ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 581 แบ่งเบาภาระให้ฮ่องเต้ / ตอนที่ 582 ไม่เชื่อว่าเขาจะทนได้
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 581 แบ่งเบาภาระให้ฮ่องเต้ / ตอนที่ 582 ไม่เชื่อว่าเขาจะทนได้
ตอนที่ 581 แบ่งเบาภาระให้ฮ่องเต้
พั่งไห่คุกเข่าที่หน้าพระตำหนักหย่างซินห้าชั่วยามเต็มๆ ในห้าชั่วยามนี้ก็ไม่ได้ว่าง ในหัวนึกถึงคำพูดที่จะทูลกับฮ่องเต้น้อยซ้ำอยู่หลายรอบ ฮ่องเต้น้อยอยากจะให้เขาตายง่ายๆ เช่นนี้หรือ เป็นไปไม่ได้ พระองค์เพิ่งจะมีพระชนมายุเท่าใด แล้วตัวเองอายุเท่าใด ฮ่องเต้น้อยต่อให้ฉลาดแล้วจะฉลาดได้สักเพียงใดกัน เขาเองก็มีความเจ้าเล่ห์ หากพูดถึงการวางแผน ถ้าพูดอย่างไม่น่าฟังนัก ฮ่องเต้น้อยจะเรียกเขาว่าปรมาจารย์ก็ยังไม่มากเกินไปเลย
สุดท้าย เมื่อถึงยามที่ฮ่องเต้น้อยจะเข้าบรรทมแล้ว พั่งไห่ก็ถูกเรียกให้เข้าไปพระตำหนัก ฮ่องเต้น้อยรู้ว่าเหล่าขุนนางเพียงแค่ยอมรับพระองค์ต่อพระพักตร์ ทว่าความจริงแล้วในใจกลับไม่ได้พอใจนัก ดังนั้นพระองค์จึงต้องทำท่าทางมาดนิ่ง ต้องสงบนิ่งอยู่ตลอดเวลา จะมีจุดด้อยให้คนเขานินทาไม่ได้
อย่างไรเสียก็เป็นพระโอรสองค์แรกของฮ่องเต้พระองค์ก่อน ทั้งยังเป็นพระโอรสของไทเฮา เขาเหมือนฮ่องเต้พระองค์ก่อนมากที่สุดในบรรดาลูกชายทั้งหมด แต่ก็ไม่เหมือนที่สุด นับส่วนดีมาเอาส่วนแย่ออก หากโตขึ้นกว่านี้อีกหน่อย จะต้องเก่งยิ่งกว่าอดีตฮ่องเต้แน่นอน
“เจ้าหาเรามีเรื่องอะไร” ฮ่องเต้น้อยประทับอยู่ที่สูง เสียงก้องกังวาน มีความเป็นเด็กทั้งยังแกล้งกดเสียงต่ำทำให้ประหลาดยิ่งนัก
“กระหม่อมมาเพื่อแบ่งเบาภาระฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” เขายืนอย่างไม่ทะนงตนและไม่แสดงท่าทีต่ำต้อย เข้ามาแล้วก็ไม่ได้รีบร้อนแสดงความภักดี ท่าทางไม่ร้อนรนของเขาทำให้ไม่รู้สึกว่าเขาหวังสิ่งใด คำพูดก็เก็บซ่อนบางอย่างทำให้คาดเดาไม่ได้
ฮ่องเต้น้อยทอดพระเนตรไปที่เขา กอดอกแย้มสรวลตรัสว่า “เจ้ามาแบ่งเบาภาระให้เรา ไฉนเราถึงต้องเชื่อเจ้าด้วย เจ้ามีความสามารถอะไรมาทำให้เราเชื่อ”
พั่งไห่ทูลว่า “ยามนี้ศัตรูที่ใหญ่ที่สุดของฝ่าบาทคือซู่อ๋อง ครั้งก่อนซู่อ๋องฉวยโอกาสตอนที่อดีตฮ่องเต้ประชวรหนักบุกเข้าตี ยามนี้กำลังสั่งสมกำลัง และก็เป็นโอกาสของพวกเรา ฉวยโอกาสออกทัพยามนี้ จะต้องทำให้พวกเขาตั้งตัวไม่ทันพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้น้อยยังคิดว่าเป็นความคิดอะไร พอได้ยินเข้าก็ทรงพระสรวลเบาๆ ตรัสว่า “นี่ก็คือความคิดที่จะแบ่งเบาภาระให้เราหรือ ความคิดนี้เจ้าคิดได้ คนอื่นก็คิดได้เช่นกัน เจ้าคิดจะใช้เรื่องนี้ให้เราปล่อยเจ้าไปงั้นหรือ”
“ย่อมไม่ใช่แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ” พั่งไห่เลิกคิ้ว แสร้งทำท่าทางมีลับลมคมใน “หรือฝ่าบาทจะไม่เคยมีพะราชดำริมาก่อนว่า ซู่อ๋องรู้ข่าวที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนประชวรหนักตั้งแต่ข่าวยังไม่ทันได้แพร่ออกนอกวัง ก็ยกทัพบุกตีในวันนั้นได้พอดี”
