ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 631 ฆ่าลาเมื่อเสร็จงานโม่แป้ง / ตอนที่ 632 คนโง่เท่านั้นแหละถึงจะยืนอยู่ข้างเจ้าได้
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 631 ฆ่าลาเมื่อเสร็จงานโม่แป้ง / ตอนที่ 632 คนโง่เท่านั้นแหละถึงจะยืนอยู่ข้างเจ้าได้
ตอนที่ 631 ฆ่าลาเมื่อเสร็จงานโม่แป้ง
ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าลูกอยู่ที่ไหน ไม่ได้คิดจะตามหา ทำได้เพียงแค่เป็นกังวล ตอนนี้รู้แล้ว ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่สามารถนั่งงอมืองอเท้าได้ เฉินยางได้ยินประโยคนั้นที่เขาเริ่มพูด น่าอวี่ก็อยู่ในวังหลวง ฮ่องเต้น้อยยังปรนนิบัตินางอย่างกินดีอยู่ดี นางกับฮ่องเต้มีความสัมพันธ์กันอย่างไร ทำไมฮ่องเต้ต้องทำดีกับนางด้วย
อวี่เหวินลู่ก็แปลกใจ “หรือว่าไม่มีคนอยู่ตอนนั้น เขาคิดได้แล้วหรือ”
เฉินยางไม่ได้คิดเหมือนกันกับเขา “ตอนก่อนหน้านี้สามีของข้าเคยช่วยนางตามหาน้องชายของนาง ข้าก็ไม่ได้ทำเรื่องที่ผิดต่อนาง เจ้าคิดว่าถ้าข้าไปขอให้นางช่วยเหลือข้า นางจะยอมช่วยข้าหรือไม่”
“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ” อี่เหวินลู่สำลักน้ำอย่างแรง “หรือว่าเจ้าคิดจะเข้าไปหานางในวังหลวง”
“ตอนนี้ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว นางอยู่ในวังหลวง น่าจะรู้ข้อมูลมากกว่าพวกเราที่อยู่นอกวังเยอะ ตอนนี้สามีข้าก็ไม่มีจดหมายตอบกลับมา คงรอให้ถูกกระทำต่อไปอย่างนี้ไม่ได้ ข้ารอไม่ได้แล้ว ข้าจะต้องคิดหาวิธีให้ได้!” นางเป็นกังวลจนต้องลุกยืนขึ้นมา เดินวนไปวนมาอยู่ในห้องสองรอบ มือหนึ่งกำหมัดเคาะฝ่ามือ มองไปที่อวี่เหวินลู่ “ท่านพาข้าเข้าวังหน่อย ข้าจะไปคุยกับน่าอวี้”
อวี่เหวินลู่คิดว่าตัวเองก็บ้าพออยู่แล้ว แต่ตอนนี้กลับเจอกับคนที่บ้ากว่าเขาเสียอีก “เข้าวังหลวง?” หางเสียงของเขาสูงขึ้น พูดขึ้นด้วยความตกใจ “อยากเข้าไปตายเจ้าไปคนเดียว อย่ามาดึงข้าไปด้วย เจ้าคิดว่าวังหลวงเป็นลานหลังบ้านเจ้าหรือไร อยากเข้าก็เข้าอยากออกก็ออก ถ้าหากสามารถเข้าไปได้ ทำไมตอนนี้ถึงมายืนย่ำเท้าเป็นกังวลอยู่ที่นี่ ยิ่งกว่านั้นเจ้ายังจะพาข้าไปลำบากกับเจ้าอีก ข้าจะบอกเจ้าให้ เราไม่ทันได้เห็นประตูวังหลวง ก็คงถูกทหารลาดตระเวนเอาดาบมาแทงจนทั้งตัวเป็นรูหมดก่อน”
“เจ้าไม่ใช่ท่านซู่อ๋องที่ผู้สง่างามหรอกหรือ ยังอยากที่จะเป็นฮ่องเต้ผู้ปกครองใต้หล้าในอนาคตอีก เพียงเรื่องแค่นี้ก็ทำให้เจ้าลำบากแล้วหรือ เพื่อช่วยเหลือพวกเจ้า สามีของข้าเสี่ยงต่อการถูกฮ่องเต้จับได้ทุกวัน แต่ก่อนเจ้ายังพูดว่าเรื่องของเจ้ากับเขาเป็นพันธมิตรกันอยู่เลย นี่เพิ่งผ่านไปแค่ไม่กี่วัน ก็คิดจะฆ่าลาเมื่อเสร็จงานโม่แป้ง [1] แล้ว ไม่คิดจะสนใจไยดีหน่อยหรือ”
