ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 615 หากให้เขารู้จะไม่ตีกันขึ้นมาหรือ / ตอนที่ 616 ลูบบั้นท้ายพยัคฆ์
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 615 หากให้เขารู้จะไม่ตีกันขึ้นมาหรือ / ตอนที่ 616 ลูบบั้นท้ายพยัคฆ์
ตอนที่ 615 หากให้เขารู้จะไม่ตีกันขึ้นมาหรือ
ฮ่องเต้ทำอะไรมักมีขั้นตอน พั่งไห่อยู่ที่นี่มักจะปิดปากอะไรไม่ได้ หากเป็นฮ่องเต้พระองค์ก่อน เขาพูดสองประโยค ฮ่องเต้ก็ทรงเชื่อทั้งสองประโยค ฮ่องเต้พระองค์ก่อนจะมากน้อยก็ยังรับฟังพวกผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ฮ่องเต้องค์นี้กับองค์ก่อนไม่เหมือนกัน บิดากับบุตรนิสัยต่างกันสิ้นเชิง ยังมีเรื่องวิธีการรับมือเรื่องต่างๆ ที่ห่างกันสิบหมื่นแปดพันลี้ ฮ่องเต้น้อยมักจะทรงงานผู้เดียวมิเชื่อใจใครทั้งสิ้น หลี่เต๋อจิ่งแม้ว่าจะเป็นขันทีใหญ่ แต่ฮ่องเต้ก็ไม่ฟังเขา มีเพียงคำพูดไทเฮาที่ยังทรงฟังเข้าไปบ้าง
ก่อนหน้าที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนยังมีพระชนม์ชีพ ไม่ใช่ไม่เคยจะใช้เว่ยเฉินยางเป็นตัวต่อรอง นำนางเข้าวังจะได้ชักจูงเฝิงเยี่ยไป๋ได้ง่ายหน่อย แต่เฝิงเยี่ยไป๋เองดูแลนางอย่างใกล้ชิด ไม่ให้โอกาสใครเข้าใกล้ได้เลย หากมีเค้าลางอันใดแม้เพียงน้อยนิด เขาก็จะเด็ดเสียให้สิ้น แม้ว่าตอนหลังคนจะเข้าวังมาแล้ว แต่เหตุผลนั้นหากนำมากองรวมกัน สุดท้ายแล้วก็ทำไม่สำเร็จอยู่ดี
ฮ่องเต้อยากถือโอกาสที่เฝิงเยี่ยไป๋ไม่อยู่ในเมืองหลวง รีบกุมจุดอ่อนของเขาเอาไว้ ผู้หญิงเขาอาจจะไม่สนใจ แต่ลูกชายนั้นเกิดกับตน เขาคงไม่สนใจความเป็นความตายของลูกกระมัง คนที่ฮ่องเต้เชื่อใจนั้นมีน้อยมาก อย่างน้อยๆ ตอนนี้เขาก็ไม่เชื่อใจพั่งไห่ เหล่าองครักษ์ในวังรัชทายาทยังนับว่าเป็นคนสนิทของเขา เรื่องนี้มอบให้พวกเขาจัดการเขาถึงจะวางใจ
ซู่อ๋องนั้นก็มีหูตาในวัง แต่คนเหล่านี้ล้วนไม่ได้รับใช้ในตำหนักใน ข้อมูลที่รู้ก็ยิ่งน้อยลงไปอีก ไม่เท่าข้อมูลที่เฝิงเยี่ยไป๋รู้ หลายปีแล้ว ตั้งแต่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนทรงกีดกันเขาจนมาถึงฮ่องเต้พระองค์นี้ก็เหมือนกัน คนที่อยู่ข้างกายได้ล้วนเป็นคนสนิทที่อยู่มาหลายปี คนแปลกหน้าเข้าประชิดตัวได้ยาก หากไม่เป็นเพราะเยี่ยงนี้เขาก็ไม่เข้าทางเฝิงเยี่ยไป๋หรอก เฝิงเยี่ยไป๋เป็นเสมือนดาบสองคม หากใช้เขาได้ก็พร้อมสังหารคนให้ตนได้ หากใช้ไม่ดีก็จะย้อนกลับมาแว้งกัดเอาได้ หากต้องการให้เขามารับใช้ตนนั้นก็เป็นไปไม่ได้ ก่อนหน้าเฝิงเยี่ยไป๋ก็เป็นพวกเดียวกับพวกเขาเหล่านั้น แต่เพราะฮ่องเต้พระองค์ก่อนคิดสารพัดวิธีอยากทำร้ายเขา พวกเขาเลยมีศัตรูคนเดียวกันไปเลย ตอนนี้ฮ่องเต้พระองค์ก่อนสิ้นแล้ว เขาเองก็จะไม่อยู่เมืองหลวงให้ใครมาฆ่าได้หรอก ที่จริงมาครานี้ก็คือนำความจากท่านพ่อมาด้วย ถึงจะจับจุดอ่อนอะไรของเฝิงเยี่ยไป๋ได้แต่ก็ต้องจำกัดขอบเขตให้ดี ทั้งไม่ควรพลิกลำกลับเป็นศัตรู ทั้งยังทำให้เขาไม่สามารถถอนตัวกลับได้ ดาบที่ดีเยี่ยงนี้ ตอนนี้ไม่สามารถใช้ได้ก็น่าเสียดายเกินไป หากเขาสามารถยืนฝั่งเดียวกันได้ อย่างนั้นอุบายใหญ่ของซู่อ๋องก็คงล้มเหลวเป็นแน่!
