ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 627 จะกล้ารับการดูแลเช่นนี้จากพระองค์ได้อย่างไร / ตอนที่ 628 ข้าเก็บเจ้าไว้เพราะยังมีประโยชน์
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 627 จะกล้ารับการดูแลเช่นนี้จากพระองค์ได้อย่างไร / ตอนที่ 628 ข้าเก็บเจ้าไว้เพราะยังมีประโยชน์
ตอนที่ 627 จะกล้ารับการดูแลเช่นนี้จากพระองค์ได้อย่างไร
เฉาเต๋อหลุนอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงและในบ้านคร่าวๆ ลงในจดหมายฉบับหนึ่ง แล้วรีบให้คนส่งไปให้เฝิงเยี่ยไป๋ด้วยม้าเร็วแปดร้อยลี้ หากแต่จดหมายส่งไปหลายวันแล้ว กลับไม่มีการตอบรับใดๆ กลับมา ฮ่องเต้น้อยพระองค์นี้ลึกลับนัก ผู้ใดก็ไม่รู้ชัดว่าเขาต้องการทำอะไร เดาความคิดไม่ถูก หากยื้อต่อไปคงมิใช่วิธีที่ดี
อวี่เหวินลู่นั้นก็กำลังสิ้นหวังเช่นเดียวกัน ทัพเรือของฮ่องเต้ได้รับชัยชนะ ใช้ดินปืนระเบิดเรือสองลำของอันผิงอ๋องเสียแล้ว ผู้ใต้บังคับบัญชาของอันผิงอ๋องและอันชิ่งอ๋องทั้งสองคนล้วนบาดเจ็บสาหัสนัก เร็วๆ นี้คงไม่มีท่าทีอะไรเป็นแน่ ทางด้านซู่อ๋องหลังจากพ่ายแพ้อย่างหนัก ในเร็ววันนี้คงยากที่จะฟื้นคืนมาเหมือนเก่า พวกเขาตอนนี้ล้วนยากลำบากทั้งสองทาง แรกเริ่มเพียงคิดว่าฮ่องเต้พระองค์ก่อนสิ้นแล้วก็ดียิ่ง หากแต่ตอนนี้พวกเขาออกจะดูแคลนฮ่องเต้น้อยไปหน่อย ถึงแม้ว่าจะยังเล็ก แต่ความสามารถก็นับว่ามี ครานี้ประมาทดูถูกศัตรูจนเสียเปรียบภายในน้ำมือของเขาไป ต่อไปทำการใดต้องระวังมากขึ้น เรียนรู้จากความผิดพลาดเสีย นับว่าพวกเขานั้นรู้จักฮ่องเต้น้อยเกินไปจริงๆ ครานี้เขามาอยู่เมืองหลวงก็คงมีเรื่องให้ยุ่งอีกโข
ฮ่องเต้นั้นตอนนี้เหมือนคนเจอเรื่องดีๆ ดูมีชีวิตชีวาเกษมสำราญ มิน่าเล่าใครต่อใครล้วนอยากจะมาครองบัลลังก์เป็นฮ่องเต้ ที่แท้รสชาติของการเป็นฮ่องเต้นั้นสุขสำราญเพียงนี้ ควบคุมทั้งใต้หล้า ความเป็นความตายของคนนั้นล้วนอยู่ในกำมือตน ทำการใดก็มิต้องหลบเลี่ยงอีกต่อไป เมื่อก่อนตอนเป็นรัชทายาทนั้นยังเป็นเพียงคนที่อยู่เหนือคนนับหมื่น ทำการใดยังต้องดูสีหน้าของพระบิดา มิกล้าเกียจคร้าน ทุกย่างก้าวล้วนเดินด้วยความระมัดระวัง ด้วยเกรงว่าหากก้าวพลาดแม้เพียงก้าวเดียว ตำแหน่งรัชทายาทนั้นก็จะรักษาไว้ไม่ได้
หากแต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ทั้งใต้หล้านี้ล้วนเป็นของตน เขาอยากทำอะไรก็ทำได้ อยากได้ผู้หญิงเช่นไรก็ได้ตามประสงค์
น่าอวี้นั้นชินเสียแล้วกับการปรากฏตัวชนิดไร้กฎเกณฑ์ นี่คงกลายเป็นนิสัยของเขาไปแล้วกระมัง ไม่ว่าวันนั้นจะยุ่งจนดึกดื่นเพียงใด พระองค์ก็จะมาเยี่ยมนางเสมอ แต่ยังเป็นห่วงเรื่องเวลาอยู่บ้าง บางครามาแล้วแต่เห็นว่าไฟในห้องดับแล้วก็ทรงมองอยู่ไกลๆ จากหน้าต่างทิศประจิม ไม่ให้คนเรียกหารบกวนนาง ยืนอยู่ตามลำพังสักพัก รอจนขันทีมาเร่งรัดสองสามรอบจึงได้เสด็จกลับไป
