผู้ชายก็ใจแคบยิ่งกว่าเข็มอีกไม่ใช่หรือ เฉินยางเม้มปากยิ้ม “ท่านเป็นเช่นนี้ ไฉนถึงได้เหมือนดั่งเด็ก ยังใช้เสียงจมูกอีก ท่านคิดจะร้องไห้หรืออย่างไร”
เฝิงเยี่ยไป๋มองนางด้วยความแค้นเคือง “ดึงเสื้อให้ดีๆ อย่าได้ให้ข้าลงมือแล้วเจ้ามาบอกว่าข้าเหลวไหล”
คอเสื้อถูกดึงเปิดออกเมื่อครู่ ผิวลื่นอ่อนนุ่มอยู่ในสายตา เปล่งประกายใต้แสงเทียน เขากลืนน้ำลายแล้วรีบเบือนสายตาหนี
เฉินยางไม่ได้ดึงเสื้อ นางลังเลอยู่ แล้วดึงลงไปอีก “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ท่านดู พวกเรานั้นแต่เดิมก็เป็นสามีภรรยา ท่านทำอะไรกับข้าก็สมควรอยู่ ข้าเพียงแต่… ท่านลงมือไม่รู้หนักเบา ข้ากลัว”
ที่แท้ก็กลัวเรื่องนี้ ก็ต้องโทษเขาที่วู่วาม ทุกครั้งล้วนถูกความสุขที่เจียนตายนั้นทำเอาสติหายไปหมดสิ้น เรื่องบางเรื่องเขาก็ควบคุมไม่ได้ นางก็ร้องทุบตีเขา เพียงแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ผู้ชายนั้น เวลานี้ล้วนยิ่งสู้ยิ่งคึก ยิ่งนางร้อง ความรู้สึกภาคภูมิใจของเขาก็ยิ่งมีมาก
คนเช่นนี้ไม่ได้มีเพียงเขาคนเดียว ผู้ชายคนใดไม่เป็นเช่นนี้บ้าง มีอยู่ทั่วไปเต็มเมือง นี่เป็นนิสัยแย่ๆ ของผู้ชาย เขาบอกได้เพียงว่าจะพยายามควบคุม ส่วนผลที่ออกมานั้นเป็นเช่นไร เขาก็ไม่อาจสาบานได้
แต่เดิมนางก็ตัวเล็ก ไม่ว่ามองจากมุมใดก็รู้สึกเปราะบาง หากจะพูดถึงพละกำลัง นางออกแรงทั้งตัวก็ใช่ว่าจะสู้เขามือข้างเดียวได้ หากเขาจะใช้กำลังจริงๆ นางย่อมต้องยอมแต่โดยดี
หลายครั้งก่อนล้วนเป็นเพราะเขาหลอกล่อบังคับถึงทำให้นางยอม เพียงแต่หลังจากนี้ เขาอยากให้นางเต็มใจเท่านั้น
“ครั้งนี้ข้าจะระวัง หากเจ้าทนไม่ไหวจริงก็ตีข้า ตีข้าให้แรง มีแรงเท่าใดใส่ให้หมด เจ้าก็รู้ ข้ามัวเมาไม่มีสติ เจ้าลงมือให้หนักอย่าได้เกรงกลัว”
เฉินยางยิ้มเชิดมุมปากขึ้น สองมือกอดที่คอของเขา อาหารส่งมาถึงปากของเขา จะว่าไปความภาคภูมิใจนี้ไม่มีสิ่งใดมาเทียบได้ เพียงแต่ยามนี้เขายังต้องพยายามควบคุมตัวเอง รอความเคลื่อนไหวของนางถัดไป
“ข้ารู้ ข้ารู้ว่าท่านลำบาก” นางย้อนนึกถึงท่าทางที่เขาเคยจูบนาง นางบุ้ยปากเข้าใกล้ริมฝีปากของเขา เป็นการจูบที่แสนจะธรรมดา ไม่ขยับ แต่ก็เพียงพอแล้ว ครั้งนี้นางเป็นคนเริ่ม ความก้าวหน้าไม่ใช่น้อยๆ เขารู้สึกชื่นใจ แม้ว่าจะเป็นเพียงการจูบเบาๆ เพียงแต่สำหรับเขานั้นก็มากพอแล้ว
ต่อจากนั้นก็เป็นไปทางที่ควรจะเป็น พัฒนาไปถึงขั้นใดไม่ต้องเล่าให้ชัด ถ่านไฟไม่เก่า โหมอยู่ท่ามกลางฤดูหนาว ทำเอาทั้งห้องร้อนรุ่ม
ตอนที่ 570 นี่คือท่าทางเป็นพ่อคนของท่านหรือ
เฉินยางเหมือนดั่งอยู่บนเรือเล็ก ขึ้นลงไปตามจังหวะของเฝิงเยี่ยไป๋ คลื่นซัดมาอย่างต่อเนื่องจนนางมึน ซ้ายขวาไม่มีที่พึ่งพิง จึงได้แต่จับไหล่เฝิงเยี่ยไป๋ เล็บที่ตัดแต่งมากลมเรียบก็ไม่ลดความน่ากลัวลงเลย ทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อของเขาอย่างอ่อนโยน คนหนึ่งแข็งกร้าวอีกคนอ่อนนิ่ม ช่างเป็นบุพเพสันนิวาสจริงๆ
