ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 653 ตายในมือเจ้าเสียก่อนแล้ว / ตอนที่ 654 มีข้าอยู่ไม่ให้เจ้าเป็นอะไรแน่
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 653 ตายในมือเจ้าเสียก่อนแล้ว / ตอนที่ 654 มีข้าอยู่ไม่ให้เจ้าเป็นอะไรแน่
ตอนที่ 653 ตายในมือเจ้าเสียก่อนแล้ว
ในวังเวรยามแน่นหนา จากทางเดินนอกคอกม้าไปถึงที่น่าอวี้อยู่นั้นมีระยะห่าง อยู่ในวัง จะไปที่ใดต้องเดินเท่านั้น ทุกประตูล้วนมีทหารยามเฝ้า จะผ่านประตูเหล่านี้ ยากยิ่งกว่ายามที่เข้าวัง เพียงแต่อวี่เหวินลู่ได้เตรียมการไว้แล้ว สายลับที่พวกเขาแทรกไว้ในวัง แม้ว่าจะไม่อาจเข้าใกล้ฮ่องเต้ และไม่ได้ข่าวที่เป็นประโยชน์มากมายนัก เพียงแต่เรื่องใหญ่ช่วยไม่ได้ เรื่องเล็กกลับมีประโยชน์
เฉินยางเข้าวังก็เหมือนดั่งแมลงวันไร้หัว นางเป็นกังวลจนเหงื่อซึมฝ่ามือ นางกุมชายเสื้อแน่น เดินตามอยู่หลังอวี่เหวินลู่ติดๆ อวี่เหวินลู่ล้อนางว่า “ตกลงนี่คือตามหาลูกชายเจ้าหรือลูกชายข้ากันแน่ ก่อนจะมายังคุยอวดว่าไม่กลัวสิ่งใดไม่ใช่หรือ ไฉนจึงไม่ไหวเร็วขนาดนี้”
เฉินยางเหนื่อยใจ ผ่านไปอยู่นานถึงได้ถามเขาว่า “เจ้าบอกไม่ใช่หรือว่าจะมีคนช่วยพวกเรา คนนั้นอยู่ที่ใด อีกเดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้า พวกเราได้ตายแน่ๆ ”
“เจ้ากลัวตายเช่นนี้ยังตามมาเพื่ออะไร เมื่อครู่อยู่บนรถม้ายังบอกว่าหากมีอันตรายก็จะคุ้มกันข้า เจ้าเป็นเช่นนี้ ข้าคุ้มกันเจ้าเสียมากกว่า เพียงเจ้าอย่าทิ้งข้าไว้ ข้าก็บุญโขแล้ว”
เฉินยางกระตุกแขนเสื้อของเขา “เจ้าเสียงเบาหน่อย อีกเดี๋ยวมีคนมาจะแย่เอา”
อวี่เหวินลู่ตั้งใจแกล้งนาง มือเขากดไหล่ของนาง “มีคนมา!”
นางย่อตัวลงทันที ผ่านไปครู่หนึ่งก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร อวี่เหวินลู่ที่อยู่ข้างบนนั้นหัวเราะแทบหายใจไม่ทัน นางตกใจแทบตาย เขายังมีอารมณ์มาหัวเราะอีก เฉินยางทำหน้าบูดบึ้ง หยิกไปที่เอวของเขา “อวี่เหวินลู่ เจ้าอยากตายนักหรืออย่างไร”
อวี่เหวินลู่หัวเราะด้วยความชอบใจ เขาไม่หลบ พอถูกนางหยิก ก็เจ็บจนสะดุ้ง “เจ้าทำอะไร ก็ข้าเห็นว่าเจ้ากังวลเกินไปไม่ใช่หรือ ดังนั้นจึงคิดจะให้เจ้าผ่อนคลายเสียหน่อย เจ้า…ลงมือเ**้ยมเหลือเกิน ข้าไม่ได้ตายในวัง คงตายอยู่ในมือเจ้าเสียก่อนแล้ว”
เฉินยางมองดูรอบๆ ด้วยความระแวง “ในวังเต็มไปด้วยทหารที่เดินตรวจอยู่ ถูกพวกเขาเห็นเข้า พวกเราต้องจบชีวิตลงที่นี่แน่ๆ ”
“เจ้าวางใจเถิด มีข้าอยู่ทั้งคน ข้าบอกไม่เป็นไรก็คือไม่เป็นไร ในวังข้าคุ้นมากกว่าเจ้า ที่นี่เป็นคอกม้า มีแต่กลิ่นขี้ม้า ไม่มีเรื่องใดใครจะมาเดินเล่น ตอนนี้ยามเที่ยงพอดี ที่ควรพักก็ไปพักแล้ว ที่ไม่ควรพักก็หาที่อู้งานแล้ว ไม่มีใครอยากเข้ามาให้กลิ่นขี้ม้าติดตัวออกไป”
อวี่เหวินลู่ลงจากรถม้าก็หลบอยู่ในคอกม้า ที่ข้างกายเป็นม้าเหงื่อโลหิตสีแดงตัวหนึ่ง พอสิ้นเสียงลง ข้างหน้าก็มีเงาคนแอบย่องเข้ามา เขาเดินก้มตัว ในอกมีถุงผ้าอยู่ เขาไม่กล้าส่งเสียง จึงเดินหาทีละคอก อวี่เหวินลู่มองตามเสียงแล้วหยิบก้อนหินที่พื้นปาไป “ที่นี่ มานี่!”
