ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 649 สังหารบิดาเพื่อชิงตำแหน่ง / ตอนที่ 650 เจ้าเป็นห่วงข้าหรือ
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 649 สังหารบิดาเพื่อชิงตำแหน่ง / ตอนที่ 650 เจ้าเป็นห่วงข้าหรือ
ตอนที่ 649 สังหารบิดาเพื่อชิงตำแหน่ง
มีเงินย่อมทำได้ทุกสิ่ง ขอเพียงมีเงินทุกเรื่องก็ราบรื่น เซวียฮูหยินยอมจ่ายเงินหนัก ถุงเงินถูกยัดไว้เต็ม น้ำหนักไม่เบาเลย ย่อมต่อรองได้ง่าย เพียงแต่ตรวจพอเป็นพิธีก็ยังต้องมี เขาเชิดคางใส่ทหารสองคนที่ประตู ล้วนรู้ระเบียบกันดี ดูเพียงเล็กน้อยก็ปล่อยผ่านไปได้แล้ว
หานสือเขี่ยฟัน โบกมือให้ทหารที่อยู่ตรงข้าม “ข้าทำเอง ข้าสายตาแหลมคมนัก ต่อให้ไม่แกะดูทีละชิ้น ก็รู้ว่าข้างในซ่อนของที่ไม่ควรเอาเข้าวังหรือไม่”
ทหารที่อยู่ตรงข้ามเก็บดาบยิ้มพูดว่า “ดูความจำข้านี่สิ ลืมไปแล้วว่าเมื่อก่อนเจ้าทำงานอะไร ได้ เจ้ามาสิ เชิญเลย”
หานสือก็เป็นคนเช่นนี้ ยามจริงจังนั้นก็จริงจังมาก ยามที่ไม่จริงจังนั้นก็เป็นดั่งนักเลงข้างถนน แม้ว่าจากหัวหน้ากององครักษ์กลายเป็นทหารเฝ้ายาม เพียงแต่เขาก็เคยมีช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์อยู่ ดังนั้นเป็นทหารยามที่ประตูเสินอู่ก็ถือได้ว่ามีความน่ายำเกรง
ข้างนอกรถม้าดูแล้วไม่มีอะไรผิดปกติ ช่วงหลายปีนี้หัวหน้าเซวียรับสินบนไม่น้อย รถม้าทำไว้กว้างขวางนัก ข้างในเต็มไปด้วยขนมจากร้านต่างๆ ดูไปแล้วก็ไม่มีอะไรผิดสังเกต เขาใช้ดาบเคาะไปทุกที่ ข้างในนี้มองเล็กน้อยก็เห็นถ้วนทั่ว อวี่เหวินลู่นี้จะซ่อนอยู่ที่ใดได้กัน
เขากำลังคิดอยู่เลย จู่ๆ ข้างใต้ที่นั่งก็มีเสียง ‘ตุบๆ ’ ดังขึ้น เขาเปิดที่รองนั่งขึ้นมา เห็นข้างใต้ที่รองนั่งมีประตูลับเล็กๆ ที่ทำไว้อยู่ คราวนี้เขาก็เข้าใจทันที หานสือเชิดมุมปากยิ้มแล้ววางที่รองนั่งกลับไป สามารถคิดวิธีนี้ออกได้ ช่างลำบากเขาเสียจริง แม้ว่าในรถม้าจะกว้างขวาง เพียงแต่ข้างใต้ประตูลับที่เขาใส่เพิ่มทีหลังก็ไม่ได้กว้างขวางเช่นนั้นแล้ว ยังต้องไม่ให้คนสังเกตเห็นอีก เพื่อความปลอดภัย คิดว่าคงจะซ่อนตั้งแต่เมื่อคืนเสียแล้ว ต้องนอนขดตัวเช่นนี้ทั้งคืน ช่างอดทนยิ่งนัก
หานสือกระโดดลงจากรถม้า แล้วโค้งมือให้เซวียฮูหยิน “ต้องขออภัยที่เมื่อครู่ล่วงเกินเซวียฮูหยินแล้ว” เขาส่งสัญญาณมือให้หัวหน้าเป็นนัยว่าไม่มีอะไรผิดสังเกต ปล่อยผ่านไปได้
หัวหน้าโค้งตัวนำทางให้เซวียฮูหยิน “ในเมื่อเป็นแขกของไท่เฟย เช่นนั้นข้าน้อยก็ไม่ขวางทางแล้ว…ซ่วนจื่อ เจ้าพาเซวียฮูหยินไปที่ตำหนักไท่เฟย”
