ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 647 ข้าขอร้องให้เจ้าตีข้า / ตอนที่ 648 ปล่อยให้ผ่าน
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 647 ข้าขอร้องให้เจ้าตีข้า / ตอนที่ 648 ปล่อยให้ผ่าน
ตอนที่ 647 ข้าขอร้องให้เจ้าตีข้า
ที่จริงจะโทษเขาก็ไม่ถูกนัก อย่างไรเสียที่ตัวเองออกมาจนถึงเข้าวัง ล้วนอาศัยเขาช่วย หากไม่มีวิธีที่เขาคิด อาศัยสมองของนาง คาดว่าชาตินี้ก็คงหาวิธีเข้าวังไม่ได้
อวี่เหวินลู่พูดเสียสวยหรู ที่จริงแล้วในใจกลับไม่ได้รู้สึกผิดเลย ฝ่ามือนั้นไม่ได้ตบให้เขาสำนึกได้ เขาไม่ได้มีความเสียใจกับอารมณ์ชั่ววูบเมื่อครู่ โอกาสที่เขาได้จูบนางนั้นก็มีเพียงครั้งนี้ครั้งเดียว ตัวเองย่อมต้องฉวยเอาไว้ ไม่เช่นนั้นวันหลังหากนึกย้อนขึ้นมาตัวเองคงจะเสียดายแย่
เฉินยางต่างกับเขา อย่าว่าแต่เขายังไม่มีภรรยา ต่อให้ในบ้านมีภรรยาสิบคนแปดคน เมื่อเจอคนที่ถูกใจก็สามารถนำเข้าบ้านได้ จูบคำเดียวไม่ได้เป็นอะไร เพียงแต่นางไม่เหมือนกัน นางเป็นหญิงที่มีสามีแล้ว ตัวเองมีสามีเป็นตัวเป็นตน วันปกติไม่ได้ออกจากบ้านบ่อยนัก ข้างกายไม่มีผู้ชายก็ไม่รู้สึกอะไร ออกจากบ้าน ปฏิบัติต่อผู้ชายคนอื่นก็ต้องรักษาระยะ เรื่องนี้นางเข้าใจดี และทำได้ดีมาตลอด สำหรับนางกับอวี่เหวินลู่นั้น อยู่ห่างได้มากเพียงใดก็อยู่ห่างมากเท่านั้น วันนี้ด้วยความจำเป็น ถึงได้อยู่ใกล้กับเขาในที่เช่นนี้ นางพยายามห่างจากเขาแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะยังเกิดเรื่องได้อีก
เสียงดังก้องอยู่ในหัวนาง ที่คิดอยู่ในใจล้วนเป็นเฝิงเยี่ยไป๋ นางถือว่าผิดต่อเขากระมัง ความรู้สึกผิดในใจมีมากกว่าความโกรธ นางกัดหลังมือแต่ก็ไม่กล้าด่าเขา หากเวลานี้ด่าจนเขาหนีไป ก็เหมือนเช่นที่เขาพูด นางเพียงคนเดียว ต่อให้โชคดีเข้าวังได้ พอโผล่หน้าออกไป คิดว่าก็คงถูกจับในทันที ถึงยามนั้น ฮ่องเต้จับพวกเขาแม่ลูกไว้ใช้ข่มขู่เฝิงเยี่ยไป๋ก็ยิ่งสะดวกมากขึ้นไม่ใช่หรือ
สิ่งที่เกิดขึ้นต่างจากที่อวี่เหวินลู่คิดเอาไว้ หากตามท่าทีของเว่ยเฉินยางที่มีต่อตัวเองก่อนหน้านี้ เวลานี้นางคงจะพุ่งเข้ามาตีตัวเองอย่างแรงเสียแล้ว เพียงแต่หลังจากฝ่ามือนั้นนางก็ไม่ทำอะไรอีก นางเงียบสงบ กลับไม่ค่อยเหมือนนางเสียแล้ว
“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เจ้า…เจ้าอย่าเงียบเลย หากเจ้าโกรธจนทนไม่ไหว ก็ตีข้าระบายอารมณ์ ข้า…ข้ามึนไปหน่อยถึงได้จูบเจ้า ข้าผิดไปแล้ว เจ้าตีข้าเถิด เจ้าไม่ตีข้า ข้ารู้สึกไม่สบายใจ ถือเสียว่าข้าขอร้องเจ้าได้หรือไม่”
