เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 1 ตอนที่ 1 ฉันคือรองเท้าที่ผุผัง?
เซี่ยเสี่ยวหลานถูกปลุกด้วยเสียงร่ำไห้
เธอจำได้ว่าหลังจากนำลูกน้องเข้ารวบกิจการความยากระดับหินเสร็จสิ้น ได้ไปสังสรรค์ฉลองความสำเร็จกัน ในขณะที่เหล่าลูกน้องยุแหย่เธอให้ดื่มแล้วดื่มอีก เธอเองก็ดื่มไปมากทีเดียว
ทว่าสติของเธอยังไม่ได้จางหายไปหมด ในระหว่างกลับบ้านยังคงได้ยินเสียงผู้ช่วยคุยโทรศัพท์กับแฟนหนุ่ม กำลังพาประธานเซี่ยกลับบ้านอยู่น่า เธออยู่คนเดียว อืมๆ ยังไม่แต่งงานน่ะ… เธอว่าประธานเซี่ยเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว หาเงินตั้งมากมายไปเพื่ออะไร ไม่แต่งงานไปให้รู้แล้วรู้รอด?
เซี่ยเสี่ยวหลานกึ่งเมากึ่งสร่าง จึงไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับผู้ช่วยคนใหม่
แม้การงานจะประสบความสำเร็จเพียงใด ถ้าไม่ถูกประดับด้วยการวิวาห์ ผู้หญิงประสบความสำเร็จก็มักถูกผู้คนติฉินนินทาเอาได้ง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซี่ยเสี่ยวหลานที่ดูแข็งแกร่ง หน้าตาออกธรรมดา ที่บริษัทเองก็มีคนพูดลับหลังว่าเธอขี้เหร่ ทึนทึก อีกทั้งยังเลือกมาก หากได้แต่งงานล่ะก็คงเป็นเรื่องผีหลอกแล้ว—เซี่ยเสี่ยวหลานไม่คิดเล็กคิดน้อยที่คนนินทาเรื่องส่วนตัวของเธอ แต่ผู้ช่วยใหม่คนนี้ปากเปราะแถมยังโง่ ดันนึกว่าเธอเมา กล้าที่จะปากบอนเรื่องเจ้านายต่อหน้าต่อตา
อีกสักสองวันค่อยโยกย้ายออกไปแล้วกัน เปลี่ยนผู้ช่วยคนใหม่ดีกว่า
เมื่อกลับถึงบ้าน แม่บ้านจางก็เอาแต่บ่นให้เธอดื่มน้อยลงอีกนิด พร่ำให้เธอดูแลตัวเองอีกหน่อยไม่หยุด
เซี่ยเสี่ยวหลานโยนตัวเองลงบนเตียงอ่อนนุ่ม ไม่ทันไรก็หลับไป
เธอฝันแปลกเหลือเกิน ฝันว่าตัวเองกลายเป็นอีกคน ภาพฉากหลังคือยุค 80 ในฝันนั้นเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น เธอโกรธแล้วพุ่งเอาหัวเข้าชนเสา เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่าน่าขันยิ่งนัก แต่ไหนแต่ไรเธอก็ไม่ใช่คนที่จะมีนิสัยอยากฆ่าตัวตาย หากจะพูดถึงเรื่องในฝัน สำหรับเซี่ยเสี่ยวหลานที่สู้ชีวิตด้วยมือเปล่ามาหลายปีแล้ว เรียกได้ว่ากระจอกมาก
แต่ฝันนี้มันชัดเจนไปหรือเปล่านะ
ข้างหูเซี่ยเสี่ยวหลานระงมด้วยเสียงร้องไห้แผ่วเบาของสตรีนางหนึ่ง รบกวนเธอจนปวดหัวขนาดจะแยกออกจากกันแล้ว
ผ้าห่มก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ชื้นแฉะมากจนรู้สึกแย่ เซี่ยเสี่ยวหลานนึกว่าตัวเองกำลังถูกแช่อยู่ในเหงื่อ กว่าจะลืมตาขึ้นมาได้ ดันถูกใบหน้าหมองคล้ำทำให้ตกใจเสียนี่!
เสี่ยวหลานตื่นแล้วหรือ? เด็กคนนี้นี่ ทำเอาแม่ตกใจเกือบตาย… ฮือ เสี่ยวหลานลูกยังปวดหัวอยู่ไหม?
ใบหน้าอันหมองคล้ำ ร่างกายผอมแห้งราวกับถูกลมพัดก็สามารถล้มได้อย่างง่ายดาย
เซี่ยเสี่ยวหลานครุ่นคิด ทำไมถึงยังไม่ตื่นจากฝันนี้อีกนะ?!
