ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 573
ตอนที่ 573 เช่นนั้นแล้วเขาไปแล้วหรือไม่
นายพรานกลับไปแล้วก็เล่าเรื่องที่มีคนมาตามหานางให้นางรู้ และเล่ารูปร่างหน้าตาของคนนั้นให้นางฟัง “คิ้วคมดั่งกระบี่ ตาเปล่งประกาย สูงแปดฉื่อกว่าได้ เป็นชายที่หน้าตาดีมีความเป็นผู้ดี คนในหมู่บ้านเขาก็ถามไปทั่วแล้ว สืบหาข่าวของเจ้าไปทั่วทุกที่ พอถามมาถึงข้านี้ ก็ถูกข้ากลบเกลื่อนไปแล้ว”
ภรรยาของนายพรานถาม “มีเพียงเขาคนเดียวหรือ”
“ก็มีเพียงเขาคนเดียว ไม่เห็นมีใครตามมา คงจะเป็นแนวหน้า มาสืบข่าว”
สองวันนี้แผลบนตัวเว่ยหมิ่นทรมานนางจนสมองใช้ไม่ค่อยว่องไวนัก ได้ยินนายพรานคุยกับภรรยาของเขาอยู่นาน ตัวเองหลับตาคิดดู ไฉนสิ่งที่เขาเล่านั้นเหมือนกับเหลียงอู๋เย่ว์เล่า หากเป็นคนของราชสำนัก จะตามหานางก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมาเพียงคนเดียว เพียงแต่นางก็กลัว หากไม่ใช่เล่า ได้ยินคนเล่าก็ต้องมีผิดเพี้ยนอยู่บ้าง คิดว่านายพรานนี้ก็คงใช้คำที่ตัวเองรู้จนหมดแล้ว สิ่งที่เขาเล่านั้นก็ซื่อตรง ทุกสิ่งเกี่ยวกับเหลียงอู๋เย่ว์อยู่เล็กๆ น้อยๆ เพียงแค่คำพูดเหล่านั้นก็สามารถใช้กับคนอื่นได้ ใครก็ใช้ได้ ไม่แน่ว่าจะใช่เหลียงอู๋เย่ว์อยู่จริง
นางไม่อาจมั่นใจได้ กลัวจะผิดคน อุตส่าห์รอดชีวิตมาได้ อย่าได้จบสิ้นลงเสียตรงนี้ นางถามอีกว่า “คนนั้นไปแล้วหรือไม่ เจ้ามั่นใจว่าข้างกายเขาไม่มีคนติดตามหรือไม่”
นายพรานคิดอยู่เล็กน้อยก็พูดว่า “ไปหรือไม่ข้าไม่รู้ ข้าเห็นเขาไปทางทางเข้าหมู่บ้านแล้ว มีเพียงเขาคนเดียวแน่นอน เขาขี่ม้ามา เพียงแต่ม้านั้นเป็นม้าดี กล้ามเนื้อเต็มตัว เป็นม้าพันธุ์ดี คนทั่วไปไม่มีม้าเช่นนี้”
ม้าศึกของราชสำนักก็มีกล้ามเนื้อเต็มตัว เป็นม้าพันธุ์ดีเช่นกัน ทุกวันกินหญ้าดีๆ มีคนที่เลี้ยงดูโดยเฉพาะ นี่ไม่ถือว่าเป็นข้อมูล เพียงม้าตัวเดียวไม่อาจตัดสินว่าเจ้าของของมันเป็นใคร กลับยิ่งทำเอานางมึนงงเข้าไปอีก
ภรรยาของนายพรานให้นายพรานออกไปดูอีกครั้ง “คนนี้น่าจะมีที่มาอยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นเจ้าออกไปดู ดูว่าคนนั้นไปแล้วหรือไม่ เจ้าพูดมาดีนัก เพียงแต่ข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่ทันระวังเผยความลับให้เขาไป”
นายพรานเกาศีรษะ ทำหน้าผิดหวังเล็กน้อยว่า “ข้าใช้ไม่ได้ขนาดนั้นเลยหรือ” พูดไปพลางก็ถือดาบเดินไปข้างนอกพลาง ในเมื่อไม่รู้ว่าคนนั้นเป็นคนดีหรือคนเลว ก็ต้องระวังเสียหน่อย ถือดาบติดตัวไปจะได้ป้องกันตัว