เซวียฮูหยินบอกไม่เป็นไรด้วยมารยาท “ใต้เท้าก็ทำตามหน้าที่ เพียงแต่ไม่ต้องรบกวนให้คนไปส่งแล้ว ไท่เฟยได้ส่งคนมารออยู่ที่ทางเดินแล้ว”
คนเหล่านี้พูดมากนัก เฉินยางทุบขาทั้งสองข้างที่ชานานแล้วสองที นางขมวดคิ้วบ่นไร้เสียง
อวี่เหวินลู่ถอนหายใจเบาๆ “ฝืนไว้อีกหน่อย อีกเดี๋ยวก็ถึงแล้ว”
ก่อนหน้านี้บ่นจะเข้าวังให้ได้ เพียงแต่พอได้เข้าวังจริงๆ แล้ว ในใจนางกลับเป็นกังวลนัก ครั้งก่อนที่เข้าวังเพราะถูกไทเฮาเรียกเข้าวังมาเรียนระเบียบ ตอนนั้นนางมาคนเดียว แถมไทเฮายังหาเรื่องนางอยู่ตลอด ก็ยังไม่รู้สึกกลัวเช่นตอนนี้เลย ว่าแล้วเมื่อเวลาผ่านไป สถานการณ์ต่างกัน ความรู้สึกก็ไม่เหมือนกันแล้ว
ในที่สุดรถม้าก็เคลื่อนที่อีกครั้ง ดูเหมือนว่าด่านประตูนี้จะผ่านไปได้แล้ว
เซวียฮูหยินขึ้นรถม้า บ่นด้วยความดูถูกยิ่งนักว่า “เจ้าพวกไม่รู้ที่ต่ำที่สูง เป็นขยะทั้งสิ้น หากไม่ใช่เห็นว่าเวลามีน้อยนัก จะถลกหนังให้ได้เลย”
ด่าจบจู่ๆ ก็เปลี่ยนเสียง “ไทเฮาอะไร ฮ่องเต้อะไรนั่น เป็นฮ่องเต้ที่สังหารบิดาเพื่อชิงตำแหน่ง ชีวิตของพวกเจ้าก็คงสบายได้ไม่นานนัก”
เซวียฮูหยินด่าอยู่ข้างบน เฉินยางและอวี่เหวินลู่ฟังอยู่ข้างล่างอย่างชัดเจน สังหารบิดาเพื่อชิงตำแหน่ง? เว่ยหมิ่นไม่ได้สังหารฮ่องเต้พระองค์ก่อนหรือ
ตอนที่ 650 เจ้าเป็นห่วงข้าหรือ
ดูเหมือนว่าครั้งนี้ไม่ได้มาเสียเปล่า โทษฐานสังหารบิดาเพื่อชิงตำแหน่งนั้นใหญ่ไม่น้อย ซู่อ๋องเสียเปรียบให้ฮ่องเต้น้อยหลายครั้ง ตอนนี้ก็ถูกราชสำนักต้อนจากด่านเยี่ยนหงกลับไปที่เมืองเหมิง เฝิงเยี่ยไป๋ก็ถูกพระองค์ส่งไปอยู่ที่ไกลๆ กำลังกังวลอยู่ว่าจะแก้แค้นอย่างไร นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้เข้าวังถึงกับทำให้เขาได้ยินข่าวเช่นนี้ แถมยังมาจากปากของคนในครอบครัวหัวหน้าสำนักตรวจการ ไม่สนว่าเชื่อถือได้หรือไม่ จะจริงหรือปลอม ต่อให้เป็นเพียงข่าวลือ ก็สามารถสร้างความปั่นป่วนได้
แต่เดิมราชสำนักก็มีคนอยู่มากที่ไม่พอใจกับการที่ฮ่องเต้น้อยครองอำนาจ หนึ่งคือวิธีของพระองค์ดุดันเกินไป ไม่ให้โอกาสพวกเขาได้หายใจเลย ตอนนี้คนที่ราชสำนักใช้อยู่ ล้วนเป็นฮ่องเต้ใช้ดาบจี้คอบังคับออกมา สองคือ ตอนนี้ผู้ที่ดูแลราชกิจในราชสำนักอยู่นั้นล้วนเป็นผู้อาวุโสที่ผ่านฮ่องเต้มาสามราชวงศ์ ผู้ที่อ่อนเยาว์ที่สุดก็มาจากฮ่องเต้พระองค์ก่อน ด้วยความอาวุโสจะมากจะน้อยก็ต้องมีความทะนงตนอยู่บ้าง จะให้พวกเขาเชื่อฟังฮ่องเต้อย่างว่าง่ายก็ไม่พอใจนัก แต่ก็ไม่กล้าโกรธแค้นไม่กล้าพูด ฮ่องเต้พระชนมพรรษายังน้อย ทำอะไรไม่ต้องเกรงใจใคร จะฆ่าใครไม่บอกก่อน ความแค้นล้วนซ่อนอยู่ในใจ หากเวลานี้มีข่าวลือแพร่ออกไปว่าฮ่องเต้สังหารบิดาเพื่อชิงตำแหน่ง จะต้องมีคนคัดค้าน พระองค์ก็เป็นฮ่องเต้ได้ไม่นานแล้ว
