ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 663 ลูกชายน่าสงสารสามีก็ไม่น่าสงสารแล้วหรือ / ตอนที่ 664 เจ้าเฝิงใจแคบยิ่งกว่ารูเข็ม
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 663 ลูกชายน่าสงสารสามีก็ไม่น่าสงสารแล้วหรือ / ตอนที่ 664 เจ้าเฝิงใจแคบยิ่งกว่ารูเข็ม
ตอนที่ 663 ลูกชายน่าสงสารสามีก็ไม่น่าสงสารแล้วหรือ
จะถอดชุดเฝิงเยี่ยไป๋ยินดีนัก เขาแก้สายคาดเอวด้วยความเต็มใจ แถมยังแกล้งแก้ช้าๆ จงใจยั่วนางเช่นนั้น เพียงแต่เว่ยเฉินยางไม่เข้าใจเรื่องเช่นนี้ นางบ่นที่เขาแก้ช้า ยืนอยู่ข้างๆ เร่งเขา “ท่านเร็วเสียหน่อย หากเป็นแผลจริงๆ จะรอช้าไม่ได้ ต้องรีบหมอมาดู หากแผลเน่าจะแย่เอาได้”
เฝิงเยี่ยไป๋กุมมือนาง แกะสิบนิ้วของนางออกแล้วพันสายคาดเอว ช่วงนี้นางผอมอยู่จริง เมื่อก่อนก็ผอม หลังจากที่นางอยู่กับเขา ก็มีน้ำมีเนื้อขึ้นมาบ้าง ตอนนี้ผอมกลับไปอีก แถมยังผอมมากกว่าแต่ก่อน มือเขาจับไปที่ฝ่ามือ นอกจากหนังแล้ว ก็เหลือเพียงกระดูกแล้ว เขาลูบไปที่หลังมือของนาง เสียงค่อยๆ เปลี่ยนไป “พวกเราแยกจากกันนานเช่นนี้ เจ้าไม่คิดถึงข้าเลยหรือ”
เฉินยางรู้จุดมุ่งหมายของเขา มือหยุดตรงนั้นไม่ขยับแล้ว “ข้าคิดถึงท่านเพียงแต่ท่านก็ไม่ได้คิดถึงข้า เช่นนั้นข้าคิดถึงท่านจะมีประโยชน์อันใด แม้เพียงจดหมายก็ไม่เขียนให้ข้าและไม่ตอบจดหมายข้า ท่านยังจะบอกว่าในใจข้าไม่มีท่าน ข้าว่าในใจท่านไม่มีข้าถึงจะถูก”
เฝิงเยี่ยไป๋จูบหลังมือนาง น้ำเสียงน้อยใจยิ่งนัก “ไม่ใช่ข้าไม่คิดถึงเจ้า เป็นฮ่องเต้ที่ยึดจดหมายของพวกเรา พระองค์จงใจไม่ให้พวกเราได้ติดต่อกัน และไม่อยากให้ข้ารู้ว่าลูกชายบถูกลักพาตัวไป กลัวข้าโกรธแล้วกลับเมืองหลวงฝั่งเฉินตานนั้นจะไม่มีใครจัดการแทนพระองค์ ข้ากลับมาแล้วพระองค์ยังไม่รู้เลย พรุ่งนี้เช้าข้าก็จะเข้าวัง หากฮ่องเต้รู้ว่าข้ากลับมาแล้ว เจ้าเด็กนั่นคงจะโกรธจนเขวี้ยงของแน่ๆ”
พูดถึงตรงนี้ เฉินยางก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา “วันนี้พวกเราซ่อนอยู่ในรถม้าที่จะเข้าวังของเซวียฮูหยินแห่งสำนักตรวจการ ข้าอยู่บนรถม้าแอบได้ยินเซวียฮูหยินพูดว่า ที่จริงแล้วฮ่องเต้องค์ก่อนสวรรคตเพราะฮ่องเต้น้อย”
เฝิงเยี่ยไป๋ได้ยินแล้วก็ตะลึง “ฮ่องเต้เป็นผู้สังหารหรือ เซวียฮูหยินยังพูดอะไรอีกหรือไม่”
“ไม่มีแล้ว ยามที่เข้าวังนั้นเซวียฮูหยินถูกขวางอยู่ที่ประตูเพื่อตรวจสิ่งของ นางกลัวจะเสียเวลา จึงให้เงินพวกเขา หลังขึ้นรถม้าก็โกรธแค้น นางบ่นอยู่คนเดียว บอกว่า `รัชทายาทปลงพระชนม์ฮ่องเต้` เพียงประโยคเดียว สิ่งอื่นก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย”