ระยะนี้ยุ่งตลอดทั้งวัน ใครจะมีแก่ใจมาคิดเรื่องเหล่านี้ ฮ่องเต้น้อยต้องสร้างผลงานให้กับเหล่าขุนนางในราชสำนัก เพื่อสร้างมาดฮ่องเต้ของพระองค์ เรื่องงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพก็ต้องจัดการ หลังสวรรคตต้องสวดพระอภิธรรมกี่วัน ยามใดเข้าสุสานหลวง รายละเอียดมีมาก เขาเป็นถึงลูกชาย ต่อให้ทำเพื่อให้เสร็จสิ้นกันไปก็ต้องทำให้ดี เรื่องนี้คนที่รู้เรื่องนอกจากพระองค์กับไทเฮาแล้ว คนที่รู้เรื่องคนอื่นล้วนตามไปปรนนิบัติฮ่องเต้แล้ว ไม่มีใครรู้ว่าฮ่องเต้พระองค์ก่อนสวรรคตอย่างไร และก็ไม่มีใครสงสัยถึงพระองค์ได้
เรื่องการทำสงครามพระองค์ไม่เข้าพระทัย สาเหตุย่อมไม่นึกถึง ยามนี้พั่งไห่พูดขึ้นมา พอคิดดูดีๆ ก็รู้สึกถึงความผิดปกติได้ เพียงแต่พระองค์ไม่รีบตรัสออกมา กลับจ้องมองเขารอเขาพูดให้จบ
พั่งไห่ก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อยแล้วทูลอีกว่า “ความเป็นไปได้เดียวก็คือในราชสำนักมีคนของซู่อ๋อง และคนผู้นี้ยังเป็นขุนนางที่มีตำแหน่งสูง อยู่ข้างกายฝ่าบาท”
คำพูดนี้ชี้ถึงใครชัดเจนยิ่งนัก คนที่มีตำแหน่งสูงในราชสำนักมีไม่มาก ที่น่าสงสัยที่สุดนอกจากเฝิงเยี่ยไป๋แล้วก็ไม่มีคนอื่น ตำแหน่งท่านอ๋องของเขานั้นแต่เดิมก็เป็นเพราะฮ่องเต้พระองค์ก่อนเพื่อจะควบคุมเขาถึงได้ทรงพระราชทานให้เขา เขาคนนี้มีนิสัยทรยศ การจะร่วมมือกับซู่อ๋องเพื่อแก้แค้นฮ่องเต้พระองค์ก่อนก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ตอนที่ 582 ไม่เชื่อว่าเขาจะทนได้
แต่เดิมตั้งแต่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนจะพระราชทานตำแหน่งให้เฝิงเยี่ยไป๋นั้น ฮ่องเต้น้อยก็ไม่เห็นด้วยแล้ว เพียงแต่การเตือนไม่เป็นผล ฮ่องเต้พระองค์ก่อนถือความคิดตัวเอง เรื่องจึงเป็นเช่นนั้นไป ตอนหลังก็ไม่เห็นว่าเขาทำอะไรผิดปกติ จึงผ่อนความระมัดระวังลง พอมาดูตอนนี้ ความน่าสงสัยของเฝิงเยี่ยไป๋ก็ยังมีมากที่สุด ก่อนหน้านี้ที่เว่ยหมิ่นลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ ฮ่องเต้น้อยก็สงสัยเขา ความสัมพันธ์ของพวกเขาช่างน่าคิดนัก เป็นทั้งพี่น้อง อีกทั้งเว่ยหมิ่นก็เคยชอบเขา เรื่องใหญ่เช่นลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้นั้น เป็นไปไม่ได้ที่เว่ยหมิ่นจะไม่เคยบอกเฝิงเยี่ยไป๋
เพียงแต่เขากลับแสดงท่าทีไม่รู้เรื่องใดๆ ทำหน้าเหมือนถูกใส่ร้าย ควรทำสิ่งใดก็ทำสิ่งนั้น ไม่คิดจะหนี เขาทำตัวปกติเช่นนี้ กลับไม่รู้สึกน่าสงสัยเสียแล้ว ฮ่องเต้น้อยสงสัยเขาก็เพียงแค่ช่วงนั้น จนสุดท้ายก็ไม่มีอะไรน่าสงสัยจริงๆ
