ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 637 พี่ชายเจ้าอยากให้เจ้าตาย / ตอนที่ 638 อย่าตีนางจนตาย
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 637 พี่ชายเจ้าอยากให้เจ้าตาย / ตอนที่ 638 อย่าตีนางจนตาย
ตอนที่ 637 พี่ชายเจ้าอยากให้เจ้าตาย
กองทัพของไซ่จี๋ยังอยู่นอกระยะสองลี้ เฝิงเยี่ยไป๋มีเวลาจับไซ่จี๋กลับไป เพียงแต่ไซ่จี๋ทะนงตน ทวนครึ่งวงเดือนถูกเฝิงเยี่ยไป๋เหวี่ยงทิ้งก็ชักดาบโค้งจากเอวออกมาพูดว่า “คนเฉินตานไม่เป็นทาสของชาวฮั่น ขอเพียงข้าไม่ตาย ก็จะสู้กับเจ้าจนถึงที่สุด!”
นางตายไม่ได้ นางตายแล้ว จะเอาอะไรไปข่มขู่ให้เฉินตานอ๋องถอยทัพ เฝิงเยี่ยไป๋เม้มปากยิ้ม โยนทวนทิ้งไป “ชิงแผ่นดินพวกเจ้าอาจจะไร้เทียมทาน สู้ไม่เคยแพ้ เพียงแต่พวกเจ้าชิงแผ่นดินมาได้แล้วก็ใช่ว่าจะรักษาแผ่นดินได้ ทำงานต้องใช้สมอง เจ้าเป็นองค์หญิงของเฉินตานไม่ใช่หรือ ไฉนถึงไร้สมองดั่งเช่นคนไร้ความรู้”
ไซ่จี๋แกว่งดาบใส่เขา “ข้าเฉินตานย่อมไม่เจ้าเล่ห์ดั่งพวกเจ้าชาวฮั่น เจ้าอย่ามาพูดจาหลอกล่อ หากมีความสามารถจริงก็มาสู้กับข้า”
“สู้รึ จะสู้อะไรอีก” เฝิงเยี่ยไป๋เหลือบมองขาของนาง “เจ้าเป็นเช่นนี้แล้ว ขืนสู้อีก คนจะว่าข้าไร้ศักดิ์ศรี ความทะนงตนของเจ้าสำคัญ ชื่อเสียงของข้าก็สำคัญเช่นกัน”
ไซ่จี๋พุ่งใส่เขา ดาบโค้งคมกริบ ยังมีคราบเลือดหลงเหลืออยู่ นางแทงตรงไปที่อกเฝิงเยี่ยไป๋ เฝิงเยี่ยไป๋ยื่นมือปัดดาบนางทิ้ง คว้าแขนทั้งสองข้างนางไว้ไพล่หลัง ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมีความแตกต่างตามธรรมชาติ ไซ่จี๋ห้าวหาญเพียงใดก็ยังเป็นผู้หญิง จะจับนางไว้ไม่ต้องใช้แรงมากนัก
งานชุมนุมใหญ่เมื่อเดือนห้า องค์ชายเฉินตานฉวยโอกาสสืบข่าวอยู่ไม่น้อย ตอนนั้นเห็นว่าทั้งตระกูลนี้ดูแล้วฉลาด องค์หญิงไซ่จี๋คนนี้ก็เป็น ‘แม่ทัพไร้พ่าย’ เขาคิดว่าก็คงจะไม่แย่ เพียงแต่วันนี้ได้พบกันและได้สู้กับนาง วิชาต่อสู้ก็ไม่เลว เพียงแต่ดื้อด้าน ไม่รู้จักพลิกแพลง ศึกครั้งนี้ราบรื่นเกินไปนัก ในใจเขากลับรู้สึกกังวลขึ้นมา เหมือนมีบางสิ่งผิดปกติ
ในใจกำลังคิดเช่นนั้นอยู่เลย พอเงยหน้าขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้ยินข้างหน้ามีเสียงฝีเท้าของม้า ม้าหุ้มเกราะควบผ่านฝุ่นทรายจนฟุ้งขึ้นมา เสียงนั้นเข้าใกล้เรื่อยๆ เขาตั้งใจมอง เป็นม้าศึกหุ้มเกราะของเฉินตาน
การท้าดวลหน้าประตูเมืองมีกฎของการท้าดวล แม่ทัพทั้งสองประลองกัน ความเป็นความตายล้วนพึ่งความสามารถ ไม่ว่าฝ่ายใดแพ้ กองทัพที่อยู่ใต้บัญชานั้นก็ไม่อาจฉวยโอกาสบุกโจมตีได้ ก่อนจะท้าดวลไซ่จี๋เคยเน้นย้ำพวกเขาให้รออยู่ด้านนอกสองลี้ เป็นตายตามชะตา แม้ว่านางเป็นองค์หญิงก็ไม่ยกเว้น เพียงแต่สถานการณ์ตอนนี้ นางก็ประหลาดใจนัก ไม่มีคำสั่งของนาง พวกเขากล้าทำได้อย่างไร
เฝิงเยี่ยไป๋มือเร็วตาไว เขาคว้าเอวไซ่จี๋วางบนหลังม้า จากนั้นหมุนตัวขึ้นม้าถีบไปที่ท้องม้า หันหัวม้ากลับเมือง สถานการณ์เช่นนี้ทำเอาไม่คาดคิด เขาสะบัดมือตะโกนว่า “รีบปิดประตูเมือง!”