ในด้านการใช้กลอุบายนั้น อวี่เหวินลู่ยังห่างจากเฝิงเยี่ยไป๋ไกลโข ให้เขาเล่นงานเฝิงเยี่ยไป๋ ถึงตอนนี้เขาไม่อยู่ยังลำบากเลย อีกอย่างเว่ยเฉินยางเองก็ขวางไว้ทุกส่วน เห็นเขาเหมือนเห็นผีมิปาน หลบยังไม่ทันเลย ยังจะให้เล่นงานอะไรอีก
แต่ยังนับว่าสวรรค์ยังให้หนทางแก่คนสิ้นไร้ไม้ตอก สายสืบที่อยู่ในวังเกิดประโยชน์ขึ้นมาบ้างแล้ว องครักษ์ข้างกายฮ่องเต้อาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจ อวดเบ่งที่ฮ่องเต้ให้ท้าย ในวังมักจะวางอำนาจบาตรใหญ่ แอบร่ำสุราในห้องเวรยามคืนก่อนปฏิบัติภารกิจ บังเอิญคนของซู่อ๋องไปพบเข้าจึงระวังตัวอยู่สังเกตเอาสักครู่ คนเหล่านั้นร่ำสุราเมามาย พูดเรื่องที่ฮ่องเต้รับสั่งให้ทำออกมาจนหมดสิ้น เรื่องนี้ไม่เล็กเลย สายสืบได้ยินก็ไม่กล้าล่าช้ารีบส่งเรื่องนี้ออกนอกวัง บังเอิญนัก อวี่เหวินลู่ที่อยู่เฉยไม่มีเรื่องอะไรทำ เรื่องก็ถูกส่งมาถึงหน้าประตูเสียอย่างนั้น
ไหลลู่มองอวี่เหวินลู่อย่างระแวดระวัง พูดอย่างลังเลใจว่า “นายท่าน พวกเราทำแบบนี้ออกจะไม่ค่อยดีหรือไม่ หากให้เฝิงเยี่ยไป๋รู้เข้าจะไม่ตีกันกับพวกเราหรือ”
ตอนที่ 616 ลูบบั้นท้ายพยัคฆ์
อวี่เหวินลู่เหลือบมองเขาด้วยหางตา “เจ้านี่บังคับปากให้ไม่พูดไม่ได้เลยหรืออย่างไร ขอแค่พวกเราไม่พูด ใครจะรู้เรื่องนี้ อีกอย่างถึงอีกหน่อยเฝิงเยี่ยไป๋จะรู้เรื่องนี้ พวกเราก็บอกปัดได้ว่าไม่เคยได้ยินมาก่อน ไม่ทราบเรื่อง เขาจะทำอะไรเราได้ ตอนนี้ผิดใจไปแล้วหนึ่งคน คงไม่กล้าผิดใจเพิ่มอีกคนกระมัง เขาไม่ได้ซื่อบื้อขนาดที่จะผิดใจทั้งสองทาง เขาตัวคนเดียวโดดเดี่ยว มีเพียงหนทางนี้เท่านั้น”
ไหลลู่กลัวถูกถีบอกนัก จึงตอบรับไปว่าใช่ ลังเลอยู่นานถึงได้เอ่ยปาก ทั้งยังฟังเขาถอนใจอย่างหมดอาลัยตายอยาก “เจ้าว่า หากเว่ยเฉินยางรู้เข้าจะเกลียดข้าหรือไม่ เกลียดที่ข้ารู้ทั้งรู้แต่กลับไม่บอกอะไรนางเลย”
ไหลลู่พูดในใจว่า ยังต้องคิดอีกหรือ ไม่เกลียดท่านจนหัวใจกลวงเป็นอุโมงค์เลือดจะจบสิ้นได้อย่างไร ไม่แน่อาจจับท่านไปเอาเรื่องถึงที่สุดก็เป็นได้ นั่นคือลูกแท้ๆ ของนางเชียวนะ ตั้งครรภ์มาสิบเดือนก้อนเลือดก้อนเนื้อจากอกตน และเนื้อก้อนนี้ยังเกือบจะทำให้ตนหามีชีวิตรอดไม่ จะไม่เกลียดท่านหรือ สังหารท่านแล้วเกรงว่าอาจจะยังระบายความโกรธไม่หมดเลยด้วยซ้ำ
หากแต่คำพูดนี้ไม่กล้าเอ่ยออกไปต่อหน้า เอ่ยออกไปก็เกรงว่าจะโดนถีบเอา เขาไตร่ตรองอย่างละเอียดแล้วเอ่ยปลอบใจไปว่า “ท่านมิได้เอ่ยออกมาแล้วหรือ เรื่องนี้พวกเราไม่ทราบมาก่อน และก็ไม่เคยได้ยินด้วย ในเมื่อไม่ทราบมาก่อน อย่างนั้นผู้อื่นจะมาโกรธท่านมิได้ อีกอย่างหนึ่ง…ผู้อื่นเกลียดหรือไม่เกลียดท่านมันสำคัญด้วยหรือ ท่านสนใจเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน”