ช่างไม่มีเหตุผลเสียจริง นี่มันจะไปเหมือนกันได้อย่างไร “เฝิงเยี่ยไป๋อยู่ในวังหลวงมีตำแหน่งมีฐานะ แล้วข้าเล่า มีประกาศจับข้าติดเต็มถนนหนทางไปหมด เพียงแค่ข้าโผล่หน้าออกไปก็ตายแล้ว ชีวิตของสามีเจ้าคือชีวิต ชีวิตของลูกคือชีวิต ชีวิตของข้าไม่ใช่ชีวิตหรืออย่างไร เจ้าอย่าพึ่งข้าเลย… ช่างเถอะ จะอย่างไรข้าก็ไม่ไป ถ้าหากเจ้าอยากไปตาย เจ้าก็ไปคนเดียวเลย”
ในที่สุดก็ได้คำตอบที่ว่าขอร้องให้คนอื่นช่วยไม่สู้ขอร้องตัวเอง สิ่งที่อวี่เหวินลู่พูดใช่ว่าไม่มีเหตุผลเสียทีเดียว เป็นเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง ถ้าเขาไปก็อาจจะถูกคนจับได้ ถ้ามีคนเห็นว่านางอยู่ด้วยกันกับอวี่เหวินลู่ ยังจะต้องใช้หลักฐานอะไรอีก หลักฐานที่ว่าเฝิงเยี่ยไป่สมคบคิดกับซู่อ๋องก็ชัดเจนอยู่แล้ว
เป็นนางที่กังวลจนเกินไป ไม่ได้พิจารณาให้รอบคอบเสียก่อน ลูกชายของนางเองทำไมจะต้องให้คนอื่นมาพยายามช่วยชีวิตด้วย อารมณ์ร้อนเมื่อครู่เริ่มผ่อนเบาลง นางนั่งลงตรงหน้าเขา ทำได้เพียงพยักหน้า “ท่านพูดถูก ข้าไม่ควรดึงท่านเข้ามาด้วย ท่านจะให้คนอื่นจับได้ไม่ได้ ถ้าท่านโดนจับได้ขึ้นมา พวกเราคงจบกันหมด เอาอย่างนี้ เดี๋ยวข้าจะคิดหาวิธีเอง ข้าคิดหาวิธีเอง”
ตอนที่ลูกชายถูกลักพาตัวไป นางถูกทรมานจนจะเป็นมารแล้ว ครั้งนี้เหมือนนางทำผิดอะไร กัดไปที่นิ้วหัวแม่มือ รอยกัดยิ่งกัดยิ่งลึก สายตาดูสับสน
“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ” อวี่เหวินลู่เอามือบีบแก้มของนางให้นางคลายปากออก นิ้วหัวแม่มือเป็นรอยกัดวงใหญ่ ในมือมีเลือด ปากก็มีเลือด ตัวนางเองไม่รู้สึกอะไร แต่ในใจเขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด
ตอนที่ 632 คนโง่เท่านั้นแหละถึงจะยืนอยู่ข้างเจ้าได้
อวี่เหวินลู่เป็นตัวอย่างที่ดีของประโยคที่ว่าปากร้ายดั่งมีดแต่ใจอ่อนดั่งเต้าหู้ ปากบอกว่ารักตัวกลัวตาย ไม่อยากพยายามทำเพื่อลูกชายของนาง แต่ตัวเองระงับความสงสารไว้ไม่ได้ ในวังหลวงใหญ่มาก นั่นเป็นที่ที่เขาไม่สามารถเข้าไปได้ นางคิดหาวิธี คิดว่าจะไปตายอย่างไรจะไม่ง่ายกว่าหรือ
“เฉาเต๋อหลุนไม่ใช่ว่าเขียนจดหมายไปหาเฝิงเยี่ยไป๋แล้วหรือ เจ้ารออีกสักหน่อยเถิด บางทีอีกสองสามวันอาจมีข่าวคราวของลูกชายก็ได้นะ เจ้าคิดหาวิธี เจ้าเป็นเพียงผู้หญิงตัวคนเดียวจะคิดวิธีอะไรออก”
ตอนกระต่ายร้อนใจยังกัดคนได้ แล้วคนเล่า ทั้งวังหลวงล้วนแล้วแต่มีทหารองครักษ์คอยเฝ้ารักษาอยู่ และในนั้นนางรู้จักหัวหน้าทหารอยู่คนหนึ่งอยู่พอดี ตอนนั้นที่ปรึกษากันเรื่องจะช่วยเหลียงอู๋เย่ว์เขาก็ช่วยเหลือ ไม่ใช่ว่ามีเงินให้ก็ได้แล้ว ขอเพียงสามารถเข้าไปในวังหลวง แค่เงินเทียบไม่ได้เลย
เฉินยางคิดออกวิธีหนึ่ง หัวคิ้วเริ่มคลายออก พูดกับอวี่เหวินลู่ว่า “ท่านช่วยอะไรข้าหน่อย ช่วยข้าตามหาหานสือหัวหน้ากององครักษ์ที่อยู่ในวังหลวง ในเมื่อเขาเป็นหัวหน้ากององครักษ์ เขาจะต้องมีวิธีที่จะทำให้ข้าสามารถเข้าไปในวังหลวงได้ ท่านช่วยข้าหน่อยได้หรือไม่”
หัวหน้ากององครักษ์ แค่ได้ยินชื่อตำแหน่งก็รู้สึกไม่น่าเชื่อถือแล้ว “คนผู้นี้เชื่อถือได้หรือไม่ เจ้าเคยไปมาหาสู่กับเขา ถ้าเกิดว่าเขารับปากไปแล้ว แล้วต่อมาเอาเราไปขายต่อเล่า พอถึงตอนนั้นที่จะให้เจ้าร้องไห้คงไม่มีแล้ว”