พั่งไห่เหลือบมองฮ่องเต้น้อย รู้ว่าพระองค์ไม่ได้นึกคิดมากมายเช่นนั้น จะไม่นึกถึงจุดนี้แน่นอน แววตาจึงมีความดูถูกเพิ่มขึ้น “ฝ่าบาทลองทบทวนดู ที่ที่อันตรายที่สุดก็คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด เฝิงเยี่ยไป๋จะต้องคิดแล้วว่าฝ่าบาทไม่สงสัยเขา ดังนั้นถึงกล้าทำอะไรเช่นนี้ต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาท ฮ่องเต้พระองค์ก่อนเคยพระราชทานงานสมรสให้เขา ลูกสาวเสนาบดีกรมทหารเจี่ยงเหว่ยก็เป็นสายลับที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนแทรกอยู่ข้างกายเฝิงเยี่ยไป๋ ยามที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนประชวรหนักนั้น กระหม่อมเคยไปหานาง เพียงแต่ไม่ได้พบ ตามที่กระหม่อมว่า คงจะถูกเฝิงเยี่ยไป๋ดูออกเสียแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้น้อยเหลือบพระเนตรมองเขา “เช่นนั้นเจ้าจะมาพูดเรื่องพวกนี้กับเราทำไม เจ้ามาพบเราก็เพื่อจะเย้ยหยันหรือ”
พูดมาอยู่นานก็ยังไม่พูดถึงเรื่องสำคัญ สีพระพักตร์ไม่สู้ดีนัก ตรวจฎีกาทั้งวันมา ความอดทนใช้ไปจนหมดสิ้นแล้ว ครั้นได้ยินเขาพูดเรื่องไม่สำคัญอยู่นาน เป็นใครก็ไม่อาจมีสีหน้าที่ดีได้
พั่งไห่ยังคงมีท่าทางไม่รีบร้อนเช่นเดิม เขาถอนหายใจ ค่อยๆ ยิ้มขึ้นมาทูลว่า “ฝ่าบาทอย่าได้รีบร้อน โปรดทรงฟังกระหม่อมเล่าต่อก่อน… หากทรงอยากจะกุมจุดอ่อนของเฝิงเยี่ยไป๋ได้ง่ายนัก ขอเพียงกระหม่อมไปสืบดูว่าเจี่ยงน่าอวี้นั้นถูกเขาดูออกแล้วหรือไม่ก็รู้แล้ว หากถูกเขาดูออกเสียจริง คนนี้ก็ไม่อาจใช้ได้อีก หากยังไม่ถูกดูออก เช่นนั้นพวกเราก็กุมจุดอ่อนเขาได้ไม่น้อย สำหรับฝ่าบาทแล้ว ก็เป็นเรื่องดีพ่ะย่ะค่ะ”
“ง่ายเช่นนี้หรือ”
“วันก่อนฮ่องเต้พระองค์ก่อนส่งเฝิงเยี่ยไป๋ไปเมืองเหมิงก็คิดจะใช้เขากระตุ้นซู่อ๋องให้โกรธแล้วนั่งมองเสือสู้กัน เพียงแต่ทั้งสองคนนี้กลับไม่สู้รบกันเลย ฝ่าบาทว่าประหลาดหรือไม่ ดังนั้น กระหม่อมคิดว่า ระหว่างเฝิงเยี่ยไป๋กับซู่อ๋องต้องมีความเกี่ยวข้อง หากพวกเราควบคุมเฝิงเยี่ยไป๋ได้ จะจัดการซู่อ๋องก็ง่ายดายนักไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้น้อยแค่นเสียงหึเบาๆ “เจ้ามั่นใจในความสัมพันธ์ระหว่างซู่อ๋องกับเฝิงเยี่ยไป๋ถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
ศัตรูของศัตรูก็คือเพื่อน เฝิงเยี่ยไป๋นี้ล้ำลึก เคยได้ยินมาก่อนแล้วว่าเป็นคนที่แค้นฝังใจนัก ฮ่องเต้พระองค์ก่อนก็เคยคิดจะฆ่าเขาอยู่หลายครั้ง เขาไม่เชื่อว่าเฝิงเยี่ยไป๋จะทนได้!
“กระหม่อมยอมถวายศีรษะแสดงความภักดีพ่ะย่ะค่ะ”
“ศีรษะของเจ้าเป็นของเราแต่เดิม สิ่งนี้ไม่นับ จะให้เราเชื่อเจ้าได้อย่างไร”
ก็ไม่ได้โง่นัก ไม่ยอมเสียเปรียบแม้แต่น้อย สมกับที่เป็นคนที่ไทเฮาสอนมา ที่สอนถึงความรอบคอบนั้น ไม่เหมือนกับเป็นผู้ชาย กลับเหมือนผู้หญิงที่เอาเปรียบทุกทางมากกว่า พั่งไห่ตะลึงเล็กน้อยแล้วทูลอีกว่า “อย่างไรเสียชีวิตของกระหม่อมก็เป็นของฝ่าบาท หากกระหม่อมทูลเท็จ จะฆ่าจะแกง ก็แล้วแต่ฝ่าบาทจะจัดการพ่ะย่ะค่ะ”