แม่ทัพที่อยู่ในเมืองได้ยินเขาตะโกน ก็ชี้สั่งทหารไปปิดประตูเมือง พลธนูบนกำแพงเมืองง้างธนูไว้ เตรียมพร้อมที่จะยิง รอเฝิงเยี่ยไป๋มาถึงใต้กำแพงเมืองถึงได้ปล่อยลูกธนูไปที่ม้าศึกหุ้มเกราะของเฉินตานที่อยู่ข้างหลัง
ไซ่จี๋หันมองไปข้างหลัง ที่นำทัพอยู่นั้นถึงกับเป็นพี่ชายของนางไซ่ถ่าน!
ไซ่ถ่านเป็นคนที่สนิทกับนางที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งหลาย พวกเขาสู้ศึกบนสนามด้วยกัน เป็นพี่น้องที่รู้ใจกันมากที่สุด กฎการท้าดวลนั้นเขารู้ดียิ่งกว่านาง ทั้งๆ ที่เขารู้ว่าทำเช่นนี้จะทำให้นางตายได้ เพียงแต่…ไฉนถึงได้ทำเช่นนี้
เฝิงเยี่ยไป๋หิ้วนางลงจากหลังม้า โยนให้รองแม่ทัพที่อยู่ข้างๆ รองแม่ทัพคุมตัวไซ่จี๋ตามเฝิงเยี่ยไป๋ไปที่หอเมือง เฝิงเยี่ยไป๋แค่นหัวเราะเบาๆ “เจ้าบอกว่าพวกเราชาวฮั่นเจ้าเล่ห์นัก ดูจากตอนนี้แล้ว พวกเจ้าชาวเฉินตานก็ไม่แพ้กันเลย พี่ชายเจ้าทำเช่นนี้ คงอยากให้เจ้าตายกระมัง”
ตอนที่ 638 อย่าตีนางจนตาย
ไซ่จี๋ตาแดงก่ำ นางยืนอยู่บนกำแพงเมือง ตะโกนไปข้างล่างว่า “ไซ่ถ่าน! เจ้าทำอะไร เจ้าอยากให้ข้าตายหรือ”
ไซ่ถ่านแสร้งตะโกนกลับไป “ข้ากำลังช่วยเจ้าอยู่ เจ้าเป็นน้องสาวของข้า ไฉนข้าถึงอยากให้เจ้าตาย ข้ากับเจ้าสนิทตั้งแต่เด็ก ผู้เป็นพี่ชายรักเจ้ายังไม่ทันเลย จะอยากให้เจ้าตายได้อย่างไร”
“นี่เป็นกองทัพของข้าและเป็นทหารของข้า ไฉนเจ้าถึง เจ้า…” ในหัวนางจู่ๆ ก็มีบางอย่างแล่นผ่าน นางตั้งสติได้ก็ยื่นมือคว้าที่เอวตัวเอง ตราทหารของนางมักจะติดตัวอยู่ตลอด เมื่อคืนนางดื่มเหล้ากับไซ่ถ่านในค่าย เขาบอกว่าจะยืมตราทหารของนางไปจัดระเบียบกองทัพ ยังมีตำแหน่งว่างต้องเติม พวกเขาเป็นพี่น้อง คำพูดของไซ่ถ่านนางย่อมเชื่อ เพียงแต่มาคิดดูตอนนี้ ทุกสิ่งไซ่ถ่านล้วนวางแผนไว้แล้ว เขาฉวยโอกาสมอมเหล้านางให้เมา แล้วหลอกเอาตราทหารของนางไป ทุกคนเห็นว่าตราทหารเป็นนางที่มอบให้กับไซ่ถ่านด้วยตัวเอง ในเมื่อเป็นนางที่มอบให้กับไซ่ถ่านด้วยตัวเอง ก็ย่อมไม่มีข้อสงสัยที่เขายึดอำนาจ
ยามนี้นางเพิ่งรู้สึกตัว นางมองเขาด้วยท่าทางหวาดระแวง “ที่แท้เจ้าก็วางแผนไว้แล้ว ไซ่ถ่าน เจ้า…เจ้าไม่กลัวพระบิดาจะรู้หรือ”
ต่อหน้าเหล่าทหารทั้งหลาย ย่อมไม่อาจให้พวกเขารู้สึกผิดหวังได้ เรื่องนี้ให้ตายก็ยอมรับไม่ได้ ไซ่ถ่านแสร้งทำเป็นกังวลต่อหน้าทุกคน ใครไม่รู้ว่าก็คิดว่าพวกเขาพี่น้องสนิทกัน เวลาเช่นนี้ เร่งรีบช่วยคน คำสั่งด่วนออกไปก็พอเข้าใจกันได้ ศัตรูอยู่ตรงหน้า ใครยังจะสนเรื่องเหล่านี้