“ตอนนั้นพระองค์ก็เป็นรัชทายาทอยู่แล้ว ฮ่องเต้สวรรคต พระองค์ก็สามารถขึ้นครองตามระเบียบ ไยต้องทำสิ่งที่ไม่จำเป็นเช่นนี้ หากถูกคนอื่นรู้เข้า ตำแหน่งฮ่องเต้ของพระองค์นั้นก็คงจะอยู่ได้อีกไม่นาน” เฝิงเยี่ยไป๋ทับเสื้อนอนลง มือยังวางอยู่บนเอวเฉินยาง ตัวเองคิดอยู่นานไม่ได้คิดอะไรออกมา เขาออกแรงที่มือ ล้มตัวเฉินยางเช่นกัน “ไม่คิดเรื่องเหล่านี้แล้ว วันนี้ดึกแล้ว พวกเรานอนเสียก่อน มีเรื่องใดค่อยคิดพรุ่งนี้”
เขามือเท้าไว ไม่ทันไรก็ถอดรองเท้านางออกแล้วอุ้มทางเปลี่ยนทิศทางวางนางลง สายคาดเอวของเขาไม่รู้หลุดไปเสียตอนไหน ตอนนี้มือเขาว่างอยู่จึงเริ่มแก้สายคาดเอวของนาง เขาแกะช้าๆ เหมือนดั่งแกล้งนางเช่นนั้น
เฉินยางดึงสายคาดเอวแน่ไม่ให้เขาแตะ “ตอนนี้ไม่ได้ ยังหาเสี่ยวจินอวี๋ไม่เจอ ข้า… ข้าไม่มีจิตใจทำเช่นนั้นจริงๆ”
“มีข้าอยู่ เขาไม่เป็นอะไร ข้ากลับมาแล้ว ฝาหทุกเรื่องไว้ให้ข้า พวกเจ้าสองแม่ลูกต้องไม่เป็นอะไร”
“เช่นนั้นก็ไม่ได้ ข้าวางใจไม่ลง”
เฝิงเยี่ยไป๋แสร้งทำหน้าบูดบึ้ง “ในใจเจ้านึกถึงแต่เพียงลูกชาย แล้วข้าล่ะ ไม่สนใจความต้องการของข้าเลยหรือ ข้าอยู่ในสนามรบเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย กลับมาแล้วยังไม่อาจเห็นรอยยิ้มของเจ้าได้ ลูกชายเจ้าน่าสงสาร สามีเจ้าก็ไม่น่าสงสารแล้วหรือ”
ตอนที่ 664 เจ้าเฝิงใจแคบยิ่งกว่ารูเข็ม
คนมักจะพูดว่าจากกันสั้นๆ คิดถึงยิ่งกว่ายามแต่งงานใหม่ ทั้งสองคนจากกันก็เดือนเศษ ที่จริงแล้วก็ต่างคิดถึงกัน ลูกชายกับสามีล้วนสำคัญต่อนาง เพียงแต่ตอนนี้นอกจากลูกชาย อะไรก็ไม่อยากคิด เฝิงเยี่ยไป๋จูบที่ใบหูของนาง อยากจะรวมจิตที่ว้าวุ่นของนางให้คิดถึงแต่ตัวเอง เขาเป่าลมที่หูนาง แล้วขบเบาๆ ที่ติ่งหูของนาง “อวี่เหวินลู่มาหลังจากที่ข้าไป เช่นนั้นช่วงเวลาที่ข้าไปนั้น พวกเจ้าก็อยู่ด้วยกันตลอดเลยไม่ใช่หรือ”
เมื่อก่อนเฉินยางก็ไม่รู้สึกว่าเขาจะใจแคบเช่นนี้ นางเอียงศีรษะเอามือปิดหู “เฉาเต๋อหลุนบอกท่านทุกเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ เขารู้ดีที่สุด ท่านยังมาถามข้าเพื่อสิ่งใดอีก”
“ข้าอยากได้ยินจากปากเจ้าเอง”
“พักอยู่ในจวนเดียวกัน ก็ต้องเจอกันทุกวันไม่ใช่หรือ” ในใจนางก็รู้สึกแค้น พูดเสริมขึ้นมาดั่งแก้แค้นว่า “ก้มหน้าไม่เจอเงยหน้าก็ต้องเจอ”
เฝิงเยี่ยไป๋ซุกหน้าที่ซอกคอของนาง แล้วกัดไปที่ไหล่ของนาง “เจ้าจงใจยั่วโมโหข้าหรือ สามีของเจ้าสู้ศึกอยู่ข้างนอก เจ้ากลับเกี้ยวพาราสีกับชายอื่นในบ้าน ใจร้ายนัก!”