พระองค์ชินแล้วที่จะไม่รบกวน น่าอวี้เองก็ชินแล้วที่ทรงมาเยี่ยมทุกวัน ทรงไม่เอ่ยความในใจและก็ไม่แสดงออกว่ารักหรือชอบ ในสายตาของน่าอวี้ พระองค์นั้นก็เป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นหญิงก็ใจอ่อนง่ายที่สุด ท่ามกลางคนทั้งสองเหมือนเกิดเชือกที่มองไม่เห็นเชื่อมไว้อยู่ ทุกคราที่พระองค์มาก็เพียงขยับเชือกเส้นนั้นที่ผูกกับหัวใจนางเบาๆ หรือแม้กระทั่งในเวลาต่อมา กลับกลายเป็นนางเองที่มักรอพระองค์ตรงหน้าต่าง ท่ามกลางความมืดยามค่ำคืน ภายนอกมองภายในไม่ชัด ภายในเองก็มองภายนอกไม่ชัด มองเห็นเพียงดวงไฟดวงหนึ่งที่ขับเน้นร่างผอมที่ยืนอยู่อย่างดื้อรั้นให้เด่นชัดใต้เงาจันทร์อันเยือกเย็น
ที่น่ากลัวกว่าก็คือนางยังคงต่อต้านจนถึงตอนนี้ แม้ว่าจะค่อยๆ ชินเสียแล้วกับการมาเยี่ยมของเขา แต่ความเคยชินนี่แหละที่ทำให้คนหวาดกลัวที่สุด นางอยู่ในวังไร้ชื่อเสียง ไร้ยศตำแหน่ง จะกล้ารับการดูแลเช่นนี้จากพระองค์ได้อย่างไร
สันติสุขในใต้หล้าล้วนเป็นสิ่งที่ราษฎรหวัง หากแต่ใต้หล้านี้กลับไม่มีคราใดเลยที่สงบสุข แต่ฮ่องเต้หมู่นี้ว่างนัก จำนวนครั้งที่มาเยือนตำหนักน่าอวี้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ช่วงแรกๆ นั้นถามเรื่องเฝิงเยี่ยไป๋ไปหมดแล้ว บางข้อนั้นนางตั้งใจหลบเลี่ยงไม่ตอบ พระองค์ก็ไม่บังคับ แต่หลายครานี้กลับกลายเป็นไม่ตรัสสิ่งใดเลย ข้ารับใช้มองแล้วก็รู้สึกกระอักกระอ่วนนัก แต่ฮ่องเต้ไม่รู้สึกเช่นนั้น น่าอวี้ก็ไม่รู้สึก เพราะพวกเขาทั้งสองเองก็ไม่มีอะไรที่จะสนทนากันได้แล้วนั่นเอง
ตอนที่ 628 ข้าเก็บเจ้าไว้เพราะยังมีประโยชน์
น่าอวี้ไม่รู้เรื่องที่วันนี้อิ๋งโจวถูกเรียกเข้าวัง ฮ่องเต้นั่งนิ่งอยู่กับนางกว่าค่อนวัน จนกระทั่งหลี่เต๋อจิ่งมารายงานว่าท่านหมอมาแล้ว ถามพระองค์ว่าจะเรียกให้เข้ามาเลยหรือไม่ ฮ่องเต้จึงได้หันหน้าไปมองน่าอวี้ เอ่ยประโยคแรกของวันนี้กับนาง “ข้าเสาะหาหมอมารักษาอาการเจ้า คิดว่าเจ้าต้องรู้จักเป็นแน่ ก่อนหน้าเขาอยู่ที่จวนของเฝิงเยี่ยไป๋”
น่าอวี้เป็นคนที่เข้าใจอะไรง่ายๆ ทรงตรัสมาแบบนี้นางก็เดาได้แล้วว่าเป็นใคร ก่อนหน้านี้ผู้ทำหน้าที่ที่จวนเฝิงเยี่ยไป๋ ทั้งยังเป็นหมอ ในจวนของเฝิงเยี่ยไป๋นั้นมีหมออยู่เพียงท่านเดียว นั่นก็คืออิ๋งโจว ตอนนางจากมาก็ได้ยินมาว่าอิ๋งโจวไปเสียแล้ว แต่เดิมยังคิดว่าไปเสียได้ก็ดี ปูมหลังของเขากับนางก็ไม่ได้ยาวขนาดนั้น ลืมเสียได้ก็ดี ลืมแล้วก็จะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง หากแต่คาดไม่ถึงว่าฮ่องเต้จะทรงเรียกเขามารักษาตน ในใจอิ๋งโจวนั้นรู้สึกสำนึกผิดอยู่ ดังนั้นจึงอยากรักษานางให้หาย แต่สถานการณ์ของนางตอนนี้…นางไม่อยากเจออิ๋งโจว ทั้งยังไม่อยากลากเขามาเกี่ยวข้องด้วย
“พระองค์ไม่ควรต้องมาลำบากกับเรื่องของหม่อมฉันเลย หม่อมฉันไม่คู่ควรที่จะได้รับดูแลจากพระองค์อย่างนี้ สิ่งที่สามารถบอกได้หม่อมฉันก็บอกไปหมดแล้ว ทรงคิดเถิดว่าสุดท้ายแล้วจะลงโทษหม่อมฉันอย่างไร หม่อมฉันไม่พบหมอแน่”
ฮ่องเต้จดจ้องอยู่ที่นาง “ข้าก็เดาได้ว่าเจ้าสองคนต้องรู้จักกันแน่ ข้าเก็บเจ้าไว้เพราะยังมีประโยชน์ ตอนนี้ยังให้เจ้าตายไม่ได้ ให้เขามารักษาเจ้าเถอะ”
น่าอวี้กัดฟันแน่นไม่ยอมผ่อนปรน “ข้าไม่รักษา”
“ไม่รักษาแน่หรือ”
“ไม่รักษา!”