เฉินยางก็ตกใจเช่นกัน นางเคยได้ยินว่าในวังไม่มีความผูกพันเลย สังหารบิดาฆ่าพี่น้องเป็นเรื่องปกติ ฮ่องเต้ทุกราชวงศ์ไม่มีพระองค์ใดที่พระหัตถ์ไม่เปื้อนเลือดคนในตระกูลเลย เมื่อก่อนที่ได้ยินนั้นล้วนเป็นข่าวลือ วันนี้นางได้ยินกับหูตัวเองจากปากของเซวียฮูหยิน คิดแล้วก็น่าสยองนัก ยามที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนยังมีพระชนม์ชีพอยู่นั้นก็คิดแต่ว่าจะฆ่าเฝิงเยี่ยไป๋อย่างไร นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายกลับถูกลูกชายตัวเองสังหาร นี่คงเป็นเวรกรรมของพระองค์เองกระมัง
รถม้ามาถึงทางเดินข้างหน้าก็ไปต่อไม่ได้แล้ว นี่เป็นระเบียบในวัง เข้ามาอยู่ในบริเวณวังใน นอกจากฮ่องเต้ ฮองเฮาและพระสนมระดับเฟยถึงได้นั่งเกี้ยวแทนการเดินแล้ว คนอื่นอยู่ในวังต้องเดินเอา เซวียไท่เฟยได้ส่งเกี้ยวหามสองคนมารออยู่ที่ทางเดินแล้ว
เซวียไท่เฟยเรียกคนให้ยกของบนรถม้าลงมา คนที่เซวียฮูหยินนำมาเองบวกกับคนที่เซวียไท่เฟยส่งมานั้นมีเจ็ดแปดคน ทุกคนล้วนถือของเต็มมือ มือไม่พอใช้ยังต้องใส่ไว้ในเสื้ออีก ไม่ทันไรรถม้าก็ถูกยกของออกจนหมดสิ้น
พวกอวี่เหวินลู่ซ่อนอยู่ในช่องลับ มองไม่เห็นสถานการณ์ข้างนอก เพียงแต่เสียงพูดคุยกันค่อยๆ หยุดลง เสียงฝีเท้าก็ห่างไปเรื่อยๆ คิดว่าคนคงไปหมดแล้ว เขาผลักประตูลับเหนือศีรษะ ค่อยๆ ยื่นศีรษะออกไปมอง ข้างในรถว่างเปล่าเขาถึงได้ขึ้นไป รถม้าขยับอีกครั้ง เขาส่งสัญญาณเงียบให้เฉินยาง “ตอนนี้จะไปที่คอกม้าแล้ว อีกเดี๋ยวข้าลงไปก่อน รอให้ข้าเรียกเจ้าแล้วเจ้าค่อยลงไป”
เฉินยางพยักหน้า กวักมือเรียกเขาด้วยความไม่วางใจ “ไม่เช่นนั้นเจ้าเข้ามาเถิด หากมีคนเปิดม่านดูเข้ามาข้างในเล่า อย่าให้ใครเห็นเข้าเลย”
“เจ้าเป็นห่วงข้าหรือ”
“ใช่ หากเจ้าเป็นอะไรไป ข้าจะรู้สึกผิดจนตายเลย เป็นข้าที่ลากเจ้าเข้ามาในเรื่องนี้ เจ้าเป็นอะไรไป ข้าก็หลุดไม่พ้น หากพ่อของเจ้าให้ข้าชดใช้ด้วยชีวิตจะทำอย่างไร”
อวี่เหวินลู่บุ้ยปาก “ข้ายังคิดว่าเจ้าเป็นห่วงข้าจริงๆ เสียอีก ที่แท้ก็กลัวข้าตายไปแล้วเจ้าต้องตายเป็นเพื่อนไปอีกคน อกตัญญูนัก”
“ไฉนข้าถึงอกตัญญูเสียแล้ว เจ้าวางใจได้ หากเกิดเรื่องจริงๆ ข้าคุ้มกันเจ้าเอง ขวางดาบให้เจ้า ข้าคนนี้ยังมีคุณธรรมอยู่ เจ้าช่วยข้า เช่นนั้นข้าจะไม่ให้เจ้าต้องตายแทนข้าเพราะเรื่องนี้”