ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 635 แสร้งทำเป็นรับ / ตอนที่ 636 แพ้จนได้
ตอนที่ 635 แสร้งทำเป็นรับ
ชนเผ่าที่มีเฉินตานเป็นผู้นำล้วนเป็นชนเผ่าหนี่ว์เจิน ผู้หญิงสามารถมีฐานะทัดเทียมกับผู้ชาย บางครั้งถึงขั้นสูงกว่า เป็นขุนนางได้ ฝึกการต่อสู้ได้ ผู้ชายสามารถมีภรรยาหลายคน ผู้หญิงก็ไม่ได้มีสามีคนเดียวทั้งชีวิต องค์หญิงเกิดมาก็มีฐานะสูงส่งที่สุด และไซ่จี๋ก็เป็นองค์หญิงที่รบเก่งที่สุดในเฉินตาน ดังนั้นนางออกศึกก็หมายถึงทั้งเฉินตาน หากจับนางได้ เช่นนี้จะปราบเฉินตานได้ก็อยู่ไม่ไกลแล้ว
เฝิงเยี่ยไป๋ควงทวนเงิน คำพูดของนางลอยอยู่ในสายลม ที่ได้ยินจริงๆ นั้นมีเพียงไม่กี่ประโยค เพียงแต่การท้าสู้ตัวต่อตัว นอกจากข่มขู่กับปลุกความฮึกเหิมแล้ว ที่เหลือล้วนไม่มีสาระทั้งสิ้น จะฟังหรือไม่ก็ไม่ได้สำคัญนัก เขามาด้วยอารมณ์สบาย เฝิงเยี่ยไป๋ยกมือให้นางแล้วต่อให้นาง “ผู้ที่มาก็เป็นแขก ข้าจะต่อให้เจ้าก่อน”
คำพูดนี้สำหรับไซ่จี๋แล้วไม่ต่างจากการเหยียดหยาม นางฆ่าศัตรูในสนามรบตั้งแต่อายุสิบสี่ จนถึงวันนี้ก็สี่ปีแล้ว บนสนามรบยังไม่มีใครเคยพูดว่าจะต่อให้นาง เฝิงเยี่ยไป๋พูดเช่นนี้เห็นชัดว่าดูถูกนาง ชายที่กำลังจะกลายเป็นผู้แพ้ มีสิทธิ์อันใดมาพูดเช่นนี้
นางกระตุกบังเ**ยนก้าวไปข้างหน้า เห็นใบหน้าของเขาชัดเจนในฝุ่นที่ลอยฟุ้ง หน้าตาดั่งภาพวาด ใบหน้าเหมือนดั่งวาดมาจากหัตถ์พระเจ้า งดงามยิ่งกว่าชายใดที่นางเคยพบเจอในชีวิต ทั้งๆ ที่มีใบหน้าเช่นนี้ กลับไม่ทำให้รู้สึกเหมือนแม่นางเลย กลับทำเอารู้สึกสยองเล็กน้อย ในใจ แววตาดั่งน้ำเย็นที่สงบนิ่ง เพียงสบตาเล็กน้อยก็ทำให้จมน้ำตายเอาง่ายๆ
ไซ่จี๋มือกระตุก ลมหายใจถี่ขึ้นมา
เฝิงเยี่ยไป๋เห็นนางกลับไม่ได้ประหลาดใจเท่าไรนัก ชนเผ่านอกด่านทางเหนือหน้าตาหยาบกร้าน ผู้ชายเป็นเช่นนั้น แม้แต่ผู้หญิงก็มีหน้าตาหล่อเหลา เบ้าตาลึก ด้วยความที่อยู่ในทะเลทรายมาตลอด ดังนั้นผิวจึงเป็นสีน้ำผึ้ง เพียงแต่องค์หญิงไซ่จี๋สืบเชื้อมาดี แม้จะหล่อเหลาความงามก็ยังมองออกได้ เพียงแต่ใบหน้านี้เต็มไปด้วยจิตสังหาร ขมวดคิ้วเม้มปาก แถมยังมีท่าทางที่กลัวตัวเองจะดุไม่พอเช่นนั้น
ความตะลึงก็มีเพียงชั่วขณะ ไซ่จี๋เก็บอารมณ์อย่างรวดเร็ว นางถลึงตาใส่เขาพูดว่า “อย่าได้คุยโวนัก ข้าเกิดมายังไม่เคยแพ้ชายใดๆ อีกเดี๋ยวสู้ขึ้นมา เจ้าอย่ามาอ้อนวอนข้า”
ท่าทางเช่นนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นเสียจริง ตกลงวิชาเก่งกล้าจริงหรือไม่ ก็ยังต้องสู้กันถึงจะได้รู้