เฉินยางใช้แขนขวางอยู่ข้างหน้าแล้วผลักเขา “ข้าจะถือเสียว่าเจ้ารีบร้อน เรื่องนี้ผ่านไปแล้ว อย่าได้พูดถึงอีก ขอเพียงหลังจากนี้เจ้าระวังไว้ ข้าจะถือเสียว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น บุญคุณที่คิดค้างเจ้าข้าก็จะคืน ข้าไม่อยากพูด เจ้าก็อย่าพูดอีกเลย”
“ได้ ไม่พูดแล้ว ไม่พูดแล้ว ถือเสียว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น” เขาพูดเช่นนี้ก็มีอารมณ์ไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก เฉินยางเก็บมือกลับไป แม้จะมีผ้าหลายชั้นกั้นอยู่ ความร้อนที่ฝ่ามือก็ยังร้อนเช่นกัน นางถูมือหลับตาลง “ถึงยามสว่างยังมีเวลาอยู่มาก ข้าหลับก่อนแล้ว เจ้าก็พักเสียเถิด ช่วงหลายวันนี้…ลำบากเจ้าแล้ว”
ยิ่งนางเกรงใจกับเขาเช่นนี้ ในใจอวี่เหวินลู่ก็ยิ่งไม่พอใจ เขามองออกเสียแล้ว ไม่ตีเขา เป็นเพราะเขาช่วยนางไว้มาก กำลังคืนบุญคุณให้เขาอยู่นั่นเอง ไม่เช่นนั้นตามนิสัยของนาง ตอนนี้ควรจะระเบิดนานแล้ว จะจบลงง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร
เขาเอียงศีรษะนอนลง แสงจันทร์ข้างนอกสว่างเพียงใดก็ส่องเข้ามาไม่ได้ ข้างในมืดสนิท มองอะไรไม่เห็นเช่นเดิม เขาเปิดตากว้าง พยายามมองใบหน้าของนางให้ชัดในความมืด แม้ว่าจะเห็นเพียงรูปหน้าเท่านั้น
ตอนที่ 648 ปล่อยให้ผ่าน
เช้าวันถัดมา ฟ้าเพิ่งสว่าง เซวียฮูหยินก็เริ่มให้คนใส่ของบนรถม้าแล้ว บนศีรษะดังโครมคราม เฉินยางเอียงตัวหลับไปสองชั่วยาม เจ็บเอวปวดหลัง เมื่อยไปทุกส่วน นางมองไปที่อวี่เหวินลู่แล้วยื่นมือไปจิ้มเขาที่ยังหลับอยู่
อวี่เหวินลู่ลืมตาขึ้น ทำท่าชู่บอกให้นางอย่าส่งเสียง ข้างล่างนี้กั้นเสียงได้ไม่ดีนัก มีความเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยข้างบนก็สามารถได้ยิน
เซวียฮูหยินกำลังสั่งคนให้เอาของที่นางซื้อเมื่อสองวันก่อนใส่บนรถม้า ของเหล่านี้ล้วนเป็นนางที่เลือกมาด้วยความตั้งใจ นางสั่งไปพลางบ่นไปพลาง “พวกเจ้าระวังเสียหน่อย ขนมต่างๆ แตกง่าย อย่าได้ทำให้แตกมากกว่านี้”
ของจะว่าเยอะก็ไม่เยอะ จะว่าน้อยก็ไม่น้อย ในรถม้าถูกใส่ไว้เต็ม เหลือเพียงที่ให้เซวียฮูหยินนั่งได้คนเดียว รอทุกอย่างเก็บเรียบร้อยแล้ว เซวียฮูหยินก็ถูกคนประคองขึ้นรถ รถม้าค่อยๆ แล่นไป เฉินยางโล่งใจเล็กน้อยและก็กังวลขึ้นมาอีก สุดท้ายก็ได้เข้าวังเสียที คิดถึงอยู่หลายวันสุดท้ายก็จะได้เข้าวังแล้ว