คนนั้นได้ยินเสียงก็รีบวิ่งเข้ามา “ท่านซื่อจื่อ ไฉนท่านถึง…ท่านถึงมาซ่อนอยู่ที่นี่”
“ซ่อนที่นี่แล้วอย่างไร ไม่เช่นนั้นเจ้าหาที่ซ่อนที่ดีกว่านี้ให้ข้าหรือ อย่าพูดมาก ของที่ให้เจ้าเอามาได้เอามาหรือไม่”
คนนั้นเอาห่มผ้าในอกยื่นให้ไป “เอามาแล้ว เอามาลำบากยิ่งนัก ท่านสวมเสร็จแล้วยังต้องคืนให้บ่าว ไม่เช่นนั้นฝั่งบ่าวนั้นไม่อาจรอดได้”
“ได้แล้วๆ รู้แล้ว เจ้าไปข้างนอกเฝ้าเอาไว้ ข้าเปลี่ยนเสร็จแล้วจะเรียกเจ้า”
ก่อนจะไป คนนั้นก็มองเฉินยางด้วยท่าทางสงสัย เขาอยากจะถามอะไร เพียงแต่ก็รู้สึกว่าตัวเองยุ่งไม่เข้าเรื่อง จึงเงียบปากแล้วเดินออกไป
ตอนที่ 654 มีข้าอยู่ไม่ให้เจ้าเป็นอะไรแน่
ในมือเฉินยางถือชุดขันทีรู้สึกลำบากใจ “เปลี่ยนชุด? ที่นี่เลยหรือ”
อวี่เหวินลู่เริ่มถอดชุดแล้ว เร็วจนไม่น่าเชื่อ เขามองนางแล้วพูดว่า “ถึงยามนี้แล้วยังลังเลอะไรอีก เจ้าวางใจได้ มีเนื้อเพียงเท่านั้น ถอดหมดให้ข้าดูข้ายังไม่อยากจะดูเลย”
ปากเฉินยางบ่นพึมพำ “หากเจ้ากล้ามอง ข้าจะจิ้มตาเจ้าให้บอดเลย!”