ทุกท่าของไซ่จี๋ล้วนแฝงจิตสังหาร ท่วงท่าคล่องแคล่วไม่อืดอาด พื้นฐานการต่อสู้ดี ไม่มีท่วงท่าที่ไม่จำเป็น เฝิงเยี่ยไป๋ไม่ได้สวนกลับตั้งแต่เริ่ม เขาหลบไปหลายท่า แสร้งทำเป็นรับเพื่อลองเชิงนาง นางเก่งก็เก่งที่การใช้แรงนี้ การสู้รบบนหลังม้า ความได้เปรียบของผู้ชายไม่สู้ผู้หญิง ผู้หญิงร่างเล็กร่างเบา จะหลบก็ง่ายดาย คล่องแคล่วว่องไว แทงออกไปก็ใช้เต็มแรงได้ ปล่อยออกเก็บกลับได้ดั่งใจนึก จุดอ่อนมีน้อยนัก
เพียงแต่ผู้ชายนั้นต่างกัน แรงที่ปล่อยออกไปนั้นยากที่จะเก็บกลับมาได้มั่นคง ใช้แรงออกไปแปดส่วน มีสามส่วนต้องใช้บนตัวเอง ยังมีอีกสองส่วนใช้ยามกวัดแกว่ง ที่ใช้บนตัวศัตรูได้จริงๆ นั้นมีเพียงสามส่วนเท่านั้น แต่เดิมเฉินตานก็เป็นชนเผ่าที่ใช้ชีวิตบนหลังม้า บรรพบุรุษอาศัยสิ่งนี้ในการใช้ชีวิต ไซ่จี๋ก็ฝึกการต่อสู้ตั้งแต่เด็กอีก การสู้รบบนหลังม้า คนทั่วไปเทียบนางไม่ได้ ยิ่งเป็นชายที่กำยำ เมื่อเจอนางก็ยิ่งเสียเปรียบ การสู้รบไม่อาจใช้เพียงแรงอย่างเดียว ต้องใช้สมอง ใช้แรงให้เหมาะสมถึงจะรบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
ผ่านไปหลายท่า เฝิงเยี่ยไป๋ลองเชิงไซ่จี๋จนเกือบหมดสิ้นแล้ว หากยังหลบอีกต่อไปจะเสียเปรียบเอา เขามัวเสียเวลาไม่ได้ รีบสู้รีบจบเสียจะดีกว่า
ตอนที่ 636 แพ้จนได้
เคลื่อนไหวว่องไว ท่วงท่าออกได้ดั่งใจนึกย่อมเป็นข้อได้เปรียบ เพียงแต่พอเป็นเช่นนี้ ช่วงล่างก็จะไม่มั่นคงได้ง่าย จะขี่ม้าได้ดีการฝึกขานั้นขาดไม่ได้ เพียงแต่นางทุ่มแรงทั้งหมดไปที่แขน บางครั้งถึงกับเหวี่ยงไปครึ่งลำตัว ขอเพียงขาข้างหนึ่งอ่อนแรง ก็จะตกลงมาทั้งตัวได้
เฝิงเยี่ยไป๋มองจุดอ่อนของนางออก ก็ไม่มีใจที่จะสู้กับนางอีก เฝิงเยี่ยไป๋โต้กลับการจู่โจมของนาง แล้วหาจังหวะโจมตีขาของนาง
ไซ่จี๋เห็นเขาตั้งรับไม่จู่โจม ท่าที่ตัวเองใช้ออกไปนั้นเหมือนดั่งแทงอยู่บนนุ่น ไม่สะทกสะท้าน ทำอะไรเขาไม่ได้เลย เป็นเช่นนี้อยู่หลายครั้ง ความอดทนของนางก็ค่อยๆ หมดลง ความโกรธเริ่มเพิ่มขึ้นมา ทวนครึ่งวงเดือนแทงตรงไปที่ใบหน้าของเขา เห็นว่าจะแทงถูกใบหน้าแล้ว เขาเอียงศีรษะเล็กน้อยหลบไปได้อีก ไซ่จี๋เปลี่ยนท่าแทงไปที่อก กลับนึกไม่ถึงว่าคราวนี้ถูกเขาจับห่วงทองเหลืองที่อยู่บนทวนครึ่งวงเดือน เขากระชากมือ เป็นดั่งที่เขาคิด นางเหยียบโกลนไว้ สองขาหนีบท้องม้าแน่น เห็นได้ชัดว่ายามที่สู้ด้วยแรงกับเขาไม่สู้ก่อนหน้านี้ที่จะฆ่าเขา ตอนนี้เป็นโอกาสดี เขาใช้มือข้างเดียวคุมเอาไว้ทำให้นางไม่มีมือสวนกลับ มืออีกข้างหนึ่งถือทวน เคาะไปที่น่องของนางอย่างแรง