ในใจเว่ยหมิ่นมีความรู้สึกบางอย่าง รู้สึกว่าเหลียงอู๋เย่ว์จะมาหานาง ในใจมีความหวัง เห็นนายพรานถือดาบออกไป จึงกำชับเขาอยู่ข้างหลังว่า “หากเจอเข้าแล้ว อย่าได้ฆ่าเขา อย่างน้อยก็เหลือชีวิตเขาให้ข้าได้เจอ หากเป็นคนเลวจริงๆ ข้าจะได้จัดการเขาด้วยตัวเองพอดี”
นายพรานสบตากับภรรยาของตัวเอง พูดว่าดีด้วยเสียงอ่อนโยน เขาลองน้ำหนักดาบในมือตัวเองแล้วก็วางดาบลงเปลี่ยนเป็นท่อนไม้ ก่อนจะหันหลังเดินออกไป
ภรรยาของนายพรานคงตกใจเข้า นางยืนอยู่ข้างๆ ไม่พูดอะไรอีก
เว่ยหมิ่นยิ้มให้นาง “เจ้าไม่ต้องกลัว พวกท่านเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตข้า วางใจเถิด ข้าจะไม่ทำร้ายพวกท่านแน่นอน เพียงแต่หากมั่นใจแล้วว่าคนนั้นเป็นคนเลวละก็ ข้าจะต้องจัดการเขา ไม่เช่นนั้นหากปล่อยเขากลับไป ข้าเกรงว่าจะทำให้พวกเจ้าลำบากได้”
ภรรยานายพรานพยักหน้า “ข้าเชื่อเจ้า แม้ว่าเจ้าจะตกลงไปในกับดักของพวกเรา เพียงแต่กับดักนั้นก็ไม่ใช่กับดักที่ทำร้ายคน อีกอย่างเจ้าบาดเจ็บตั้งแต่ก่อนจะตกลงไปในกับดักของพวกเราแล้ว อย่างไรก็ตามพวกเราก็ถือว่าเป็นผู้ที่ช่วยชีวิตเจ้าอยู่ครึ่งหนึ่ง ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่ทำร้ายพวกเรา”
เว่ยหมิ่นยกยิ้มมุมปาก “พี่หญิงพูดมีเหตุผล ท่านเป็นคนดีที่มีคุณธรรม บุญคุณของท่านกับพี่ใหญ่ข้าจำไว้อยู่ในใจ ท่านวางใจเถิด ข้าหายดีแล้วก็จะไปทันที จะไม่รบกวนพวกท่านแน่นอน”
ตอนที่ 574 เขาเป็นผู้ชายของข้า
เหลียงอู๋เย่ว์ตามนายพรานไปตลอดจนถึงบ้าน หากสู้ด้วยแรงเขาอาจจะแรงไม่เท่านายพราน เพียงแต่หากเทียบความฉลาด นายพรานแย่กว่าเขา เขาไม่เข้าไปในบ้าน จึงได้แต่วนอยู่รอบนอก นายพรานกับผู้หญิงของเขาต่างก็ระวัง ในบ้านยังมีสุนัขเลี้ยงอยู่ เขาไม่กล้าเข้าใกล้ จึงเดินวนอยู่รอบๆ หากแต่จมูกสุนัขไวนัก เขาจึงถูกพบเข้าจนได้
บ้านหลังนี้จะต้องมีความลับที่บอกคนอื่นไม่ได้แน่นอน เขายังคิดจะเข้าใกล้เพื่อสืบ ไม่แน่เว่ยหมิ่นถูกพวกเขาช่วยไว้แล้ว กำลังคิดจะเข้าไปสืบ พอหันกลับมาก็ถูกฟาดเข้าให้ เป็นใครก็ยังไม่ทันได้เห็น ก็ล้มลงไปเสียแล้ว
นายพรานถือท่อนไม้จิ้มไปที่เหลียงอู๋เย่ว์ กลัวว่าเขาแกล้งสลบ เห็นว่าเขาไม่ตอบสนองจริงๆ จึงแบกเขาขึ้นบ่าแล้วลากกลับบ้าน