ในใจอวี่เหวินลู่ก็ยังอยากจะดูอยู่ อย่างไรเสียก็เฝ้าคิดถึงอยู่นาน ในฝันก็เป็นนาง อาจจะผอมไปเสียหน่อย เพียงแต่ก็ไม่ถึงกับไม่มีเนื้อเลย เพียงแต่ความคิดเช่นนี้เขาก็ทำได้เพียงคิด เรื่องเมื่อคืนก็คงทำเอานางตกใจไม่หาย ที่เขาถูกตบเมื่อวาน นางก็ฟาดไปเต็มแรง จนถึงวันนี้ใบหน้าของเขาก็ยังเจ็บอยู่ ต่อให้เขาชอบนางอย่างไร ท้ายที่สุดเขาก็ยังคงเป็นลูกผู้ชาย เรื่องฉวยโอกาสคนอื่นก็ทำไม่ลง เขาแอบเหลือบมองข้างหลังนางแล้วเดินออกไปอย่างรู้ตัว
เปลี่ยนชุดเสร็จ ชายหนึ่งหญิงหนึ่งก็ได้กลายเป็นขันทีหน้าตาดี ว่าแล้วผู้หญิงก็ต้องมีหน้าตาเด็กๆ เช่นเฉินยางดีกว่าใบหน้าที่สวยงาม ยามที่อยู่ในชุดแม่นางก็เป็นแบบหนึ่ง เหมือนดั่งอาหารแกล้มเหล้าที่น่ารับประทาน พอเปลี่ยนเป็นชุดของขันที ความเป็นเอกลักษณ์ของผู้หญิงล้วนเก็บไปหมดสิ้น ก็ได้อีกรสชาติหนึ่ง มองอย่างไรก็เป็นชายทรงเสน่ห์ ไม่ว่าจะเป็นเช่นใดก็มีความรู้สึกบัวเหนือน้ำ ก็สมแล้วที่เฝิงเยี่ยไป๋จะรักนาง เมื่อก่อนเขายังรังเกียจที่เฝิงเยี่ยไป๋ตาต่ำ ตอนนี้นึกย้อนไปแล้ว สายตาที่ดีที่สุดก็ต้องเป็นเขาเสียแล้ว
อวี่เหวินลู่จ้องมองหน้าอกของนางอยู่พักหนึ่ง “เจ้าดีอะไรเช่นนี้ ได้เปรียบแท้ๆ หากเป็นผู้หญิงคนอื่น คงจะต้องพันผ้าที่อกอีกสองชั้น เจ้าไม่ต้องเลย แต่งตัวเช่นนี้ หากไม่พูด ใครจะรู้ว่าเจ้าเป็นผู้หญิง”
เว่ยเฉินยางไม่เถียงกับเขา นางจัดหมวกที่อยู่บนศีรษะ แล้วยื่นชุดที่เปลี่ยนลงมาเมื่อครู่ให้กับชายที่แต่งตัวเป็นขันทีอยู่ข้างๆ “ขอบคุณเจ้ามาก ชุดใช้เสร็จแล้วพวกเราก็จะคืนให้เจ้าไป”
เห็นได้ชัดว่าคนนั้นรู้สึกตกใจ เขาอ้าปากร้องอ๊ะออกมา เขามองไปที่อวี่เหวินลู่แล้วเก็บชุดไปค่อยๆ พูดออกมาว่า “ไม่เป็นไร ในเมื่อเป็นคำสั่งของท่านซื่อจื่อ ผู้เป็นบ่าวย่อมทำให้เต็มความสามารถ”
อวี่เหวินลู่ยืดอก เดิมคิดว่านางจะชมเขาเสียหน่อย เพียงแต่นางอืมเขาๆ ก็ไม่พูดอะไรต่ออีก นางหันศีรษะมองเขา พูดด้วยความงุนงงว่า “ไปหรือไม่”
“ไป มาถึงแล้ว ไม่ไปจะมัวยืนทำอะไรอีก” คำพูดของเขานั้นมีอารมณ์น้อยใจแฝงอยู่ เขาชี้ไปทางหนึ่งพาเดินไปที่ทางนั้น “ฝั่งนี้เวรยามไม่แน่นหนา ไม่ถูกสังเกตเอาได้ง่าย เจ้าตามอยู่หลังข้า สายตาอย่าเหม่อ และอย่าพูดอะไร หากมีใครถามเจ้า เจ้าก็อย่าพูด ให้ทำตัวสงบเข้าไว้ ทุกเรื่องมีข้าอยู่ มีข้าอยู่จะไม่ให้เจ้าเป็นอะไรแน่”
เฉินยางได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ในใจก็เกิดความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด นางพยักหน้าตามอยู่หลังเขากดหมวกให้ต่ำลงแล้วไม่พูดอะไรอีก
ซู่อ๋องมีลูกชายเพียงคนเดียว เขาโตมาถึงเช่นนี้ก็ถูกเลี้ยงดูมาดั่งของรัก ไม่ว่ายามใดก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงด้วยตัวเอง หากรู้ว่าวันนี้เขาเสี่ยงเช่นนี้เพื่อแม่นางคนหนึ่ง คงจะแค้นจนฉีกร่างเว่ยเฉินยางให้ได้เลย
เพียงแต่อวี่เหวินลู่กลับรู้สึกเสี่ยงชีวิตเพื่อหญิงงามถึงจะเป็นนิสัยของเขา เพื่อเว่ยเฉินยาง ทุกสิ่งล้วนคุ้มค่า