ก่อนจะเสร็จกิจ เฝิงเยี่ยไป๋ควบคุมตัวเองอย่างหนัก กดความเคลื่อนไหวให้ช้าๆ เขาจูบหน้าผากของนาง อดกลั้นจนเหงื่อออกท่วมตัว “ครั้งนี้ข้าพยายามเต็มที่ควบคุมแล้ว จะว่าข้าใช้แต่แรงอย่างเดียวไม่ได้อีก”
เฉินยางถูกเขากระแทกจนร่างแทบสลาย นางฝืนความเจ็บพยักหน้า ท่าทางน่าเอ็นดูยิ่งนัก
เฝิงเยี่ยไป๋ยิ่งรักมากขึ้นจนแทบจนไม่ไหว เขาชูใบหน้าของนางแล้วจูบ “คนดีของข้า ให้ข้ารักอย่างไรก็ไม่พอจะทำอย่างไรดี”
ทั้งๆ ที่ในใจถูกนางเติมเต็มแล้ว เพียงแต่ก็ยังรู้สึกว่างเปล่า รู้สึกรักไม่พอ ดังนั้นจึงยังรู้สึกว่างโหวงอยู่
เฉินยางใช้แรงหมดทั้งกาย ถูกเขาอุ้มพลิกตัวหมอบอยู่ที่อกของเขา ไม่อยากแม้จะอ้าปากพูด
เพิ่งจะได้สงบลง ลมหายใจยังไม่ทันนิ่งเลย ซั่งเหมยก็ตะโกนอยู่ข้างนอกเสียแล้ว “นายหญิง ท่านซื่อจื่อเอาแต่ร้องไห้ แม่นมกล่อมอย่างไรก็ไม่เป็นผล ไม่เช่นนั้นให้บ่าวอุ้มมาให้ท่านดูดีหรือไม่”
ผู้เป็นแม่หากต้องเลือกระหว่างลูกชายกับสามีย่อมเอียงมาด้านลูกชายมากกว่า เฉินยางได้ยินจะหลับลงได้อย่างไร นางฝืนลืมตาพูดใส่ว่า “ข้าจะรีบไป”
สิ้นเสียงลง เฝิงเยี่ยไป๋ก็ตะโกนตามหลังว่า “ไสหัวไป! ไป!”
ซั่งเหมยนึกไม่ถึงว่าเฝิงเยี่ยไป๋ก็อยู่ในห้อง นางถูกเขาตะโกนจนตัวสั่น นางอึ้งอยู่เล็กน้อยแล้ววิ่งหนีไป
เฉินยางก็ตกใจเช่นกัน จ้องใส่เขาแล้วเตรียมสวมเสื้อลงจากเตียง
เฝิงเยี่ยไป๋คว้ามือนางไว้ไม่ให้ขยับ “เจ้าจะไปทำอะไร”
รู้ทั้งรู้ก็ยังถาม “ข้าจะไปดู”
“ไม่จำเป็น” เขาดึงนางกลับมา ใช้ผ้าห่มห่อทั้งสองคนไว้แน่นหนา “ไม่ใช่ว่ามีแม่นมอยู่หรือ แม้แต่เด็กยังกล่อมไม่ได้ จะมีนางไว้เพื่อสิ่งใด เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล พวกนางย่อมดูแลเองได้”
เฉินยางถลึงตาใส่เขา “จะว่าอย่างไรก็เป็นลูกชายของท่าน ไฉนท่านถึงไม่เป็นห่วงเลย”
เป็นห่วง? มีอะไรน่าเป็นห่วงหรือ เด็กร้องไห้ปกตินัก แม่นมกล่อมไม่หาย นางไปแล้วก็จะหายหรือ
“เจ้าวางใจเถิด เจ้าเด็กนั่นไม่เป็นอะไร ลูกชายของข้า ในกายมีเลือกข้าหลั่งอยู่ ไม่เป็นอะไรง่ายๆ หากเป็นอะไรง่ายๆ เสียจริง คนที่ปรนนิบัติเขาแต่ละคนล้วนหนีไม่รอด ข้าจะขูดเนื้อพวกเขาออกมาให้หมด”
เฉินยางหึเบาๆ “นี่หรือท่าทางเป็นพ่อคนของท่าน เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก็โทษคนที่ปรนนิบัติเขาท่านก็ไม่ต้องรู้สึกผิดหรือ”
เฝิงเยี่ยไป๋ไม่พูดอะไร เขาจูบที่ริมฝีปากของนาง กอดนางไว้แน่น แล้วแค่นเสียงหึเบาๆ ด้วยความสบาย แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
เฉินยางนิ่งเงียบที่อกเขาอยู่พักหนึ่ง ยังวางใจไม่ได้ “ไม่เช่นนั้นให้ข้าไปดูหน่อย อย่าได้เกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ จะแย่เอาได้”
“หากเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ ยามนี้ซั่งเหมยวิ่งมาแจ้งไม่ขาดแล้ว ไม่มาก็คือไม่เป็นไร อย่าได้มัวกังวลนักเลย”
เขาพูดอย่างสบายใจนัก เพียงแต่สิ่งที่พูดนั้นก็ไม่ใช่ไม่มีเหตุผล แต่เดิมเฉินยางก็เหนื่อยมากพอแล้ว พอได้ยินก็วางใจลง หนังตาตีกัน ไม่ทันไรก็หลับตาลง พอได้หลับตาลงคิดจะลืมตาอีกครั้งก็ยากเสียแล้ว