เฉินยางผลักศีรษะเขาออก สีหน้าเปลี่ยนไปทันที “ท่านเห็นข้าเกี้ยวพาราสีกับอวี่เหวินลู่แล้วหรือ ดูเหมือนว่าตอนนี้ข้ามีสิบปากก็ไม่อาจอธิบายได้แล้ว ในเมื่อท่านเชื่อว่าข้ากับเขามีอะไร เช่นนั้นท่านยังกลับมาหาข้าเพื่อสิ่งใดอีก รีบไปหาหญิงงามข้างนอกกลับมาเสีย เช่นนั้นพวกเราก็ถือว่าเสมอกัน!”
อย่างไรในใจเฝิงเยี่ยไป๋ก็ยังมีความตงิดใจ เขาคิดจะลองเชิงนาง นึกไม่ถึงว่าพูดเลยเถิดเกินไปกลับทำเอานางโกรธ เขาเพิ่งจะกลับมา กลับมาแล้วก็ทะเลาะกันเป็นเรื่องไม่ดี เป็นสามีภรรยากันก็ต้องมีท่าทางที่สามีภรรยาควรจะเป็น ทะเลาะกันตอนเช้าตอนเย็นก็ดีกัน เขารู้ว่านางใจอ่อน เวลานี้แกล้งน้อยจะได้ผลที่สุด ลูกผู้ชาย หน้าก็ไม่เอาแล้ว เขาร้องเบาๆ มุดเข้าอ้อมกอดนาง “โกรธแล้วหรือ ข้าไม่ไปหาหญิงงาม เจ้าก็รีบตายใจเสีย พวกเราชาตินี้ถูกมัดเข้าด้วยกันแล้ว คิดจะหนี ไม่มีทาง”
เฉินยางแกล้งหงุดหงิดผลักเขาออก “โกรธกับท่าน เช่นนั้นข้าคงจะโกรธจนตายในไม่ช้า ข้าไม่นอนกับท่าน ท่านไปนอนที่อื่น ข้ายังดูแลตัวเองไม่ได้เลย ไม่มีจิตใจจะดูแลท่าน”
เฝิงเยี่ยไป๋นอนอยู่ข้างกายนางบ่นเบาๆ “ครั้งก่อนเจ้าก็ไม่ได้ให้ข้านอนในห้อง เหล่าคนใช้ในจวนต่างแอบหัวเราะข้า อย่างน้อยข้าก็เป็นสามีเจ้า ข้าถูกหัวเราะท่านได้หน้าหรือ คนจะบอกว่าเจ้าเป็นนางมารร้าย ชื่อเสียงนี้แพร่ออกไปจะน่าฟังหรือ”
เขายกมือ บนนิ้วมีสายคาดเอวบางๆ ห้อยอยู่ เฉินยางดูแล้วคุ้นตานัก นางรีบคลำไปที่เอว มีเพียงชุดที่หลวมๆ นั่นเป็นสายคาดเอวของนาง ไม่รู้ถูกเขาแก้เสียตั้งแต่เมื่อใด คงจะถูกเขากล่อมไปพลางและลงมือไปพลาง ความเจ้าเล่ห์ในวันปกตินั้นถึงกับเอามาใช้กับนาง ช่างดีเสียเหลือเกิน
เฉินยางมองเขาไม่มีความกังวลใดๆ เลย จะว่าอย่างไรคนที่หายไปก็เป็นลูกชายของเขา ดูเขาสิ กลับมาไม่แม้จะถามถึง ตอนนี้ยังคิดแต่จะหาความสุข นี่เป็นท่าทีที่พ่อแท้ๆ ควรจะมีหรือ เฉินยางโกรธจัดยกขาเตะเขา “ออกไป อย่าบังคับให้ข้าลงมือ!”
แรงของนางมีเท่านั้น ยังไม่พอสู้กับมือข้างเดียวของเฝิงเยี่ยไป๋เลย นี่ยังกล้าท้าสู้กับเขา ไม่เจียมตัวเสียจริง ใบหน้าของเฝิงเยี่ยไป๋แสดงท่าทางตื่นเต้นออกมา มือข้างหนึ่งจับข้อมือสองข้างของนางดันไปข้างบน มืออีกข้างหนึ่งกุมขาที่นางเตะมาวางไว้ที่ไหล่ กระบวนท่าเดียวก็รู้แพ้รู้ชนะ เฉินยางถูกเขาจับไว้อย่างมั่นคง