ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 645 เจ้าใจกล้าไม่น้อยเลย / ตอนที่ 646 ถูกเขาเอาเปรียบเสียแล้ว
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 645 เจ้าใจกล้าไม่น้อยเลย / ตอนที่ 646 ถูกเขาเอาเปรียบเสียแล้ว
ตอนที่ 645 เจ้าใจกล้าไม่น้อยเลย
อวี่เหวินลู่โตมาในค่ายทหารตั้งแต่เด็ก นำทัพสู้ศึกเขาทำได้ งานช่างไม้เขาก็ถนัด รถม้าของเซวียฮูหยินที่จะใช้นั่งเข้าวังนั้นก็จอดอยู่ที่หลังจวนตระกูลเซวีย เวรยามของจวนตระกูลเซวียไม่แน่นหนา จะลอบเข้าไปนั้นไม่ต้องใช้ความพยายามนัก โชคยังดีที่ในรถม้าของเซวียฮูหยินกว้างขวาง เซวียฮูหยินนั่งคนเดียวแล้วซ่อนคนอีกสองคนก็ไม่เป็นปัญหา
ไหลลู่เฝ้าอยู่ข้างๆ เขามีเครื่องมือครบ ยามบ่ายเขามาเคาะๆ ตีๆ ขนาดของรถม้าเขาดูเพียงครั้งเดียวก็จำได้แล้ว ของล้วนถูกทำเอาไว้แล้ว เพียงแค่ตอกเล็กน้อยก็ใช้ได้ จะทำเสียงดังไม่ได้ และเปลี่ยนแปลงอะไรมากก็ไม่ได้ หากเปลี่ยนมากเกินไปทำเอาคนตระกูลเซวียรู้เข้า ก็จะกลายเป็นโอกาสให้พวกเขาสร้างผลงาน
ที่จริงแล้วหลังจวนไม่มีใครมา พอประตูปิดลง ใครจะยอมหาเรื่องให้ตัวเอง ทหารยามที่ไม่วางใจมาดูเพียงเล็กน้อยเป็นพอ นี่เป็นถึงจวนของหัวหน้าสำนักตรวจการ มีใครกล้าบุกเข้ามาหรือ
พอเป็นเช่นนั้นแล้วก็ทำให้อวี่เหวินลู่ลงมือได้อย่างสะดวก เขาทำอยู่นาน สุดท้ายก็ปาดเหงื่อบนหน้าผากพูดว่า “เรียบร้อย” แล้วเรียกไหลลู่กวาดเศษไม้บนพื้นให้สะอาด ทั้งสองคนอาศัยท้องฟ้ายามค่ำคืนกลับไปตามทางที่มา
เฉินยางไม่กล้าหลับ ตอนเช้าไม่มีเวลาให้ซ่อนตัว จึงต้องใช้เวลากลางคืน ค่ำคืนเงียบสงัด ยามที่ทุกคนหลับไปแล้วนางและอวี่เหวินลู่ซ่อนอยู่ในรถม้าของเซวียฮูหยินพร้อมกัน วันนี้นางแกล้งป่วยอยู่ทั้งวัน ก่อนจะนอนยังไม่ลืมที่จะสั่งซั่งเหมยว่าพรุ่งนี้เช้าอย่ามาปลุกนาง ซั่งเหมยรู้ว่าช่วงนี้นางอารมณ์ไม่ดีนักจึงไม่กล้าพูดอะไร นางฟังเฉินยางพูดจบก็ไปนอนแล้ว เพียงแต่รับปากส่วนรับปาก ยามกลางคืนนางก็ยังไม่วางใจ กลัวว่าถ้านางเป็นอะไรขึ้นมาอีก ตัวเองจะไม่อาจชดใช้ด้วยชีวิต
ยามที่อวี่เหวินลู่กลับมานั้นเห็นซั่งเหมยเดินวนอยู่หน้าห้อง คิดว่าก็คงเพราะไม่วางใจ เขามองเวลายาม รอให้ซั่งเหมยไปแล้วก็ส่งสายตาให้ไหลลู่ ให้เขาเฝ้าอยู่ข้างนอก ตัวเองกระโดดเข้าไปในสวนแล้วผลักประตูเข้าไปด้วยความชำนาญ