อวี่เหวินลู่ถูกรุกจนสะอึก แต่ก็หาคำพูดใดมาตอบโต้ไม่ได้ สุนัขรับใช้ผู้นี้โตมากับตน เพราะรู้จักกันดีเลยรู้ว่าเขาพูดคำนี้ก็เพื่อจะยั่วโมโห หากตนโกรธจริงก็เท่ากับตกหลุมพราง ไหลลู่จะต้องถามต่ออย่างไม่กลัวตายแน่นอนว่าเกี่ยวอะไรกับตนด้วย เหตุใดตนจึงตั้งใจกับเรื่องของผู้อื่นถึงเพียงนี้
คนรับใช้ผู้นี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องหาโอกาสจัดการเขาเสียหน่อย หากเป็นเยี่ยงนี้ต่อไปมีหวังไร้กฎไร้ระเบียบแล้ว หากให้เขายืมความกล้าเสียหน่อยเขาต้องกล้าเปิดโปงเรื่องนี้ออกมาเป็นแน่
ไหลลู่พูดจบแล้วก็สำนึกผิดทันที ลอบมองสีหน้าของอวี่เหวินลู่อย่างสั่นกลัว จับปลายจมูกด้วยความอึดอัดใจ ยื่นมือไปรั้งมุมชายเสื้อไว้ “นายท่าน พวกเรากลับกันเถิด เมื่อช่วงสายผู้น้อยมาเดินวนเวียนที่นี่อยู่รอบหนึ่ง ยามกลางคืนเวรยามที่นี่มากกว่ากลางวันหลายเท่า หากไม่กลับไป รอจนพวกเขาเดินมาเปลี่ยนเวรยามตามเวลาพวกเราจะหลบไปยากกว่านี้”
อวี่เหวินลู่ดึงหูเขาจนคนลอยขึ้นมา “ทำได้ไม่เลว ข้ายังไม่ได้สั่งการอะไรเจ้าเลยก็รู้ว่าควรทำอะไรแล้ว ได้ หากชอบทำการทำงานเพียงนี้ อย่างนั้นก็ถือโอกาสนี้ไปสอดแนมการจัดวางกำลังป้องกันทางการทหารให้ชัดแจ้งที การจัดวางกำลังการป้องกันทหารกลางวันและกลางคืนไม่เหมือนกัน เมืองหลวงมีประตูเมืองทั้งหมดแปดประตู ไปสืบให้แน่ชัดแล้วค่อยมารายงานข้า!”
ไหลลู่เอ่ยถามอย่างสั่นๆ ว่า “ไปตอนนี้หรือ นายท่าน ผู้น้อยนั่งยองๆ ทั้งวันแล้ว อย่างนั้น…พักสักหน่อยพรุ่งนี้ค่อยไปได้หรือไม่ นี่ก็…ดึกดื่นค่ำมืดเหนื่อยล้าเต็มที เกรงว่าจะทำงานได้ไม่ดีขอรับ”
“เจ้ากล้าปัดงานที่ข้ามอบหมายให้หรือ” อวี่เหวินลู่ยกเท้าเตะไปหนึ่งที “ไสหัวไป ยิ่งไปไกลเท่าไรยิ่งดี! ไสหัวไป!”
เขาก็ไม่ควรทำใจกล้าไปลูบบั้นท้ายพยัคฆ์เลย ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า ตนเองหางานให้ตัวเองจนได้ ดึกดื่นค่อนคืน มืดค่ำน้ำค้างแรง แค่เพียงลมพัดก็สามารถแข็งตายไปเลยครึ่งชีวิต นี่จะให้เขานั่งอยู่ด้านนอกกว่าค่อนคืน หากถึงพรุ่งนี้เช้าจะมิแข็งตายไปเลยหรือ
“นายท่านขอรับ คุณชายที่แสนดีของผู้น้อย โปรดให้อภัยผู้น้อยในครานี้ด้วยเถิด ผู้น้อยผิดเองพูดอะไรไม่ผ่านสมอง โปรดให้อภัยผู้น้อยในครานี้ด้วยเถิด!”
อวี่เหวินลู่เกือบถูกเขาทำให้อ้วกเสียแล้ว สะบัดกำปั้นในมืออย่างรังเกียจ “ไสหัวไป ขืนยังพูดมาก พรุ่งนี้เจ้าก็ไม่ต้องกลับมาอีก”