ความน่าเชื่อถือน่าจะเชื่อถือได้ แต่จะให้เชื่อทั้งหมดก็คงไม่ได้ คนที่สามารถใช้เงินซื้อได้ แม้ว่าความน่าเชื่อถือจะดีอย่างไรก็ต้องระเอาไว้บาง เฉินยางครุ่นคิดดู สถานการณ์ของพวกเขาตอนนี้คือไปไหนมาไหนค่อนข้างลำบาก ทุกเรื่องจะต้องระมัดระวัง วิธีที่เสี่ยงคงใช้ไม่ได้ อย่างไรเสียนางก็เคยโผล่หน้าให้เห็น ขอแค่อวี่เหวินลู่อย่าทำให้คนอื่นจำได้ก็พอแล้ว “ตอนที่ท่านไปตามหาอย่าให้คนอื่นเห็นหน้าท่าน พอหาเขาเจอแล้วก็นัดสถานที่กับเขา พอถึงตอนนั้นเดี๋ยวข้าจะไปพบเขาด้วยตัวเอง”
ความกล้านี้ก็แค่ถูกบังคับออกมาให้กล้า เรื่องครอบครัวตัวเอง จะพึ่งคนอื่นตลอดไปก็ไม่ได้ อวี่เหวินลู่ช่วยนางได้ แต่นางไม่สามารถขอร้องให้เขาช่วยนางไปมากว่านี้ นางรู้ดีว่านอกจากเรื่องที่ตัวเองทำไม่ได้ถึงรบกวนให้อวี่เหวินลู่ช่วย มากไปกว่านี้ก็ไม่สามารถให้เขายื่นมาเข้ามาช่วยได้
จะตามหาหัวหน้ากององครักษ์ไม่ยากเลย ส่งข่าวให้เขาก็ไม่ยาก สิ่งที่ยากลำบากของเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่เขา แต่อยู่ที่เว่ยเฉินยาง นางเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ไปต่อรองกับผู้ชาย ถ้าจะบอกว่าไม่เสียเปรียบก็คงจะไม่ได้ เด็กโง่คนนี้มีดีที่ความกล้าเยอะ นางอธิบายให้ฟังจนหมดก็ดี รับปากว่าจะให้เงินมากก็ดี ตอนนี้เขารับปากแล้ว กลับหลังหันขายนางให้กับฮ่องเต้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ พอได้เงินมาแล้ว ความดีความชอบจากฮ่องเต้ก็ได้ด้วย คนโง่เท่านั้นแหละถึงจะยืนข้างนางได้
“ตอนนี้ถ้าเขาขายเจ้าข้าจะรอดูว่าเจ้าจะทำอย่างไร” อวี่เหวินลู่ไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้ ฟังแล้วส่ายหน้าให้ “เจ้ารออีกหน่อยเถิด รอให้ข้าหาความจริงของเขามาได้แล้วค่อยพูดกันอีกที ตอนนี้ไม่ว่าจะพูดอะไรก็เร็วเกินไป เฝิงเยี่ยไป๋เป็นห่วงเจ้าขนาดนี้ แม้ว่าเจ้าจะไม่เขียนจดหมายหาเขา เขาน่าจะเขียนจดหมายกลับมาถามเจ้า ในเมื่อตอนนี้เป็นอย่างนี้ ผิดปกติเกินไปแล้ว รออีกสักสองวันเถิด รอดูสถานการณ์ก่อนค่อยว่ากัน หากสองวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงเล่า”
นางเกือบลืมไปเลย เฝิงเยี่ยไป๋ไม่อยู่ประมาณครึ่งเดือนได้ อย่าว่าแต่จดหมายสักฉบับส่งมาที่บ้านเลย แม้แต่จดหมายที่นางเขียนให้เขาเขาก็ไม่ได้ตอบกลับมา เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลย ตอนนี้พอวิเคราะห์ดู หรือว่าเขาจะเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ ความพ่ายแพ้ของอวี่เหวินลู่ทั้งชีวิตอยู่ที่ปาก สิ่งที่ใจคิดไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้ แต่คำพูดที่ออกมาจากปากความหมายเปลี่ยนไปเลย แล้วทิ่มแทงแรงๆ ไปที่หัวใจที่เป็นรูอยู่แล้ว
——
[1] ฆ่าลาเมื่อเสร็จงานโม่แป้ง เป็นสำนวน หมายถึง เมื่อทำตามเป้าหมายที่วางไว้สำเร็จก็คิดจะกำจัดคนที่คอยช่วยเหลือทิ้ง