ฮ่องเต้ดึงสร้อยข้อมือที่ข้อมือพลางเลิกคิ้วเล็กน้อย เอ่ยกับหลี่เต๋อจิ่งว่า “ในเมื่อนางไม่รักษา อย่างนั้นก็สังหารเขาเสีย จะได้ไม่ออกไปพูดเรื่องไร้สาระ”
หลี่เต๋อจิ่งค้อมศีรษะรับคำ กำลังจะออกไปจัดการ น่าอวี้พลันผุดลุกยืนขึ้นหยุดเขาไว้ “ช้าก่อน…” ทั้งยังเกรงว่าการที่ตนรีบร้อนยืนขึ้นจะกะทันหันเกินไป จึงสะกดอารมณ์ไว้ท่ามกลางสายตาของฮ่องเต้ เปลี่ยนท่าทีการพูด “ไม่รักษาก็ไม่รักษา หมอเองก็ไม่ทราบเสียหน่อยว่ามารักษาใคร ในเมื่อไม่จำเป็นแล้วก็สังหารเสีย”
ฮ่องเต้เอ่ย “วังหลวงอยากเข้าก็เข้าอยากออกก็ออกง่ายเพียงนั้นหรือ ในเมื่อมาแล้วไม่ทิ้งอะไรไว้เสียหน่อยเกรงว่าพูดไปจะไม่เข้าท่า”
ตอนนี้น่าอวี้สับสนแล้ว นางถูกท่าทีที่ผ่านมาของฮ่องเต้ทำให้ชินเสียล่องลอยไปไกลแล้ว นางคิดได้อย่างไรว่าฮ่องเต้จะฟังคำพูดนาง นางเอ่ยคำขอร้องไปเสียสองประโยคเขาก็จะปล่อยคนไปโดยไม่ทำอะไรเลยหรือ ตอนนี้นางแจ้งแก่ใจตนเองทีเดียว นางเป็นอะไรเล่า ถือสิทธิ์อันใดมาสั่งการที่นี่เล่า ความรุ่งโรจน์หรือความอัปยศล้วนแล้วแต่อยู่ในพระหัตถ์ฮ่องเต้ที่อยู่ตรงหน้า นางไร้ที่พึ่ง ถือดีอย่างไรมาเล่นตัว
นางกระจ่างแล้ว แจ้งแก่ใจแล้วก็ดี ช่วงนี้คงใช้ชีวิตสบายเกินไปกระมัง หากสบายต่อไป แม้แต่ตนเองเป็นใครนางก็คงลืมไปสักวัน ยังดีที่ตอนนี้กระจ่างแล้วยังถือว่าไม่สาย นางรู้สึกแล้วว่าเมื่อครู่เสียกิริยาไป จึงถอยกลับมาด้วยอารมณ์แค้นใจ ผินหน้าไปหาฮ่องเต้พลางเอ่ย “หม่อมฉันเสียมารยาทแล้ว ทุกสิ่งทำตามพระประสงค์เถิดเพคะ”
ฮ่องเต้ให้นางลุกขึ้น ปัดเข่าเล็กน้อยแล้วยืนขึ้น กำชับหลี่เต๋อจิ่ง “ไปพาหมอเข้ามา”
หลี่เต๋อจิ่งมองสำรวจน่าอวี้ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ครั้นเห็นว่าฮ่องเต้ประทับอยู่ตรงนี้จึงไม่กล้ามองอย่างโจ่งแจ้งนัก มองผ่านๆ ปราดหนึ่ง จากนั้นประสานมือรับคำแล้วจึงออกไปเรียกคน
สิ่งที่น่าอวี้ไม่อยากติดค้างที่สุดก็คือน้ำใจคน เดิมทีคิดว่ากับอิ๋งโจวผู้นี้ให้ตายก็จะไม่ติดต่ออีก แต่คาดไม่ถึงเลยว่าวาสนาต่อกันยังไม่สิ้น วันนี้ได้มาพบเจอกันในวังหลวง สุดท้ายแล้วโชคชะตาล้อเล่นกับคนยิ่งนัก ชะตาตนขึ้นอยู่กับฟ้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเอง พวกนางเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์ล้วนต่ำต้อยด้อยค่าดั่งตัวตุ่น นางดูเหมือนมองเห็นจุดจบของตนชัดเจนแล้ว