พี่น้องชิงอำนาจกันในราชวงศ์ไม่ใช่เป็นเรื่องแปลกใหม่อะไรเลย ฮ่องเต้ทุกสมัย มีองค์ใดบ้างที่พระหัตถ์ไม่เปื้อนโลหิตของพี่น้องตัวเองบ้าง เฉินตานก็ไม่ยกเว้น ผู้หญิงของเฉินตานมีฐานะสูงส่งในชนเผ่า สามารถสร้างผลงานดั่งเช่นผู้ชายได้ และมีสิทธิ์ที่จะสืบทอดตำแหน่งอ๋องได้เช่นกัน ไซ่จี๋เป็นผู้ที่รบเก่งที่สุดในบรรดาองค์หญิงองค์ชายของเฉินตานอ๋อง แม้ว่าข้างบนจะยังมีพี่ชายอย่างรัชทายาท เพียงแต่ก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินว่ารัชทายาทป่วยหนักเกรงว่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน ไซ่ถ่านทำเช่นนี้อีก นอกจากเฝ้ามองตำแหน่งท่านอ๋องแล้วก็ไม่มีสิ่งอื่นใดแล้ว หากรัชทายาทสิ้นชีพ ไซ่จี๋ก็จะเป็นหินขวางทางก้อนใหญ่ของเขา เขาฉวยโอกาสที่ทั้งสองแคว้นทำสงคราม ยืมดาบฆ่าคน แล้วโยนความผิดนี้ให้กับเขาเหมาะเสียยิ่งกว่าสิ่งใด
เฝิงเยี่ยไป๋มองไซ่จี๋ด้วยท่าทางขบขัน “หลักทำนองคลองธรรมไม่ว่าไปที่ใดก็เป็นเช่นกัน เจ้าบอกว่าชาวฮั่นเจ้าเล่ห์นัก พวกเจ้าเองก็เป็นเช่นกันไม่ใช่หรือ ใจคนยากจะหยั่งถึง ตัณหาและความทะเยอทะยานไม่แยกชนเผ่าเชื้อสาย”
ไซ่จี๋หันไปจ้องใส่เขาด้วยความดุร้าย แววตาเหมือนดั่งหมาป่าเดียวดายที่ถูกฝูงทอดทิ้ง ในความดุร้ายนั้นมีความเศร้าแฝงอยู่ แม้จะอยู่ในฝุ่นที่ฟุ้งหนาก็ยังสามารถเห็นอย่างชัดเจน “นี่เป็นเรื่องในชนเผ่าของข้า ไม่ต้องให้เจ้าที่เป็นชาวฮั่นมาสั่งสอน หากเจ้าไม่กลัวตายก็บอกว่า ข้าตายแล้ว ก็จะลากเจ้าไป!”
รองแม่ทัพถีบไปที่ท้องของนาง “เป็นผู้แพ้ยังยโสเช่นนี้ อยู่นิ่งๆ เสีย หากยังกล้าพูดจาไม่เจียมตัวอีก ข้าจะตัดลิ้นเจ้า!”
“เอาสิ! หากข้าขมวดคิ้วแม้เพียงเล็กน้อย ก็ไม่สมชื่อไซ่จี๋นี้แล้ว!”
“รนหาที่ตาย!”
เฝิงเยี่ยไป๋รังเกียจความพูดมากของเขา พร้อมกันนั้นก็เกิดความรู้สึกสงสารต่อไซ่จี๋ เป็นผู้หญิงสู้ศึกฆ่าศัตรูก็ไม่ง่ายแล้ว ไม่ว่าผลสุดท้ายจะชนะหรือแพ้ ก็ย่อมสมควรเคารพ ผู้ชายเหล่านี้เสียเปรียบนางมามาก ฉวยโอกาสได้ย่อมสั่งสอนอย่างหนัก ดังนั้นยามที่ลงมือจึงไม่ยั้งกันเลย เฝิงเยี่ยไป๋หยุดเล็กน้อยแล้วยกมือห้าม “พอได้แล้ว อย่าตีนางจนตาย เก็บไว้ยังมีประโยชน์!”