น้ำตาของผู้หญิงคนนี้ไหลนอง เสี่ยวหลาน รับปากแม่ว่าจะไม่ทำอะไรโง่เง่าอีก เข้าใจหรือไม่?
เสี่ยวหลานพยักหน้าไปส่งๆ หญิงผู้นี้จึงใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา ใบหน้าเศร้าโศกเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
เดี๋ยวแม่ไปทำอะไรให้กินนะ ลูกรอก่อน!
เมื่อหญิงผู้นี้ปิดประตู เซี่ยเสี่ยวหลานอดกลั้นความปวดพิจารณาสภาพแวดล้อมรอบกาย เตียงไม้สีดำสนิท พอขยับตัวฟางที่รองใต้ฟูกก็ส่งเสียงกรอบแกรบ มุ้งกันยุงมอมแมมถูกเกี่ยวไว้ด้วยตะขอเหล็กกับเสาเตียงสองด้าน บนผ้านวมสีซีดจางมีรอยปะอยู่สี่รอย ข้างเตียงปรากฏเชือกเส้นบางเชื่อมต่อกับดวงไฟหยาบๆ
พอเซี่ยเสี่ยวหลานกระตุกเชือก ไฟก็สว่างขึ้น แต่ดูแล้วกำลังไฟไม่น่าถึง 15 วัตต์ด้วยซ้ำ ภายในห้องยังคงมืดอยู่ดี
เธอทนเจ็บแล้วลุกจากเตียง ในห้องนี้สิ่งเดียวที่ดูเป็นเครื่องเรือนมากที่สุดก็คือโต๊ะเครื่องแป้งข้างหน้าต่าง กระจกเงาสะท้อนให้เห็นใบหน้าเล็ก คางเรียว ตากลมโต จมูกโด่งได้รูป ไม่มีตรงไหนที่ไม่สวย! บนศีรษะยังพันด้วยผ้าพันแผลซึมเลือด ยิ่งเพิ่มความอ่อนแอน่าเห็นใจเข้าไปอีก… เซี่ยเสี่ยวหลานสูดลมหายใจ นี่มันใบหน้าของจิ้งจอกสาวพราวเสน่ห์ที่คนพูดถึงกันชัดๆ !
นี่มันไม่ใช่หน้าของเธอ!
หากประธานเซี่ยดูดีได้สักสามส่วนของใบหน้านี้ คงไม่ต้องโดนคนนินทาลับหลังแล้ว
เมื่อเซี่ยเสี่ยวหลานยิ้ม คนในกระจกก็ยิ้มตาม แววตาที่กระเพื่อมไหวนั้นทำให้ใจคนอ่อนเปลี้ยได้ง่ายๆ แต่พอเซี่ยเสี่ยวหลานทำหน้าตาบูดเบี้ยว คนในกระจกกลับไม่ได้ดูน่าเกลียดสักเท่าไร นี่มันรังแกกันชัดๆ เซี่ยเสี่ยวหลานนึกถึงหน้าตาเดิมของตนเอง บอกว่าหน้าตาธรรมดาก็ดูจะชมเกินไปด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช้เงินมากมายแต่งองค์ทรงเครื่อง อันที่จริงเธอน่ะขี้เหร่อยู่ทีเดียว
อย่างไรเสียโลกนี้ไม่ได้มองที่หน้าอย่างเดียวหรอก ยิ่งระดับสูงขึ้นก็ยิ่งให้ความสำคัญกับสมรรถภาพที่แท้จริง
แต่เธอเกิดมาแร้นแค้น อีกทั้งไม่มีผู้ใดให้พึ่งพา การฝ่าฟันที่ผ่านมามันยากลำบากเหลือเกิน ในช่วงที่เธอตรากตรำทำงานหนัก ต่อให้เป็นพนักงานขายหาลูกค้าเหมือนกันก็จริง พนักงานขายหญิงขอแค่มีหน้าสวยแม้ความสามารถขอไปที พอหยอกเย้าเง้างอนนิดหน่อยก็ได้ยอดแล้ว ตัวเธออดหลับอดนอนเรียนรู้วิชาชีพทุกวัน แต่ผู้รับผิดชอบงานกลับไม่เคยมองเห็นเลยสักคน… ถ้าเธอดูดีอีกสักหน่อย คงไม่ต้องต่อสู้มา 20 ปีถึงได้ลิ้มรสชาติของความสำเร็จหรอก
บ้าน รถ เงินทอง หน้าที่การงาน เพลิดเพลินกับทรัพย์สินที่หามาอย่างยากเย็นไม่ทันไร แค่หลับไปก็ดันตื่นมาพบว่าเธอได้กลายเป็นอีกคนที่ชื่อแซ่เหมือนกันกับเธอทุกตัวอักษรอย่าง ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ ซึ่งเป็น ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ ที่มีชีวิตอยู่ในปี 1983 อายุเพิ่งครบ 18 ปีเต็ม ใบหน้าสวยเย้ายวนจับจิต และไม่เข้าใจว่าตัวเองจะชนเสาฆ่าตัวตายไปทำไมกัน!
‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ คนเดิมตายไปแล้ว ไม่รู้ด้วยเหตุอันใด เซี่ยเสี่ยวหลานที่อายุมากกว่า 30 ปีจึงได้ตื่นขึ้นมาในร่างนี้แทน ความทรงจำที่รับรู้ตอนหลับฝันไปมันยุ่งเหยิงเหลือเกิน แต่กลับทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกเหมือนประสบพบเจอด้วยตัวเองจริงๆ
ครืด
ประตูถูกผลักออก หญิงร่างซูบผอมใบหน้าหมองหม่นยกถ้วยกระเบื้องเคลือบลอกๆ เก่าๆ เข้ามาข้างใน
เสี่ยวหลาน แม่ทำไข่ตุ๋นมาให้ รีบกินตอนยังร้อนเถอะลูก
ผู้เป็นแม่ระมัดระวังอย่างมาก ท่าทางดูเจียมตัวด้วยซ้ำ เธอคือแม่ของเซี่ยเสี่ยวหลาน หลิวเฟิน
เซี่ยเสี่ยวหลานอ้าปาก เสียงเรียก ‘แม่’ ยังไม่หลุดออกมาอยู่ดี
เธอเองไม่รู้ว่าควรปฏิบัติกับหลิวเฟินอย่างไรดี ในความทรงจำเธอนั้น ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ ทำเลวทรามกับหลิวเฟินไว้มาก จะทำตัวเป็นลูกอกตัญญูต่อไป หรือจะใช้โอกาสนี้อ้างว่าหัวได้รับความกระทบกระเทือนแล้วกลับตัวกลับใจเป็นลูกสาวที่ดี?
เซี่ยเสี่ยวหลานยังลังเลไม่หาย ประตูที่ปิดไว้ครึ่งหนึ่งถูกผลักออกอย่างรุนแรง
มีคนกรูเข้ามาในห้อง คนที่เดินนำมาก็คือย่าของเซี่ยเสี่ยวหลาน พาลูกสะใภ้สองคนนอกจากหลิวเฟินมาด้วย ทั้งยังมีหลานชายหลานสาวอีกสองสามคน ท่าทางดูเกรี้ยวกราด ผู้มาเยือนนั้นไม่เป็นมิตรเป็นแน่!
นัยน์ตาของหญิงชราเซี่ยผู้มีโหนกแก้มสูงกำลังสุมด้วยเพลิงโทสะ ทันใดนั้นเธอก็แย่งถ้วยเคลือบจากมือของหลิวเฟินและผลักจนนางล้มลง
นังเด็กตัวแสบที่หล่อนคลอดออกมาไปเป็นชู้เขา ทำให้ตระกูลเซี่ยต้องอับอายขายขี้หน้า ยังกล้าขโมยไข่ที่บ้านมาให้มันกินอีก? ด่ามันแค่สองสามทีก็ทำเป็นตีหน้าซื่อแกล้งชนเสา คิดว่าฉันจะกลัวหรือ?!ถ้าอยากตายนักก็ไปตายเสีย เอาหัวชนไม่มีประโยชน์หรอก กระโดดน้ำไปสิ!
น้ำเสียงช่างร้ายกาจ นั่นไม่ใช่ท่าทางเมตตาที่ย่าแท้ๆ ควรจะมี กลับเหมือนศัตรูของเซี่ยเสี่ยวหลานเสียมากกว่า
หลิวเฟินคลานไปที่เท้าของหญิงชรา ยื้อยุดชายกางเกงของแม่สามีไม่ปล่อย
คุณแม่ ลูกเพิ่งจะฟื้น ให้แกได้เหลือหนทางบ้างเถอะค่ะ…
เชิงอรรถ
[1] 破鞋 รองเท้าที่เก่าผุพัง เดิมหมายถึงผู้หญิงที่ทำอาชีพโสเภณี ต่อมาใช้เปรียบเทียบกับผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์ทางเพศอย่างผิดศีลธรรมกับชายอื่น