ภรรยาของนายพรานและเว่ยหมิ่นไม่นึกว่าเขาจะกลับมาเร็วเช่นนี้ ที่ข้างหลังยังมีคนถูกลากมา คนนั้นสลบไปแล้ว ถูกเขาโยนไว้ที่พื้น เขาถือไม้พลิกตัวเขากลับมา เผยใบหน้าให้เห็น ชี้ให้เว่ยหมิ่นดู “ว่าแล้วคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไรนัก ไม่ได้ออกจากหมู่บ้านเลย เดินวนอยู่รอบบ้านพวกเราตลอด ถูกข้าพบเข้า จึงฟาดเขาไป… เจ้าดู คนนี้เจ้าคิดจะจัดการอย่างไร”
เว่ยหมิ่นพยุงตัวนั่งบนเตียง ชะโงกศีรษะไปมอง พอได้มองแล้วก็เป็นเรื่อง ใบหน้านั้นนางเฝ้าคิดถึงอยู่ไม่รู้กี่ครั้ง ตื่นจากฝันจนหลับไป หลับตาลืมตาก็เป็นเขา ภาพติดอยู่ในหัวของนางนานแล้ว เพียงแค่มองโครงหน้าไกลๆ ก็รู้ว่าเป็นเขา
“เขา… เขาไม่เป็นไรกระมัง ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่” นางหันหน้าไปหาภรรยาของนายพราน ร้องไห้พูดว่า “เขา… เขาเป็นผู้ชายของข้า… เขามาหาข้า ผู้ชายของข้ามาหาข้าแล้ว ข้ารู้ว่าเขาต้องมาหาข้าแน่ๆ เจ้าดู ตอนนี้ข้ารอจนเขามาแล้วไม่ใช่หรือ ข้าว่าแล้ว ข้าว่าแล้ว…”
ระหว่างที่พูดอยู่นั้นน้ำตาเม็ดโตก็ร่วงลงมาเป็นสายอาบเต็มใบหน้า ทั้งพูดทั้งยิ้ม นางเอามือปิดหน้า ก็ไม่รู้ว่าดีใจหรือเสียใจ
ภรรยานายพรานปลอบนางไปพลางชี้สั่งนายพรานไปพลางว่า “เจ้ายังมัวยืนทำอะไรอยู่ ยังไม่รีบทำให้เขาตื่นอีก”
นายพรานคนนั้นทำหน้าเศร้า ไฉนถึงบังเอิญเช่นนี้ คนที่มาหานางก็เป็นผู้ชายของนางพอดี เพียงแต่ในเมื่อผู้ชายของนางมาแล้ว ก็ได้ให้นางไป ผู้หญิงคนนี้เป็นคนในวัง หากดูจากสถานการณ์ตอนนี้ อาจจะเป็นเพราะแอบได้เสียกับคนรักแล้วถูกพบเข้าให้ จะต้องถูกลงโทษตามกฎของวัง ไม่อยากตายถึงได้หนีออกมา
คนในวัง ไม่ว่าจะฐานะอะไร จะเป็นหรือตายก็เป็นคนในวัง ผู้ชายที่ได้เสียกับนางก็มาหาแล้ว เช่นนั้นทหารของราชสำนักก็คงอยู่ไม่ไกลแล้ว รีบให้พวกเขาไปจะดีกว่า
เว่ยหมิ่นยังเจ็บอยู่ทั้งตัว ไม่อาจขยับได้ นอกจากยามที่ถูกช่วยกลับมาตอนสลบนั้น นางก็ไม่เคยหลับดีเลย ในใจมีความกังวล รู้สึกไม่ปลอดภัย มักรู้สึกว่าหากตัวเองหลับไปแล้ว ตื่นมาอีกครั้งก็คงไม่ได้อยู่ข้างนอกแล้ว แต่อยู่ในคุกแดนประหารแทน นางกังวลมานาน วันนี้ถึงได้วางใจลง นอกจากความรู้สึกวางใจแล้ว เหลียงอู๋เย่ว์ไม่เพียงเป็นผู้ชายของนางเท่านั้น ยังเป็นหัวใจของนางอีก แม้ว่าจะไม่ได้เก่ง เพียงแต่เขามักจะปรากฏอยู่ข้างกายนางในยามที่นางต้องการที่สุด นางรักคนไม่ผิดจริงๆ
ภรรยานายพรานเห็นแผลของนางมีเลือดซึมออกมาชุ่มผ้าขาวที่พันแผลอยู่ จึงให้นางนอนกลับลงไป “ผู้ชายของเจ้าไม่เป็นอะไร เพียงแค่สลบไปเท่านั้น อีกเดี๋ยวตื่นขึ้นมาพวกเจ้าก็พูดคุยกันได้แล้ว”