เฉินยางได้ยินเสียงเคลื่อนไหวที่อยู่ข้างนอก นางลุกขึ้นนั่งทันที ยามที่ซั่งเหมยปรนนิบัตินางเข้านอนนั้นได้ถอดชุดให้นางแล้ว เพียงแต่พอซั่งเหมยไปนางก็ใส่เองอีกครั้ง กลัวเข้าวังแล้วจะผิดพลาดอะไร นางเอามีดสั้นที่เฝิงเยี่ยไป๋ให้นางไว้ถือติดตัว บนตัวมีอะไรป้องกันตัวเองก็เป็นเรื่องดี ไม่จำเป็นต้องใช้ฆ่าคน เพียงแต่ก็สามารถใช้ประโยชน์ได้
อวี่เหวินลู่เข้ามาเห็นนางสวมชุดเรียบร้อย ในใจแอบผิดหวังเล็กน้อย เขาโยนผ้าคลุมสีดำให้นาง “สวมผ้าคลุมไว้ คนจะได้ไม่สังเกตเห็น”
เฉินยางใส่ผ้าคลุมอย่างรวดเร็ว จ้องมองเขาอยู่เล็กน้อย “ข้าไปเองแล้วกัน ท่านทำเช่นนี้ จะถูกคนสังเกตเอาได้ง่ายๆ ”
“เจ้ารู้จักทางในวังรึ รู้หรือว่าลงจากรถม้าแล้วต้องไปที่ใด หรือว่ารู้เวลาที่ทหารเปลี่ยนเวร พวกเขาเปลี่ยนเวรมาทางใดแล้วไปทางใดอีก” อวี่เหวินลู่มองนางอย่างดูถูก “อะไรก็ไม่รู้ยังกล้าเข้าวังไปตาย เจ้าใจกล้าไม่น้อยเลย”
เฉินยางลูบจมูกพูดด้วยความรู้สึกผิด “ก็ข้ากลัวจะทำให้ท่านลำบากนี่”
“เจ้ามักจะบอกว่าข้าเป็นกบฏมิใช่หรือ เป็นกบฏยังจะกลัวลำบากอะไรอีก ขอเพียงเจ้าอย่าสร้างปัญหาให้ข้า ถึงเวลาตามอยู่ข้างๆ ข้าดีๆ ฟังคำสั่งของข้าก็พอ”
จู่ๆ ในใจเฉินยางก็กังวลขึ้นมา กระตุกชายเสื้อของเขา “ได้ ข้ารู้แล้ว เช่นนั้นพวกเรารีบไปกันเถิด อีกเดี๋ยวฟ้าก็สว่างแล้ว”
ตอนที่ 646 ถูกเขาเอาเปรียบเสียแล้ว
ทั้งสองคนมาที่จวนตระกูลเซวีย อวี่เหวินลู่ให้นางเข้าไปในรถม้า ข้างใต้ที่นั่งรถม้าถูกเขาทุบออกแล้วใช้แผ่นไม้ยืดเอาไว้เป็นช่องเล็กๆ สามารถซ่อนคนสองคนได้ การทำช่องที่สามารถใส่ได้ทั้งสองคนและไม่สะดุดตาได้พื้นที่ข้างในก็จะแคบ เฉินยางเข้าไปก่อน หากมีเพียงนางคนเดียว พื้นที่ยังมีเพียงพอ เพียงแต่รอให้อวี่เหวินลู่เข้าไป ทั้งสองคนก็ต้องนอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าหากันถึงจะพอซ่อนได้ทั้งสองคน แม้แต่อวี่เหวินลู่ที่เป็นคนทำก็นึกไม่ถึงว่าจะออกมาเป็นเช่นนี้
เฉินยางไม่ได้รู้สึกอะไร ตอนนี้ในหัวของนางเต็มไปด้วยความคิดที่ว่าเข้าวังแล้วจะทำอย่างไร น่าอวี้จะช่วยนางหรือไม่ หากว่าไม่ นางจะทำอย่างไรต่อ อุตส่าห์ได้เข้าวัง หากไม่ได้อะไรกลับไปนางยอมไม่ได้ และไม่อาจจากไปง่ายๆ เช่นนี้