ระหว่างทางทั้งสองคนไม่ได้พูดคุยกัน พอพูดแล้วข้างบนก็จะได้ยิน กลางวันไม่เหมือนกลางคืน ยามค่ำคืนหันหน้าเข้าหากันมองหน้าไม่ชัด ยามกลางวันนั้นเข้าใกล้เช่นนี้สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน เฉินยางก้มหน้าถูนิ้วด้วยความกังวล สายตาก็ไม่กล้ามองไปที่อื่น เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน บอกว่าจะให้ต่างลืมไปเสีย เพียงแต่อยู่ต่อหน้าเช่นนี้ ต่อให้มีใจจะลืมก็ลืมไม่ได้
นางไม่กล้ามองอวี่เหวินลู่ อวี่เหวินลู่ก็จ้องมองนางอย่างเปิดเผย อย่างไรเสียก็มีที่เพียงเท่านี้ จะให้ขยับก็ไม่ได้ เขานอกจากมองนางแล้วยังมองไปที่ใดได้อีกหรือ
ทั้งสองคนต่างมีความคิดของตัวเองจนมาถึงประตูเสินอู่
ฝั่งประตูเสินอู่นี้นานๆ ถึงจะมีคนผ่าน จู่ๆ มีคนจะผ่านที่นี่ นั่นก็เป็นโอกาสหายากที่จะรับสินบน แถมยังเป็นคนในครอบครัวหัวหน้าสำนักตรวจการอีก ย่อมต้องขอสินบนไม่น้อย
พวกเขาถามก่อนว่าผู้มาคือใคร จากนั้นก็มองหนังสือราชสำนักที่เพิ่งออกเมื่อสองวันก่อน หลังจากยืนยันผู้ที่มาแล้ว ก็ต้องตรวจตามระเบียบ
ของบนรถเซวียฮูหยินมีมาก หากจะตรวจทีละชิ้นละก็ ไม่รู้ว่าต้องตรวจไปถึงยามใด นางอุตส่าห์ได้เข้าวังเยี่ยมลูกสาว ทุกวินาทีมีค่า นางทนเสียเวลาเช่นนี้ไม่ได้ จึงได้แต่ติดสินบนด้วยตัวเอง
“ใต้เท้าท่านนี้ พวกเราได้รับหนังสือราชสำนักจากไทเฮาเองให้เข้าวังได้ คิดว่าสองวันก่อนเซวียไท่เฟยก็คงจะบอกเรื่องนี้กับพวกเจ้าแล้วกระมัง”
หัวหน้าที่รับผิดชอบเฝ้าประตูเสินอู่นั้นกระตุกมุมปากยิ้ม “ไท่เฟยรับสั่งกับข้าน้อยว่าฮูหยินจะมาจริง เพียงแต่การตรวจก็เป็นระเบียบของพวกเรา ขอให้ฮูหยินให้ความร่วมมือ”
ที่จริงแล้วก่อนหน้านี้เซวียไท่เฟยก็เคยให้เงินพวกเขาไปแล้ว เพียงแต่ใครจะรังเกียจเงินบ้าง โอกาสอยู่ตรงหน้า ไม่ฉวยโอกาสเอาเพิ่มอีก ช่างเสียหน้าที่พวกเขาทำงานนี้นัก
ระเบียบนี้เซวียฮูหยินรู้ดี ในวังเป็นสถานที่เสี่ยงชีวิต นี่เพิ่งจะเข้าประตูวังก็ต้องติดสินบนให้ก่อน ยังดีที่นางได้เตรียมเอาไว้ เซวียฮูหยินให้สาวใช้เอาถุงเงินยัดให้หัวหน้าแล้วพูดว่า “ของบนรถนั้นล้วนเป็นขนมที่เอามาให้ไท่เฟย ใส่มาอยู่ไม่น้อย หากใต้เท้าจะตรวจ ยังต้องแกะดูทุกชิ้น ไม่รู้ว่าจะตรวจถึงยามใด เงินเล็กน้อยนี้ท่านรับไว้เถิด อากาศหนาวเย็นยิ่งนัก ซื้อเหล้ามาเสียหน่อย เชิญเหล่าพี่น้องดื่มเหล้าอบอุ่นร่างกาย ข้าไม่ได้เจอไท่เฟยนานหลายปี ข้าคิดถึงยิ่งนัก ขอให้ใต้เท้าปล่อยให้ผ่านไปด้วยแล้วกัน”