ไซ่จี๋ไม่ทันระวังเขายังมีท่านี้ ขาของนางไม่อาจทนแรงได้ พอถูกเขาเคาะ ก็กระแทกชาจนถึงกระดูก ขานางไม่มีแรงก็ตกลงมาจากหลังม้า
เพิ่งเริ่มได้ไม่นานก็รู้ผลแพ้ชนะแล้ว เป็นครั้งแรกที่ไซ่จี๋แพ้ แถมยังแพ้ให้กับคนที่นางเพิ่งดูถูกอยู่เมื่อครู่ นางสู้ศึกตั้งแต่อายุสิบสี่ เคยผ่านสนามเป็นร้อย ล้วนชนะทุกครั้ง ดังนั้นถึงได้มีฉายา ‘แม่ทัพไร้พ่าย’ นานวันเข้า ก็ย่อมทะนงตน นางเป็นคนเอาชนะ เชื่ออยู่ตลอดว่าตัวเองไร้พ่าย และเป็นแม่ทัพที่เก่งกาจที่สุดในประวัติศาสตร์ของเฉินตาน เพียงแต่ตั้งแต่วินาทีที่นางตกลงมาจากหลังม้านั้น นางถึงได้รู้สึกตัว ไม่เคยแพ้ตั้งแต่เด็ก จู่ๆ ตอนนี้แพ้ขึ้นมา ก็ยังคงไม่อยากจะเชื่อ ใบหน้าตะลึงจนพูดไม่ออก
“ตั้งแต่เด็กจนโตข้ายังไม่เคยแพ้ ชายร่างสูงใหญ่ก็ไม่อาจสู้ข้าได้ มวยปล้ำ ยืนกลับหัว ข้าทำได้ทุกอย่าง ชายในชนเผ่าไม่มีใครที่ไม่แพ้ให้กับข้า แม้แต่พี่ชายของข้าก็ทำได้เพียงเสมอข้า เพียงแต่วันนี้ข้าถึงกับ… ถึงกับแพ้เจ้า”
เฝิงเยี่ยไป๋ตีไม่เบานัก นานแล้วที่ไม่มีใครเข้าใกล้ได้ สู้รบในสนามแทนที่จะบอกว่านางเสี่ยงชีวิตฆ่าศัตรูกลับไม่สู้บอกว่านางกำลังสนุกเสียเหมาะยิ่งกว่า หลังอายุสิบเจ็ดนางก็ไม่เคยบาดเจ็บเลย เมื่อครู่นางถูกตีที่ขา นางลองลุกขึ้นยืน เพียงแต่ขาอ่อนจนยืนไม่ได้ ขยับเล็กน้อยก็เจ็บเจียนตาย นางฝืนเอาไว้ ยืนด้วยขาข้างเดียวขึ้นมา มองไปที่เฝิงเยี่ยไป๋อีกครั้ง แววตาก็ไม่ใช่มีเพียงจิตสังหารแล้ว
นางไม่ชอบชายชาวฮั่นมาตลอด นางยังมีพี่สาว พี่สาวนางยอมที่จะสละตำแหน่งองค์หญิงเพื่อชายชาวฮั่นคนหนึ่ง ไม่เสียดายที่จะแต่งไปอยู่ที่ไกลก็เพื่อจะอยู่กับชายคนนั้น เพียงแต่ชายชาวฮั่นมีภรรยาหลายคน ชีวิตของพี่สาวนางที่แต่งไปแล้วก็คาดเดาได้ นางเคยไปเยี่ยมพี่สาวนางครั้งหนึ่ง ยามที่ไปนั้นได้เจอชายคนนั้นจิกผมของพี่สาวนางตีนางพอดี นางจับผมของชายคนนั้นแล้วซัดไปหนึ่งหมัด ชายคนนั้นทั้งผอมทั้งตัวเล็ก เหมือนกับชายชาวฮั่นที่นางได้เจอมาตลอดทาง ทนการทุบตีไม่ไหว นางหวดไปสองหมัดง่ายๆ ก็ขาดใจตาย จากนั้นชายชาวฮั่นที่นางเจอมา รวมถึงเหล่าแม่ทัพที่ดูแล้วรูปร่างสูงใหญ่ท่าทางดุร้าย สุดท้ายก็สู้นางได้ไม่กี่กระบวนท่าก็ตายคามือนาง ล้วนมีเพียงเปลือก ดังนั้นนางถึงมั่นใจว่าแผนยึดครองแผ่นดินของบิดาจะต้องสำเร็จ เพียงแต่นางนึกไม่ถึงว่าวันนี้ถึงกับพ่ายแพ้ให้กับชาวฮั่นที่นางดูถูกมากที่สุด!