นางไม่ได้มีความคิดอื่น เพียงแต่อวี่เหวินลู่ไม่ใช่ ทั้งสองคนเข้าใกล้เช่นนี้ ลมหายใจรดใส่กัน แทบจะแนบชิดติดกันเลย ในช่องว่างมืดสนิท อะไรก็มองไม่เห็น เขาแอบกลืนน้ำลาย ไม่รู้ว่าผู้หญิงที่คลอดลูกแล้วจะเป็นเช่นนางทุกคนหรือไม่ บนตัวมีกลิ่นนมจางๆ กลิ่นนี้ชนะเครื่องหอมมากมายนัก เขาสูดหายใจลึกๆ ปลายนิ้วสั่นเทา ขดตัวเอาไว้ สะกดความตื่นเต้นตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่อยู่ อย่างไรเสียนางก็มองไม่เห็น เขาแอบยื่นมือไปชะงักค้างอยู่กลางอากาศ ในใจสับสนลังเล ครั้นขยับไปข้างล่างเล็กน้อย ในหัวก็มีเสียงตะโกนขึ้นมาด่าเขาว่า ‘อวี่เหวินลู่ เจ้าบ้าไปแล้วหรืออย่างไร นั่นเป็นภรรยาของคนอื่น ไม่ใช่ของเจ้า’
ภรรยาของคนอื่น ภรรยาของคนอื่น เขากัดฟัน ลดมือลงด้วยความเสียใจแล้วกำหมัดทุบที่ขาตัวเอง
เฉินยางได้ยินเขาถอนหายใจ ก็กังวลขึ้นมา “เป็นอะไรหรือ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่”
เกิดเรื่องจริงๆ เพียงแต่คนที่เกิดเรื่องเป็นเขา เขาประเมินตัวเองสูงไป กว่าจะสว่างยังมีเวลาอีกสองชั่วยาม ทั้งสองคนอยู่กันเช่นนี้ช่างน่าทรมานยิ่งนัก นางยังถามอีก ช่างถามได้ไม่ถูกเวลาเอาเสียเลย หากนางไม่อ้าปากพูดปล่อยให้เขาสงบอยู่คนเดียว บางครั้งอารมณ์พลุ่งพล่านนี้ก็อาจจะผ่านไป เพียงแต่นางอ้าปาก ฟางเส้นสุดท้ายในใจเขาที่ฝืนอยู่นานก็ขาดลง
ยื่นมือไม่เห็นนิ้ว เฉินยางไม่ทันได้รอคำตอบจากเขา จู่ๆ ใบหน้าก็มีความร้อนเข้ามา ลมหายใจหนักหน่วงเฉียดผ่านหน้า นางขมวดคิ้วหลบไปข้างหลัง ศีรษะของนางชนเข้ากับแผ่นไม้ดังตึก ตามด้วยความรู้สึกอ่อนนุ่มอุ่นร้อนที่ริมฝีปาก ทำเอาเสียงร้องตกใจของนางกลายเป็นเสียงสะอื้น
รอยจูบนี้มาไวไปไว เฉินยางเพิ่งรู้สึกตัวกลับมา เขาก็กลับไปที่ของตัวเองแล้ว เพียงแต่จะหลบเร็วเพียงใดก็ไม่อาจหลบฝ่ามือนางได้ ในช่องว่างก็มีพื้นที่เพียงเท่านี้ เขาจะหลบได้อย่างไร
“ไม่ใช่ ข้า…” เขาถูกตบไม่เบา อวี่เหวินลู่เกาศีรษะคิดหาข้ออ้างด้วยความร้อนรน “ข้าเพียง…ข้าเพียงแค่กลัวเจ้าจะร้องออกมาจนทำให้คนที่เฝ้ายามกลางคืนตื่นตัว”
เฉินยางเช็ดปากด้วยความโกรธ “เจ้า…เจ้าไม่มีมือหรือ ใช้มืออุดปากข้าไม่เป็นหรือ”
“ก็ไม่ทันไม่ใช่หรือ มีที่เพียงเท่านี้ รอให้ข้ายื่นมือไป เจ้าก็ร้องออกมาแล้ว นี่เป็นเรื่องใหญ่ถึงชีวิตพวกเราทั้งสอง ข้าก็ร้อนรนไปหน่อย ข้า…ข้าไม่ได้ตั้งใจ”
ไม่ว่าเขาจะอธิบายอย่างไรหาข้ออ้างอะไร เขาก็เอาเปรียบนางเสียแล้ว